ก่อนหน้านี้ Specphone เราได้ทำการ รีวิว Samsung Galaxy Tab S7 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นไปแล้วคราวนี้ก็ถึงคิวของ Samsung Galaxy Tab S7+ ที่เป็นรุ่นท๊อปกันบ้างแล้วซึ่งสเปคหลาย ๆ อย่างก็จะเหมือนกับ Galaxy Tab S7 แล้วได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมให้สมกับเป็นเรือธงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันได้เลย
สเปค Samsung Galaxy Tab S7
- หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด WQXGA+ (2K, 1752 x 2800 พิกเซล) รองรับ HDR10+ มีขอบเขตสี NTSC Refresh Rate 120Hz
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 865+
- แรม : 6GB / 8GB
- หน่วยความจำ : 128GB / 256GB
- กล้องหลัง : พร้อม LED Flash รองรับการบันทึกวีดีโอสูงสุด 4K 30fps
- Wide 13MP f/2.0 มี Auto Focus
- Ultrawide 5MP f/2.2
- กล้องหน้า : 8MP f/2.0 รองรับการบันทึกวีดีโอสูงสุด 1080p 30fps
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.0
- เซ็นเซอร์ : Fingerprint, accelerometer, gyro, proximity, compass
- แบตเตอรี่ : 10,090 mAh รองรับชาร์จไว 45W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 10 ครอบด้วย One UI 2.5
- ขนาด : 285 x 185 x 5.7 มม.
- น้ำหนัก : 575 กรัม
- ราคา :
- Galaxy Tab S7+ (LTE) ความจุ 6GB + 128GB = 33,900 บาท
- Galaxy Tab S7+ (5G) ความจุ 8GB + 256GB = 39,900 บาท
สเปค Samsung Galaxy Tab S7+ 5G
สเปค Samsung Galaxy Tab S7+ LTE
ข้อดี
- หน้าจอใหญ่ ที่มี Refresh Rate 120Hz มีความคมชัดสูง และมีความเที่ยงตรงของสีที่สูงเช่นกัน
- ใช้ชิปประมวลผลสุดแรง Snapdragon 865+
- รองรับ Wi-Fi 6
- รองรับ 5G
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10,090 mAh พร้อมรองรับชาร์จไว 45W
- มี S-Pen และเคสคีย์บอร์ด
- ลำโพง 4 ตัว ได้รับการจูนเสียงจาก AKG
- รองรับ Samsung Dex
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
- ขอบตัวเครื่องค่อนข้างคม
- กล้องเซลฟี่แนวนอนทำให้เซลฟี่ยากขึ้น
- การมีจอ 120Hz ทำให้แบตเตอรี่ลดเร็วขึ้น
- ราคาค่อนข้างสูง
ดีไซน์
Samsung Galaxy Tab S7+ นั้นใช้ดีไซน์แบบเดียวกับ Galaxy Tab S7 คือมีวัสุดเป็นโลหะที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทาน แต่ต่างกับ Tab S7 ตรงที่หน้าจอนั้นเป็นหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 12.4 นิ้ว (ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย) ที่มีอัตราส่วน 16:10 และมีขอบจอที่น้อย ส่งผลให้ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่มากนัก
บริเวณด้านข้างของตัวเครื่อง Galaxy Tab S7+ มาพร้อมลำโพง 4 ตัว โดยแบ่งเป็นด้านซ้าย 2 ตัว และด้านขวา 2 ตัว ซึ่งด้านซ้ายนั้นจะมีรูไมโครโฟนอยู่ด้วย ส่วนด้านขวานั้นจะมีพอร์ต USB Type-C วางอยู่ตรงกลาง
บริเวณด้านบนจะประกอบไปด้วย ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านล่างนั้นจะมีแค่ POGO Pin และตัวล็อคสำหรับเสียบกับเคสคีย์บอร์ด
ในส่วนของถาดใส่ซิมนี้จะชวนงงเล็กน้อยเพราะ จะไม่ใช้ Dual-slot แบบทั่วไป เนื่องจากถาดนี้จะเป็นแบบ 2 ด้านคือเมื่อดึงถาดออกมาฝั่งหนึ่งจะเป็นช่องสำหรับใส่ MicroSD Card และเมื่อพลิกไปอีกฝั่งก็จะเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดนั่นเอง
ในส่วนของด้านหลังตัวเครื่องจะมีกล้องหลัง 2 ตัวพร้อม LED Flash นอกจากนี้ยังมีแถบดำ ๆ ที่ลากยาวติดกับโมดูลกล้องอยู่ บริเวณนี้ก็คือที่เก็บและชาร์จปากกา S-Pen ที่อาศัยแม่เหล็กในการยึดติดเช่นเดิม ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวแถบนี้ไม่ได้เป็นร่องลงไปในตัวเครื่องแล้ว แต่เรียบเสมอตัวเครื่องเลย ทำให้เวลาสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกเรียบเสมอสุด ๆ
