หลังจากที่ Sony ได้เปิดตัว Sony Xperia Z5 Series ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กระแสของมือถือค่ายอารยธรรมก็กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากต้นปี 2015 ทางโซนี่ประเทศไทยไม่ได้นำเข้ามือถือเรือธงประจำต้นปีอย่าง Sony Xperia Z4 (ขายเฉพาะที่ญี่ปุ่น) และ Sony Xperia Z3+ ทำให้การมาของ Sony Xperia Z5 Series เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับสาวกค่ายอารยธรรม รวมถึงผู้ที่สนใจสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยี ด้วยสเปคที่จัดเต็มสมกับที่เป็น Z Series หรือซีรี่ส์ท็อปสุดของโทรศัพท์มือถือ Sony Xperia
สเปค Sony Xperia Z5
- หน้าจอ 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล
- CPU Snapdragon 810 64-bit octa-core
- GPU Adreno 430
- RAM 3GB, หน่วยความจำภายใน 32GB (เหลือให้ใช้ราว 27GB), รองรับ microSD สูงสุด 200GB
- กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว เลนส์มุมกว้าง 24 มิลลิเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี Hybrid Auto Focus ช่วยให้โฟกัสภาพได้ในเวลา 0.03 วินาที รองรับ ISO สูงสุด 12800 สำหรับภาพนิ่ง และ 3200 สำหรับวิดีโอ และระบบกันสั่น SteadyShot เวอร์ชันใหม่
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้างขนาด 25 มิลลิเมตร รองรับการกันสั่นด้วย SteadyShot
- แบตเตอรี่ขนาด 2,900 mAh
- ขนาดเครื่อง 146 x 72 x 7.3 มิลลิเมตร หนัก 154 กรัม
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- มีทั้งหมด 4 สี คือ ดำ, ขาว, ทอง, เขียว
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop
- สเปคเต็มๆ Sony Xperia Z5
- ราคา 24,990 บาท
โทรศัพท์มือถือในตระกูล Sony Xperia Z5 Series จะมีด้วยกัน 3 รุ่น 3 ขนาด ได้แก่ Sony Xperia Z5, Sony Xperia Z5 Compact และ Sony Xperia Z5 Premium แต่รุ่นที่เราจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนั้นได้แก่ Sony Xperia Z5 รุ่นมาตรฐาน หน้าจอขนาด 5.2 นิ้วเช่นเคย โดย Sony Xperia Z5 จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีเขียว, สีดำ, สีขาว และสีทอง ส่วนเครื่องรีวิว Sony Xperia Z5 ที่เราได้รับมาจากโซนี่ไทยเป็นตัวเครื่องสีเขียวครับ
จุดเด่น
– หน้าจอคมชัด มุมมองกว้าง สีสันสมจริง
– แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานข้ามวันได้สบายๆ
– เป็นมือถือเรือธงที่ครบเครื่อง, Ram เยอะ, เพิ่มหน่วยความจำภายในได้
– ปุ่มสแกนลายนิ้วมือทำงานได้รวดเร็ว
– กล้องหลังโฟกัสได้รวดเร็วมาก โหมด Auto ฉลาดขึ้น ถ่ายกลางคืนได้ดี
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
รูปร่างหน้าตาของ Sony Xperia Z5 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Sony Xperia Z3 จะเห็นว่ามีหน้าตาที่คล้ายกันมาก เนื่องจาก Sony Xperia Z5 ยังคงยึดปรัชญาการออกแบบในสไตล์ Omnibalance เช่นเดียวกับเรือธงรุ่นก่อนๆ สังเกตได้จากตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ซ้าย-ขวา, หน้า-หลัง, บน-ล่าง หรือแม้แต่พื้นที่ด้านบนหน้าจอกับด้านล่างหน้าจอของ Sony Xperia Z5 ก็ล้วนแต่มีพื้นที่เท่ากันทั้งสิ้น
สิ่งที่เพิ่มเติมมาใน Sony Xperia Z5 และเป็นครั้งแรกของโทรศัพท์มือถือ Xperia ก็คือเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ถึงจะไม่ใช่โทรศัพท์มือถือเจ้าแรกที่มาพร้อมกับระบบการปลดล็อกด้วยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่ผมมั่นใจว่า Sony Xperia Z5 เป็นมือถือรุ่นแรกที่จับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง ตำแหน่งเดียวกับปุ่ม Sleep/Wake
ผมคิดว่าทาง Sony คงมองว่าไหนๆ เราก็มีปุ่ม Sleep/Wake ไว้ทางด้านขวามือแล้ว และถ้าจะเปิดเครื่อง หรือเปิดหน้าจอก็ต้องกดปุ่มนี้ แล้วทำไมไม่ใส่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้ามาซะเลย เพราะการวางตำแหน่งก็ดูโอเค กดทีเดียวจบเหมือน iPhone แถมยังคงเอกลักษณ์ความเป็นโทรศัพท์มือถือแอนดรอยได้อีกต่างหาก ปุ่ม Home, Back, Recent App ยังอยู่ครบ
สำหรับความรู้สึกในการใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบน Sony Xperia Z5 ส่วนตัวผมรู้สึกแฮปปี้ดีครับ มันกดทีเดียวจบจริงๆ นั่นแหละ ตำแหน่งก็เป็นตำแหน่งที่เราต้องใช้งานอยู่แล้ว การสแกนลายนิ้วมือทำได้เร็วและแม่นยำพอๆ กับ iPhone 6s, Samsung Galaxy Note 5 ทำให้ Sony Xperia Z5 เป็นโทรศัพท์มือถือที่คล่องตัวรุ่นหนึ่งเลยล่ะ ในสถานการณ์ที่ต้องใช้งานมือเดียว เช่นกำลังซ้อนมอเตอร์ไซด์, กำลังโหนอยู่บน BTS ตอนหกโมงเย็น หรือกำลังเดินเบียดกันอยู่ในสัปดาห์หนังสือฯ Sony Xperia Z5 ทำได้ดีตั้งแต่การปลดล็อกครับ แต่ว่า…..
ปุ่มสแกนนิ้วนี่เกือบดีแล้ว ติดอีกนิดเดียวเท่านั้น…
พอใช้งานปกติทั่วไปจะเริ่มเห็นความแตกต่างขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy Note 5 หรือ iPhone 6s Plus เพราะในบางสถานการณ์เราวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ อยากจะดูการแจ้งเตือน หรือนอนคว่ำ เล่นมือถือบนเตียง การที่ปุ่มสแกนลายนิ้วมือถูกจับไปอยู่ทางด้านข้างทำให้ใช้งานได้ลำบากกว่า iPhone 6s Plus และ Samsung Galaxy Note 5 อย่างเห็นได้ชัด ต่อให้ Sony Xperia Z5 มีฟีเจอร์ในการเคาะหน้าจอเพื่อปลุกเครื่องก็ตาม เราก็ยังคงต้องมาใส่พาสเวิร์ดอยู่ดี อย่างแอดมินเองเวลาตั้ง Password จะใช้เป็นตัวเลขสลับตัวอักษรเล็กใหญ่ ก็ต้องมาคอยพิมพ์เองทุกที ครั้นจะใช้นิ้วสแกนตอนวางเครื่องกับพื้นก็ดูลำบากไปหน่อย แต่ยืนยันว่าตอนที่ใช้งานมือเดียว หรือต้องการความคล่องตัวเนี่ย Sony Xperia Z5 ทำได้ดีกว่ามากครับ
สิ่งที่เพิ่มมา นอกจากปุ่มสแกนลายนิ้วมือแล้ว วัสดุก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจากตอน Sony Xperia Z3 พอสมควร ที่เห็นชัดที่สุดก็คงหนีไม่พ้นฝาหลังของ Sony Xperia Z5 ที่ใช้เป็นกระจกเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือพื้นผิวของกระจกเปลี่ยนไป และเป็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น อย่างที่รู้กันว่าฝาหลังกระจกจะมีข้อเสียเรื่องริ้วรอย และการเก็บรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่ฝาหลังกระจกของ Sony Xperia Z5 มีการเคลือบผิวให้เป็นแบบด้าน แน่นอนว่าไม่เก็บนิ้วมือเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดูแลรักษาได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมาคอยนั่งเช็ดรอยนิ้วมือบ่อยๆ อีกต่อไป และในการจับถือก็ทำได้สะดวกขึ้น เพราะไม่ลื่นมือเหมือนตอน Sony Xperia Z3 แล้วด้วย เป็นสิ่งที่ต้องขอชื่นชม Sony ในแง่ของพัฒนาการจากรุ่นก่อน ถึงดีไซน์จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ แต่พอได้ลองใช้ ลองรีวิว Sony Xperia Z5 ก็รู้เลยว่ามีความเปลี่ยนแปลงจริงๆ เยอะมาก
ด้านข้างของ Sony Xperia Z5 ใช้วัสดุเป็นโลหะ ขอบทั้ง 4 ด้านโค้งมนเช่นเดียวกับตอน Sony Xperia Z3 ช่วยในเรื่องของการลดแรงกระแทก ไม่ว่าจะเป็น การทำหล่น, เผลอไปกระแทกกับขอบโต๊ะ ขอบทั้ง 4 ด้านจะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดกับตัวเครื่องได้พอสมควร ส่วนรายละเอียดต่างๆ ทางด้านข้างของ Sony Xperia Z5 ก็คล้ายกับ Sony Xperia Z3 แต่ในเรื่องของความ Balance ของปุ่มต่างๆ อาจต้องปรับปรุงนิดหน่อย โดยเฉพาะปุ่มปรับระดับเสียงที่มีขนาดเล็กลง กดด้วยมือเดียวได้ยาก เนื่องจากโดนปุ่ม Sleep/Wake ที่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแย่งพื้นที่ไป
จุดที่ Sony Xperia Z5 พัฒนาขึ้นอีกเรื่องก็คือการออกแบบที่ไม่จำเป็นต้องมีฝาปิดพอร์ทเยอะแยะเหมือน Sony Xperia Z Series รุ่นก่อนๆ ที่จะมีทั้งช่องปิดพอร์ท USB, ช่องใส่ซิม, ช่องเสียบหูฟัง ที่มักจะมีปัญหาเมื่อใช้งานไปนานๆ ไม่ฝาปิดพอร์ทเสื่อมก็ยางกันน้ำเข้าเสื่อม แต่ใน Sony Xperia Z5 จะเหลือแค่ฝาปิดช่องใส่ซิมเท่านั้น ที่เหลือสามารถเปลือยลงน้ำได้สบายๆ ทั้งช่องเสียบสาย USB, ช่องเสียบหูฟังเดี๋ยวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีฝาปิดเหมือนก่อนแล้ว ส่งผลให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น อยากจับลงน้ำเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะตามปกติเราคงไม่เปิดช่องใส่ซิมเล่นกันอยู่แล้ว
Sony Xperia Z5 มาพร้อมกับหน้าจอ TRILUMINOS สำหรับมือถือ เทคโนโลยีการปรับเสริมสีแบบเฉพาะตัวที่ช่วยผสมผสาน Live Colour LED และ Live Colour Creation เข้าไว้ด้วยกัน บนความละเอียดระดับ Full HD (ถ้าเป็น Sony Xperia Z5 Premium จะมาพร้อมหน้าจอความละเอียด 4K) สีสันของหน้าจอตามสไตล์ของ Sony คือเน้นที่ความสมจริงด้วยชุดสีที่มีให้เลือกมากกว่า จากเทคโนโลยี Live Colour LED และเทคโนโลยี Live Colour Creation ที่นำเสนอสีสันสดใสยิ่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีการวิเคราะห์และปรับสรรแต่ละสีแยกจากกัน แต่ถ้าอยากให้สีสดกว่านั้น ในกรณีที่ต้องการแสดงผลรูปภาพ, รับชมวีดีโอ สีสันที่สดใสจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ดียิ่งขึ้น Sony Xperia Z5 ก็มีเทคโนโลยี X-Reality for Mobile เข้ามาเสริมในจุดนี้ด้วย
ภาพรวมของการดีไซน์ใน Sony Xperia Z5 ก็ยังถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานเรือธงของ Sony มีความเปลี่ยนแปลงในแง่ของเทคโนโลยีใหม่ที่เห็นเป็นรูปธรรมอย่างเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทางด้านข้างของตัวเครื่อง จำนวนฝาปิดพอร์ทที่ลดลงเหลือเพียงช่องใส่ซิมเท่านั้น จากเดิมที่ต้องปิดพอร์ท USB, ช่องเสียบหูฟังถึงจะสามารถกันน้ำในระดับ IP68 รวมถึงวัสดุที่ดูเหมือนจะใช้วัสดุเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นขอบเครื่องโลหะ ฝาหลังกระจก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่รายละเอียดเล็กน้อย โดยเฉพาะตรงฝาหลังกระจกที่เลือกใช้เป็นกระจกพื้นผิวด้าน ทำให้การดูแลรักษา Sony Xperia Z5 ทำได้ง่ายขึ้นมาก เพราะฝาหลังไม่เก็บรอยนิ้วมือเหมือนก่อน แต่ยังได้ความหรูหรา สวยงามเหมือนเดิม
สำหรับภาพตัวเครื่อง Sony Xperia Z5 ในมุมอื่นๆ สามารถรับชมได้จาก Gallery เลยครับ
Software
Sony Xperia Z5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดที่มือถือแอนดรอยทั่วไปจะมีได้ ซึ่งก็คือ Android 5.1 Lollipop (ได้รับการอัพเดต Android 6.0 Marshmallow แน่นอน) และครอบด้วย Xperia Home UI ที่มีความแตกต่างจากรุ่นก่อน อย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของไอคอนที่มีขนาดเล็กลง (หลังจากโดนบ่นใน Android 4.4.4) ส่วนการใช้งานก็ถือว่าใช้งานง่ายเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ตัว UI ดูล้ำตามสไตล์อารยธรรม แต่ก็ยังคงเข้ากับคอนเส็ป Material Design ของ Android 5.1 Lollipop
แอพพลิเคชันพื้นฐานบน Sony Xperia Z5 จะพยายามดึงชื่อเทคโนโลยีของตัวเองใส่ลงมาในรอมของมือถือตัวเอง แต่แอพพลิเคชันใช้ฟังเพลงจะมีชื่อว่า Music (เมื่อก่อนจะใช้ชื่อว่า Walkman) แต่ยังรองรับไฟล์เพลงความละเอียดสูง Hi-Res เหมือนเคย โดยไฟล์ Hi-Res คือไฟล์เพลงความละเอียดโคตรสูงแบบ 24 Bit (ที่ละเอียดว่า CD) ได้ด้วย สำหรับไฟล์ Hi-Res ที่ Sony Xperia Z5 รองรับจะเป็นไฟล์นามสกุล Flac, Wav และจะไม่รองรับไฟล์ Hi-Res นามสกุล AIFF ของฝั่ง Apple โดยเวลาที่เราเล่นเพลงจากไฟล์ Hi-Res จะมีสัญลักษณ์ Hi-Res ขึ้นที่อัลบัมเพลงดังกล่าวครับ
แต่ถ้าใครมองว่าไฟล์เพลงความละเอียดสูง Hi-Res นั้นมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่มากเกินไป หรือไม่รู้จะไปหาไฟล์เพลง Hi-Res จากที่ไหน ครั้นจะซื้อก็ดันมีราคาแพงเกินไปอีกต่างหาก (ไฟล์เพลง Hi-Res เฉลี่ยอัลบัมละประมาณ 600 บาท – แบบดิจิตอลดาวน์โหลด) ทาง Sony ก็เตรียมทางแก้ไว้แล้ว เพราะอีกหนึ่งความสามารถของ Music ใน Sony Xperia Z5 คือมันมาพร้อมกับระบบ DSEE HX ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพของไฟล์เสียงแบบบีบอัด (เช่น MP3, AAC) ให้มีความใกล้เคียงกับไฟล์ Hi-Res ได้ แต่ส่วนตัวผมแยกไม่ออกจริงๆ ระหว่างการเปิด DSEE HX กับไม่เปิด (ไฟล์เพลงที่ใช้ทดสอบเป็นไฟล์ AAC จาก iTunes Store) แต่ถ้าเป็นการเปิด Clear Audio+ อันนี้เห็นผลชัดเจนครับ เสียงทุกย่านจะถูกบูสท์ขึ้นมาอีก 1 สเต็ป ทำให้ฟังเพลงสนุกขึ้นเยอะครับ ง่ายๆ เลยก็คือถ้าไม่อยากปรับแต่งอะไรมากมายก็กด Clear Audio+ ตัวเดียวเอาอยู่
นอกจากจะรองรับไฟล์ Hi-Res แล้ว Sony Xperia Z5 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ LDAC (สาวก Walkman น่าจะรู้จักดี) โดย LDAC คือ codec สำหรับใช้เข้ารหัสเสียงที่จะส่งผ่านการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ซึ่ง LDAC จะมี bit rate มากกว่า SBC ซึ่งเป็น codec มาตรฐานที่อุปกรณ์ Bluetooth ที่รองรับ A2DP ต้องมี อยู่ 3 เท่า ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียงที่ความละเอียดสูงถึง 24 bit 96 kHz ผ่าน Bluetooth โดยมีคุณภาพใกล้เคียงกับต้นฉบับได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ลำโพง หรือหูฟังบลูทูธจะต้องรองรับ Hi-Res และ LDAC ด้วย แน่นอนว่าส่วนมากก็จะเป็นของ Sony นี่แหละ
ส่วนโหมดประหยัดพลังงานใน Sony Xperia Z5 หรือ STAMINA mode ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ โดยหลักการทำงานของ STAMINA mode ยังคงเหมือนเดิม คือเวลาที่เราไม่ได้เปิดหน้าจอ แอพพลิเคชันทั้งหมดก็จะหยุดการทำงานทันที จะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จากแอพพลิเคชันในขณะที่เปิด STAMINA mode (การตั้งค่าแบบปกติ) แต่เราก็ยังสามารถเข้าไปเลือกได้นะครับว่าจะให้แอพพลิเคชันตัวไหนแจ้งเตือนในขณะที่ใช้งาน STAMINA mode ได้บ้าง ส่วนระยะเวลาการใช้งานที่เพิ่มขึ้นจาก STAMINA mode ก็อยู่ที่ประมาณ 2 เท่าของการใช้งานในโหมดปกติ แต่ถ้าจะไปให้สุดกว่านั้นก็จะมีโหมด Super STAMINA mode, Ultra STAMINA mode ให้เลือกใช้ตามสถานการณ์
ภาพรวมของ Sony Xperia Z5 ในส่วนของ Software ก็ยังคงเจ๋งในแบบฉบับของ Sony เช่นเคย ความลื่นไหลมีให้เห็น ความอลังการของ UI ก็ตามแบบของมือถือ Sony รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่เคยมีในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง Sony ก็ได้จัดเต็มลงใน Sony Xperia Z5 เครื่องนี้เรียบร้อย จะมีข้อตินิดหน่อยก็ตรงที่ยัด Bloatware หรือแอพที่ติดมากับรอมเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง โดยแอพพลิเคชันเหล่านี้จะไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ (ด้วยวิธีแบบปกติ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อเทียบกับสเปคของ Sony Xperia Z5 ที่จัดแรมมาให้มากถึง 3 GB กับพื้นที่หน่วยความจำที่เพิ่มได้ด้วย MicroSD Card ก็คงต้องบอกว่า Bloatware ที่ยัดมาให้นั้นไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาในการใช้งานซักเท่าไหร่
Feature
ด้วยความที่ Sony Xperia Z5 เป็นมือถือระดับเรือธงของค่ายอารยธรรม Sony ทำให้ในส่วนของฟีเจอร์ก็มีมาให้สมศักดิ์ศรีของมือถือเรือธง ไล่มาตั้งแต่การใช้งานขั้นพื้นฐานเช่นการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกเครื่องแทนการกดปุ่ม Power หรือจะเป็นแอพเดียวรวมทุกข่าวสารอย่าง Socialife ก็มีให้เห็นใน Sony Xperia Z5 แต่ถ้าถามถึงฟีเจอร์ที่เด่นจริงๆ ของ Sony Xperia Z5 ก็คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์เหล่านี้ครับ
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ปุ่มเปิดปิดของ Xperia Z5 มาพร้อมเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ ติดตั้งไว้ที่ด้านข้างของโทรศัพท์ การบันทึกลายนิ้วมือครั้งแรกจะใช้เวลานานกว่าเจ้าอื่น ต้องแตะหลายครั้งหน่อย ส่วนการใช้งานปกติสามารถปลดล็อกได้เร็วไม่แพ้คู่แข่ง สามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้ว แต่ใช้งานจริงน่าจะเป็นนิ้วโป้งมือขวา และนิ้วชี้ในมือซ้าย
Lifelog
Lifelog เป็นหนึ่งในแอพพลิเคชันเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจ เพราะจะคอยเก็บสถิติทุกอย่างเกี่ยวกับเราไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, การวิ่ง, นั่งรถ, ปั่นจักรยาน, คุยโทรศัพท์, ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก, ฟังเพลง, เล่นเกม, เล่นอินเทอร์เน็ต, เดินทางด้วยรถ, ดูหนัง, อ่านหนังสือ และนอนหลับ โดยการอนุมานด้วยตัว Lifelog เอง หรือจะใช้อุปกรณ์เสริมจาก Sony (เช่น Smartband Talk, Smart Watch 3) ช่วยให้การเก็บสถิติแม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่ลำพังตัว Lifelog ก็ทำหน้าที่ของมันได้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว จะมีอาการเอ๋อๆ ในเรื่องการ Tracking เวลาที่เราเดินทางนี่แหละ อย่างตอนผมนั่งรถในกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด Lifelog กลับมองว่าผมกำลังปั่นจักรยานซะอย่างนั้น
Small App
สำหรับฟีเจอร์ Small App จะเป็นการเรียกแอพพลิเคชันขนาดเล็กขึ้นมาในลักษณะที่ลอยอยู่บนหน้าจอ วิธีการเรียกใช้เพียงแค่กดปุ่ม Recent App ก็จะเห็นว่ามี Small App อยู่ทางด้านล่าง นอกจากจะมี Small App ติดมากับตัวเครื่องแล้ว ยังสามารถเข้าไปดาวโหลดเพิ่มได้ใน Play Store อีกต่างหาก สำหรับ Small App น่าสนใจที่เรียกใช้บ่อยๆ ก็ได้แก่ Flashlight, Calculator และ Mirror เป็นต้น ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราได้ดีฟีเจอร์หนึ่ง
การกันน้ำ, กันฝุ่น
เป็นหนึ่งในตัวชูโรงของ Sony Xperia Z5 สำหรับฟีเจอร์การกันน้ำกันฝุ่น และถึงแม้จะมีมาตั้งแต่ในสมัยเป็น Sony Xperia Z (รุ่นแรกในดีไซน์ Omnibalance) แต่การกันน้ำใน Sony Xperia Z5 นั้นเป็นอีกระดับของการกันน้ำในสมาร์ทโฟนไปเรียบร้อย เมื่อทำการปิดฝาที่พอร์ททั้งหมดของตัวเครื่อง Sony Xperia Z5 จะสามารถกันน้ำได้ถึงระดับ IP68 โดยระดับการกันน้ำมาตรฐาน IP68 ใน Sony Xperia Z5 สามารถอยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรได้เป็นเวลา 30 นาที แต่ต้องเป็นน้ำจืดเท่านั้น
Camera
กล้องหลักของ Sony Xperia Z5 มาพร้อมกับเซนเซอร์ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล เป็นเซนเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุด มีทีเด็ดตรงการจับโฟกัสที่รวดเร็วมากเพียง 0.03 วินาที เมื่อใช้ร่วมกับการแตะหน้าจอเพื่อถ่ายรูปถือว่าเป็นอะไรที่ลงตัวเอามากๆ การโฟกัสทำได้รวดเร็วทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ด้วยการใช้ระบบโฟกัสแบบไฮบริด มาพร้อมเลนส์ G อันเลื่องชื่อของ Sony โดยเลนส์กล้องของ Sony Xperia Z5 จะเทียบเท่ากับเลนส์ขนาด 24 มิลลิเมตร สามารถเก็บรูปได้ในมุมกว้างกว้างกล้องโทรศัพท์มือถือทั่วไป และสามารถซูมได้มากถึง 5 เท่าแบบภาพไม่แตกอีกต่างหาก
โหมด Auto ของ Sony Xperia Z5 รอบนี้ทำดีขึ้นมากครับ เลือก Scene ได้ดีขึ้นเยอะ การวัดแสง White Balance ทำได้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน ถ่ายกลางคืนเนียนใช้ได้ ไม่แปลกที่จะได้รางวัลกล้องมือถืออันดับ 1 จาก DxoMark แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ผมประทับใจในกล้องของ Sony Xperia Z5 มากๆ คือในเรื่องของการถ่ายวีดีโอ ถึงแม้จะไม่ได้ใส่ฮาร์ดแวร์กันสั่น OIS เข้ามา แต่ระบบ SteadyShot เวอร์ชั่นใหม่นี่ช่วยให้ถ่ายวีดีโอได้นิ่งมาก ลองดูจากวีดีโอด้านล่างก็ได้ครับ บางช่วงของรายการเราถ่ายด้วย Sony Xperia Z5 Compact (ใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกัน) ความนิ่งขณะถือถ่ายด้วยมือเปล่าเผลอๆ จะนิ่งกว่ารุ่นที่มี OIS เสียอีก
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลของ Sony Xperia Z5 มีเลนส์เทียบเท่ากับเลนส์ขนาด 25 มิลลิเมตร สามารถเก็บภาพได้กว้างกว่ากล้องมือถือทั่วไป ลักษณะของภาพที่ถ่ายได้จะเน้นความสมจริง แต่ก็มีโหมด Portrat ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยรวมจัดว่าดีครับ แต่น่าจะไม่ค่อยถูกจริตบ้านเราเท่าไหร่
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Sony Xperia Z5 ก็ตามนี้เลยครับ
Performance
ประสิทธิภาพโดยรวมของ Sony Xperia Z5 ไม่ต้องพูดอะไรมาก สมศักดิ์ศรีของเรือธงอย่างแน่นอน ด้วยสเปคที่จัดเต็มมาขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น CPU Qualcomm Snapdragon 810 รุ่นปรับปรุงความร้อน ส่วนแรมของ Sony Xperia Z5 ก็ให้มาที่ 3 GB มากพอที่จะเปิดแอพฯ สลับแอพฯ โดยที่ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น รวมถึงจะใช้เล่นเกมหนักๆ ที่กินกราฟฟิคก็ทำได้สบาย ไม่มีอาการกระตุกให้หงุดหงิดใจ รวมถึงการเล่นไฟล์วีดีโอ Sony Xperia Z5 สามารถเปิดไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างลื่นไหล เพราะฉะนั้นไฟล์วีดีโอระดับ Full HD นี่ถือว่าจิ๊บๆ เลยหล่ะครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่กังวลเรื่องปัญหาความร้อน เท่าที่ได้ใช้เครื่องรีวิวมาประมาณ 1 สัปดาห์ก็ยังไม่พบอาการกล้องปิดตัวเองเหมือนสมัยตอน Sony Xperia Z3 นะครับ ถึงแม้จะใช้ซีพียูที่ขึ้นชื่อเรื่องความร้อนอย่าง Snapdragon 810 ก็ตาม เนื่องจาก Sony ใช้ได้ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ เป็น Heat Pipe แบบคู่ ทำให้สามารถระบายความร้อนได้เร็วขึ้น เวลาที่เครื่องทำงานหนักก็จะแค่รู้สึกว่ามันอุ่นเท่านั้นเองครับ ไม่ได้ร้อนเหมือนพวก Snapdragon 810 รุ่นก่อนๆ แล้ว
สำหรับแบตเตอรี่หรือการจัดการพลังงานของ Sony Xperia Z5 จัดว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของชาร์ทสมาร์ทโฟน ด้วยการจัดการพลังงานของรอม Sony Xperia Z5 ที่ออกแบบมาดีมาก รวมถึงการเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ได้เหมาะสม และแบตเตอรี่ที่สุดอึดนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม Sony จึงไม่ใส่ CPU ที่แรงกว่านี้ และหน้าจอความละเอียด 2K ลงมาใน Sony Xperia Z5 ส่วนการใช้งานใน STAMINA mode ก็ไม่ต้องสืบ ใช้งานกันยาวๆ ลืมที่ชาร์จไฟไปเลยทีเดียว