ถ้าถามว่าในปีนี้ผมตื่นเต้นกับแท็บเล็ตตัวไหนที่สุด คำตอบคงหนีไม่พ้น Samsung Galaxy Tab S11 Ultra และไม่ใช่เพราะมันเป็นรุ่นท็อปเฉย ๆ แต่เพราะประสบการณ์ใช้งานที่มันพยายามพาเรา “ข้ามเส้น” จากคำว่าแท็บเล็ต ไปสู่เครื่องทำงานจริงจังที่พร้อมแทนโน้ตบุ๊กในชีวิตประจำวันได้มากที่สุดเท่าที่ Samsung เคยทำมา หน้าจอใหญ่สะใจ 14.6 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED 2X ความบางแค่ 5.1 มม., น้ำหนักตัวเครื่องราว 692 กรัม, กันน้ำกันฝุ่น IP68 ทั้งตัวเครื่องและ S Pen ดีไซน์ใหม่ แถมเสริมด้วย DeX Mode ที่พัฒนาขึ้น, Multiple Workspace ที่สร้างเดสก์ท็อปแยกได้สูงสุดสี่หน้าจอ และการต่อจอแยกแบบ Extended Mode ทั้งสายและไร้สาย — ทั้งหมดนี้ทำให้ผมตั้งต้นรีวิวด้วยความคาดหวังสูงเป็นพิเศษและอยากลองว่า “มันแทนโน้ตบุ๊กได้จริงแค่ไหน”

รีวิวนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การไล่สเปก แต่คือการเล่าประสบการณ์ใช้งานแบบที่เราใช้เครื่องจริง ทั้งทำงานเอกสาร ประชุม วาดสเก็ตช์ แต่งรูป ตัดต่อวิดีโอสั้น ๆ ไปจนถึงความบันเทิงดูหนังฟังเพลง พร้อมชี้จุดเด่นและข้อสังเกตที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อในสไตล์ SpecPhone ตามที่หลายคนคุ้นเคย
ดีไซน์และงานประกอบ: บางเฉียบ สวยพรีเมียม แต่ขนาด “ใหญ่จริง”
หยิบครั้งแรกแล้วรู้สึกถึงความบางแบบที่ต้องมองซ้ำ ตัวเครื่องหนาเพียง 5.1 มม. ซึ่งพอเห็นตัวจริงจะเข้าใจเลยว่าทีมออกแบบตั้งใจทำให้มันเป็นแท็บเล็ตจอใหญ่ที่ “บางแบบโน้ตบุ๊กบางเฉียบ” มาพร้อมวัสดุ Armor Aluminum ที่จับแล้วแน่นมือ ดูแพง และให้ความมั่นใจเรื่องความทนทาน เวลาใส่เคสฝาพับบาง ๆ ก็ยังคงความรู้สึกบางเบาอยู่ดี

น้ำหนักรุ่น Wi‑Fi อยู่ราว 692 กรัม เมื่อประกบกับ Slim AI Keyboard น้ำหนักรวมประมาณ 1.16 กิโลกรัม ซึ่งถ้าเทียบกับโน้ตบุ๊ก 14 นิ้วส่วนใหญ่ ถือว่าเบากว่าและบางกว่าชัดเจน ใส่กระเป๋าสะพายไปมาคือสบายหลังขึ้นแบบรู้สึกได้ คนที่เดินทางขึ้นลงรถไฟฟ้าหรือย้ายที่ทำงานบ่อยจะชอบมาก แต่ก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่า ขนาด 14.6 นิ้วยังใหญ่จริง การถือมือเดียวเดินพกไปพิมพ์ไปไม่ค่อยเหมาะ ต้องเป็นการวางบนโต๊ะ ตัก หรือพิงสแตนด์ถึงจะเวิร์ก