ระบบปฏิบัติการ
Galaxy Tab S7+ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย OneUI 2.5 ที่ซึ่งทาง Samsung ได้มีการปรับปรุงให้มีความสามารถมากขึ้นและใช้งานได้ง่ายมากขึ้น
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
Galaxy Tab S7+ นั้นในด้านประสิทธิภาพการใช้งานแล้วต้องบอกเลยว่าไร้ปัญหา ด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 865+ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป ทำงาน ตัดต่อ หรือแม้แต่เล่นเกมก็สามารถใช้ได้อย่างไม่มีสะดุด ซึ่งจากที่ได้ลองเล่นมาไม่ว่าจะเป็น PUBG Mobile, V4, Asphalt 9 และ RoV ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ เล่นได้แบบลื่น ๆ เลย
นอกจากชิป Snapdragon 865+ แล้ว Galaxy Tab S7 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh และรองรับระบบชาร์จเร็วขนาด 45W ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาว ๆ โดยไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ (ถ้าเปิดให้เป็นหน้าจอ 120Hz แล้วแบตเตอรี่จะลดเร็วกว่าปกติ)
กล้องถ่ายภาพ
Galaxy Tab S7+ มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัว วึ่งประกอบไปด้วยกล้องมุมกว้างความละเอียด 13MP f/2.0 ที่มีระบบ Auto Focus มาให้ และกล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 5MP f/2.2 ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องเดี่ยวความละเอียด 8MP f/2.0 ซึ่งตัวกล้องนี้มาพร้อมโหมดการถ่ายภาพมากมาย ทั้ง Live Focus ในโหมดถ่ายภาพและอัดวีดีโอ, โหมด Pro Video และโหมด Single Take
ซึ่งจากที่ได้ไปลองถ่ายมาแล้ว ในส่วนของการถ่ายภาพในตอนกลางวันหรือมีแสงเพียงพอแล้วเรียกได้ว่าดีใช้ได้เลยสำหรับกล้องของแท็บเล็ต แต่พอเป็นตอนกลางคืนแล้ว กล้องหลังนับว่าทำได้ดี ถึงแม้จะต้องใช้เวลาในการประมวลผลหลายวินาทีกว่าจะเรียกดูได้ก็ตาม
สำหรับความสามารถในการอัดวีดีโอนั้น Galaxy Tab S7+ นั้นสามารถอัดวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps ในกล้องหลัง ส่วนกล้องหน้านั้นสามารถอัดวีดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 30fps เท่านั้น ซึ่งความเร็วในการโฟกัสของกล้องนั้นไม่ได้เร็วอะไรมากมาย ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที ถึงจะปรับโฟกัสให้
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ฟีเจอร์เด่น
หน้าจอ 120Hz ขอบเขตสีกว้าง
Galaxy Tab S7+ มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ที่มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz พร้อมด้วยความกว้างขอบเขตสีแบบ NTSC ซึ่งเป็นขอบเขตสีระดับเดียวกับ Adobe RGB (ขอบเขตสีกว้างกว่า DCI-P3 และ sRGB) ส่งผลให้สามารถทำงานที่ต้องใช้ความเที่ยงตรงของสีอย่างการวาดรูปได้ดี แถมหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชสูงยังช่วยให้การใช้งานควบคู่กับปากกา S Pen มีความลื่นไหลมากขึ้นอีกด้วย
S Pen ปรับปรุงใหม่
S Pen คืออุปกรณ์ประจำตัวของ Galaxy Note และ Tab มาหลายปี ซึ่งก็ได้รับการอัพเกรดทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ และก็ได้มีการเปลี่ยนดีไซน์ในรุ่น Tab ให้จับได้ถนัดมือมากขึ้น และยังได้มีการเพิ่มความสามารถของ S Pen ให้มากขึ้นว่าเดิม อีกทั้งยังลดความหน่วงให้ต่ำลงจนถึงที่สุดเพื่อความต่อเนื่องของการเขียนอีกด้วย
หนึ่งในความน่าสนใจของฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับ S Pen คือการที่สามารถเขียนบนหน้าจอได้ทันทีถึงแม้จะไม่ได้ปลดล็อคเครื่องก็ตาม ซึ่งการจดโน๊ะแบบนี้จะเป็ฯการบันทึกลง Samsung Note ทันทีหลังจดเสร็จ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Air Actions ที่ช่วยให้สามารถใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องไปสัมผัสตัวเครื่องเลย
CLIP STUDIO PAINT
CLIP STUDIO PAINT เป็นแอปวาดรูปที่ติดมากับเครื่องเพื่อให้สามารถใช้งานควบคู่กับ S Pen แล้วได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งสำหรับคนที่ซื้อ Galaxy Tab S7 / S7+ นั้นจะสามารถใช้แอปนี้ได้ฟรีถึง 6 เดือน ซึ่งในแอปนี้นั้นมีหัวปากกาให้เลือกเปลี่ยนได้หลากหลาย มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้การวาดรูปทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี AI ที่สามารถช่วยลงสีให้อีก (CLIP STUDIO PAINT เป็นโปรแกรมแบบซื้อครั้งเดียวใช้ได้ตลอดและมีอัพเดตให้เรื่อย ๆ)
SAMSUNG NOTES
Samsung Note แอปติดเครื่องประจำของ Samsung ที่จะได้ใช้ความสามารถเต็มที่เมื่อใช้งานร่วมกับ S Pen ซึ่งนอกจากจะเอาไว้จดโน๊ตแบบทั่ว ๆ ไปแล้วยังสามารถใช้จดโน๊ต / เซ็นเอกสารลง PDF และสามารถแชร์โน๊ตไปยังโปรแกรม Microsoft Word และ Power Point ได้อีกด้วย นอกจากนี้ด้วย Samsung Note Live Sync ยังสามารถแชร์โน๊ตไปยังอุปกรณ์ Galaxy ผ่าน Samsung Account ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
CANVA
CANVA คือแอปสำหรับออกแบบระดับมืออาชีพที่มาพร้อมตัวช่วยในการออกแบบมากมายด้วยเทมเพลตนับพันแบบหรือสร้างสรรค์ผลงานของคุณเองด้วยโหมดเอดิเตอร์ที่ใช้งานง่าย ออกแบบตั้งแต่เนื้อหาการตลาดไปจนถึงโพสต์โซเชียลมีเดียได้ในแอปพลิเคชันเดียว แล้วสร้างงานออกแบบที่ล้ำกว่าเดิม ซึ่งแอปตัวนี้เป็นแบบใช้ฟรี แต่หากอยากได้ฟีเจอร์เพิ่มสามารถทดลองใช้ CANVA Pro ได้ฟรี 30 วัน หลังจากนั้นจะต้องเสีย 9.95 USD /ผู้ใช้/เดือน (เรียกเก็บเป็นรายปี)
NOTESHELF
NOTESHELF คือแอปจดโน๊ตที่มีลูกเล่นหลากหลายมากขึ้น ช่วยเพิ่มอิสระในการจดโน๊ตให้มากยิ่งขึ้น รองรับทั้งการพิมพ์และการเขียนด้วย S Pen และด้วย NOTESHELF Club Exclusive ช่วยให้สามารถใช้งานปกสมุดบันทึกและเทมเพลตกระดาษนับร้อยแบบได้ฟรี โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกแต่อย่างใด
Daily Board
Daily Board คือแผงหน้าปัดสมาร์ทโฮมของคุณที่ให้คุณสามารถจัดการเครื่องใช้ต่างๆที่เชื่อมต่ออยู่กับแท็บเล็ต หรือจะใช้เป็นกระดานวางตารางเวลาหรือกระดานจดโน้ตก็ได้
Dex Mode
Dex Mode คือโหมดที่จะเปลี่ยนให้แท๊บเล็ตมีหน้าตา UI คล้ายกับคอมพิวเตอร์ Desktop ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้งานนอกสถานที่ได้เหมือนมีคอมพิวเตอร์แรง ๆ มาใช้งานนอกบ้าน ซึ่งโหมดนี้จะใช้งานได้ดียิ่งขึ้นหากใช้ร่วมกับ Book Cover Keyboard (ขายแยก)
สรุป
Samsung Galaxy Tab S7+ เป็นแท๊บเล็ตระดับเรือธงที่เรียกได้ว่ามากความสามารถที่ไม่น่าจะมีแท๊บเล็ต Android ตัวไหนมาเทียบได้เลยในขณะนี้ ด้วยดีไซน์ที่มีความหรูหรา แข็งแรง พร้อมด้วยสเปคที่แรง ทำให้เหมาะอย่างยิ่งยวดกับการเอาไปใช้งานที่สามารถทำเงินได้รวมถึงเหมาะกับการเอาไปใช้พรีเซนต์งานลูกค้าก็ยังได้ นอกจากนี้ด้วยการที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 10,090 mAh ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่จะหมดระหว่างพรีเซนต์งานแน่นอน ซึ่งจากที่ได้ลองใช้มาต้องบอกเลยว่า Galaxy Tab S7+ เป็นแท๊บเล็ตที่ครบเครื่องที่สุดในฝั่ง Android แล้วและยิ่งถ้าใ้มือถือเป็น Samsung Galaxy ด้วยแล้วจะทำให้สามารถแชร์ข้อมูลกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย