ถ้าพูดถึงแบรนด์ Wiko หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อติดหูอยู่บ้างแต่อาจจะยังไม่รู้จักแบรนด์นี้ดี โดย Wiko เป็นสมาร์ทโฟนสัญชาติฝรั่งเศสเน้นผลิตโทรศัพท์ที่มีสเปคกับราคาที่คุ้มค่า มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดย Wiko เพิ่งได้เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการ ถ่ายรูปมาพร้อมกับจอขนาด 5.5 นิ้วในราคาเพียง 4,990 บาท นั่นก็คือ Wiko Upulse มาดูกันดีกว่าว่าหลังจากที่ลองใช้งาน Wiko Upulse แล้วมีความรู้สึกเป็นยังไงกันบ้าง
ฃสเปคของ Wiko Upulse
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว IPS ความละเอียด HD 720P
- CPU MediaTek MT6737 Quad-core 1.3GHz
- GPU Mali-T720
- RAM 3GB
- ROM 32GB รองรับ microSD สูงสุด 128GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, f/2.0, LED flash, Autofocus
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, f/2.0, LED flash
- Android 7.0 Nougat
- รองรับ 2 SIM มีช่องใส่ microSD แยกให้
- มีที่สแกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่: 3,000 mAh
- ขนาด 153.5 x 77.5 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 167 กรัม
- สี: Cherry Red, Black, Gold
- ราคา: 4,990 บาท
ข้อดี
ข้อสังเกต
บทสรุป
สำหรับ Wiko Upulse ก็ถือว่าเป็นโทรศัพท์อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจในราคาต่ำกว่า 5,000 บาท เหมาะกับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เน้นการใช้งานทั่วไป และ เล่นเกมบ้าง โดยมาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามมีวัสดุฝาหลังเป็นโลหะ ถึงแม้ว่าจะมีสเปคที่ไม่ได้แรงมากแต่การใช้งานจริงนั้นก็ถือว่าทำออกมาได้ลื่นไหลเป็นอย่างดี กล้องถ่ายรูปของ Wiko Upulse ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากสำหรับโทรศัพท์ที่มีราคาไม่ถึง 5,000 บาท และมีแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh สามารถใช้งานได้เต็มวันโดยไม่ต้องชาร์จเพิ่ม
BEST PRICE
Design
Wiko Upulse ที่เราได้มารีวิวเป็นสี Cherry Red ที่เป็นสีแดงสด โดยด้านหน้า Wiko Upulse มีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p กระจกเป็นแบบ 2.5D ให้ภาพที่คมชัดมีสีสันที่กำลังดีมีมุมมองหน้าจอกว้าง ใช้งานในที่แจ้งก็ยังสามารถแสดงผลได้ชัดเจน ด้านบนหน้าจอมีไฟแจ้งเตือน LED เซนเซอร์วัดแสง, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนา และ ไฟแฟลช ส่วนด้านล่างหน้าจอจะมีปุ่ม Navigation แบบ On Screen สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Back กับ Recent app ได้
ด้านหลังของ Wiko Upulse จะมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED มีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ถัดลงมาจากกล้อง และลำโพงหลักจะอยู่ทางด้างล่างของฝาหลัง ฝาของ Wiko Upulse เป็นโลหะเกือบทั้งแผ่นแต่บริเวณขอบรอบ ๆ ฝานั้นเป็นวัสดุพลาสติก ส่วนที่เป็นโลหะมีการขัดลายเป็นเส้น ๆ ช่วยพลางรอยต่าง ๆ ที่เกินขึ้นกับฝาหลังได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้เวลาที่เราหยิบมาใช้งานจะไม่เจอปัญหาเป็นรอยนิ้วมือมากเท่าไหร และก็ไม่ทำให้ลื่นมืออีกด้วย
Wiko Upulse สามารถถอดฝาหลังออกมาได้จากการแงะจากมุมขวาของตัวเครื่อง โดยที่เราสามารถใส่ Sim ได้ 2 Sim พร้อมกับ Micro SD Card ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ตัวฝาหลังพอประกบกับตัวเครื่องจะมีเสียงแกร๊ก ๆ อยู่ทั้ง ๆ ที่กดฝาลงไปแน่นแล้ว
การจับถือ Wiko Upulse ให้ความรู้สึกที่เเข็งแรงดีด้วยฝาหลังที่เป็นอลูมิเนียมโค้งรับกับอุ้งมือเป็นอย่างดี ส่วนหน้าจอก็เป็นกระจกแบบโค้ง 2.5 D ที่ให้ความรู้สึกเนียนนิ้วมาก ๆ การใช้งานมือเดียวสามารถทำได้อย่างสบาย ๆ เพราะมีขนาดของตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่เกินไปทำให้สามารถลากนิ้วได้เกือบจะทั่วทั้งจอ นอกจากนี้ปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ติดมากับตัวเครื่องเราสามารถใช้งานเป็นปุ่มย้อนกลับได้อีกด้วย แต่ว่าเวลาที่เราเล่นเกมในแนวนอนนิ้วจะเผลอไปโดนเป็นประจำ
Software
Wiko Upulse มาพร้อมกับ Android 7.0 Nougat ถ้าดูจากในรูปจะมีความคล้ายกับ Pure Android ไม่ว่าจะเป็นแถบหน้าการตั้งค่า หรือ ตัวแอปที่ติดมากับเครื่อง แต่จริง ๆ แล้ว Wiko Upulse ถูกครอบทับด้วยด้วย Launcher ของ Wiko อีกที
โดยหน้าตา UI ส่วนใหญ่ของ Wiko นั้นใช้งานแรก ๆ อาจจะมีกดเข้าผิดแอปบ้างเพราะมีลักษณะที่คล้ายกันมาก แต่ใช้ไปสักพักก็จะเริ่มแยกออก แอปที่ถูกติดตั้งมาในตัวเครื่องก็มีมาให้ครบตามปกติเช่น แอปจาก Google ทั้งหลาย นอกเหนือจากนั้นจะเป็นแอปจากทาง Wiko ซึ่งส่วนตัวมองว่าใช้ของ Google จะดีกว่า เพราะแอปของ Wiko บางตัวมีหน้าตาที่ดูใช้งานยากอย่างแอป แกลเลอรี่ จากที่ลองใช้งานมาตัวระบบมีความลื่นไหลดีไม่มีอาการกระตุกให้เห็นเลย การใช้งานทั่วไปไม่เจอปัญหาอะไร ระบบการแจ้งเตือนของแอปต่าง ๆ ก็ทำงานเป็นปกติดี
ฟีเจอร์ของ Wiko Upulse หลัก ๆ ก็จะมี Smart Gesture ที่จะเป็นการวาดตัวหนังสือต่าง ๆ เพื่อเป็นทางลัดเข้าถึงแอพได้อย่างรวดเร็วเช่น
- วาด O เพื่อเข้ากล้อง
- วาด M เพื่อเปิดแอปเพลง
- วาด C เพื่อเปิดแอพโทรศัพท์
โดยที่เราสามารถเพิ่มทางลัดต่าง ๆ ในการวาดได้เองอีกด้วย นอกจากนี้ตัว Wiko Upulse ยังมีระบบจัดการภายในตัวเครื่องเองอีกสามารถใช้ในการอัพเดตต่าง ๆ รวมไปถึงการจัดการไฟล์ตกค้าง ภายในตัวเครื่องของ Wiko Upulse ได้เองอีกด้วย
Camera
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, f/2.0,มี LED flash,และ Autofocus การถ่ายถ่าพสามารถทำออกมาได้ดี ในที่ที่มีแสงเพียงพอการโฟกัสสามารถทำออกมาได้รวดเร็วดี แต่ในที่แสงน้อยการโฟกัสภาพทำได้ค่อนข้างช้า ส่วนการถ่ายรูปแบบ HDR มือต้องนิ่งพอสมควรไม่งั้นอาจจะเกิดอาการภาพซ้อนได้ คุณภาพรูปที่ได้ถือว่าดีกว่าที่คิดไว้ตอนแรก การเก็บแสงเก็บรายละเอียดสามารถทำออกมาได้ดี นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดต่าง ๆ ให้เลือกใช้งานเช่น
- Super Pixel
- Beauty
- Professional
- Panorama
- Night
- QR code
- Time Lapse
ไฮไลท์ที่ชอบที่สุดของกล้องก็คือโหมดถ่ายรูปความละเอียดสูง Super Pixel ที่จะเป็นการถ่ายรูปมาซ้อนกันหลาย ๆ รูปเพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดที่มากถึง 52 ล้านพิกเซล ทำให้ได้รูปที่คมชัดกว่าปกติและสามารถซูมเข้าไปได้สูงสุดถึง 32 เท่า
รูปที่ถ่ายแบบ Super Pixel
รูปบนถ่ายแบบ Super Pixel รูปล่างถ่ายแบบปกติ โดยระยะที่ถ่ายเป็นระยะจากภาพด้านบนที่ทำการ Crop มาในโปรแกรมอีกที จะเห็นได้ว่ารูปที่ถ่ายแบบ Super Pixel จะเนียนกว่าและแทบไม่มี Noise เลย
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งเลยของ Wiko Upulse มีโหมด Beauty ที่สามารถปรับ หน้าเนียน ตาโต และเก็บคางได้ มาพร้อมไฟแฟลช นอกจากนี้ก็มีโหมด Portrait สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลออีกด้วย แต่กลับไม่มีมาให้ในกล้องหลัง
Performance
ในเรื่องของประสิทธิภาพ Wiko Upulse นั้นมาพร้อมกับชิป MediaTek MT6737 แบบ Quad-core ความเร็ว 1.3GHz ซึ่งเป็นชิประดับเริ่มต้นจาก MediaTek ที่มีราคาไม่แพงมาก GPU เป็น Mali-T720 การใช้งานทั่วไปก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถใช้งานได้ดีเลย ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นเวลาที่ใช้งาน การเล่นเกมก็สามารถทำออกมาได้ดี แต่ก็มีอาการกระตุกอยู่บ้างเวลาที่เล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ โดยในตอนนี้แอปที่ใช้ตรวจ CPU จะเห็นเป็น MediaTek MT6735 อยู่ต้องรออัพเดตอีกที ถึงจะเห็นเป็น MediaTek MT6737 (เป็นเรื่องปกติของ CPU ที่ออกมาใหม่)
นอกจากนี้ Wiko Upulse ยังมาพร้อมกับ RAM 3GB เปิดเครื่องใช้งานจริง ๆ จะเหลืออยู่ประมาณ 1.8 GB ซึ่งก็ถือว่าตัวระบบเองนั้นไม่ค่อยกิน RAM มากเท่าไหร การสลับแอปหรือเปิดแอปที่ใช้งานค้างอยู่ก็สามารถทำงานต่อได้ทันทีไม่ต้องรอโหลดใหม่
การเล่นเกมสามารถเล่นได้แต่อาจจะมีอาการกระตุกบ้าง โดยจากที่ลองเล่นเกมอย่าง Dynasty Warriors Unleashed การปรับภาพไปเล่นแบบความละเอียดสูงสุดสามารถเล่นได้ แต่ไม่ลื่นเท่าที่ควร ต้องปรับความละเอียดลงมาตำ่สุดถึงเล่นได้แบบไม่มีอาการกระตุก ส่วนเกมอย่าง Pokemon GO นั้นก็สามารถเล่นได้ดีเเต่การจับตำแหน่งอาจจะแปลก ๆ นิดหน่อยเวลาที่เราเดินเล่น ส่วนเรื่องความร้อนแน่นอนว่ามีอยู่แล้ว เวลาที่เล่นเกมประมาณ 10-15 นาทีจะเริ่มรู้สึกถึงความร้อนบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ร้อนจนรู้สึกว่าถือเล่นไม่ได้เลย (ร้อนเวลาที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น ถ่ายรูป เล่นเกม )
การนำทางสามารถใช้งานได้ แต่ว่าการจับตำแหน่งดาวเทียมทำได้ค่อนข้างช้า และมีการคลาดเคลื่อนของตำแหน่งอยู่บ้าง
Wiko Upulse มีแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh สามารถใช้งานได้เต็มวันโดยที่ไม่จำเป็นต้องหาที่ชาร์จเพิ่มเลย โดยแอปที่ใช้งานหลัก ๆ จะมี Line Facebook IG และก็มีเล่นเกมกับถ่ายรูปบ้าง โดยที่จะมีแบตเหลืออยู่ในตอนเย็นประมาณ 30% ส่วนรูปด้านบนเป็นรูปที่แคปไว้ตอนเล่นเกม โดยเปิดเล่นเกมต่อเนื่อง มีหยุดพักไปบ้าง ก็จะอยู่ได้ประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า ๆ นับจากเวลาที่เปิดจอเล่นเกม ชึ่งก็ถือว่ามีแบตที่อยู่ในระดับกลาง ๆ