Xiaomi ขึ้นชื่อในเรื่องของโทรศัพท์มือถือที่มีราคาถูก แต่ได้สเปคจัดหนักจัดเต็ม โดยก่อนหน้านี้ถ้าใครอยากจะได้ก็ต้องไปซื้อเครื่องหิ้วตามร้านตู้ที่มีราคาแพงกว่าปกติ แต่ล่าสุด Xiaomi ก็ได้ทำการตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจพร้อมกันถึง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น TOP สุดอย่าง Xiaomi Mi6 กับรุ่นกลางอย่าง Xiaomi Redmi Note 4 และแน่นอนว่ารุ่นที่เราจะมารีวิวในวันนี้คือ Xiaomi Mi6 รุ่น TOP สุด
สเปค Xiaomi Mi6
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.15 นิ้ว ความละเอียด FullHD
- CPU Snapdragon 835 octa-core 2.45GHz
- GPU Adreno 540
- Ram 4/6 GB
- ความจุ 64/128GB
- กล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Wide angle + Telephoto
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ 3350mAh
- สเปคเต็ม ๆ Xiaomi Mi6
- รุ่น Ram 6 GB/Rom 64GB 13,790 บาท
- รุ่น Ram 6 GB/Rom 128GB 15,990 บาท รุ่นที่นำมารีวิว
กล่องของ Xiaomi Mi6 จะมาในกล่องเรียบ ๆ มีอุปกรณ์มาให้ดังนี้
- ตัวเครื่อง Xiaomi Mi6
- อะแดปเตอร์
- สาย USB-C
- ตัวแปลง USB-C เป็นหูฟัง 3.5 มม.
- เคส TPU
- คู่มือการใช้งาน
จุดเด่น
– งานประกอบตัวเครื่องดีเกินราคา
– ลำโพงสเตอริโอให้เสียงที่ดังและเพราะมาก
– ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสเปคที่ได้
ข้อสังเกต
– เล่นเกมหรือใช้งานเครื่องหนัก ๆ เครื่องจะร้อนมาก
บทสรุป
BEST PRICE
Design
ครั้งแรกที่ได้จับ Xiaomi Mi6 นั้นรู้สึกถึงความแน่นของงานประกอบที่ดีมาก แม้ตัวเครื่องจะหนักมือไปหน่อย แต่การจับถือใช้งานมือเดียวทำได้ดีเพราะดีไซน์ที่ใช้กระจกหลังแบบ 4D โค้งรับกับมือเป็นอย่างมาก
Xiaomi Mi6 มีขนาดหน้าจอ 5.15 นิ้ว ทำให้ขนาดโดยรวมไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวก โดยหน้าจอขนาด 5.15 ของ Mi6 นั้นจัดได้ว่าเป็นเรือธง ชิปเซ็ต Snapdragon 835 ที่มีหน้าจอเล็กที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
วัสดุตัวเครื่องเป็นกระจกทั้งด้านหน้าและหลัง โดยรุ่นที่รีวิวเป็นเครื่องสีน้ำเงินตัดกับขอบโลหะขัดเงาสีทอง ซึ่งเวลาที่ถือไปใช้ในที่แดดจัด ๆ จะให้ความรู้สึกที่หรูหราดูแพงขึ้นมาทันทีเลย
ด้านบนของตัวเครื่อง Xiaomi Mi6 มี Infrared ให้ด้วยสามารถใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับรีโมทคอนโทรลได้เลย เช่น แอร์, พัดลม, โทรทัศน์ เป็นต้น
Xiaomi Mi6 สามารถใส่ SIM ได้สูงสุด 2 ซิม รองรับ NanoSIM ทั้งสองช่อง และรองรับการใช้งาน 4G 2 ซิมแบบ Full netcom 4.0 ด้วย แต่ไม่สามารถใส่ MicroSD Card เพื่อเพิ่มความจุได้
ด้านหลังตัวเครื่องมีกล้องคู่ Dual Camera 12 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ Wide angle + Telephoto มีไฟแฟลชแบบ Two-tone อยู่ด้านข้างกล้อง โดยกล้องมีขอบเลนส์สีทองตัดกับตัวกระจกสีน้ำเงินที่ดูสวยดี
เนื่องจาก Xiaomi Mi6 ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. เวลาใช้งานหูฟังจะต้องเสียบผ่านพอร์ต USB-C แต่ในกล่องเองก็มีตัวแปลง USB-C เป็นช่อง 3.5 มม. มาให้ จากที่ลองฟังเพลงบน Xiaomi Mi6 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เสียงดีรุ่นหนึ่ง และมีกำลังขับมากกว่าสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป
Software
Xiaomi Mi 6 เครื่องที่รีวิวนั้นใช้ระบบปฏิบัติการ MIUI 9 มีพื้นฐานมาจาก Android 7.1.1 Nougat โดยถือว่าเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด มีการออกแบบระบบจัดการภายในเครื่องใหม่หมด ลดการทำงานของแอปพลิเคชันเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เครื่องมีความเร็วและลื่นกว่า MIUI รุ่นก่อนหน้า ส่วนหน้าตา UI นั้นก็จะมีความเรียบง่ายใช้งานไม่ยาก โดย MIUI 9 จะไม่มี App Drawer มาให้ใช้งาน ทุกแอปจะอยู่บนหน้า Homescreen เลย
ระบบ Theme ของ MIUI 9 มี Theme สวย ๆ ให้เลือกมากมาย โดยการเปลี่ยน Theme นั้นจะเป็นการเปลี่ยนทุกส่วนของหน้า UI ทั้ง Icon และ Wallpaper ทำให้ดูเข้ากันไปหมด นอกจากนี้ MIUI 9 ยังมีแอป Security ติดมาให้ด้วย มีฟีเจอร์หลักดังนี้
- Cleaner เอาไว้ลบไฟล์ขยะในตัวเครื่อง
- Boost speed เอาไว้เคลียร์ Ram เร่งความเร็วเครื่อง
- Security scan ระบบสแกนความปลอดภัยและไวรัส
- Battery usage ตรวจดูการใช้งานแบตเตอรี่พร้อมช่วยระบบประหยัดพลังงาน
- Data usage ตรวจเช็คการใช้งานอินเตอร์เน็ต
- App lock ล็อค App ด้วยรหัสผ่านหรือลายนิ้วมือเพื่อไม่ให้คนอื่นสามารถเปิดแอปของเราดูได้
- Deep Clean เป็นการลบไฟล์แบบละเอียดโดยระบบจะดึงเอาไฟล์ที่ไม่ได้ถูกใช้งานนาน ๆ มาให้เราเลือกลบ
นอกจากนี้ยังมี Second space โดยระบบจะทำการแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะทำการเว้นพื้นที่ให้เราใช้งานเปรียบเสมือนเครื่องใหม่อีกเครื่อง แบบเดียวกับการสร้าง Account ในคอมพิวเตอร์ เหมาะกับเวลาที่เพื่อนมาขอเล่นโทรศัพท์ เพียงเท่านี้ข้อมูลต่าง ๆ ของเราเพื่อนก็จะไม่สามารถเข้าไปดูได้ และการออกจากโหมดนี้ ต้องใส่รหัสหรือสแกนลายนิ้วมือของเจ้าของเครื่องก่อนถึงจะสามารถออกได้
Dual App เป็นการโคลนแอปต่าง ๆ แต่จะพิเศษตรงที่สามารถโคลนได้เกือบทุกแอปพลิเคชัน แบบไม่จำกัดว่าต้องเป็นแอปสื่อสารเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมหลาย ๆ Account
Camera
หน้าตาการออกแบบของ UI กล้องนั้นมีความเรียบง่าย ใช้งานไม่ยาก มีโหมดให้เลือกใช้งานมากมาย โดยกล้องของ Xiaomi Mi6 มาพร้อมกล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์ Wide angle + Telephoto มีจุดประสงค์ในการใช้งานต่างกัน กล้องหลักเป็นเลนส์ wide มุมกว้าง f/1.8 ส่วนกล้องรองเป็นเลนส์ Telephoto รูรับแสง f/2.6 มาพร้อมกับแฟลชแบบ Two-tone
การถ่ายรูปในที่แจ้งสามารถโฟกัสภาพออกมาได้รวดเร็ว แต่พบว่ามีการวัดแสงที่อาจจะดูสว่างไปหน่อยต้องคอยปรับอยู่บ้าง การถ่ายภาพตอนกลางคืนสามารถทำได้ดีในระดับหนึ่ง บางรูปยังมี noise ให้เห็นชัดเจนอยู่
โหมด Tele สามารถซูมได้สูงสุด 2X รูปที่ได้ก็อย่างที่เห็นด้านล่างนี้ และด้วยความที่ซูมจากตัวฮาร์ดแวร์ เลยภาพไม่มีอาการแตกหรือเบลอสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีไม่แพ้กล้องหลัก
แต่ในที่ ๆ มีแสงน้อยการใช้เลนส์ Tele จะไม่สามารถใช้ได้ โดยระบบตัวเครื่องจะใช้เลนส์หลักที่มีค่ารูรับแสงกว้างกว่ามาใช้แทน แล้วอาศัยการ Crop ภาพ ทำให้ได้คุณภาพของรูปถ่ายไม่เท่าตอนถ่ายในที่แสงปกติ
โดยรวมภาพที่ได้จากกล้องหลังของ Mi 6 มีความคมชัด ให้สีสันจัดจ้าน เวลาที่ Zoom ถ่ายภาพพวกตึก หรือพื้นผิวต่าง ๆ ทำให้ได้มุมมองภาพที่ดูแปลกตากว่าเดิม
ส่วนโหมด Portrait สามารถถ่ายออกมาได้ละลายแบบเห็นได้ชัด บางรูปก็ละลายจนเหมือนกับเอาไปตัดแปะกับภาพ โดยรวมถือว่าพอใจกับโหมดนี้มาก แต่แนะนำว่าตอนถ่ายให้อยู่ห่างกล้องไม่เกิน 1.5 เมตร ถ้าใกล้หรือไกลเกินกล้องจะประมวลผลออกมาไม่ค่อยดี
กล้องหน้า
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมด Beauty มาให้ด้วย สามารถปรับสีผิว ความเนียนได้ พร้อมกับบอกอายุของเรา ส่วนตัวคิดว่ากล้องหน้าถ่ายออกมาได้สวยดี เก็บรายละเอียดเส้นผมขนคิ้วได้ครบสีผิวก็ดูมีความใส ไม่ได้ลอยเหมือนโบกแป้งหนา ๆ
Performance
Xiaomi Mi6 เป็นมือถือเรือธงที่มีสเปคสุดโหด ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835 Octa-core ความเร็สว 2.45GHz รุ่น TOP สุดในตลาดตอนนี้ มาพร้อมกับกราฟิกชิปตัวแรง Adreno 540 แค่เห็นสเปคก็มั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานได้ทุกแอปพลิเคชั่นแบบลื่น ๆ และยังจัดเต็มด้วย Ram 6 GB ทำให้การสลับแอปไปมา หรือเปิดแอปที่ใช้งานค้างอยู่ก็สามารถทำงานต่อได้ทันที แม้ว่าจะผ่านไปนานแล้วหลายชั่วโมงนอกจากนี้ Xiaomi Mi6 ยังมาพร้อมกับ ROM 128GB ที่เป็นแบบ UFS 2.1 ทำให้การใช้งานทั่วไปมีความเร็วมากขึ้น
จากการที่ลองเล่น Lineage 2 Revolution โดยปรับความละเอียดภาพระดับสูงสุดทุกอย่าง สามารถเล่นเกมได้แบบไม่กระตุก ทำเฟรมเรตออกมาได้ไหลลื่นมาก การโหลดเข้าเกมก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ติดที่ว่าเครื่องจะร้อนพอสมควรเวลาที่เล่นเกมนาน ๆ การจับถือตอนเล่นนั้นสามารถทำออกมาได้ดี
มาเรื่องแบตเตอรี่กันบ้าง Xiaomi Mi6 มีแบตเตอรี่ขนาด 3350mAh จากการใช้งานเล่นเกมต่อเนื่องแบบไม่ปิดจอเลย Xiaomi Mi6 มี Screen on time อยู่เกือบ ๆ 5 ชั่วโมงก็ถือว่าอึดใช้ได้ เพราะเกมที่ลองเล่นนั้นใช้กราฟฟิกสูง ทำให้กินแบตเยอะตามไปด้วย แต่ว่าการใช้งานปกตินั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานแบบทั้งวันได้แน่นอน
ในส่วนของการชาร์จไฟ Xiaomi Mi6 รองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 อีกด้วย โดย Adapter ที่ให้มาในกล่องก็เป็น Quick Charge 3.0 เลย สามารถจ่ายไฟได้ 3 ระดับคือ 5V/3A , 9V/2A และ 12V/1.5A เวลาชาร์จไฟจาก 0 – 60% อยู่ที่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น