ในปีที่แล้วที่ซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy S6 และ S6 edge ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จากการออกแบบที่สวยงามแตกต่างจาก Galaxy S5 ที่ฝาหลังเป็นพลาสติกมาตั้งแต่ Galaxy S ซึ่ง Galaxy S6 และ S6 edge มีตัวเครื่องที่ประกอบด้วยวัสดุแบบพรีเมียม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ซัมซังได้ออกแบบสมาร์ทโฟนที่มีการออกแบบระหว่างโลหะและแก้ว แต่อย่างไรก็ตามยังมีจุดหนึ่งที่ลูกค้าได้บ่นกันมาก คือ Galaxy S6 และ S6 edge ไม่สามารถถอดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่สามารถใส่ microSD เพื่อเพิ่มความจุได้อีกต่างหาก
ซึ่งซัมซุงได้ออกมาอธิบายว่าสาเหตุที่ Samsung Galaxy S6 นั้นไม่มีช่อง microSD มาให้เพราะว่าอาจจะทำให้เครื่องช้าลง ซึ่งถ้าหากจำกันได้ซัมซุงได้ใช้หน่วยเก็บความจำแบบ UFS 2.0 กับ Galaxy S6 ที่มีความสามารถรับส่งข้อมูลที่เร็วกว่าแบบ eMMC 5.0 ถึง 3 เท่า ซึ่ง UFS 2.0 นี้สามารถอ่านข้อมูลได้ถึง 350 MB/s และเขียนข้อมูลได้ถึง 150 MB/s จึงอยากให้ผู้ใช้งานได้ใช้หน่วยความจำภายในที่มีประสิทธิภาพที่รวดเร็วแทนการเก็บข้อมูลไว้บน microSD
แต่สำหรับ Galaxy S7 และ S7 edge ที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้น ได้มีช่องเสียบ microSD เพิ่มเข้ามา เนื่องจากได้ฟังเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจากรุ่นที่แล้วและได้นำมาปรับปรุงเพื่อให้เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งปกติได้มีหน่วยความจำภายในมาให้แล้ว 32GB และ 64 GB และรองรับ microSD สูงสุดถึง 2 TB ทำให้รองรับกับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K ซึ่งการเพิ่มช่องเสียบ microSD นี้ทำให้ได้เสียงตอบรับที่ของผู้บริโภค และยังมีความภาคภูมิใจที่นะนำเสนอมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่กลับมาสู่เรือธงของซัมซุงอีกครั้ง
ที่มา phonearena
ขอบคุณรูปภาพจาก thedroidguy