Xiaomi ได้เริ่มทำตลาดตระกูล mi ในระดับราคาเริ่มต้น ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นแรกที่ Xiaomi นำเครื่องตระกูล mi มาเล่นในตลาดเครื่องราคาถูก แถมสเปคยังดี เครื่องสวย ด้วยราคา 4,990 บาท ที่มาพร้อม Ram 4GB Rom 64GB ที่น่าจะเป็นรุ่นแรกในช่วงราคาไม่เกิน 5,000 ที่ให้ Ram/Rom ขนาดนี้
สเปค Xiaomi Mi Play
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio P35
- แรม 4GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64GB รองรับ MicroSD สูงสุด 256 GB
- หน้าจอขนาด 5.84 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 ความละเอียด Full HD+
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10
- กล้องหลังคู่
- กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- Depth Sensor สำหรับเก็บความลึก ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Beauty
- ถาดใส่ซิมคู่แบบนาโนซิม พร้อมช่อง MicroSD แยก
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh ช่องชาร์จแบบ Micro USB
- ราคาเปิดตัว 4,990 บาท
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง Xiaomi Mi Play นั้นจะประกอบไปด้วยเคส TPU แบบใส, สายชาร์จ micro USB และอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W
Design – การออกแบบ
แม้จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูล mi แต่ในด้านการออกแบบก็ถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลย ในเรื่องวัสดุนั้นหลักๆจะเป็นพลาสติกแล้วครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass ทั้งหน้าและหลังทำให้ตัวเครื่องมีความเงางามคล้ายรุ่นพี่อย่าง mi 9 เวลาจับจะให้ความรู้สึกแข็งแรง ทนทาน
ในส่วนของหน้าจอ IPS แบบ FullView Display ขนาด 5.84 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอ 19:9 มุมมองการแสดงผลกว้าง สีสันหน้าจอแม้จะไม่ได้สดจัดแบบจอ OLED แต่ก็อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสมกับการดูรูปภาพ หรือรับชมวีดีโอ
สำหรับรอบตัวเครื่องนั้น เริ่มจากขวา ประกอบไปด้วย ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านล่างเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ micro USB ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และลำโพงหลักของตัวเครื่อง ทางด้านซ้ายเป็นถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับซิมการ์ดแบบ nano SIM 2 ซิม และรองรับ micro SD Card
ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องหลัง 2 ตัว แฟลช LED และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านหลัง
ภาพรวมสำหรับการออกแบบ Xiaomi Mi Play นั้นถือเป็นรุ่นที่มีดีไซน์สวยงาม ดูหรูหรา ตามสไตล์เครื่องตระกูล Mi ในการจับถือตัวเครื่องอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ จะมีข้อสังเกตก็คือเรื่องที่ตัวเครื่องเป็นกระจกทำให้เห็นรอยนิ้วมือได้ชัดเจนนั่นเอง
Software – ระบบปฏิบัติการ
Xiaomi Mi Play นั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ครอบทับด้วย MIUI 10 โดยเครื่องที่นำมารีวิวนี้จะเป็นเครื่อง Global ทำให้มี Play Store มาให้พร้อมใช้งานในเครื่องทันที
พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตามสเปคนั้นให้มา 64 GB เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใช้งานครั้งแรก จะเหลือให้ใช้อีกราวๆ 52 GB ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถโหลดแอปพลิเคชันลงเครื่องเพิ่มเติมได้อีกหลายแอป แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ แนะนำให้ซื้อ micro SD เพิ่มความจุใสตัวเครื่องจะดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันนี้ microSD Card ก็ไม่ได้ราคาแพงแล้ว แต่ควรเลือกรุ่นที่มีประสิทธิภาพในการอ่านเขียนสูงสักหน่อย เผื่อกรณีที่ต้องการลงแอปผ่าน SD Card
เนื่องจาก Xiaomi Mi Play ผ่านการรับรอง Widevine ที่ระดับ L3 หากใช้ในการรับชม Netflix จะไม่สามารถเล่นที่ความละเอียด HD ได้นะครับ
Camera – กล้องถ่ายภาพ
กล้องหลังของ Xiaomi Mi Play เป็นกล้องหลังแบบ Dual Camera หรือกล้องหลัง 2 ตัว ไก้แก่
- กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล f/2.2 ระบบโฟกัสแบบ PDAF
- กล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล
โดยตัวของกล้อง depth ก็จะไว้ช่วยเสริมประสิทธิภาพในด้านการเบลอฉากหลังเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมด Portrait
จุดเด่นอย่างหนึ่งของกล้องในตัว Xiaomi Mi Play นั้นคือสามารถเลือกเปิด-ปิดโหมด HDR ได้ตามใจชอบทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลย ในส่วนของกล้องหลังนั้นถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว โดยภาพซ้ายจะเป็นแบบปกติ ส่วนภาพขวาจะเป็นแบบที่เปิดโหมด HDR
ภาพถ่ายทั่วไปของ Xiaomi Mi Play นั้นถือว่าทำได้ดีในที่มีแสงพอเพียง สีสันไม่จัดจ้านเกินไป การตัดขอบเบลอก็ทำได้ค่อนข้างดี ส่วนการถ่ายภาพกลางคืนต้องระวังเรื่องการโฟกัสที่ค่อนข้างช้า ทำให้อาจภาพอาจเกิดการฟุ้งได้ สำหรับคุณภาพถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Xiaomi Mi Play
กล้องหน้าของ Xiaomi Mi Play มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมดถ่ายภาพแบบปกติ แล้วก็โหมดใบหน้าสวย ที่ใช้ AI ในการช่วยประมวลผลภาพถ่าย พร้อมละลายฉากหลังเบลอ ทำให้ตัวแบบโดดเด่น
ความแตกต่างระหว่างโหมดถ่ายภาพปกติ กับโหมดใบหน้าสวยก็ตามตัวอย่างด้านล่าง ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดปกติ ภาพขวาเป็นโหมด Portrait การตัดขอบแม้จะมีหลุดบ้าง แต่โดยรวมถือว่าโอเคสำหรับสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 5,000 บาท
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้าของ Xiaomi Mi Play
Performance – ประสิทธิภาพ
ในส่วนของการประมวลผล Xiaomi Mi Play มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Helio P35 (MT6765) Ram 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 64 GB โดยรวมสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเล่นโซเชียล, เล่นอินเทอร์เน็ต หรือจะใช้รับชม Youtube, LINE TV, Netflix ก็สามารถทำได้
ส่วนการเล่นเกมด้วย Xiaomi Mi Play ผมลองทดสอบกับเกมอย่าง ROV แล้วสามารถปรับค่าสูงสุดได้ แต่ขอไม่แนะนำให้ทำเพราะจะทำให้เฟรมเรทเฉลี่ยราว 20 fps และเครื่องยังร้อนเร็วอีกด้วย แนะนำให้ปรับตั้งค่าต่ำถึงกลาง ในโหมดเฟรมเรทปกติ (30 fps) จะเล่นได้ลื่นไหลมากกว่า ส่วนตัวมองว่ารุ่นนี้สามารถเล่นเกมได้ทุกแนว แต่ต้องมีการปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับสเปค โดยส่วนมากจะเป็นการปรับ Low – Mid เป็นส่วนใหญ่
ด้านการจัดการพลังงานและการชาร์จไฟ ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh ที่ดูแล้วไม่น่าพอสำหรับในยุคนี้ กลับถูกทดแทนด้วยชิป Helio P35 ที่ผลิตบนเทคโนโลยี 12 นาโนเมตร ซึ่งมีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำ จึงทำให้ Xiaomi Mi Play นั้นสามารถใช้งานได้จนจบวันอย่างแน่นอน
ข้อสังเกตของแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh ใน Xiaomi Mi Play นั้นคือหลังจากที่เล่นจนเครื่องร้อนแล้วนั้นแบตเตอรี่จะลดลงเร็วมาก ทำให้หากนำไปใช้เล่นเกมบ่อย ๆ ก็ควรจะมี Power bank พกติดตัวเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ด้วยความที่มีแบตเตอรี่ถึง 3,000 mAh แต่ไม่มีระบบชาร์จเร็ว อีกทั้งยังรับไฟขาเข้าได้มากสุด 10W (5V: 2A) ทำให้กว่าจะเต็มต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ
สรุป
Xiaomi Mi Play นั้นถือเป็นรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่เปิดมาเพียง 4,990 บาท ซึ่งในงบไม่เกิน 5,000 บาท แต่ได้ Ram/Rom 4GB/64GB นั้นไม่มีรุ่นไหนให้ได้ ในส่วนของกล้องที่สามารถละลายหลังได้ค่อนข้างดีเกินราคา อีกทั้งยังมีซีไซน์ที่ดูหรูหรา และสเปคที่เพียงพอต่อการใช้งานในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงาม ดูพรีเมียมเกินราคา
- กล้องหน้ามี AI Beauty
- โหมด HDR จัดการแสงได้ดี
- รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
ข้อสังเกต
- ชิปประมวลผลเมื่อเทียบกับอีกซีรี่ย์ของ Xiaomi ที่มีราคาใกล้กันแล้วถือว่าอ่อนกว่ามาก
- พอร์ตเชื่อมต่อเป็น micro USB
- ไม่รองรับชาร์จเร็ว