Xiaomi เป็นแบรนด์ที่มักจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการตั้งราคาสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นที่ต้องบอกว่าทำเอาคู่แข่งถึงกับปาดเหงื่อ ว่ามันขายไปได้อย่างไรราคานี้ ด้วยจุดเด่นด้านสเปคต่อราคาที่ให้มากกว่าคู่แข่งทุกราย และไม่ใช่แค่เพียงสเปคเท่านั้น สมาร์ทโฟนของ Xiaomi ในหลาย ๆ รุ่นยังมีจุดเด่นที่ระบบปฏิบัติการ MIUI ซึ่งการันตีทั้งความเสถียร, การอัพเดตเวอร์ชันใหม่ ๆ และมีรอมตัวเลือกสำหรับสายโมมากมาย
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่เปิดราคามาได้ประทับใจมาก ๆ ด้วยราคาค่าตัวเพียง 2,790 บาท กับสเปคแบบนี้ ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นคงได้ขายกัน 4,000 – 5,000 บาทขึ้นไป เอาแค่ชิปเซ็ต Snapdragon 425 กับราคา 2,790 บาทก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วครับ แต่ Xiaomi ดันขายราคานี้ได้เฉยเลย
สเปค Xiaomi Redmi 5A
- ขนาดตัวเครื่อง 140.4 x 70.1 x 8.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 137 กรัม
- CPU : Qualcomm Snapdragon 425 Quad Core 1.4 GHz
- GPU : Adreno 308
- RAM 2 GB
- ความจุในตัว 16 GB
- รองรับ Micro SD สูงสุด 128 GB
- รองรับสัญญาณเครือข่าย : 2G/3G/4G Cat 4 150/50 Mbps (Dual SIM)
- WiFi 802.11 b/g/n, Bluetooth V4.1
- หน้าจอ 5 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1280 x 720 (HD)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.2 พร้อมกับ Auto Focus แบบ PDAF และมี LED Flash
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ : 3000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 7.1.2 ครอบด้วย MIUI 9
- ราคา 2,790 บาท
กล่องเป็นกล่องสีแดง เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนในซีรี่ส์ Redmi รุ่นอื่น ๆ อุปกรณ์ในกล่องประกอบไปด้วยอะแดปเตอร์ (5V- 1A), สายชาร์จแบบ Micro USB to USB-A และเข็มจิ้มซิม ไม่ได้มีหูฟังแถมมาให้ในกล่อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสมาร์ทโฟน Xiaomi อยู่แล้ว ต่อให้เป็นรุ่นท็อปสุดก็จะไม่แถมหูฟังมาให้ในกล่องอยู่ดี
สัมผัสแรกส่วนตัวคิดว่าทำได้ดีเกินราคาค่าตัวไปพอสมควร ถ้าบอกว่าราคาประมาณ 4,000 – 5,000 บาทก็ไม่ได้ถือว่าเวอร์จนเกินไป ตัววัสดุแม้จะไม่ได้พรีเมียมขนาดเป็นโลหะกับกระจก แต่ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่ถึง 3,000 บาท ได้สมาร์ทโฟนที่งานประกอบแน่นหนา แข็งแรง ดีไซน์ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ทำให้เรื่องการออกแบบและวัสดุ ก็ไม่รู้จะติ Xiaomi Redmi 5A อย่างไรเหมือนกัน
Xiaomi Redmi 5A เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD แม้ว่าจะไม่ได้เป็นหน้าจอแบบ 18:9 และขอบจอบาง ๆ แต่ด้วยขนาดหน้าจอที่ไม่ได้ใหญ่มาก เลยส่งผลให้ขนาดตัวเครื่องโดยรวมกำลังพอดี พกพาง่าย จับถือมือเดียวสะดวก แต่สำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟนจอ 5.5 นิ้ว หรือหน้าจอใหญ่กว่านั้นมาก่อน อาจรู้สึกว่าหน้าจอของ Xiaomi Redmi 5A เล็กเกินไปก็เป็นได้
รายละเอียดด้านหน้าตัวเครื่องประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 5 นิ้ว 16:9 ความละเอียด HD เป็นหน้าจอที่ให้ความคมชัดในระดับที่ยอมรับได้ อาจจะไม่ได้คมเท่ากับหน้าจอ Full HD แต่ค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลในระดับเกือบ ๆ 300 dpi ก็เป็นความหนาแน่นที่พอจะทำให้ไม่เห็นเม็ดพิกเซลได้เลย (ถ้าไม่ตั้งใจเพ่งหน้าจอ)
