Vivo V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนใน V Series ของทาง Vivo จัดเป็นซีรี่ส์ขายดีของแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ครับ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นรุ่นต่อยอดจาก V15 Pro ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา แต่ถ้าดูจากสเปคคร่าว ๆ บางคนอาจนึกว่าแค่เป็นการเพิ่มกล้องให้เยอะขึ้น เพราะชิปประมวลผลก็ตัวเดิม สเปคก็ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า
ส่วนตัวผมในตอนแรกก็คิดเช่นนั้นครับ แต่พอมีโอกาสได้ลองเล่นเครื่องรีวิว Vivo V17 Pro เป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็พบว่านี่ไม่ใช่แค่การเพิ่มกล้อง แต่เป็นการเติมเต็มในหลายสิ่งที่ขาดไปในรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB Type-C, เซ็นเซอร์กล้องแม้จะ 48 MP เท่าเดิม แต่คุณภาพดีกว่า (IMX582) ดีไซน์ที่ดูลงตัวมากขึ้น หลาย ๆ สิ่งที่เพิ่มมาใน V17 Pro ทำให้ผมรู้สึกว่า Vivo มีการเก็บ Feedback ของผู้ใช้ไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้น่าใช้ยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเลื่อนลงไปอ่านรีวิวฉบับเต็ม ผมแนะนำให้อ่านสเปคของ Vivo V17 Pro ก่อนครับ
สเปค Vivo V17 Pro
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 675AIE octa-core
- Ram 8 GB
- ความจุ 128 GB ไม่รองรับ microSD Card
- ระบบปฏิบัติการ FunTouch 9.1 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 9.0 Pie
- กล้องหน้าคู่ 32 MP f/2.0 ซ่อนไว้ในตัวเครื่อง (Pop-up Camera) + กล้องมุมกว้าง 8 MP
- กล้องหลังความละเอียด 48 MP Quad-pixel Sensor, กล้องมุมกว้าง 8 MP, Depth Camera 2 MP และ Macro Camera 2 MP ถ่ายใกล้ได้ 4 เซนติเมตร
- ปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- แบตเตอรี่ 4100 mAh
- รองรับ dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 5.0
- พอร์ตชาร์จ USB Type-C รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
- ราคาเปิดตัว 12,999 บาท
อุปกรณ์ในกล่องของ V17 Pro ให้อุปกรณ์เสริมมาครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอะแดปเตอร์ Dual-Engine Fast Charging 18W, สายชาร์จ USB Type-C, หูฟัง และเคส V17 Pro แบบตรงรุ่น ใช้งานร่วมกับกล้อง pop-up ได้แน่นอน แต่มีข้อสังเกตว่าตัวเคสใส่และถอดยากมาก ๆ แล้วก็ตัวเครื่อง V17 Pro ติดกันรอยทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาให้ตั้งแต่ในกล่อง
Design – การออกแบบ
รูปร่างหน้าตาของ Vivo V17 Pro ส่วนตัวผมว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ออกแบบมาได้ดีทีเดียวครับ เริ่มจากบริเวณด้านหน้าที่แทบจะเป็นหน้าจอ 100% ไม่มีติ่งหรือ notch screen มากวนใจ โดยหน้าจอดังกล่าว Vivo เรียกว่า Ultra Fullview Display มีขนาดอยู่ที่ 6.44 นิ้ว พาแนลแบบ E3 Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ ขอบเขตสี P3 และตัวหน้าจอเองในโหมดปกติก็สามารถกรองแสงสีฟ้าได้มากกว่าจอ E2 ได้ถึง 42% แม้จะไม่ได้เปิดโหมดถนอมสายตาก็ตาม
รายละเอียดด้านหน้า มีลำโพงสนทนาอยู่บริเวณขอบหน้าจอ ส่วนเซ็นเซอร์สำคัญ ๆ เช่น light and proximity sensors ถูกซ่อนไว้ตรงขอบอย่างแนบเนียน เมื่อตีเป็นเปอร์เซ็นต์ พื้นที่หน้าจอต่อพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด คิดเป็น 91.65% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในยุคปัจจุบัน ที่ screen-to-body ratio มักจะอยู่ที่ 85%
ด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบ 20:9 การแสดงผลหน้าจอถือว่าตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานโซเชียลมีเดียในแนวตั้งก็แสดงผลได้เต็มตา หรือจะเป็นการแสดงผลในแนวนอน อย่างการรับชมภาพยนตร์, Youtube หรือแม้แต่การเล่นเกม V17 Pro ก็แสดงผลได้มากกว่า หากเล่นเกมที่รองรับอัตราส่วนหน้าจอดังกล่าว จะเห็นแผนที่มากกว่าหน้าจออัตราส่วน 18:9 และ 16:9 ครับ
V17 Pro รองรับ DRM Winevine L1 ทำให้สามารถดู Netflix แบบ HD ได้ รวมถึงบริการวีดีโอสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ เช่น Youtube, iFlix, viu พวกนี้สามารถดูแบบ HD ได้ตามปกติ
ตำแหน่งต่าง ๆ บนตัวเครื่อง Vivo V17 Pro เริ่มจากด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านซ้ายก็มีปุ่มลัดสำหรับเรียก Jovi ผู้ช่วยอัฉริยะ และ Google Assistant
ด้านล่างของ V17 Pro ประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, ไมโครโฟน และช่องใส่ซิมการ์ด (Dual nano SIM) ไม่รองรับ microSD Card ส่วนรายละเอียดด้านบน ประกอบไปด้วยพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และกล้องหน้าคู่ที่ถูกซ่อนอยู่ในตัวเครื่อง
ด้านหลังตัวเครื่อง Vivo V17 Pro น่าจะถูกใจหลาย ๆ คนล่ะครับ รอบนี้ไม่ได้เน้นลวดลายฝาหลัง แต่เน้นเรื่องความเรียบหรู ดูแพง ตัวเครื่องรีวิวที่ผมได้รับมาเป็นสีดำ Knight Black ตัวฝาหลังมีความโค้งเล็กน้อย เมื่อจับถือตัวเครื่องจะเข้ากับมือพอดี สีสันตัวเครื่องเป็นสีดำเฉดเทา ดูดีทีเดียวครับ ส่วนอีกสีจะมีชื่อว่า Crystal White ก็จะได้ความหรูหราไปอีกแบบ
รายละเอียดด้านหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48 + 8 + 2 + 2 ล้านพิกเซล ระบุเลยว่าเป็น AI Quad Camera พร้อมแฟลช LED และโลโก้ Vivo รายละเอียดกล้องหลังมีดังนี้ครับ
- กล้องหลักความละเอียด 48 MP f/1.8 Sony IMX582
- เลนส์มุมกว้าง Super wide-angle 8 MP f/2.2
- Depth Camera 2 MP
- Super Macro Camera 2 MP
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ V17 Pro เป็นแบบฝังในหน้าจอ เช่นเดียวกับตอน Vivo V15 Pro แต่รอบนี้ไม่สามารถสแกนใบหน้าได้ครับ ใช้การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้อย่างเดียว
Camera – กล้องถ่ายภาพ
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Vivo V17 Pro คงหนีไม่พ้นเรื่องกล้องถ่ายภาพ ที่จัดเต็มทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง ด้วยเซ็นเซอร์ 48 MP Sony IMX582 แบบ Quad pixel sensor ความละเอียดสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซลสำหรับกล้องหลัง และความละเอียด 32 ล้านพิกเซลในกล้องหน้า พร้อมทั้งใส่ AI เข้ามาช่วยในการประมวลผลภาพถ่ายให้ออกมาสวยงาม
กล้องหน้า pop-up 32 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซลเลนส์มุมกว้าง
พูดถึงเรื่องการซ่อนกล้องไว้ในตัวเครื่อง Vivo ถือเป็นเจ้าแรก ๆ ที่เริ่มใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อที่จะทำให้หน้าจอเต็มจอมากที่สุด และคราวนี้กล้องหน้า Pop-up ก็ถูกอัพเกรดขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการใส่กล้องหน้าคู่ 32 + 8 MP ทีนี้ไม่เพียงแค่ถ่ายเซลฟี่ได้คมชัด แต่ยังถ่ายแบบมุมกว้างได้ด้วย
เซ็นเซอร์กล้องหน้า V17 Pro มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0 เวลาถ่ายจะได้ภาพเต็มความละเอียด 32 MP ขนาดไฟล์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 8 MB ถือว่าต่อไฟล์ใหญ่ใช้ได้เลยล่ะครับ แลกกับความคมชัดที่ก็ต้องยอมรับว่าชัดสุด ๆ เช่นกัน
นอกจากการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้อง 32 MP แล้ว สิ่งที่เพิ่มเติมมาในรุ่นนี้คือเลนส์มุมกว้าง Super wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ช่วยให้เก็บภาพได้ง่ายขึ้น อยากจะเซลฟี่ตัวเองกับฉากหลังก็ทำได้สบาย ๆ แต่ต้องระวังเรื่อง Distortion สักหน่อย
โหมดกล้องหน้าของ V17 Pro ที่น่าสนใจ ก็คงหนีไม่พ้น AI Face Beauty หรือการใช้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ใบหน้า พร้อมทั้งปรับแต่งให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าเอะอะทำตาแบ๊ว เร่งสีผิวให้ขาวเวอร์ แล้วก็ลบริ้วรอยจนเก็บรายละเอียดอะไรไม่ได้เลย รวมถึงการมีฟีเจอร์ HDR แบบ Auto ทำให้การถ่ายภาพออกมาดีในทุกสภาพแสง ต่อให้ถ่ายย้อนแสงก็ยังคงดึงรายละเอียดออกมาได้ดี แล้วก็เป็น HDR ที่ฉลาดทีเดียวล่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมว่า V17 Pro ทำได้ดีสำหรับกล้องหน้า ก็คือโหมด Pose Master ที่มีตัวอย่างการเซลฟี่แบบชิค ๆ เก๋ ๆ ให้ดูเป็น Reference เมื่ออยากจะเซลฟี่ให้ดูแตกต่างจากคนอื่น ตัวอย่างภาพเซลฟี่จากการทำตาม Pose Master ก็ตามนี้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Vivo V17 Pro
กล้องหลัง 4 ตัว AI Quad Camera ความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล
ความแน่นของ V17 Pro นอกจากกล้องหน้าที่ดีแล้ว กล้องหลังก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะรอบนี้อัพเกรดใหม่ใส่มาถึง 4 กล้อง โดยไฮไลท์อยู่ที่กล้องหลัก ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX582 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.8 ส่วนอีก 2 กล้องเป็นเลนส์ Super wide-angle 8 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้อง depth sensor 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล
ความแตกต่างระหว่างกล้องหน้าของ V17 Pro กับกล้องหลังก็คือ IMX582 เป็นเซ็นเซอร์ที่ออกแบบมาให้ทำงานแบบ Quad pixel คือรวมพิกเซลส่งผลให้ขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้นเป็น 1.6 ไมครอน (จากเดิม 0.8 ไมครอน) เพราะฉะนั้นหากต้องการถ่ายภาพด้วย V17 Pro ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ต้องทำงานบนความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
อย่างไรก็ตาม หากต้องการถ่ายภาพที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล V17 Pro ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นที่แสงน้อย 12 ล้านพิกเซลจะให้คุณภาพไฟล์ที่ดีกว่าชัดเจน รวมถึงขนาดไฟล์ที่แตกต่างกันพอสมควร แล้วก็สิ่งที่ดีงามอีกอย่างเมื่อถ่าย 48 MP จะสามารถเลือกบันทึกแบบ RAW + JPEG ได้ด้วยครับ เหมาะกับคนที่ตั้งใจจะถ่ายภาพแล้วนำมาแต่งเพิ่มเติมทีหลัง
กล้องหลังตัวที่ 2 ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นเลนส์มุมกว้างพิเศษ Super wide-angle 8 MP ทำให้การถ่ายภาพด้วย V17 Pro สนุกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องถอยเพื่อเก็บให้ทุกอย่างอยู่ในเฟรม เพราะเลนส์มุมกว้างสามารถเก็บภาพได้มากกว่า เหมาะกับการถ่ายภาพวิว หรือถ่ายภาพหมู่ ส่วนกล้อง Depth กับ Macro ก็ทำหน้าที่ตามชื่อของมันเลย ก็คือเก็บระยะ กับโฟกัสได้ใกล้ถึง 4 เซนติเมตร เหมาะกับการถ่ายของชิ้นเล็ก ๆ หรือถ่ายดอกไม้ พระเครื่อง เป็นต้น
โหมดกล้องหลัก ๆ ของ V17 Pro ผมว่าแค่โหมด Auto ที่มี AI เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะครับ โดยตัว AI มีฟีเจอร์ Scene Recognition สามารถปรับแต่งภาพให้เหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ หรือถ้าต้องการถ่ายคนให้สวย ก็มีโหมด AI Portrait Lighting ที่ปรับแต่งหน้าสวย ละลายฉากหลัง พร้อมใส่เอฟเฟคแสงให้จบแบบหลังกล้อง อีกโหมดที่ผมว่าน่าจะถูกใจหลายคน อยากถ่ายให้ดูผอม V17 Pro ก็มีโหมดชื่อว่า AI Body Shaping ที่จะช่วยปรับสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ตามต้องการ รวมถึงตัวช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพถ่ายบุคคล ที่คอยช่วยในการขยับมุมกล้องให้ถ่ายภาพออกมาได้ลงตัวมากที่สุด
ในการถ่ายภาพที่แสงน้อย V17 Pro ก็มีโหมดกลางคืนให้เลือกใช้งาน (AI Super Night Mode) เป็นโหมดกลางคืนแบบที่หลายแบรนด์ใช้ ก็คือไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องในการถ่ายอีกต่อไป แต่ใช้การซ้อนภาพ แล้วปรับแต่งให้ภาพออกมาสว่าง และคมชัด แต่มีข้อสังเกตว่าโหมดดังกล่าว ใช้งานได้แค่กล้องหลักเท่านั้น ไม่สามารถถ่ายกลางคืนด้วยเลนส์มุมกว้างได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Vivo V17 Pro
Software – ระบบปฏิบัติการ
Vivo V17 Pro มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ครอบทับด้วย FunTouch OS 9.1 ที่มีลักษณะการใช้งานแตกต่างจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ปกติทั่วไปเล็กน้อย โดยการเรียก Notification Center จะปัดหน้าจอจากบนลงล่าง แต่ถ้าต้องการเรียกหน้า Shotcut ทางลัดต่าง ๆ เช่น เปิดปิด Wi-Fi, Cellular, Bluetooth จะต้องปัดหน้าจอจากล่างขึ้นบน
ด้วยความที่ V17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอแบบ Ultra FullView Display การใช้งานจึงมีโหมด Gesture ที่ออกแบบมาให้การแสดงผลเต็มจอ เมื่อเปิดโหมดนี้ ปุ่มควบคุม Navigation keys จะหายไป และใช้การปัดมุมขวาล่างแทน back, ปัดกลางแทน home, recent apps ใช้ปัดจากล่าง ขึ้นมากึ่งกลางหน้าจอ และปัดมุมซ้ายล่างแทนการเรียก Shotcut
ปุ่ม Smart Button ตรงด้านข้างซ้ายตัวเครื่อง เมื่อกด 1 ครั้งจะเป็นการเรียก Google Assistant ที่รองรับคำสั่งเสียง และถ้ากด 2 ครั้ง จะเรียก Jovi Image Recognizer ที่เมื่อส่องกล้องไปยังสิ่งของ จะเป็นการลิงก์ไปยังร้านค้าออนไลน์ได้ทันที
ในการเล่นเกม Vivo V17 Pro มาพร้อมกับ Game Center สามารถรีดประสิทธิภาพของชิปประมวลผลได้เต็มที่ ทำให้การรันเกมเป็นไปอย่างลื่นไหล และมีอัตราเฟรมเรทตก หรือเฟรมเรทแกว่งลดลงถึง 78% นอกจากนี้ยังมี AI Turbo ช่วยให้สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยให้เร็วยิ่งขึ้น 20%
การระบายความร้อนจากการรันเกม V17 Pro มาพร้อมฟังก์ชัน Cooling Turbo ที่ออกแบบโครงสร้าง และระบบจัดการความร้อนให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีกหนึ่งฟังก์ชัน Game Turbo มีระบบการเข้าถึง และการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นสูงสำหรับการเล่นเกม (รองรับ PUBG Mobile และ Mobile Legend) มีโหมดสั่นแบบ 4D และโหมดฝึกแบบพิเศษในเกม ส่วนฟีเจอร์ในการบล็อกแจ้งเตือน หรือ pop-up เวลาสายเข้าก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิมครับ
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และเกรียนมากก็คือ Voice Changer ฟังก์ชันเปลี่ยนเสียงในเกม สามารถเลือกเอฟเฟกต์เสียงตัวละครที่หลากหลายระหว่าง ใช้ได้กับทุกเกมที่มีการเปิดไมโครโฟนเพื่อคอลเกม ไม่ว่าจะเป็น ROV, PUBG Mobile หรือจะเป็น Call of Duty Mobile เปลี่ยนเสียงของเป็นเสียงต่ำ หรือเสียงตลกขบขัน ทำให้การสนทนาระหว่างการเล่นเกมสนุกสนาน และมีสีสันมากยิ่งขึ้น
Performance & Battery – ประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน
V17 Pro มาพร้อมกับชิประดับกลางรุ่นใหม่ในซีรี่ส์ 600 อย่าง Snapdragon 675 AIE ชิปประมวลผลแบบ octa-core ความเร็ว 2.0 GHz บนเทคโนโลยีการผลิต 11 นาโนเมตร จุดเด่นก็คือประสิทธิภาพในการประมวลผลดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีอัตราการบริโภคพลังงานลดลง เมื่อรวมกับ Ram 8 GB ทำให้การใช้งานลื่นไหล ไม่มีสะดุด
ความจุในตัวเครื่องก็ให้มาสูงถึง 128 GB ไม่รองรับ micro SD Card ในการเพิ่มความจุ แต่ส่วนตัวผมว่า 128 GB ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะครับ
ในการเล่นเกม Vivo V17 Pro สามารถรันเกมได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยชิปประมวลผลที่แรงอย่าง Snapdragon 675 + Ram 8 GB อีกทั้งฟีเจอร์ Game Center ผมทดสอบเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV, PUBG Mobile, Call of Duty Mobile ก็รันได้อย่างลื่น ๆ ในโหมดเฟรมเรทสูง
ด้านแบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน V17 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh ซึ่งถือว่ามีความจุสูงทีเดียว เมื่อรวมกับชิป 11 นาโนเมตรที่กินพลังงานน้อยกว่า ทำให้การใช้งานทำได้อย่างต่อเนื่อง หากไม่ได้เล่นเกมหนัก ๆ ประเภทที่ว่า ROV 8 เกมติด ผมว่าใช้งานได้ยาว ๆ โดยที่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน
ระบบชาร์จเร็วของ V17 Pro มีชื่อว่า Dual-Engine Fast Charging ผ่านทางพอร์ต micro USB โดยตัวอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วแถมมาตั้งแต่ในกล่อง จ่ายไฟได้สูงสุด 18W สามารถชาร์จไฟจาก 0 – 24% ได้ในเวลา 15 นาที และหลังจากนั้นระบบจะลดกำลังไฟเพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่
Overall
ภาพรวมของ Vivo V17 Pro กับราคา 12,999 บาท ส่วนตัวผมว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจ ในช่วงราคาหมื่นต้น ๆ ได้เลย ด้วยจุดเด่นเรื่องกล้อง 6 ตัว หน้าจอไร้ติ่ง Vivo FullView Display คือมันเข้าถึงเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่าง ในราคาที่เอื้อมถึง เช่น สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, กล้องหลัง 48 ล้าน IMX582 พร้อมเลนส์มุมกว้าง, Depth Sensor และ Macro Camera รวมถึงแบตเตอรี่ความจุสูง 4100 mAh พร้อมชาร์จเร็ว และการใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่าย โดยปกติฟีเจอร์พวกนี้มักจะอยู่ในสมาร์ทโฟนเรือธง แต่ ณ ตอนนี้ทุกคนเข้าถึงได้บน Vivo V17 Pro ที่เปิดราคามาถูกกว่ารุ่นก่อนหน้าเสียอีก
หากถามผมเรื่องข้อสังเกตของ Vivo V17 Pro กับราคาเปิดตัวเท่านี้ มีอะไรที่ไม่ถูกใจบ้าง ส่วนตัวผมเองรู้สึกว่าน้ำหนักตัวเครื่องมากไปสักหน่อย แล้วก็เคสที่แถมมาให้นั้น ใส่และถอดออกยากมาก ๆ รวมถึงเรื่องที่เลนส์มุมกว้างไม่สามารถถ่าย AI Super Night Mode ได้ แต่โดยรวมแล้วในราคา 12,999 บาท Vivo V17 Pro เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามครับ