หลังจากเปิดตัวสมาร์ตโฟนขวัญใจแฟน ๆ อย่าง Samsung Galaxy S21 FE 5G สมาร์ตโฟนซีรี่ส์เรือธง กับสเปคที่ให้มาจัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่ แต่วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 22,900 บาท เรียกได้ว่าเป็นของแรงรับต้นปี 2565 ของซัมซุงเลยก็ว่าได้ แต่ก็มีหลายคนสอบถามเข้ามาเกี่ยวกับ Performance ของโทรศัพท์รุ่นนี้ ว่าใช้งานเป็นอย่างไร เล่นเกมลื่นไหม เพราะคราวนี้ซัมซุงเลือกใช้ชิปเซ็ต Exynos 2100 แทนที่จะใช้ชิปเซ็ต Qualcomm เหมือนอย่างตอน Galaxy S20 FE 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2563
เพราะฉะนั้นในบทความนี้ ผมจะมาเปรียบเทียบระหว่าง Samsung Galaxy S21 FE 5G กับ Samsung Galaxy S20 FE 5G ว่าผ่านมาหนึ่งปีหน่อย ๆ สเปคของทั้งสองรุ่นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด แล้วก็ในเรื่องประสิทธิภาพของชิปเซ็ต Exynos 2100 ที่ถูกใช้ใน Galaxy S21 FE 5G มีความแรงขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Snapdragon 865 ของ Galaxy S20 FE 5G
เปรียบเทียบ Galaxy S21 FE 5G กับ Galaxy S20 FE 5G
Samsung Galaxy S21 FE 5G | Samsung Galaxy S20 FE 5G | |
ขนาดตัวเครื่อง | 155.7 x 74.5 x 7.9 มิลลิเมตร | 159.8 x 74.5 x 8.4 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 177 กรัม | 190 กรัม |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) Refresh Rate 120Hz Touch Sampling Rate 240Hz HDR10+ Corning Gorilla Glass Victus | หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) Refresh Rate 120Hz Touch Sampling Rate 240Hz HDR10+ Corning Gorilla Glass 3 |
ชิปประมวลผล (CPU) | Exynos 2100 octa-core 5nm Prime / big.LITTLE 1x 2.9 GHz – Cortex-X1 3x 2.8 GHz – Cortex-A78 4x 2.2 GHz – Cortex-A55 TDP 9W | Snapdragon 865 octa-core 7nm Prime / big.LITTLE 1x 2.84 GHz – Kryo 585 Prime (Cortex-A77) 3x 2.42 GHz – Kryo 585 Gold (Cortex-A77) 4x 1.8 GHz – Kryo 585 Silver (Cortex-A55) TDP 10W |
ชิปกราฟฟิก (GPU) | Mali G78 MP14 | Adreno 650 |
RAM | 8GB | 8GB |
ความจุ (ROM) | 128GB / 256GB | 128GB / 256GB |
ระบบปฏิบัติการ | One UI 4.0 (Android 12) | One UI 2.5 (Android 10)* |
การเชื่อมต่อ | 5G/ 4G WiFi 802.11 b/g/a/ac/ax หรือ Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 | 5G/ 4G WiFi 802.11 b/g/a/ac/ax หรือ Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0 |
กล้องหน้า | 32MP | 32MP |
กล้องหลัง | 12MP Dual Pixel รูรับแสง f/1.8 12MP Ultra Wide-angle รูรับแสง f/2.2 8MP Telephoto ซูม 3x Optical และ 30x Space Zoom รูรับแสง f/2.4 | 12MP รูรับแสง f/1.8 12MP Ultra Wide-angle รูรับแสง f/2.2 8MP Telephoto ซูม 3x Optical และ 30x Space Zoom รูรับแสง f/2.4 |
ระบบเสียง | ลำโพงคู่ ระบบเสียง Dolby ATMOS | ลำโพงคู่ ระบบเสียง Dolby ATMOS |
กันฝุ่น / กันน้ำ | IP68 | IP68 |
