ช่วงหลังมานี้ เรามักจะเห็นมือถือกล้องคู่ออกมาวางจำหน่ายมากมายหลายรุ่น และแน่นอนว่ามือถือที่ผมจะมารีวิวก็มาพร้อมกับกล้องคู่เช่นกัน แต่ไม่ได้เป็นกล้องคู่ที่อยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่องเหมือนแบรนด์อื่น ๆ แต่มือถือรุ่นนี้เป็นมือถือ “กล้องหน้าคู่” คือมีกล้องหน้าด้วยกันถึง 2 ตัว สามารถทำโหมด Bokeh หรือถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยฮาร์ดแวร์ โดยมือถือรุ่นดังกล่าวก็คือ Vivo V5 Plus รุ่นพี่ของมือถือกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซลอย่าง Vivo V5 ที่มีการอัพเกรดสเปคให้สูงขึ้น รวมถึงลูกเล่นอันเป็นที่สุดของการเซลฟี่ ในราคาเปิดตัว 13,990 บาท
สเปค Vivo V5 Plus
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 3.0 มีพื้นฐานจาก Android 6.0 Marshmallow
- ชิปประมวลผลQualcomm Snapdragon 625 Octa-core ความเร็ว 2.0GHz
- Ram 4 GB
- หน่วยความจำ 64 GB
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD, ขอบจอโค้ง 2.5D, กระจก Gorilla Glass 5
- กล้องหน้าคู่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล+8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ชิปเสียง Hi-Fi AK4376
- ขนาดตัวเครื่อง 152.58 x 74.00 x 7.26 มม. และน้ำหนัก 158.6 กรัม
- รองรับ 4G, Wi-Fi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 4.0, USB 2.0, OTG
- แบตเตอรี่ 3,160mAh รองรับ Fast Charging
- ราคา 13,990 บาท
- สเปคเต็ม ๆ Vivo V5 Plus
อุปกรณ์ในกล่องของ Vivo V5 Plus จะให้มาเยอะกว่ามือถือแบรนด์อื่นอย่างชัดเจน โดยอุปกรณ์เสริมมาตรฐานอย่างหูฟัง, สาย USB, เคส TPU และอะแดปเตอร์ (รองรับ Quick Charge) อันนี้มีมาให้ตามปกติอยู่แล้ว แต่ที่พิเศษคือจะแถมหูฟังบลูทูธ และ Car Plug สำหรับชาร์จไฟในรถยนต์มาให้ด้วยครับ เรียกว่าซื้อมาใช้แล้วก็จบในตัว แทบไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้ว นี่ยังไม่นับบรรดาของแถมต่าง ๆ ที่หน้าร้านแถมให้พิเศษแยกอีกนะเนี่ย
จุดเด่น
– งานประกอบดีเกินราคา อุปกรณ์เสริมที่ให้มาก็ครบครัน ไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม
– ลำโพงเสียงดัง ชิปเสียง Hi-Fi ฟังเพลงสนุก
– รอม FunTouch OS ลูกเล่นเพียบ ฟีเจอร์แน่น ๆ
ข้อสังเกต
– เพิ่ม MicroSD Card ไม่ได้
– แบตเตอรี่ 3160 mAh ใช้งานหนัก ๆ อยู่ไม่พ้นวัน
บทสรุป
BEST SELFIE SMARTPHONE
Camera
ทีเด็ดของ Vivo V5 Plus ก็คงหนีไม่พ้นกล้องหน้าคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล ที่มีลักษณะการทำงานแบบเดียวกับในมือถือกล้องหลังคู่หลายรุ่น คือกล้อง 2 ตัวจะถ่ายภาพพร้อมกัน จากนั้นนำภาพมาซ้อนกันอีกที ทำให้เราสามารถเลือกระยะโฟกัสหลังถ่ายภาพได้ และยังสามารถจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่กว้างสุดที่ f/0.95 และแคบที่สุดที่ f/16 (ชัดทั้งภาพ) โดยภาพที่ได้จากการปรับจำลองค่ารูรับแสง ส่วนตัวผมว่ามีความเนียนใช้ได้เลยครับ ถ้าเลือกค่ารูรับแสงได้เหมาะสมก็เล่นเอาแยกไม่ออกเหมือนกันว่านี่เป็นใช้ซอฟท์แวร์เบลอภาพ
สามารถรับชมวีดีโอรีวิวกล้องหน้า Vivo V5 Plus ได้จากคลิปด้านล่างเลยครับ
ในส่วนของฮาร์ดแวร์กล้องหน้า Vivo V5 Plus ใช้เซนเซอร์ Sony IMX376 ซึ่งเป็นเซนเซอร์รุ่นใหม่จากทางโซนี่ ที่มีจุดเด่นเรื่องความคมชัด และการจัดการภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นกว่าเซนเซอร์รุ่นก่อน ๆ มีขนาดเซนเซอร์ค่อนข้างใหญ่ที่ 1/2.78 ค่ารูรับแสงที่ f/2.0 ส่วนโหมดถ่ายภาพก็มีมาให้ใช้พอประมาณ คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหน้า Vivo V5 Plus ก็ตามนี้ ทุกรูปผมไม่ได้ทำการแต่งภาพ แค่ใช้ Photoshop ในการย่อขนาดเพื่อเอาลงเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวครับ
จะเห็นว่ารูปถ่ายกล้องหน้าของ Vivo V5 Plus ในหลาย ๆ รูปมันทำได้ดีมาก ทั้งรูปที่แสงเพียงพอ อย่างการถ่ายข้างนอกตอนกลางวัน ความคมชัดที่ตัวแบบ การเกลี่ยผิวของตัวซอฟท์แวร์ทำได้ดีมาก และยังมีการลงรายละเอียดว่าเป็น Beauty ผู้ชาย หรือผู้หญิง ซึ่งก็จะมีการปรับระดับความสวยแตกต่างกันไป แต่รับรองว่าปรับสุดก็ไม่ได้ออกมาเป็นมนุษย์ต่างดาวแน่นอน
นอกจากถ่ายในที่มีแสงปกติได้ดีแล้ว การถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือการถ่ายภาพตอนกลางคืนด้วยกล้องหน้า Vivo V5 Plus เป็นอะไรที่ผมเซอร์ไพรส์มากทีเดียวตอนรีวิว Vivo V5 Plus คุณภาพของรูปถ่ายออกมาในระดับดีเยี่ยม การเก็บแสง การเกลี่ยแสง การจัดการ Noise ไม่มีปัญหาอะไร เรียกว่าอยู่ในระดับที่ประทับใจเลยทีเดียว แต่จะมีข้อสังเกตเวลาถ่ายโหมด Bokeh ภาพฉากหลังจะมี Noise อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากใช้กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลในการเก็บภาพนั่นเองครับ
กล้องหลังของ Vivo V5 Plus มีเซนเซอร์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED 1 ดวงติดมาให้ การโฟกัสทำได้รวดเร็วและแม่นยำใช้ได้ แม้จะมีลูกเล่นไม่เท่ากล้องหน้า แต่ก็ถือว่าทำได้สมราคาครับ ส่วนคุณภาพของรูปถ่ายก็ตามนี้เลย
Design
แม้ว่า Vivo V5 Plus จะมีคำว่า Plus ต่อท้าย ซึ่งตามปกติแล้วมักจะเป็นมือถือที่มีหน้าจอใหญ่กว่ารุ่นปกติ แต่ความจริงแล้ว ทั้ง Vivo V5 และ Vivo V5 Plus กลับมีหน้าจอขนาดเท่ากันที่ 5.5 นิ้ว แม้แต่หน้าตาของ Vivo V5 Plus เองก็แทบจะถอดจาก Vivo V5 มาเลยด้วยซ้ำไป เข้าใจว่า Plus ใน Vivo V5 Plus จะไปลงกับสเปคมากกว่า ที่เห็นกันอย่างชัดเจนเลยก็คือกล้องหน้าคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และอีกตัวที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (โหมด Bokeh)
นอกจากกล้องหน้าคู่ 20 ล้านพิกเซลแล้ว Vivo V5 Plus ยังมาพร้อมกับแฟลชแบบ Softlight สำหรับการเซลฟี่โดยเฉพาะ มีชื่อเรียกเฉพาะว่า Moonlight Flash ที่จะให้แสงนัว ๆ เช่นเดียวกับไฟในสตูดิโอ
ข้อดีของ Vivo V5 Plus คือมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ในกล่อง ไม่ต้องไปหาซื้อมาติดเพิ่มเติม ส่วนบริเวณด้านล่างหน้าจอจะเป็นปุ่มโฮมพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้รวดเร็วและแม่นยำดีครับ