ด้านบนหน้าจอประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และเซ็นเซอร์ที่เกี่ยวกับด้านการแสดงผล
ด้านล่างหน้าจอมีเพียง Navigation keys แบบ Hard key เวลากดลงไปจะตอบสนองด้วยการสั่นเล็กน้อย ไล่จากซ้ายไปขวา ได้แก่ ปุ่มเมนู, โฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านข้างเริ่มจากด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ด โดย Redmi 5A รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Nano Sim) และเพิ่ม MicroSD card ได้
พอร์ตเชื่อมต่อหลัก และพอร์ตสำหรับชาร์จไฟจะอยู่บริเวณด้านล่างตัวเครื่อง เป็นพอร์ตแบบ Micro USB ส่วนอะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องเป็นอะแดปเตอร์แบบ 5V:1A (5W) การชาร์จก็อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ส่วนรูข้าง ๆ พอร์ตเชื่อมต่อเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์
อะแดปเตอร์ในกล่องเป็นขาแบบกลม จ่ายไฟได้สูงสุด 5W
ด้านบนนอกจากพอร์ตเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ก็จะมีเซ็นเซอร์อินฟาเรดสำหรับใช้แทนรีโมทคอนโทรลติดมาให้ด้วย ส่วนตัวมองว่าเป็นหนึ่งใน Killer Feature ของสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กเครื่องนี้เลยครับ
ด้านหลังแม้ว่าจะใช้วัสดุเป็นพลาสติก แต่ก็เป็นพลาสติกที่ออกแบบมาได้สวยงาม มองผ่าน ๆ ก็พอจะเข้าใจว่าเป็นโลหะได้เช่นกัน งานประกอบก็จัดว่าแน่นหนา แข็งแรง ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ไม่สามารถถอดฝาหลังได้นั่นเอง และถ้าสังเกตจากในภาพ จะเห็นว่าตัวเครื่องมีความโค้งมนพอสมควร ทำให้การจับถือทำให้สะดวกมากขึ้น ตัวเครื่องจะเข้ากับมือพอดี
รายละเอียดด้านหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสแบบ PDAF กับลำโพงหลักของตัวเครื่องบริเวณด้านล่าง
Xiaomi Redmi 5A มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MIUI 9 ที่มีพื้นฐานบน Android 7.0 Nougat หน้าตาอินเทอร์เฟสดูเป็นสากลมากขึ้น และแน่นอนว่าเป็นรอม Global Version สามารถโหลดแอปพลิเคชันผ่าน Google Play Store ได้เหมือนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ปกติทั่วไป
ไฮไลท์เด็ดของรุ่นนี้สำหรับผมก็คงเป็น Mi Remote ที่ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กแปลงร่างเป็นรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็ได้ ควบคุมได้ตั้งแต่โทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, พัดลม เอาเป็นว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีรีโมทคอนโทรล ส่วนมากจะควบคุมได้หมดครับ ฐานข้อมูลถือว่าแน่นพอสมควร
ในการใช้งานแทนรีโมท ก็ไม่ใช่ว่าทำได้แค่เปิด – ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ แต่มันสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับรีโมทจริง ๆ อย่างใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ก็ทำได้ตั้งแต่การเปิด – ปิด, ปรับโหมด, ลด – เพิ่มอุณหภูมิ, เร่งรอบพัดลม หรือจะใช้ตั้งเวลาก็ได้เช่นกัน
ด้านกล้องถ่ายภาพมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ระบบโฟกัสแบบ PDAF ทำให้การจับโฟกัสทำได้รวดเร็วมากในที่แสงปกติ และแน่นอนว่าเมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อย นอกจากคุณภาพของรูปถ่ายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว การจับโฟกัสก็ช้าลงด้วยเช่นกัน ถือเป็นข้อจำกัดของระบบโฟกัสแบบ PDAF แต่เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว 2,790 บาท ก็ทำให้พอจะมองข้ามข้อจำกัดตรงนี้ไปได้เช่นกัน เพราะตอนที่แสงปกติก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีทีเดียว
กล้องหน้าให้มาที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0 จัดว่าเป็นความละเอียดระดับกลาง ๆ ตามมาตรฐาน แต่มีทีเด็ดเรื่องฟีเจอร์ ทั้งโหมด Beauty หน้าสวย, ระบบโฟกัสใบหน้าอัตโนมัติ และยังสามารถระบุเพศรวมถึงระบุอายุของคนถ่ายได้อีกด้วย
คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้อง สรุปง่าย ๆ ว่าแปรผันตามสภาพแสงครับ ในที่แสงปกติ กับราคา 2,790 บาท ผมมองว่ามันทำได้เกินราคาพอสมควร ระบบโฟกัสแบบ PDAF โฟกัสได้อย่างรวดเร็ว คุณภาพรูปถ่ายอยู่ในระดับที่รับได้ ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็จะดรอปลงมาบ้าง แต่ก็ยังพอใช้งานได้อยู่
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง (สามารถกดเข้าไปชมรูปความละเอียดเต็มได้)
ด้านประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลรุ่นเล็กจาก Qualcomm ในรุ่น Snapdragon 425 มาพร้อม Ram 2 GB และความจุ 16 GB ส่วนตัวมองว่า CPU กับ Ram ถือว่าโอเคแล้ว จะติดเล็กน้อยก็ตรงความจุ 16 GB อาจจะใช้งานได้ไม่จุใจสักเท่าไหร่ อาจจะต้องพยายามเลือกแอปพลิเคชันที่ใช้งานให้เหมาะสมกับความจุ แล้วก็ใส่ MicroSD Card เพิ่มเติมสำหรับเก็บภาพถ่าย, วีดีโอ, เพลง และภาพยนตร์แทน
เห็นว่าเป็นรุ่นเล็กแบบนี้ แต่ในการเล่นเกมก็จัดว่าพอเล่นเกมได้บ้างครับ ผมลองทดสอบกับเกม ROV สามารถเล่นได้ แต่มีเงื่อนไขคือต้องปรับต่ำสุดทุกอย่าง ถึงจะพอเล่นได้แบบไม่ติดขัด ไม่สามารถเปิดภาพ HD เล่นได้ เนื่องจากทำให้ตัวเกมหน่วงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเรื่องการจัดการพลังงานและแบตเตอรี่ Xiaomi Redmi 5A ให้แบตเตอรี่มาที่ความจุ 3,000 mAh กับสเปคแบบพอเพียงเช่นนี้ การใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้หมดวันแบบสบาย ๆ แต่ถ้าใช้งานหนักต่อเนื่องก็จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมงครับ
หลังจากที่ได้ลองใช้งานเครื่องรีวิว Xiaomi Redmi 5A มาสักพัก ความรู้สึกส่วนตัวผมคือไม่รู้จะติเรื่องอะไร เมื่อเทียบกับราคาที่ Xiaomi ตั้งไว้ 2,790 บาท เพราะสมาร์ทโฟนเครื่องนี้มันให้อะไรที่เกินราคาไปพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องสเปค และฟีเจอร์ แต่ถ้าจะให้บอกข้อจำกัดของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ก็คงเป็นช่องทางการวางจำหน่าย ที่ไม่สามารถหาซื้อตามหน้าร้านทั่วไปได้ ต้องรอ Flash Sale กับทาง Lazada เท่านั้น โดยการ Flash Sale ก็จะต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกที
อย่างไรก็ตาม Xiaomi Redmi 5A ไม่ได้เป็นสมาร์ทโฟนที่หาซื้อยาก หรือเป็น Limited Edition ขนาดนั้น เพราะตั้งแต่เปิดตัวมา ก็มี Flash Sale กันถึง 4 รอบแล้ว สินค้าคงมีจำหน่ายเรื่อย ๆ แต่ขายในจำนวนจำกัดแต่ละรอบ เพราะฉะนั้นคนที่สนใจ Xiaomi Redmi 5A แนะนำให้กดติดตามแฟนเพจ Mi Thailand เอาไว้ให้ดี คาดว่า Flash Sale รอบต่อไปคงในเร็ว ๆ นี้ล่ะครับ