ระบบปลดล็อก | ระบบปลดล็อค Face Recognition + Optical Finger Print | ระบบปลดล็อค Face Recognition + Optical Finger Print |
แบตเตอรี่ | 4500mAh | 4500 mAh |
ระบบชาร์จไฟ | Fast Charge 25W (แบบสาย) ชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 | Fast Charge 25W (แบบสาย) ชาร์จไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 Wireless PowerShare |
ราคาเปิดตัว | เริ่มต้น 22,900 บาท | เริ่มต้น 23,900 บาท |
เมื่อเทียบสเปคระหว่างทั้ง 2 รุ่น Galaxy S21 FE 5G กับ Galaxy S20 FE จะเห็นว่ารุ่นใหม่มีการปรับปรุงสเปคมาพอสมควร ที่เด่น ๆ ก็จะเป็นเรื่องประสิทธิภาพของชิปประมวลผล Exynos 2100 ที่เป็นชิปรุ่นใหม่กว่า ผลิตที่เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตรที่เล็กกว่า แรง และประหยัดพลังงานมากกว่า เช่นเดียวกับหน้าจอแสดงผลที่รุ่นใหม่ได้เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ที่มีการแสดงผลได้ดีกว่า ยังไม่นับเรื่องราคาเปิดตัว, ขนาดและน้ำหนักตัวเครื่องอีกนะครับ เพราะฉะนั้นสรุปง่าย ๆ ก็คือ Galaxy S21 FE 5G เหนือกว่ารุ่นเดิมอย่าง Galaxy S20 FE 5G ในแทบจะทุกด้านเลยล่ะ
ชิปประมวลผล Exynos 2100 เทียบกับ Snapdragon 865
สำหรับชิปเซ็ตที่ถูกใช้ใน Galaxy S21 FE 5G จะเป็นชิปเรือธง Exynos 2100 ที่ผลิตบนเทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร ARMv8.4-A เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ดีที่สุดสำหรับชิปสมาร์ตโฟนในตอนนี้ ตัวชิปเซ็ตเป็นแบบ octa-core (8 Core ประมวลผล) รูปแบบการประมวลผลเป็นแบบ มีรายละเอียดดังนี้ครับ
- 1x 2.9 GHz – Cortex-X1
- 3x 2.8 GHz – Cortex-A78
- 4x 2.2 GHz – Cortex-A55
เมื่อเทียบกับชิปประมวลผลใน Galaxy S20 FE 5G ที่ใช้ Snapdragon 865 ไม่ว่าจะเทียบที่ CPU Core ตัวไหนก็ตาม Exynos 2100 ก็เหนือกว่าในทุกด้าน โดยเฉพาะคอร์ประมวลผลหลักที่เลือกใช้ Cortex-X1 ความเร็ว 2.9 GHz ประสิทธิภาพสูงกว่า Cortex-A77 ที่เป็น Prime Core บน Snapdragon 865 คือถ้าเทียบกับจริง ๆ แล้ว ตัว Prime Core บน Snapdragon 865 ยังใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่ากว่า BiG.Little ของ Exynos 2100 ด้วยซ้ำไป
ประสิทธิภาพของ Exynos 2100 vs Snapdragon 865 อธิบายเป็นตัวเลขให้เห็นภาพง่าย ๆ ได้ประมาณนี้ครับ
- CPU ประมวลผลเร็วขึ้น 14% สามารถใช้งานได้หลายแอปพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล และรวดเร็ว
- GPU เรนเดอร์ภาพได้เร็วขึ้น 37% ทำให้ภาพกราฟฟิก ภาพการเคลื่อนไหวระหว่างเล่นเกมหรือ ดู content ต่าง ๆ ลื่นไหลมากขื้น
ในแง่ของประสิทธิภาพในการประมวลผลของ Exynos 2100 ผมทดสอบกับแอปพลิเคชัน Benchmark หลาย ๆ แอป ได้ผลทดสอบออกมาดังนี้
Exynos 2100 Snapdragon 865 ขนาดชิปเซ็ต 5nm 7nm Geekbench 5
64bit (Single-Core) 1088 845 Geekbench 5
64bit (Multi-Core) 3541 3220 iGPU – FP32 Performance
(Single-precision GFLOPS) 1360 1250 AnTuTu 8 benchmark 667991 598103
จากตารางด้านบนในการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Benchmark หลาย ๆ แอป จะเห็นว่า Exynos 2100 บน Galaxy S21 FE 5G ทำคะแนนได้สูงกว่า Snapdragon 865 บน Galaxy S20 FE 5G ในทุกด้าน (ตัวเลขยิ่งมาก = ประสิทธิภาพสูง) ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในแง่ของการประมวลผล Exynos 2100 เหนือกว่าอย่างชัดเจน และในการทดสอบถัดไป ผมได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของ Exynos 2100 ในด้านการเล่นเกม ว่ารุ่นนี้สามารถเล่นเกมได้ดีในระดับไหน โดยทดสอบด้วยกันทั้งหมด 3 เกม ได้แก่ RoV (แพทช์คริสมาสต์), Garena Free Fire Max และ PUBG New Stage ครับ
ทดสอบเล่นเกม Exynos 2100
ในการทดสอบเล่นเกม ผมจะแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 รูปแบบ คือการทดสอบด้วยโปรแกรมจับเฟรมเรตหน้าจอ Perfdog กับความรู้สึกของผมในขณะที่ทำการเล่นเกมด้วย Samsung Galaxy S21 FE 5G เป็นการเล่นในห้องแอร์ ปรับอุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส เชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ความเร็ว 500/500 Mbps ครับ
ทดสอบเล่นเกม RoV – ปรับตั้งค่าสูงสุดทุกอย่าง + 60fps
ในการทดสอบเล่นเกม RoV แพทช์ล่าสุด การตั้งค่าปรับสุดทุกอย่าง รวมถึงเปิดโหมดเฟรมเรตสูง ในแง่ของความรู้สึก ก็เล่นได้อย่างลื่นไหลครับ ผมเหลือบตาดูเฟรมเรตบนหน้าจอจะวิ่งอยู่ที่ 60 – 61 fps ตลอด การ Touchscreen ทำได้อย่างแม่นยำ การตอบสนองหน้าจอรวดเร็วตามแบบฉบับของหน้าจอที่มี Touch Sampling Rate 240Hz ส่วนอุณหภูมิตัวเครื่องแทบไม่รู้สึกถึงความร้อนด้วยซ้ำไปครับ แม้จะเล่นจนจบเกมที่ประมาณ 11 นาทีก็ตาม
ด้านการทดสอบด้วยโปรแกรมจับเฟรมเรตหน้าจอ จะเห็นว่าการเล่นเกม RoV ด้วย Exynos 2100 บน Galaxy S21 FE 5G สามารถทำเฟรมเรตเฉลี่ยออกมาที่ 60fps ก็คือเล่นได้ลื่นไหลตลอดทั้งเกมนั่นเอง ส่วนกราฟที่มันร่วงลงมา จะเป็นช่วงที่ผมเปิดหน้าไอเท็มในเกมครับ กับตอนท้าย ๆ ที่เป็นหน้าสรุปผล แต่ในการเล่นโดยรวมก็ลื่นไหล ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
ทดสอบเล่นเกม Garena Free Fire Max – ปรับสุดทุกอย่าง + เฟรมเรตสูง
ถัดมาเป็นเกมยอดนิยมอย่าง Garena Free Fire Max ที่ปรับตั้งค่าสูงสุด และเปิดเฟรมเรตสูง 60fps ได้เช่นกัน ความรู้สึกระหว่างเล่นเกม ไม่พบอาการกระตุกเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับการทัชหน้าจอ ที่ตอบสนองหน่าจอได้รวดเร็ว แม่นยำ ทั้งในการเล็งเป้า หรือการกดโยกตัวละครไปมา เรียกได้ว่าใช้ Juke โยกหลบกันสนุกล่ะครับ หน้าจอมันตอบสนองได้ตามที่ต้องการจริง ๆ แม้จะเล่นต่อเนื่องจนตัวเครื่องอุ่น ๆ ขึ้นมาก็ยังคงตอบสนองได้ดีเหมือนตอนที่เปิดเกมตอนแรก
ด้านการทดสอบด้วยโปรแกรมจับเฟรมเรตหน้าจอ จะเห็นว่ากราฟออกมานิ่งเอามาก ๆ โดยเฉลี่ยก็อยู่ที่ 59.9 fps ตรงตามความรู้สึกของผมในขณะที่เล่นเกม Free Fire Max เลยครับ
ทดสอบเล่นเกม PUBG NewStage – ปรับ Ultra + เฟรมเรต Max
สำหรับเกม PUBG NewStage ออกตัวก่อนว่าผมไม่สามารถใช้โปรแกรมจับเฟรมเรตหน้าจอได้ เนื่องจากตัวเกมไม่ยอมรัน หากเปิด USB Debugger เอาไว้ เพราะฉะนั้นจะเป็นความรู้สึกในการเล่นเกมนี้ล้วน ๆ ครับ ซึ่งแน่นอนว่า Galaxy S21 FE 5G ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ในการตั้งค่าระดับ Ultra + เฟรมเรตระดับ Max (60fps)
การทัชหน้าจอ การสัมผัส การตอบสนองหน้าจอ รุ่นนี้ทำได้ดีมาก ทั้งการเรื่องการเล็งอาวุธ การตอบสนองเวลากดยิง รวมถึงการควบคุมตัวละครเวลาเดินไปมา หรือโยกหลบก็ทำได้อย่างลื่นไหล ตอบสนองการสัมผัสหน้าจอได้แม่นยำและรวดเร็วมาก ๆ ส่วนเรื่องอุณหภูมิตัวเครื่องในขณะเล่นเกม PUBG NewStage เมื่อเล่นไปสักประมาณ 7 นาที พบว่าตัวเครื่องอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีผลต่อการเล่นเกมครับ ยังคงเล่นได้ลื่น ๆ จนจบเกม
แล้วก็ข้อดีอีกอย่างของ Galaxy S21 FE 5G เวลาเล่นเกมที่ต้องใช้การแยกเสียง (PUBG, Free Fire) ก็คือรุ่นนี้ใช้ลำโพงคู่ Stereo แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อหูฟัง ก็ยังใช้ประโยชน์จากการแยกตำแหน่งของเสียงได้เป็นอย่างดี
สรุปภาพรวมในการทดสอบ
หลังจากทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม การประมวลผลของ Exynos 2100 บน Samsung Galaxy S21 FE 5G ไปเป็นที่เรียบร้อย หากว่ากันตามตรง ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรครับ เพราะตัวชิป Exynos 2100 นั้นผมเคยทดสอบตอนรีวิว Samsung Galaxy S21 Series ไปแล้ว และก็พบว่าชิปเซ็ตรุ่นนี้ตอบโจทย์การประมวลผลได้ดีเอามาก ๆ สามารถรันเกมได้ลื่นไหล ในขณะเดียวกันก็มีการจัดการพลังงานที่ดีมาก เนื่องจากเป็นชิปที่ผลิตบนเทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตรนั่นเอง
ส่วนการเทียบกับชิปเซ็ตในรุ่นก่อนหน้าบน Galaxy S20 FE 5G ที่ใช้ Snapdragon 865 ผมว่าประสิทธิภาพของ Exynos 2100 ก็ทำได้ดีกว่าในทุกด้าน เล่นเกมได้ลื่นไหล ยืนระยะในการเล่นเกมนาน ๆ ได้เสถียรกว่าอย่างชัดเจน รวมถึงสเปคด้านอื่นที่ซัมซุงก็ปรับปรุงให้ Galaxy S21 FE 5G ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ที่แสดงผลภาพได้ดีกว่า กระจกหน้าจอ Gorilla Glass Victus ที่ทนทานมากกว่า ขนาดตัวเครื่องที่บางเบากว่า และผมว่าดีไซน์สวยกว่าด้วย
ด้านการถ่ายภาพ Samsung Galaxy S21 FE 5G มาพร้อมกล้องถ่ายภาพระดับแฟลกชิป ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์ครบทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 12MP Ultra wide-angle, 12MP Wide Camera, 8MP Telephoto รวมไปถึงกล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP ที่สำคัญคือทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สามารถถ่ายภาพกลางคืนด้วย Night Mode ได้ทุกเลนส์ เก็บรายละเอียดได้ครบทุกระยะ และผมว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายภาพสวยมากรุ่นหนึ่งเลยล่ะครับ
อ่านเพื่มเติม: รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G จัดเต็มสมการรอคอย ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
รวมถึงเรื่องราคาเปิดตัวก็เช่นเดียวกัน โดย Samsung Galaxy S21 FE 5G เปิดราคามาถูกกว่า สำหรับราคาของ Galaxy S21 FE 5G จะมีรุ่นย่อยและราคาดังนี้
- Galaxy S21 FE 5G (8GB/ 128GB) ราคา 22,900 บาท
- Galaxy S21 FE 5G (8GB/ 256GB) ราคา 25,900 บาท