สำหรับมือถือที่เราจะมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ จะบอกว่าเป็นคู่แข่งของ Asus Zenfone 5 ก็คงไม่ผิดนัก ด้วยสเปคที่เรียกว่าถอดแบบมาจาก Asus Zenfone 5 แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Ram 2 GB, กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล f2.0 ที่สำคัญคือวางขายในราคาเท่ากันที่ 5,990 บาทซะด้วย ทีมงาน SpecPhone จึงไม่พลาดที่จะหยิบเจ้า Acer Liquid Z500 มารีวิวให้ชมกัน แต่อันดับแรกเรามาทำความรู้จักกับสเปคของ Acer Liquid Z500 กันก่อนดีกว่า ว่ามันคล้ายกับ Asus Zenfone 5 จริงหรือไม่
สเปค Acer Liquid Z500
- ชิปประมวลผล MediaTek MTK6582?Quad Core ความเร็วสูงสุด 1.3 GHz
- ชิปกราฟิก?Mali-400MP2
- แรม 2?GB?
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (1280 x 720)
- รอม 16 GB รองรับ MicroSD เพิ่มเติมสูงสุด?32 GB
- รองรับ 2 ซิม ใช้งาน 3G ความถี่ 900/2100
- กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- Android 4.4?Kitkat
- แบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh
- หนัก 150 กรัม
- ราคา 5,990 บาท
- สเปคเต็มๆ Acer Liquid Z500
เห็นสเปคแล้วก็ต้องบอกว่าใกล้เคียงกับ Asus Zenfone 5 พอสมควรเลยครับ จะแตกต่างกันก็ตรง CPU (Acer Liquid Z500 ใช้ CPU Quad Core/ Asus Zenfone 5 ใช้ CPU Dual Core) และรายละเอียดยิบย่อย เช่นการรองรับความถี่ 3G แต่สิ่งที่ดูจะเป็นจุดขายของ Acer Liquid Z500 น่าจะอยู่ที่ตัววัสดุและงานประกอบของตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ อีกทั้งปุ่มสารพัดประโยชน์อย่าง Acer Rapid ที่สามารถตั้งเป็นปุ่มชัตเตอร์ หรือใช้เป็นปุ่มทางลัดเข้าสู่แอพพลิเคชันได้ตามต้องการ
Design
ในส่วนของการดีไซน์ รอบนี้ต้องบอกว่ามือถือ Acer ในช่วงหลังๆ นี่ทำมาดีมากครับ ทั้งในเรื่องของการดีไซน์และตัววัสดุกับงานประกอบ โดยเจ้า Acer Liquid Z500 ก็เช่นกัน จัดเป็นมือถืออีกรุ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวในเรื่องของงานดีไซน์โดยรวมที่ค่อนข้างสมราคา และเผลอๆ จะดีกว่ามือถือบางรุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกันด้วยซ้ำไป ส่วนหน้าตาของ Acer Liquid Z500 ก็จัดว่าดูดีทีเดียว
เริ่มจากด้านหน้าของ Acer Liquid Z500 นอกจากหน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้วความละเอียด HD ที่ให้สีสันสดใสแล้ว จุดเด่นที่บริเวณด้านหน้าอีกอย่างก็คงเป็นลำโพงที่ออกแบบเหมือนใช้เป้นลำโพงคู่หน้า (แต่จริงๆ แล้วดังแค่ด้านล่างนะครับ) โดยลำโพงด้านบนจะเป็นลำโพงที่ใช้สำหรับการสนทนา ส่วนด้านล่างจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง และสำหรับรายละเอียดอื่นๆ ทางด้านหน้าของ Acer Liquid Z500 ก็จะประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, โลโก้ Acer ส่วนปุ่มกด 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App บน Acer Liquid Z500 จะใช้เป็นปุ่มกดแบบ Soft Key ที่กินพื้นที่หน้าจอส่วนล่างนิดหน่อยครับ ข้อดีของปุ่มกดแบบ Soft Key คือต่อให้อยู่ในที่มืดแค่ไหนก็ยังสามารถมองเห็นปุ่มได้ เพราะมันใช้แสงไฟจากหน้าจอนั่นเอง
มาถึงด้านข้างของ Acer Liquid Z500 กันบ้าง สำหรับด้านข้างของ Acer Liquid Z500 จะโดดเด่นด้วยความบางที่ถือว่าบางกว่ามือถือรุ่นอื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ส่วนรายละเอีดยนั้นเริ่มจากด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง, ด้านบนประกอบไปด้วยปุ่ม Power กับช่องเสียบหูฟัง และช่องเสียบสาย USB จะอยู่ทางด้านล่างของตัวเครื่องครับ
ด้านหลังของ Acer Liquid Z500 นี่จะบอกว่าเป็นไฮไลท์ของเจ้านี่ก็เลยว่าได้ครับ เนื่องจาก Acer Liquid Z500 จะมาพร้อมกับปุ่มสารพัดประโยชน์อย่าง Acer Rapid ที่จะอยู่บริเวณใต้กล้อง โดยปุ่ม Acer Rapid จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เรา ซึ่งมีการใช้งานดังนี้ครับ
ปุ่ม Acer Rapid ทำให้ Z500 น่าใช้ขึ้นเป็นกอง
ตอนปิดหน้าจอ?:
- กด 1 ครั้งเพื่อปลดล็อคหน้าจอไปหน้า Home screen
- กดค้างเพื่อเปิดกล้องถ่ายรูป
ขณะใช้งานตัวเครื่อง?:
? กด 1 ครั้งเพื่อเปิด App ที่ตั้งค่าไว้ โดยสามารถเปลี่ยนได้ในเมนู AcerRAPID ที่อยู่ใน Settings
- กดค้างเพื่อเปิดกล้องถ่ายรูปทันที
ขณะใช้กล้องถ่ายรูป?:
- ใช้เป็นปุ่ม shutter สำหรับถ่ายรูปได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
จากที่ผมได้ลองใช้ Acer Rapid บน Acer Liquid Z500 มาเนี่ย บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ผมประทับใจมากครับ เพราะมันช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นจริงๆ อย่างการถ่ายรูปไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล้องหลัง หรือจะถ่ายเซลฟี่นี่ผมจะเลือกใช้การกด Acer Rapid แทนการใช้ปุ่มชัตเตอร์อยู่เสมอ เพราะมันง่ายและสะดวกมากครับ ไม่ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มให้มือสั่น ส่วนการใช้งานแทนปุ่มปลดล็อกเครื่องนี่บอกเลยเป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก ทำให้เราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยมือข้างเดียว ทำให้เจ้า Acer Liquid Z500 เป็นมือถือที่คล่องตัวมากเลยทีเดียว
มาต่อกันที่รายละเอียดด้านหลัง นอกจากปุ่ม Acer Rapid แล้วก็จะประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED โดยโมดูลกล้องของ Acer Liquid Z500 จะนูนขึ้นมาจากฝาหลังเล็กหน้อยครับ อันนี้ก็แล้วแต่คนเลยครับ บางคนก็รู้สึกว่าไม่น่าจะออกแบบให้เลนส์กล้องนูนขึ้นมา เพราะอาจจะทำให้เป็นรอยง่าย แต่บางคนก็บอกว่าเลนส์นูนออกมาก็ดูสวยดี ส่วนเรื่องเลนส์เป็นรอยง่ายอะไรนั่นใส่เคสก็หายแล้วครับ รายละเอียดอื่นๆ ก็ได้แก่โลโก้ Acer, โลโก้ DTS ตรงนี้เพื่อนๆ ก็น่าจะเห็นจากรูปในรีวิว Acer Liquid Z500 แล้ว เพราะฉะนั้นผมจะพูดถึงสิ่งที่มองแต่รูปแล้วไม่สามารถรับรู้ได้ ซึ่งก็คือสัมผัสของฝาหลังหรือวัสดุฝาหลังของ Acer Liquid Z500
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าฝาหลังของ Acer Liquid Z500 เนี่ยสามารถถอดออกได้ครับ และเมื่อถอดฝาหลังออกมาก็จะพบกับช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง รองรับซิมการ์ขนาดไมโครซิม (3G 900/2100) และช่องใส่ MicroSD Card ส่วนแบตเตอรี่นั้นไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ส่วนวัสดุฝาหลังของ Acer Liquid Z500 จะใช้เป็นพลาสติก ที่มีการเล่นลายพลาสติกให้ดูเหมือนโลหะ (สีเงินนี่เหมือนมาก) แต่เมื่อสัมผัสแล้วมันก็คือพลาสติกนี่แหละครับ แต่ข้อดีของฝาหลัง Acer Liquid Z500 คือใช้เป็นพลาสติกพื้นผิวด้านนิดๆ ช่วยลดการเก็บรอยนิ้วมือที่ฝาหลังได้พอสมควร อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ง่ายด้วย
งานประกอบของ Acer Liquid Z500 สำหรับผมถ้าคะแนนเต็ม 5 จะอยู่ที่ 4 คะแนนครับ เพราะเท่าที่ลองจับๆ ดูจะพบว่าบริเวณฝาหลังจะรู้สึกว่าไม่ค่อยแน่น (แต่จริงๆ มันแน่นนะ) งานประกอบดูไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งมาจากฝาหลังที่ถอดได้ด้วยแหละครับ เพราะโดยปกติแล้วถ้าเป็นมือถือที่ฝาหลังถอดไม่ได้ ตัวเครื่องก็มักจะมีงานประกอบที่ค่อนข้างแข็งแรง เนื่องจากวัสดุมันเป็นชิ้นเดียวกันนั่นเอง แต่งานประกอบของ Acer Liquid Z500 ก็ไม่ได้ถือว่าแย่นะครับ แค่ยังมาไม่สุดทางเท่านั้นเอง
พูดถึงหน้าจอของ Acer Liquid Z500 กันบ้างครับ สำหรับหน้าจอของ Acer Liquid Z500 จะเป็นหน้าจอขนาดมาตรฐานของสมาร์ทโฟนแอนดรอยทั่วไป ซึ่งก็คือหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ IPS โดยมีความละเอียดหน้าจอยู่ที่ระดับ HD 720p กันเลยทีเดียว และด้วยความที่เป็นจอภาพแบบ IPS รวมถึงความละเอียดระดับ HD ทำให้หน้าจอของ Acer Liquid Z500 ค่อนข้างทำออกมาได้ดีทีเดียว สีสันที่แสดงผ่านหน้าจอสดใสในระดับหนึ่ง ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาดจนเกินไปเหมือนสมาร์ทโฟนบางค่าย แต่ปัญหาของหน้าจอ Acer Liquid Z500 จะอยู่ที่ระบบปรับแสงสว่างหน้าจออัตโนมัติที่จะค่อนข้างมึนนิดๆ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กลางแดดจัดๆ ถ้าเราเปิดแสงหน้าจอแบบ Auto ตัวซอฟท์แวร์มันจะไม่เร่งแสงสู้จนสุดนะครับ เหมือนจะปรับไปแค่ระดับที่ 3 เท่านั้น ผลก็คือจะมองไม่ค่อยเห็นนั่นเอง ในตอนแรกผมก็นึกว่าเป็นเพราะตัวพาแนลจอที่ไม่สู้แสง แต่ที่ไหนได้พอปรับความสว่างสูงสุดก็สามารถใช้งาน Acer Liquid Z500 กลางแดดได้ตามปกติซะอย่างนั้น
สำหรับภาพรวมในส่วนของวัสดุ, งานประกอบและการออกแบบของ Acer Liquid Z500 ก็ถือว่าทำได้ดีตามราคาค่าตัวครับ อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่ก็เป็นมือถือหน้าจอ 5 นิ้วอีกรุ่นที่ใช้งานได้คล่องตัว ด้วยปุ่มลัดสารพัดประโยชน์อย่าง Acer Rapid ที่ช่วยในการปลดล็อกหน้าจอ, เป็นทางลัดเข้าสู่แอพพลิเคชนั รวมถึงการใช้แทนปุ่มชัตเตอร์ ส่วนการออกแบบของ Acer Liquid Z500 ก็ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจกว่ามือถือ Acer รุ่นก่อนๆ มากครับ มีการทำดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น จัดเป็นมือถือที่ออกแบบมาได้ดีรุ่นหนึ่งเลยหล่ะ
สำหรับรูปภาพตัวเครื่อง Acer Liquid Z500 ในมุมอื่นๆ สามารถรับชมได้จากใน Gallery เลยครับ
Software
Acer Liquid Z500 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.4 Kitkat ที่ครอบทับด้วย UI ที่มีชื่อว่า Acer Home ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความแตกต่างไปจาก?Android Launcher ที่เป็น Pure Android ซักเท่าไหร่ เหมือนเป็นการปรับแต่งไอคอน, เปลี่ยน Font อะไรพวกนี้มากกว่าครับ แต่ก็ถือว่ามีการพัฒนาไปจากรุ่นก่อนๆ พอสมควร ส่วนการใช้งานก็จัดว่าใช้งานง่ายครับ ตามสไตล์มือถือแอนดรอยทั่วไปเลย ตรงนี้ทำความเข้าใจกันไม่นานก็น่าจะใช้งานได้คล่องแล้วสำหรับมือถือ ขนาดตัวหนังสือก็กำลังโอเคสำหรับหน้าการตั้งค่า แต่ในหน้า Home ส่วนตัวผมว่า Font มันอ่านยากไปนิดสำหรับคนที่มีอายุแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วยครับ
ส่วนไฮไลท์อื่นๆ ก็จะเป็นแอพพลิเคชันที่ติดมากับตัว Rom ของ Acer Liquid Z500 ครับ ไม่ว่าจะเป็น Acer Portal (Acer BYOC?Apps) ที่เปรียบเหมือนกับ Cloud ส่วนตัวของเรา ที่ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลของตัวเองได้ตลอดเวลา หรืออย่าง Quick Mode ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยชินกับการใช้งานสมาร์ทโฟน ตัว Quick Mode ก็จะเปลี่ยนหน้าจอให้คล้ายกับการใช้งานฟีเจอร์โฟนแทนครับ โดยจะมีไอคอนเหลืออยู่ไม่กี่ไอคอน แต่ก็จะได้เรื่องขนาดตัวอักษรที่ใหญ่ขึ้น ส่วนไฮไลท์ของซอฟท์แวร์สิ่งสุดท้ายก็ได้แก่ Floating App ที่จะเป็นการเปิดหน้าต่างย่อยเพื่อเรียกแอพพลิเคชันพื้นฐานบางตัว เช่นสมุดโน้ต, แผนที่, กล้อง เป็นต้น โดยแอพพลิเคชันเหล่านั้นจะลอยอยู่บนหน้าจออีกที เหมือนกับการเปิดใช้งาน 2 แอพของ Samsung และคล้ายกับ Small App ของทาง Sony นั่นเองครับ
Camera
กล้องนี่ก็ถือเป็นไฮไลท์ของ Acer Liquid Z500 เช่นกันครับ แต่สำหรับผมมองว่าไฮไลท์ของกล้อง Acer Liquid Z500 ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีเทคโนโลยีในตัวกล้องเยอะแยะมากมาย แต่ผมกำลังพูดถึงความง่ายในการถ่ายรูปด้วยกล้องของ Acer Liquid Z500 แต่ก่อนอื่นผมขอพูดถึงรายละเอียดของกล้องและโหมดที่มีให้เลือกใช้ก่อนครับ
สำหรับกล้องหลังของ Acer Liquid Z500 จะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล f2.0 ส่วนโหมดที่มีในแอพกล้องก็ถือว่าครอบคลุมการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโหมด Auto,?HDR, Panorama, Beautification, Best Shot, Smile Shutter และ Bright Magic โดยโหมดท้ายสุดนี่ทำออกมาชนกับ PixelMaster ของ Asus Zenfone ตรงๆ เลยหล่ะครับ ช่วยในการถ่ายรูปในที่แสงน้อย ทำให้ภาพสว่างขึ้นโดยไม่ต้องใช้แฟลช
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางวัน
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืน
คุณภาพของรูปถ่ายก็ถือว่าใช้ได้ครับถ้ามีแสงเพียงพอ ถึงแม้จะรู้สึกว่ารูปที่ถ่ายออกมาบางรูปจะดูไม่ค่อยคมก็เถอะ ส่วนในที่แสงน้อยนี่แทบจะบอกลากันเลยครับ Noise มาเต็ม ยังดีที่มีโหมด Bright Magic มาช่วยชีวิตเอาไว้ แต่ก็เป็นเพียงการช่วยให้ภาพสว่างขึ้นเท่านั้นเอง รายละเอียดของภาพและ Noise นี่ก็ยังอยู่เหมือนเดิม อย่างที่ได้บอกไว้ในตอนต้นครับว่าไฮไลท์ของ Acer Liquid Z500 ไม่ได้อยู่ที่กล้องเทพ แต่อยู่ที่การถ่ายรูปอันแสนสะดวกด้วยปุ่ม Acer Rapid มากกว่าครับ ไม่ว่าจะเซลฟี่หรือกล้องหลังก็สะดวกด้วยการกดปุ่มหลังเครื่องเท่านั้นเอง
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลสำหรับผมถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ แม้จะเป็นกล้องแบบ Fixed Focus ก็เถอะ การถ่ายรูปในที่แสงเพียงพอทำออกมาได้ดี ส่วนแสงน้อยก็ดรอปไปตามสภาพ และก็ยังมีโหมด Beauty สำหรับขาเซลฟี่ซะด้วย เสียอย่างเดียวที่ตัวกล้องไม่ใช่เลนส์ Wide นี่แหละครับ ทำให้การถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า เอาแค่ถ่ายรูปคู่ก็เต็มเฟรมแล้ว
ตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องของ Acer Liquid Z500 สามารถรับชมได้จาก Gallery ครับ ทุกรูปใช้โหมดออโต้หมดครับ แค่เลือกโฟกัสแล้วกดถ่ายเลย
Performance
ประสิทธิภาพของ Acer Liquid Z500 จัดว่าอยู่ในระดับกลางครับ ตัว CPU Quad Core ใช้เป็นรุ่นยอดนิยมอย่าง MediaTek MT6582 ความเร็ว 1.3 GHz ที่เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป เช่น Facebook, Line, Internet หรือจะเอาไปเล่นเกมก็พอลากไหวอยู่ครับ ถ้าดู Youtube ก็สามรรถเล่นวีดีโอที่ความละเอียด 1080p ได้สบายๆ 720p นี่เล่นได้เหลือๆ เลยหล่ะครับ ส่วนการเข้าออกแอพ หรือการสลับแอพนี่ถือว่าทำได้ดี และลื่นไหลเลยทีเดียว ตรงนี้เป็นอานิสงส์ของการอัดแรมมาให้ 2 GB ครับ
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้น Acer Liquid Z500 ให้แบตเตอรี่มาที่ 2000 mAh ระดับความอึดถือว่าเพียงพอกับการใช้งาน 1 วันได้พอดี ที่ลองใช้งานคือถ่ายรูป, เล่น Social เล่นอินเทอร์เน็ต และเปิด 3G ไว้ตลอด ประมาณ 12 ชั่วโมงก็กลับบ้านก็ต้องรีบชาร์จไฟแหละครับ แบตเตอรี่เหลือประมาณ 15% จะลากใช้งานข้ามวันคงไม่ไหว แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่ามือถือบางรุ่นนะครับ ตรงนี้น่าจะมาจากการจัดการพลังงานของ Rom และตัว CPU ที่ไม่ค่อยกินแบตเตอรี่เท่าไหร่
Overall
มาถึงส่วนสุดท้ายในการรีวิว Acer Liquid Z500 ซึ่งก็คือการสรุปนั่นเองครับ สำหรับ Acer Liquid Z500 ก็จัดเป็นมือถือที่น่าสนใจในช่วงราคาไม่เกิน 6,000 บาท ด้วยจุดเด่นไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Acer Rapid, หน้าจอ IPS ความละเอียด HD และ Ram 2 GB ที่ต้องบอกว่าให้มาเยอะกว่ามือถือแบรนด์อื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน อีกทั้งวัสดุและการดีไซน์ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจ การใช้งานโดยรวมก็มีความลื่นไหลดี สลับแอพ เข้า-ออกแอพก็ทำได้เนียนในระดับหนึ่ง และที่สำคัญคือแบตเตอรี่ของ Acer Liquid Z500 สามารถลากยาวได้พอดีกับการใช้งานใน 1 วัน ถือเป็นจุดแข็งอีกอย่างของ Acer Liquid Z500 ที่เหนือกว่าคู่แข่งโดยตรงอย่าง Asus Zenfone 5 ครับ
ข้อดี
- สเปคคุ้มค่ากับราคา ได้ Ram 2 GB
- แบตเตอรี่ใช้งานได้หมดวันพอดี ถือว่าค่อนข้างอึด
- ลำโพงด้านหน้าช่วยให้การดูหนัง, ดู Youtube ค่อนข้างได้อรรถรสดีทีเดียว
- ปุ่ม Acer Rapid ใช้งานได้จริง และทำให้ใช้งานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
- กล้องหน้าทำออกมาได้ประทับใจ
ข้อสังเกต
- ระบบปรับแสงสว่างอัตโนมัติยังมีอาการมึนๆ บ้างในบางครั้ง
- กล้องถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยคม ถ่ายในที่แสงน้อยได้ไม่ค่อยดี
- GPS จับสัญญาณได้ช้า