ด้านหลังของตัวเครื่อง Vivo V5 Plus ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED จำนวน 1 ดวง ส่วนที่เห็นเป็นเส้น ๆ พาดบริเวณด้านบนและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นเสาอากาศแบบใหม่ ที่ทาง Vivo ออกแบบมาให้มีความบางกว่าเดิม และไม่จำเป็นต้องลากผ่านด้านหลังให้รบกวนสายตา
วัสดุหลักของ Vivo V5 Plus ใช้เป็นอลูมิเนียมเกรด 6000 ขึ้นรูปแบบ Unibody ไร้รอยต่อ ให้สัมผัสที่เรียบเนียน เรื่องความหรูหราก็ถือว่าสมราคาครับ
รายละเอียดทางด้านข้างของ Vivo V5 Plus จะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power อยู่ทางด้านขวามือของตัวเครื่อง
ส่วนบรรดาพอร์ทเชื่อมต่อต่าง ๆ จะอยู่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์, พอร์ท Micro USB และลำโพงหลักของตัวเครื่องก็อยู่ทางด้านล่างด้วย ข้อดีของตำแหน่งลำโพงแบบนี้คือเวลาวางตัวเครื่องไว้บนพื้น เสียงลำโพงก็ยังดังตามปกติอยู่
ขนาดตัวเครื่องของ Vivo V5 Plus จัดว่ามีขนาดกำลังพอดี ไม่ได้ใหญ่จนเกินไปสำหรับการใช้งานในยุคปัจจุบัน ที่เราเริ่มปรับตัวกับมือถือหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วกันได้แล้ว และด้วยการออกแบบที่ขอบหน้าจอบาง เลยทำให้การจับถือทำได้สะดวก ขนาดตัวเครื่องเมื่ออยู่ในมือผู้หญิงก็ตามรูปครับ พอจะใช้งานมือเดียวได้บ้าง และตัว Vivo V5 Plus ก็มีโหมดสำหรับใช้งานมือเดียวติดมาให้ด้วยเช่นกัน
Vivo V5 Plus มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ซึ่งเป็นความละเอียดที่มากกว่า Vivo V5 ให้ความคมชัดมากกว่า ส่วนเรื่องสีสันของหน้าจอไม่ได้แตกต่างจาก Vivo V5 เท่าไหร่นัก โดยโทนสีหน้าจอปกติจะติดฟ้านิด ๆ ความสว่างหน้าจอเร่งได้พอประมาณ และมีโหมดถนอมสายตาที่จะลดการปล่อยแสงสีฟ้าจากหน้าจอ โดยจะเปลี่ยนโทนสีหน้าจอเป็นโทนสีเหลืองจัดแทนครับ เหมาะสำหรับตอนใช้งานในที่แสงน้อย
Software
Vivo V5 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบด้วย FunTouch OS ที่ Vivo พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งมีหน้าตา UI ที่เปลี่ยนไปจาก Pure Android เดิม ๆ ลักษณะการใช้งานจะไม่เหมือนมือถือแอนดรอยทั่วไป เช่น การเรียก Control Center ที่เป็นศูนย์รวมทางลัดต่าง ๆ จะเรียกได้จากการปัดหน้าจอด้านล่างขึ้นมา (แอนดรอยปกติปัดด้านบนลงมา) ส่วนฟีเจอร์เด่น ๆ ที่น่าสนใจในตัว Vivo V5 Plus ก็มีดังนี้ครับ
ระบบเสียง Hi-Fi
ขาดไม่ได้เลยสำหรับมือถือจาก Vivo นั่นก็คือฟีเจอร์ระบบเสียง Hi-Fi ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของทางค่าย โดย Vivo V5 Plus มาพร้อมกับชิปเสียง AKM AK4376 ที่ Vivo ได้ร่วมมือกับทาง Asahi Kasei Microdevices Corporation บริษัทชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาด้านระบบเสียงในมือถือ Vivo
