หลังจากที่เป็นข่าวมาสักพักใหญ่ ๆ ก็ได้เวลาของ Samsung Galaxy S21 FE 5G ที่เปิดตัวกันเสียที และก็ต้องบอกเลยว่าหลังจากที่ผมได้ลองใช้งานเครื่องรีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G มาระยะหนึ่ง ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยครับ โดยเฉพาะใครที่ชอบถ่ายรูป สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ตอบโจทย์สุด ๆ เรียกว่าเป็นจุดแข็งของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้
สำหรับสมาร์ตโฟนรหัส FE เป็นตัวย่อมาจากคำว่า “Fan Edition” ก็คือทำมาเพื่อเอาใจแฟน ๆ Samsung โดยเฉพาะล่ะครับ เรียกว่าไม่มีการกั๊กสเปคในเรื่องของประสิทธิภาพ, กล้องถ่ายรูป รวมถึงในเรื่องการใช้งานที่ให้ประสบการณ์แบบเดียวกับในสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธง แต่เป็นเจ้าของกันได้ในราคาที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
สเปค Samsung Galaxy S21 FE 5G
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้วความละเอียด FHD+ (2400×1080 พิกเซล) Refresh Rate 120Hz
- ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2100
- กราฟิก Mali G78 MP14
- RAM 8GB
- ความจุ 128/ 256GB
- การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/a/ac/ax หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, 5G / 4G
- ลำโพง Stereo ปรับจูนโดย AKG รองรับระบบ Dolby ATMOS
- กล้องหน้าความละเอียด 32MP
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 12MP Dual Pixel ขนาดเซนเซอร์ 1/1.76″, 1.8µm, PDAF + OIS รูรับแสง f/1.8
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 12MP Ultra Wide-angle ให้มุมมอง 123 องศา รูรับแสง f/2.2
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Telephoto + AF, OIS ซูม 3x Optical 3 และ 30x Space Zoom รูรับแสง f/2.4
- LED Flash
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60fps, FHD 30/60fps, HD, Super Slow-motion (เฉพาะกล้องหลัง), Hyper-lapse, Dual Recording
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition + Optical Finger Print
- แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh
- รองรับ Fast Charge 25W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W และ Wireless Power Share 2.0
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
- สี ขาว (White), ดำ (Graphite), เขียว (Olive), ม่วง (Lavender)
ราคา และโปรโมชันช่วงเปิดตัว
Samsung Galaxy S21 FE 5G วางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นย่อย แตกต่างกันที่ความจุในตัวเครื่อง และมีราคาดังนี้ครับ
- Galaxy S21 FE 5G (8GB/ 128GB) ราคา 22,900 บาท
- Galaxy S21 FE 5G (8GB/ 256GB) ราคา 25,900 บาท
วางจำหน่ายรอบพิเศษ สำหรับผู้ที่สนใจ ซื้อวันนี้จะได้รับสิทธิอัพเกรดความจุจาก 128GB เป็น 256GB ฟรี (มูลค่า 3,000 บาท) พร้อมรับเครื่องได้ทันที 7วันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 4 – 10 มกราคม 2565 ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเก่ายี่ห้อหรือรุ่นต่างๆ มาแลกเป็นส่วนลดเครื่องใหม่ในราคาเกรด A ที่ samsung.com และ Samsung Experience Store
Design – การออกแบบตัวเครื่อง
Samsung Galaxy S21 FE 5G มาในดีไซน์แบบเดียวกับ Galaxy S21 Series สังเกตได้จากบริเวณโมดูลกล้องหลังที่เป็นดีไซน์แบบ Contour cut ที่เป็นเอกลักษณ์ และยังมาพร้อมกับสีใหม่ Olive (สีเครื่องรีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G ในบทความนี้) ส่วนสีอื่นที่วางจำหน่ายก็ได้แก่ Lavender, White และ Graphite
ขนาดตัวเครื่อง เมื่อเทียบกับ Galaxy S21 Series ด้วยกัน รุ่นนี้จะอยู่ตรงกลางระหว่าง Galaxy S21 5G กับ Galaxy S21+ 5G ครับ ผมว่าขนาดหน้าจอกำลังดี สมดุลทั้งในแง่ของการใช้งานและการพกพา ด้วยความบาง 7.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเครื่องเพียง 177 กรัม
ด้านหน้าของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้เป็นหน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ใช้พาแนลแบบเดียวกับ Galaxy S21 Series ก็คือหน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ที่มีอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงถึง 120Hz พร้อมกับ Touch Sampling Rate หรืออัตราการตอบสนองหน้าจอ 240Hz ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำ เหมาะสำหรับการเล่นเกม รวมถึงฟีเจอร์อย่าง Eye Comfort Shield with AI ที่ช่วยควบคุมการปล่อยแสงสีฟ้า ทำให้สามารถใช้งานหน้าจอได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น ส่วนกระจกหน้าจอก็ไม่ได้ตัดลดสเปคจากรุ่นใหญ่ ยังคงใช้ Gorilla Victus ที่มีความทนทานสูง
บริเวณกึ่งกลางหน้าจอด้านบน เป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 32MP ถูกฝังอยู่ใต้หน้าจอแบบ Infinity-O-Display กินพื้นที่ด้านบนเพียงเล็กน้อย แทบจะไม่รู้สึกรบกวนสายตาขณะใช้งานโทรศัพท์ และยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ บริเวณพื้นที่ด้านล่าง จากที่ได้ใช้งานก็พบว่าการสแกนนิ้วทำได้ค่อนข้างแม่นยำ มั่นใจในความปลอดภัยด้วย Samsung Knox ระบบการจัดการและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ซัมซุงที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง
รายละเอียดบริเวณด้านข้าง เริ่มจากฝั่งขวามือจะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียง | ด้านล่างเป็นตำแหน่งของพอร์ตชาร์จ USB Type-C, ลำโพง (รุ่นนี้เป็นลำโพงคู่ Stereo), ไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และถาดใส่ซิมการ์ด | ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน สำหรับขอบด้านข้างของรุ่นนี้จะเน้นความโค้งมน ให้สัมผัสที่ดีเลยล่ะครับ แล้วก็ตัวเครื่องไม่ได้หนาจนเกินไป
ภาพรวมของ Galaxy S21 FE 5G ในด้านการออกแบบ ด้วยดีไซน์ Contour cut อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ตโฟนในซีรี่ส์นี้ การเลือกใช้วัสดุที่แม้ฝาหลังจะเป็นพลาสติก (กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ) แต่ก็เป็นพลาสติกที่ให้สัมผัสดี ผิวสัมผัสออกแบบมาให้ดูแลรักษาง่าย งานประกอบแน่นสมกับเป็นแฟลกชิปสมาร์ตโฟน ที่สำคัญคือได้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ที่มีอัตรารีเฟรชสูง 120Hz กับสีสันหน้าจอที่เป็นจุดเด่นของหน้าจอซัมซุงสมาร์ตโฟน และยังได้คุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น IP68 อีกด้วย
Camera – กล้องถ่ายภาพ
Samsung Galaxy S21 FE 5G มาพร้อมกล้องถ่ายภาพระดับแฟลกชิป ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์ครบทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 12MP Ultra wide-angle, 12MP Wide Camera, 8MP Telephoto รวมไปถึงกล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP ที่สำคัญคือทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สามารถถ่ายภาพกลางคืนด้วย Night Mode ได้ทุกเลนส์ เก็บรายละเอียดได้ครบทุกระยะ และทุกสถานการณ์
สเปคกล้องหลัง Galaxy S21 FE 5G
- กล้องหลัก ความละเอียด 12MP Dual Pixel ขนาดเซนเซอร์ 1/1.76″, 1.8µm, PDAF + OIS ค่ารูรับแสง f/1.8
- กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 12MP Ultra Wide-angle มุมมอง 123 องศา รูรับแสง f/2.2
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 8MP Telephoto + AF, OIS ซูมแบบ 3x Optical และ 30x Space Zoom รูรับแสง f/2.4
- LED Flash
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/ 60fps, FHD 30/ 60fps, HD, Dual Recording ถ่ายพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ความน่าสนใจของโหมดกลางคืนใน Galaxy S21 FE 5G คือทำงานด้วยระบบ AI Multi Frame Composition ใช้การรวมภาพ 14 เฟรมเข้าเป็น 1 รูปภายใน 5 วินาที เพื่อช่วยลด noise และความเบลอที่อาจเกิดขึ้นระหว่างถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้ในการถ่ายภาพกลางคืนของรุ่นนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากนั่นเอง
เปรียบเทียบภาพถ่ายตอนกลางคืนจากกล้องหลังทั้ง 3 ระยะ จะเห็นว่า AI Multi Frame Composition ในโหมดกลางคืน ให้ผลลัพท์ที่ดีเลยครับ โดยเฉพาะเลนส์มุมกว้างกับเลนส์เทเลโฟโต้ จะได้ภาพที่สว่าง รายละเอียดคมชัดขึ้นมาก เมื่อเทียบกับโหมด Auto
ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงปกติ หรือจะเป็นการถ่ายย้อนแสง ผมว่ารุ่นนี้ก็ทำได้ดีเลยครับ ทั้งเรื่องความคมชัด คอนทราสต์ รายละเอียดต่าง ๆ หากเป็นคนชอบถ่ายรูป รุ่นนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานตรงนี้ได้ดี มีตัวช่วยอย่างการจัดองค์ประกอบภาพอัตโนมัติ เวลาใช้งานก็คือแค่เปิดแอปกล้อง แล้วถือไว้สักพัก ระบบจะทำการจัดองค์ประกอบภาพ ผู้ใช้ก็แค่เลื่อนกล้องให้จุดสีเหลืองตรงกับกรอบวงกลมเป็นอันเรียบร้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายด้านล่าง ผมถ่ายด้วยโหมด Auto แล้วก็ใช้การจัดองค์ประกอบภาพอัตโนมัติทั้งหมดครับ
นอกจากโหมดพื้นฐานแล้ว Galaxy S21 FE 5G ยังมาพร้อมกับโหมดอื่น ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ใครที่เป็นสายทำคอนเทนต์ หรือชอบโพสต์ ชอบแชร์ภาพถ่าย, วิดีโอผ่านโซเชียลมีเดียน่าจะถูกใจ เพราะมีให้ในเครื่องตั้งแต่แรก ไม่ต้องไปดาวน์โหลด 3rd Party App เพิ่มเติมอีก มีบรรดาฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้
- Dual Recording ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและหลังได้พร้อมกันในครั้งเดียว
- Portrait Mode ถ่ายภาพ Portrait สร้างโบเก้เนียน ๆ พร้อมมีรูปแบบของโบเก้ให้เลือกมากมาย
- My Filter เก็บโทนสีที่ชอบมาเป็นฟิลเตอร์ส่วนตัวได้สูงสุดถึง 99 แบบ
- Object Eraser ช่วยลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการในภาพให้หายไปได้
สำหรับกล้องหน้าของรุ่นนี้ เป็นกล้องหน้าที่ความละเอียดสูงถึง 32MP นอกจากจะเก็บรายละเอียดได้คมชัด ให้มุมมองที่กว้างแล้ว กล้องหน้าของ Galaxy S21 FE 5G ยังสามารถถ่ายโหมดกลางคืนได้ด้วยครับ
Performance – ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ก็แรงสมกับความเป็นแฟลกชิปล่ะครับ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Exynos 2100 ที่ทำคะแนน AnTuTu ออกมาก็ทำได้อยู่ในช่วง 740,xxx คะแนน ดังนั้นในแง่ความแรงจากการทดสอบด้วยแอปสาย benchmark ก็ต้องบอกว่าจัดอยู่ในกลุ่มที่ยังแรงมาก ๆ ในตลาด เรียกได้ว่าแรงเหลือเฟือเหลือ ใช้ไปได้อีกเป็นปี ๆ แน่นอน
ด้านของการเล่นเกม – ปรับสุดได้เลยทุกเกมในตอนนี้ แต่จะมีบางเกมถ้าอยากให้ลื่นหน่อย ก็อาจต้องปรับรายละเอียดบางส่วนลงบ้าง เช่น Genshin Impact ที่ถ้าหากต้องการเปิดโหมด 60fps ก็แนะนำว่าควรปรับลด effect บางจุดลง เพื่อภาพที่ลื่นไหล และความร้อนที่ลดน้อยลง ส่วนเกมอย่าง RoV, PUBG Mobile, Free Fire ตอนรีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G ผมปรับสุดไปเลยครับ เล่นได้ลื่น ๆ อยู่แล้ว
ในด้านการเชื่อมต่อก็ถือว่าครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ 5G ในไทย, Bluetooth 5.2 รวมถึงการรองรับ Wi-Fi 6 ที่ก็กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในตอนนี้ไปเสียแล้ว เห็นได้จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน ที่ตอนนี้ก็ให้อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณเป็น Wi-Fi 6 แทบทุกเจ้า ซึ่งก็ทำงานร่วมกับ Galaxy S21 FE 5G ได้เป็นอย่างดีครับ เวลาเชื่อมต่อ Wi-Fi จะมีเลข 6 ขึ้นตรงสัญลักษณ์ Wi-Fi ด้วย
นอกจากการเชื่อมต่อที่จัดว่าดีงามแล้ว Samsung Galaxy S21 FE 5G ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง One UI 4.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 12 ไม่เพียงแต่หน้าตา UI ที่ดูมินิมอล สวยงามมากขึ้น, มี Widget ที่ปรับปรุงใหม่ น่าใช้งานมากขึ้น ยังโดดเด่นในเรื่องของความเป็นส่วนตัว หากมีแอปที่เรียกใช้งานไมโครโฟน หรือกล้องถ่ายรูปก็จะขึ้นไอคอนเตือนบริเวณมุมขวาบนหน้าจอทันที
Battery – แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
Samsung Galaxy S21 FE 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง และน้ำหนักแล้วก็ถือว่าทำได้ดีเลยครับ ได้แบตเตอรี่ที่ใช้งานแบบหมดวันได้ กรณีที่เป็นการใช้งานทั่วไป ไม่ได้เปิดหน้าจอ ไม่ได้เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ แต่ถ้ามีการเล่นเกมเยอะหน่อย หรือดูวิดีโอบ่อย ๆ อาจจะต้องพกอะแดปเตอร์ หรือพก Powerbank ไว้ชาร์จไฟระหว่างวันด้วยครับ
ส่วนเรื่องการชาร์จ รุ่นนี้รองรับระบบชาร์จไว 25W Fast Charge และรองรับชาร์จไร้สาย 15W อีกทั้งรองรับการแชร์แบตเตอรี่แบบไร้สาย Wireless PowerShare ได้อีก 10W แต่เฉพาะการแชร์ไฟแบบไร้สายเท่านั้น
สรุปภาพรวม รีวิว Samsung Galaxy S21 FE 5G
ถ้าจะให้ผมสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับ Galaxy S21 FE 5G หลังจากที่ได้ใช้งานเครื่องรีวิวมาสักพักใหญ่ ๆ ก็คงจะเป็นคำว่า “สมกับการรอคอย” เพราะถ้าใครที่ตามข่าวฝั่งสมาร์ตโฟน จะทราบดีว่ารุ่นนี้เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนมาเปิดตัวช่วงต้นปี 2022 เพราะตามปกติรุ่น Fan Edition มักจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปีมากกว่า แต่ด้วยสเปค ฟีเจอร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่จัดเต็มมาให้เนี่ย ผมว่ามันคุ้มที่หลายคนรอเป็นเจ้าของ Galaxy S21 FE 5G รุ่นนี้ครับ
- RAM 8GB/ 128GB ราคา 22,900 บาท
- RAM 8GB/ 256GB ราคา 25,900 บาท
ย้ำกันอีกที สำหรับโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว ระหว่างวันที่ 4 – 10 มกราคม 2565 เมื่อซื้อ Samsung Galaxy S21 FE 5G ในรุ่นเริ่มต้น ความจุ 128GB จะได้รับการอัพเกรดความจุฟรี (มูลค่า 3,000 บาท) ไปเป็นความจุ 256GB ทันที ใครที่เล็ง ๆ อยู่ ต้องรีบหน่อยล่ะครับ