รีวิว vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G สองสมาร์ตโฟนเรือธงที่จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของทาง vivo ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่เหนือชั้นด้วยเลนส์คุณภาพ ZEISS T* Coating และมาพร้อมชิป vivo V1+ ชิปเซ็ตการถ่ายภาพระดับโปร รวมถึงสเปคที่ใส่ชิปเซ็ตระดับเรือธงมาให้ทั้งสองรุ่น กับราคาเริ่มต้น 29,999 บาท
สเปค vivo X80 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.95 x 75.23 x 8.30 มม.
- น้ำหนัก : 206 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″ ความละเอียด FHD+
- refresh rate : 120Hz
- CPU : Dimensity 9000 Octa-core 3.05GHz (4nm)
- GPU : Mali-G710 MC10
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จไว : 80W Flash Charge
- กล้องหน้า : 32MP f/2.45
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 50MP f/1.79
- กล้อง Ultra Wide Angle 12MP f/1.98
- กล้อง Tele 2X 12MP f/2.0
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย Funtouch OS 12
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
- สีที่วางจำหน่าย : Cosmic Black, Urban Blue
สเปค vivo X80 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.57 x 75.30 x 9.10 มม.
- น้ำหนัก : 219 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.78″ ความละเอียด WQHD+
- refresh rate : 120Hz
- CPU : Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core 3GHz (4nm)
- GPU : Adreno 730
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 4700mAh
- ระบบชาร์จไว : 80W Flash Charge
- กล้องหน้า : 32MP f/2.45
- กล้องหลัก : 4 ตัว
- กล้องหลัก 50MP f/1.57
- กล้อง Ultra Wide 48MP f/2.2
- กล้อง Tele 2X 12MP f/1.85
- กล้อง Periscope 5X 8MP f/3.4
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย Funtouch OS 12
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
- สีที่วางจำหน่าย : Cosmic Black
Camera – กล้องถ่ายภาพ
เลนส์ของ vivo X80 Series 5G ทั้งสองรุ่น ถูกเคลือบด้วยผิวเลนส์เทคโนโลยีZEISS T* Coating ที่จะช่วยลดแสงสะท้อนให้กับตัวเลนส์ โดยเฉพาะแสงแฟลร์ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าเวลาที่ถ่ายภาพด้วย vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G จะได้ภาพที่คมชัดมากที่สุด
กล้องหลังของ vivo X80 Series 5G จะมาในดีไซน์ที่มีชื่อเรียกว่า Ceramic Cloud Windows ฝาหลังที่นูนขึ้นมาเป็นรูปสี่เหลี่ยม ประกอบกับส่วนวงกลมของตัวกล้อง ถ้าเป็นรุ่น vivo X80 Pro 5G ตรงโมดูลกล้องจะนูนขึ้นมาสูงกว่า vivo X80 5G เล็กน้อย และถ้าใส่เคสที่ให้มาในกล่อง ก็จะป้องกันบริเวณโมดูลกล้องที่นูนขึ้นมาได้อย่างพอดี ที่สำคัญคือเคสแถมในกล่องนี่ก็ไม่ธรรมดา เป็นวัสดุพรีเมียมให้สัมผัสแบบเดียวกับฝาหลัง ไม่ใช่เคสใส TPU เหมือนที่แถม ๆ กันในสมาร์ตโฟน Android ปกติทั่วไป
สเปคกล้อง vivo X80 5G
- กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ IMX866 RGBW Ultra Sensing f/1.75
- กล้อง Ultra Wide 12MP f/1.98
- กล้อง Tele 2X 12MP f/2.0
- กล้องหน้า 32MP f/2.45
สเปคกล้อง vivo X80 Pro 5G
- กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ ISOCELL GNV Ultra Sensing ขนาด 1/1.3″ f/1.57
- กล้อง Ultra Wide 48MP f/2.2
- กล้อง Tele 2X 12MP f/1.85
- กล้อง Periscope 5X 8MP f/3.4
- กล้องหน้า 32MP f/2.45
คุณภาพภาพถ่ายจาก vivo X80 Pro 5G ก็บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ให้ภาพสวยแม้อยู่ในสภาวะแสงยาก อย่างแสงสีส้มของไฟตอนกลางคืนก็ยังให้สีสันของวัตถุที่เที่ยงตรง การถ่ายย้อนแสงที่มีหลอดไฟหรือจะเป็นการย้อนแสงดวงอาทิตย์แบบตรง ๆ ก็สามารถควบคุมแสงสะท้อนในเลนส์หรือที่เรียกว่าแสงแฟลร์ได้ดีเอามาก ๆ สมกับที่มาพร้อม ZEISS T* Coating
Vivo X80 Series 5G ระหว่างการถ่ายภาพยังสามารถเลือกภาพในโหมดปกติที่ให้สีสันสดใส หรือจะเลือกโหมด ZEISS Natural Color เพื่อจะปรับสีให้ตรงตาเห็นมากที่สุด หากเทียบกันตรง ๆ โหมดปกติก็จะให้สีสันที่สดกว่า ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนล่ะครับ ว่าอยากได้ภาพที่สีตรงก็เลือก ZEISS Natural Color แต่ถ้าอยากได้ภาพที่สวยพร้อมแชร์เลยก็ใช้โหมดปกติที่มี AI เข้ามาช่วยปรับแต่งสีสันของภาพให้เหมาะกับฉากต่าง ๆ
- ZEISS Biotar
- ZEISS Cinematic
- ZEISS Sonnar
- ZEISS Planar
- ZEISS Distagon
vivo X80 Pro 5G ยังมีโหมด Macro ที่สามารถสลับไปใช้เลนส์มุมกว้างเพื่อถ่ายวัตถุระยะใกล้ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งก็ให้ผลงานออกมาดีทีเดียว ให้ภาพระยะใกล้ที่คมชัด ส่วนการซูมของvivo X80 Pro 5G ก็ทำได้ดีตามช่วงของเลนส์ โดยเฉพาะกล้อง Telephoto 2x Zoom จะเป็นเลนส์ที่เหมาะกับการถ่าย Portriat เป็นอย่างมาก และพอมีระบบกันสั่นดี ๆ ในระดับ Gimbal ก็ยิ่งทำให้การถ่ายภาพง่ายขึ้นไปอีกระดับ
ไม่เพียงแค่มีฮาร์ดแวร์กล้องที่ดี vivo X80 Pro 5G ยังมีชิปประมวลผลพิเศษที่ V1+ ช่วยเสริมให้การถ่ายภาพและการถ่ายวิดีโอดีขึ้น ลด Noise เพิ่มความคมชัด และทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น
ในด้านการถ่ายวิดีโอ ทั้งสองรุ่นรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 8K 30fps แน่นอนว่าสามารถถ่าย 4K 60fps ได้สบาย ๆ และยังมีโหมดอย่าง ZEISS Cinematic ที่ถ่ายวิดีโอออกมาได้เหมือนกับกล้องถ่ายภาพยนตร์เลยล่ะครับ
Design – การออกแบบตัวเครื่อง
สำหรับดีไซน์ของ vivo X80 Pro 5G จะมีตัวเลือกเพียงสีเดียว ได้แก่ สีดำ Cosmic Black เป็นดำด้าน Texture ผิวทราย และก็มีประกายเพชรอยู่ภายใน ข้อดีก็คือนอกจากสวยงามแล้ว ยังไม่เก็บรอยนิ้วมือ ดูแลรักษาง่าย ส่วนรุ่นน้อง vivo X80 5G จะมีสีให้เลือกมากกว่า นอกจากสีดำ Cosmic Black ก็จะมีสีฟ้า Urban Blue พื้นผิวแบบเดียวกันคือแบบด้านไม่ติดรอยนิ้วมือแล้วก็มีประกายเพชรฝังอยู่ภายใน
ส่วนเรื่องขนาดหน้าจอ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับหน้าจอขนาดเดียวกัน 6.78 นิ้ว AMOLED แต่จะมีข้อแตกต่างในเรื่องของความละเอียดหน้าจอ หากเป็น vivo X80 5G จะมีความละเอียด Full HD+ ส่วนถ้าเป็น vivo X80 Pro 5G จะมีความละเอียดสูงเป็น WQHD+ นอกจากนี้ ในเรื่องของอัตรารีเฟรชหน้าจอ แม้ทั้งคู่จะเป็นหน้าจอ 120Hz เหมือนกัน แต่รุ่นโปร จะปรับอัตรารีเฟรชอัตโนมัติได้ตั้งแต่ 1Hz – 120Hz เนื่องจากเป็นหน้าจอแบบ LTPO 3.0 ส่วนหน้าจอของ vivo X80 5G จะปรับได้ตั้งแต่ 60Hz – 120Hz ครับ
ในเรื่องของน้ำหนักตัวเครื่อง vivo X80 Pro 5G มีน้ำหนักที่มากกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย เนื่องจากสเปคกล้องที่สูงกว่า มีจำนวนของฮาร์ดแวร์มากกว่า แต่ก็ไม่ได้หนักจนถือพกพาไม่สะดวก เรื่องการออกแบบปุ่มกดต่าง ๆ ตำแหน่งถูกวางมาให้ใช้งานได้สะดวกเลยทีเดียว ส่วนถาดใส่ซิมการ์ด ทั้งสองรุ่นรองรับ 2 nano SIM เหมือนกัน และไม่รองรับการเพิ่มความจุด้วย microSD Card ครับ แต่ด้วยความจุในตัวที่สูงถึง 256GB ผมคิดว่าประเด็นนี้เลยไม่ใช่ข้อสังเกตอะไรของสมาร์ตโฟนในซีรี่ส์นี้
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งของ vivo X80 5G กับ vivo X80 Pro 5G ก็คือเรื่องการปลดล็อกตัวเครื่อง แม้ทั้งสองรุ่นจะรองรับการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างในด้านรายละเอียดของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยในรุ่นโปรจะเป็นแบบ 3D Ultrasonic ที่มีขอบเขตการสแกนกว้าง แม่นยำ และปลอดภัยมากกว่า ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Optical ใน vivo X80 5G ก็สแกนนิ้วได้อย่างรวดเร็วดีครับ
อุปกรณ์เสริมอย่างหนึ่งที่ผมมองว่า vivo ทำได้ค่อนข้างดีในช่วงหลัง ๆ ก็คือเคส โดยเคสที่ให้มาในกล่องของ vivo X80 Series 5G ก็เป็นแบบพรีเมี่ยม ผิวสัมผัสเป็นหนังเทียมที่นุ่มมือ พร้อมสีสันแบบเดียวกับฝาหลังจริง ๆ เลยด้วย เรียกได้ว่าใส่เคสก็เหมือนไม่ได้ใส่ล่ะครับ สามารถโชว์ดีไซน์ด้านหลังตัวเครื่องได้ดีไม่แพ้กันเลย
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ vivo X80 Series 5G ถือว่าออกแบบมาได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็นรุ่นเรือธง ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบที่แข็งแรง วัสดุและดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา โดยเฉพาะดีไซน์ของโมดูลกล้องหลังที่อลังการ ชนิดที่ว่าเห็นแล้วก็รู้เลยว่ารุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องระดับโปรอย่างแน่นอน
Performance – ประสิทธิภาพ
ในด้านประสิทธิภาพของ vivo X80 Series 5G ทั้งสองรุ่นใส่ชิปเซ็ตระดับเรือธงมาทั้งคู่ ให้ RAM มามากถึง 12GB และทำ Virtual RAM ได้อีก 4GB รวมเป็นแรมในตัวเทียบเท่า 16GB เพราะฉะนั้นในการใช้งานถือว่าครอบคลุมการใช้งานในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน, ใช้งานทั่วไป จนถึงการเล่นเกมที่กินสเปคหนัก ๆ ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลทั้งคู่
สำหรับชิปเซ็ตของ vivo X80 Pro 5G จะใช้ชิปเซ็ตจากค่าย Qualcomm ในรุ่น Snapdragon 8 Gen 1 ที่มีความเร็ว 3.0 GHz ส่วน vivo X80 5G จะใช้ชิปเรือธงจาก MediaTek ในรุ่น Dimensity 9000 ความเร็วสูงกว่าเล็กน้อยที่ 3.05GHz ในเรื่องความแตกต่างในการใช้งาน ว่ากันตามตรงก็แยกความต่างได้ยากพอสมควรครับ เรียกว่าแรงทั้งสองรุ่นนั่นล่ะ ถ้าเล่นเกมเทียบกันตรง ๆ ผมว่า vivo X80 5G ควบคุมความร้อนได้ดีกว่า แล้วก็ประหยัดพลังงานมากกว่าเล็กน้อย แต่ในเรื่องการประมวลผลกราฟฟิก กับการรองรับเกมต่าง ๆ ก็ยังคงต้องยอมให้ Snapdragon 8 Gen 1 ใน vivo X80 Pro 5G ครับ
Battery – แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ในระดับที่ใช้งานได้หมดวันสบาย ๆ แต่ก็มีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อยครับ
- vivo X80 5G แบตเตอรี่ 4500mAh
- vivo X80 Pro 5G แบตเตอรี่ 4700mAh
ส่วนระบบชาร์จทั้งคู่มาพร้อม 80W Flash Charge สามารถชาร์จไฟเต็ม 100% ในเวลาประมาณ 35 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ในรุ่น vivo X80 Pro 5G ยังรองรับการชาร์จไร้สายที่ความเร็วสูงสุด 50W อีกด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องแบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย เพราะแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน แถมยังรองรับระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 35 นาทีก็ได้แบตเตอรี่เต็ม 100% แล้ว
สรุปภาพรวม รีวิว vivo X80 Series 5G
ภาพรวมของ vivo X80 Series 5G ทั้ง vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G ถือเป็นสองสมาร์ตโฟนเรือธงสายถ่ายภาพที่อัพเกรดมาได้น่าสนใจมาก ๆ เพราะให้ทั้งการถ่ายภาพที่ดีขึ้น ง่ายขึ้น และถ่ายสนุกขึ้นด้วยฟีเจอร์จาก ZEISS Portrait Style และโหมดวิดีโอ ZEISS Cinematic Video ส่วนการใช้งานด้านอื่น vivo X80 Series 5G ก็จัดเต็มทั้งสเปคเร็วแรงระดับท็อปด้วยชิปเซ็ตอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 (vivo X80 Pro 5G) และ Dimensity 9000 (vivo X80 5G) หน้าจอ AMOLED โค้งขนาดใหญ่ 6.78″ ลื่นไหลระดับ 120Hz แบตเตอรี่ขนาดใหญ่พร้อมชาร์จไว 80W Flash Charge ใครที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่องและไว้ใจได้ในเรื่องกล้องรับรองว่าต้องถูกใจสมาร์ตโฟนซีรี่ส์นี้ของทางvivo อย่างแน่นอน