หลักการทำงานนั้นก็เหมือนกับมือถือที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Hi-Fi ทั่วไปนั่นคือเมื่อเสียบหูฟังเข้าไป ระบบก็จะเปิดใช้งานระบบเสียงแบบ Hi-Fi โดยอัตโนมัติ เรื่องของการปรับแต่งนั้นก็ทำได้หลากหลายเหมือนเช่นเคย และยังสามารถเลือกโปรไฟล์เสียงตามแบรนด์หูฟังที่เราใช้งาน หรือจะเลือกปรับแต่งตามใจชอบก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ หรือฟีเจอร์แบบ Touch Gesture ใน Vivo V5 Plus ที่น่าสนใจก็จะมี Smartmotion เช่น Air operation – การโบกมือหน้าเครื่องขณะที่หน้าจอดับ เพื่อเรียกการแจ้งเตือน, การแตะสองครั้งเพื่อเปิด – ปิดหน้าจอ หรือการเขย่าตัวเครื่องเพื่อเปิดไฟฉายอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
Fingerprint Scanner
ฟีเจอร์บังคับสำหรับมือถือแอนดรอยสมัยนี้ก็คงหนีไม่พ้น เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แน่นอนว่า Vivo V5 Plus ก็มีติดมาให้เช่นกัน โดยตำแหน่งของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ จะอยู่ที่ปุ่มโฮมทางด้านหน้า ส่วนความเร็วในการสแกนลายนิ้วมือก็ใช้เวลาเพียงไม่ถึงวินาทีในการสแกนนิ้วและปลดล็อดตัวเครื่อง
ฟังก์ชั่นหลายหน้าจออัจฉริยะ – Smart Split 2.0
และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จัดว่ามีประโยชน์ในการใช้งานมาก ๆ นั่นคือฟังก์ชั่นหลายหน้าจออัจฉริยะ ทำให้ Vivo V5 Plus สามารถเปลี่ยนการแสดงผลเป็นแบบสองแอปพลิเคชันในหน้าจอเดียว ใช้งานในขณะที่กำลังรับชมวีดีโอ (ผ่านแอปพลิเคชัน Youtube, Google Play Movie, Video) แล้วมีการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันขึ้นมา เราจะสามารถแบ่งหน้าจอไปตอบแชทได้โดยที่ไม่ต้องออกจากวีดีโอก่อน โดยเราสามารถเลือกปรับได้ว่าจะต้องการให้หน้าจอด้านไหนมีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่า แต่มีข้อจำกัดเล็กน้อย คือรองรับเพียงแค่บางแอปพลิเคชัน ได้แก่ ข้อความ, Facebook, Line, WeChat, และ WhatsApp
Performance
ประสิทธิภาพของ Vivo V5 Plus กับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 ชิปเซ็ต octa-core ความเร็ว 2.0 GHz มีทีเด็ดอยู่ที่ชิปกราฟฟิค Adreno 506 ที่สามารถประมวลผลกราฟฟิค 3D หนัก ๆ ได้ รองรับการเล่นเกมที่กราฟฟิคสวย ๆ เท่าที่ลองทดสอบกับเกมอย่าง N.O.V.A.3 ก็เล่นได้อย่างลื่น ๆ หรือจะเป็นเกมออนไลน์ยอดฮิตอย่าง ROV ในฉากที่นัวพร้อมต่างฝ่ายต่างใส่สกิลกันแบบจัดเต็มก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด Vivo V5 Plus ก็ยังคงเล่นเกมได้อย่างลื่น ๆ และเมื่อรวมกับ Ram 4 GB ก็เรียกว่าเหลือกินเหลือใช้
นอกจาก CPU จะแรง กับแรมที่ให้มาเยอะแล้ว Vivo V5 Plus ยังมาพร้อมกับความจุภายในตัว 64 GB (ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้) สามารถลงแอปพลิเคชัน รวมถึงเก็บรูปถ่ายได้อย่างมากมาย ส่วนแบตเตอรี่ของ Vivo V5 Plus ให้มาที่ความจุ 3160 mAh เท่าที่ทดสอบเครื่องตอนรีวิว Vivo V5 Plus ใช้งานหนัก ๆ เล่นเกม เปิด 4G ไว้ตลอด ก็พอลากให้หมดวันได้อยู่ครับ ด้วยตัวความจุแบตเตอรี่เองที่ให้มาเยอะ และสเปคที่ไม่ได้ต้องการพลังงานสูง อย่างตัว Snapdragon 625 ที่มีเทคโนโลยีการผลิตแบบ 14 nm ได้ทั้งความแรงและการประหยัดพลังงานไปพร้อม ๆ กัน
ปิดท้ายด้วยวีดีโอทดสอบเล่นเกมบนเครื่อง Vivo V5 Plus ครับ เล่นได้ลื่นแค่ไหนลองกดเข้าไปดูได้เลย