ดีเทลเล็ก ๆ ที่อยากชมคือรอยต่อเฟรมกับกระจกทำมาเรียบสนิท การเก็บขอบและการเสมอกันของพอร์ต/ไมค์/ลำโพงทำได้ดีแบบเรือธง รวมถึงตำแหน่งแม่เหล็กของ S Pen ที่วางแล้ว “ดูดติด” แน่นแบบไม่ต้องกลัวหล่นง่าย ๆ ภาษากล้องหลังยังเป็น Minimal แนวยาว ไม่โป่งจนเกินไป เวลาใช้งานวางราบบนโต๊ะ แทบไม่รู้สึกว่ากล้องดันตัวเครื่อง

หน้าจอ: Dynamic AMOLED 2X 14.6 นิ้ว พร้อม Anti‑Reflection ที่เห็นผลจริง
หัวใจของ รีวิว Samsung Galaxy Tab S11 Ultra อยู่ที่หน้าจอ เพราะนี่คือเหตุผลใหญ่ที่คนจะเลือก “Ultra” จอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 14.6 นิ้ว ให้สีดำที่ดำสนิท คอนทราสต์จัด รายละเอียดแน่น และการตอบสนองสัมผัสลื่นไหลด้วยรีเฟรชเรต 120Hz เวลาเลื่อนหน้าเว็บ ตอบแชต หรือสลับหน้าต่างหลาย ๆ แอปพร้อมกันคือ ลื่นแบบที่คาดหวังจากเรือธง และเมื่อใช้กับปากกา ความหน่วงต่ำจนวาดลายเส้นต่อเนื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่ผมสังเกตว่า “ช่วยมาก” ในชีวิตจริงคือชั้นเคลือบ Anti‑Reflection ที่ลดแสงสะท้อนได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนแบบเห็นได้ชัด ลองใช้งานในคาเฟ่ไฟขาวเหนือหัว หรือพกออกไปนั่งทำงานตรงพื้นที่กระจกข้างหน้าต่างที่มีแดดจัด ๆ เงาสะท้อนบนจอน้อยลง เสียงสีและคอนทราสต์ยังนิ่ง ไม่ต้องปรับมุมจอกันจนเมื่อยมือ แน่นอนว่าถ้าเอาออกกลางแจ้งตรงแดดเที่ยง ๆ ก็ยังต้องเร่งความสว่างช่วยอยู่ แต่โดยรวมคือ “คุมสถานการณ์ได้” ดีกว่าแท็บเล็ตจอเงาหลายรุ่น

ขอบจอบางเฉียบเพียง 5.2 มม. ทำให้พื้นที่แสดงผลเต็มตา เวลาแบ่งจอ 2 แอปแบบ 50/50 ยังรู้สึกว่ามีพื้นที่จริง ๆ ไม่อึด แต่อีกด้านหนึ่ง ขอบที่บางมากทำให้ Samsung เลือกใช้รอยเว้าสำหรับกล้องหน้าหรือที่หลายคนเรียกว่า notch ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกผมยังแอบมองเห็นอยู่บ้างเวลาเปิดวิดีโอเต็มจอ แต่หลังจากใช้ไปสักพักสายตาก็ไหลผ่านได้เอง ไม่ได้รบกวนอะไรในการทำงานประจำวัน

ในการดูคอนเทนต์ ผมลองทั้ง Netflix, YouTube, และสตรีมวิดีโอ HDR หลายคลิป สีที่ได้บนจอ AMOLED ยังเป็นเอกลักษณ์ของ Samsung คือสดจัดแต่ไม่หลอกตา เก็บรายละเอียดไฮไลต์ได้ดี ถ้าใครตัดต่อคลิปสั้น ๆ หรือแต่งภาพแนวคอนเทนต์โซเชียล จอนี้ให้ความมั่นใจได้ระดับหนึ่งเลย โดยเฉพาะเวลาต้องตัดต่อบนโต๊ะเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถวางจอเสริมได้ ความกว้างของหน้าจอ ให้พื้นที่ในการไล่ไทม์ไลน์ตอนตัดวิดีโอแบบใช้งานได้จริง

ประสิทธิภาพและ Multitasking: Dimensity 9400+ ที่ผลัก DeX ให้กลายเป็น “ร่างสมบูรณ์”
ภายในของ Tab S11 Ultra อัปเกรดมาใช้ชิป MediaTek Dimensity 9400+ บนสถาปัตยกรรม 3nm ซึ่งตัวเลขบนกระดาษอาจเล่าเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมสนใจคือมัน “รองรับชีวิตจริง” ได้แค่ไหน ในการใช้งานหนึ่งสัปดาห์แบบย้ายงานไปมา ผมเปิดเอกสาร Google Docs คู่กับสไลด์พรีเซนต์ แทรกอีเมลและแชตไว้ข้าง ๆ สลับกับเบราว์เซอร์แท็บเยอะ ๆ และมีแอปแต่งรูป/ตัดต่อคลิปสั้นเปิดรออยู่ด้านหลัง ประสบการณ์ที่ได้คือเครื่องตอบสนองทันใจ ไม่มีหน้าจอค้าง การสลับเค้าโครงหน้าต่างใน DeX Mode ทำได้ไว และที่สำคัญคือ Multiple Workspace ช่วยให้ “โฟกัสเป็นโหมด ๆ” ได้ดี

ผมตั้ง Workspace ที่หนึ่งเป็น “งานเอกสาร” มีเบราว์เซอร์กับตัวแก้งานวางคู่กัน Workspace ที่สองเป็น “ครีเอทีฟ” เปิดแอปจดสเก็ตช์ ภาพอ้างอิง และแอปแต่งรูปไว้พร้อม และ Workspace ที่สามสำหรับ “คอมมูนิเคชัน” รวบรวมอีเมล วิดีโอคอล และแชต สิ่งที่ได้คือระเบียบในหัวลดความวุ่นวายบนเดสก์ท็อป เวลาเปลี่ยนงานก็แค่ปัด/คลิกสลับ Workspace ทำให้ไม่ต้องลากหน้าต่างไปมาให้เสียจังหวะเหมือน Android Tablet สมัยก่อน

Extended Mode ก็เป็นอีกส่วนที่ผมใช้บ่อย ต่อจอเสริมผ่านสาย USB‑C เข้าจอมอนิเตอร์ที่ออฟฟิศ หรือโยนขึ้น Smart Monitor แบบไร้สายเพื่อประชุม (ต่อเข้ากับ Samsung Smart Monitor M7 แบบไร้สาย) ทีมเดียวกันเห็นสไลด์เต็มจอ ในขณะที่บน Tab S11 Ultra ผมยังจดโน้ตหรือดูสคริปต์ได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องสลับหน้าจอกันจนหลุดประเด็น ในสถานการณ์ที่ต้องพรีเซนต์แบบเฉพาะกิจในห้องประชุมเล็ก ๆ การมี Extended Mode ทำให้แท็บเล็ตเครื่องเดียว “รับบทโน้ตบุ๊ก” ได้ทันที

ประเด็นเรื่องเกม ผมลองจับเกมแนว FPS และ MOBA บนหน้าจอ 14.6 นิ้ว พบว่าเฟรมเรตและกราฟิกทำได้ดี แต่สิ่งที่ต้องพูดกันตามตรงคือ ขนาดจอที่ใหญ่ทำให้การเอื้อมมือควบคุมบนหน้าจอไม่คล่องเท่ามือถือ ถ้าคุณเป็นสายเล่นเกมจริงจัง ผมยังมองว่าจอใหญ่ของ Ultra เหมาะกับเกมแนวคอนโทรลเลอร์มากกว่า เช่นเกมผจญภัย เกมแข่งรถ หรือเกมที่ใช้จอยแยกจะเวิร์กกว่า ทว่าถ้าเป็นเกม Casual หรือเกมที่เน้นภาพสวย ๆ จอนี้ให้ความฟินที่มือถือให้ไม่ได้แน่นอน
S Pen ดีไซน์ใหม่: จับถนัดกว่า เขียนลื่นกว่า และกันน้ำได้จริง
ปากกา S Pen ที่แถมมาในกล่องมีการออกแบบใหม่ในทรงหกเหลี่ยม คล้ายดินสอไม้ เวลาจับแล้วรู้สึก “ล็อกนิ้ว” กว่ารุ่นเดิม ทำให้เขียนนาน ๆ ไม่ล้า หัวปากกาแบบ Cone‑shape มีแรงเสียดทานกำลังดี ลากเส้นแล้วคุมปลายดินสอได้แม่นขึ้น โดยเฉพาะตอนตวัดปลายเส้นหรือเขียนตัวหนังสือเร็ว ๆ เรื่องแรงหน่วงถือว่าต่ำมาก ใกล้เคียงการเขียนบนกระดาษ ความแม่นของตำแหน่งปลายปากกาก็เชื่อถือได้ ไม่เจออาการเคอร์เซอร์หลุดหรือเลื่อนตามไม่ทัน

ปุ่ม Quick Tool บนปากกาช่วยให้เปลี่ยนหัวแปรง เปลี่ยนโหมด หรือเรียกเมนูลัดได้โดยไม่ต้องละมือจากหน้าจอ คนที่ชอบวาดไอคอน/เวกเตอร์ง่าย ๆ เพื่อประกอบสไลด์หรือโซเชียลจะชอบมาก เพราะลื่นไหลเหมือนวาดในกระดาษ นอกจากนี้ทั้งตัวเครื่องและ S Pen ยังได้มาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่นอีกด้วย

ส่วนฟีเจอร์ที่ช่วยงานจริงคือ Drawing Assist สำหรับใครที่สเก็ตช์รูปทรงเบื้องต้นแล้วอยากให้เส้นดูเรียบขึ้นโดยอัตโนมัติ และ Writing Assist ที่ช่วยปรับโทนภาษาในโน้ตหรืออีเมลให้เป็นทางการขึ้นหรือเป็นกันเองขึ้นตามบริบท พูดตรง ๆ คือทั้งสองอย่างนี้ทำให้จาก “โน้ตดิบ ๆ” กลายเป็นโน้ตที่พร้อมส่งต่อในทีมได้เร็วขึ้นจริง
เสียง ลำโพง และไมค์: ดูหนังเพลิน ประชุมชัดเจน
ลำโพงสี่ตัวของ Samsung Galaxy Tab S11 Ultra ให้เสียงที่ดังและกว้างกว่าที่คิด การดูหนัง Action ที่มีเสียงเคลื่อนที่ซ้าย‑ขวาให้มิติที่พอประมาณสำหรับแท็บเล็ต ถ้าเอามาตั้งบนโต๊ะในห้องขนาดเล็ก เสียงอิ่มพอจะไม่ต้องต่อลำโพงบลูทูธเสริม ส่วนการประชุมออนไลน์ ไมค์ตัดเสียงรบกวนทำได้ดี เพื่อนร่วมวงคุยได้ยินเสียงชัด ไม่ต้องตะโกนใส่เครื่อง ความหน่วงเสียง‑ภาพในแอปประชุมยอดนิยมก็ไม่เจอปัญหาแปลก ๆ ระหว่างทดสอบ

การเชื่อมต่อและความเสถียร: Wi‑Fi 7 ที่รู้สึกได้จริงในงานไฟล์ใหญ่
การย้ายไฟล์วีดีโอ 4K ระหว่างคลาวด์กับเครื่อง หรือการสตรีมไฟล์ต้นฉบับขนาดใหญ่จาก NAS ในออฟฟิศ เป็นงานที่ทำให้เห็นความต่างของ Wi‑Fi 7 มากที่สุด ถ้าเรามีเราเตอร์ที่รองรับและสภาพแวดล้อมเครือข่ายดี การดาวน์โหลด/อัปโหลดเสถียรกว่าและเร็วกว่า Wi‑Fi 6/6E ที่ผมเคยใช้บนแท็บเล็ตเจเนอเรชันก่อนหน้า แม้แต่ในคาเฟ่หรือ Co-Workingspace ที่คนใช้เยอะ ๆ ตัวรับสัญญาณของ S11 Ultra ก็ยังทำความเร็วได้ใกล้เคียงเพดานเครือข่ายของสถานที่ ถือว่าพึ่งได้

แบตเตอรี่และการชาร์จ: 11,600 mAh ที่เอาวันทำงานอยู่ และชาร์จ 45W ที่ไม่นานเกินรอ
แบตเตอรี่ขนาด 11,600 mAh อยู่เคียงข้างผมได้ทั้งวันทำงานในรูปแบบ “สลับงานบ่อย ๆ” เช่น เอกสาร–แชต–จดโน้ต–ประชุม–ดูคลิปอ้างอิง ระหว่างวันยังเหลือแบตกลับบ้านแบบสบาย ๆ ถ้าต่อจอเสริมตลอดเวลา เปิดความสว่างสูง และตัดต่อไฟล์หนัก ๆ ต่อเนื่อง แบตฯ จะไหลเร็วขึ้นตามสภาพงาน แต่ก็ยังพอประคองไปจนจบวันได้อยู่

การชาร์จเร็ว 45W ช่วยรีสตาร์ตพลังในช่วงพักกลางวันได้จริง การเสียบจาก 0 ถึงเต็มในเวลาประมาณชั่วโมงครึ่งกว่า ๆ ทำให้ไม่ต้องเฝ้าปลั๊กชาร์จนาน ถ้าพกอะแดปเตอร์ 45W ติดกระเป๋าไว้ก็พร้อมลุยยาว ๆ โดยไม่กังวล หลายครั้งที่ผมชาร์จสั้น ๆ 20–30 นาที ระดับแบตขึ้นมากพอสำหรับประชุมยาวอีกหนึ่งรอบ
กล้อง: ใช้งานเอกสารและคอลเป็นหลัก ไม่ได้เกิดมาเพื่อถ่ายภาพจริงจัง
ด้านหลังของ Tab S11 Ultra มีกล้องหลักพร้อมเลนส์ Ultra‑Wide เพิ่มเข้ามา เทียบกับรุ่นธรรมดาที่จะเรียบง่ายกว่า คุณภาพโดยรวมยังอยู่ในระดับ “กล้องแท็บเล็ต” ที่ไม่ได้ตั้งใจให้มาแทนสมาร์ตโฟน การถ่ายเอกสาร ป้ายบอร์ด หรือถ่ายสตูดิโอเบื้องหลังยังทำได้ใช้งานจริง แต่ถ้าต้องการคุณภาพภาพนิ่งสวย ๆ อาจยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่

ส่วนกล้องหน้าเหมาะกับการวิดีโอคอล ภาพคมชัด โฟกัสนิ่ง ระยะมองกว้างพอสำหรับการคอลแบบหลายคนบนโต๊ะเดียวกัน ข้อสังเกตคือดีไซน์ notch ที่บางคนอาจไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบของขอบจอ แต่ถ้าเทียบกับประโยชน์ของขอบจอบางและพื้นที่แสดงผลที่ได้เพิ่มขึ้น ผมมองว่าคุ้มที่จะแลก
ซอฟต์แวร์และระบบ: DeX ใหม่ขึ้น ระเบียบมากขึ้น และยังเป็น Android ที่ยืดหยุ่น
One UI 8.0 รุ่นล่าสุดบน Tab S11 Ultra ทำให้ Android บนแท็บเล็ต “เป็นมิตรกับการทำงานจริง” มากขึ้น จุดที่ผมรู้สึกชัดคือการลากวางไฟล์ระหว่างแอป, การจัดเรียงหน้าต่างใน DeX ที่ฉลาดขึ้น, และความเข้ากันได้ของแอปยอดนิยมที่เริ่มสนับสนุนจอใหญ่แบบจริงจังมากขึ้น แม้จะยังมีบางแอปที่ยึด UI มือถือจนทำให้ช่องว่างบนหน้าจอเหลือเยอะไปบ้าง แต่สำหรับงานหลัก ๆ ในออฟฟิศและคอนเทนต์ ถือว่าไปได้สบาย

ในมุมความปลอดภัยและการอัปเดต ซอฟต์แวร์ของ Samsung ในช่วงหลังมีทิศทางชัดเจนเรื่องอัปเกรดยาวขึ้นและแพตช์สม่ำเสมอ ทำให้ใช้งานเป็นเครื่องหลักได้นานโดยไม่รู้สึกเสี่ยง ทั้งยังมีอีโคซิสเต็มกับสมาร์ตโฟน/นาฬิกา/หูฟังของ Samsung เองที่ต่อกันได้ลื่น ๆ ใครอยู่ใน Samsung Galaxy Ecosystem อยู่แล้วจะขยับตัวน้อยมาก

ประสบการณ์เทียบโน้ตบุ๊ก: การทำงานแบบ “เน้นคลาวด์ + เบราว์เซอร์ + แอปจด/แต่ง/ตัดสั้น” มันแทนได้จริง
คำถามใหญ่ของ รีวิว Samsung Galaxy Tab S11 Ultra คือ “มันแทนโน้ตบุ๊กได้จริงไหม” คำตอบของผมหลังใช้ทำงานเต็มวันหลายครั้งคือ แทนได้ สำหรับคนที่เวิร์กโฟลว์อยู่บนคลาวด์และเบราว์เซอร์ เช่น Google Workspace, Microsoft 365 เวอร์ชันเว็บ, เครื่องมือสร้างสไลด์, CMS ทําบทความ, แอปจดและจัดการโปรเจกต์ ไปจนถึงเครื่องมือแต่งภาพและตัดต่อวิดีโอที่เน้น Social Content ซึ่งตอนนี้บน Android มีตัวเลือกที่ดีหลายตัว

สิ่งที่ยัง “ไม่เท่ากัน” คือซอฟต์แวร์สายมืออาชีพบางตัวที่ยังอยู่บน Windows/Mac เท่านั้น เช่นเครื่องมือ 3D บางประเภท, ซอฟต์แวร์เสียงระดับสตูดิโอ, หรือ Workflow ที่ต้องการปลั๊กอินเฉพาะ แต่สำหรับ 80–90% ของงานคอนเทนต์และงานออฟฟิศในชีวิตจริง ผมมองว่า Ultra ไปได้สบาย และได้ข้อดีเรื่องน้ำหนัก/ความบาง/ปากกา ที่โน้ตบุ๊กให้ไม่ได้
ความทนทานและการพกพา: IP68 ช่วยให้ “พกแบบไม่กังวล” มากขึ้น

มาตรฐาน IP68 สำหรับทั้งตัวเครื่องและ S Pen คือความสบายใจที่รู้สึกได้ทันที เพราะแท็บเล็ตจอใหญ่ถ้าไม่กันน้ำ เรามักต้องระวังมากเป็นพิเศษเวลาวางบนโต๊ะที่มีเครื่องดื่มหรือทำงานริมหน้าต่างที่ฝนสาด มาตรฐานนี้ทำให้ผมกล้าวางเครื่องบนโต๊ะคาเฟ่โดยไม่ต้องย้ายของให้โล่งมากนัก ชีวิตง่ายขึ้นจริง ๆ ประกอบกับโครงสร้าง Armor Aluminum ที่แข็งแรง เวลาใส่เคสฝาพับบาง ๆ ก็พร้อมลุยแบบพกไปทุกที่โดยไม่เครียด
อุปกรณ์เสริมและคีย์บอร์ด: Slim AI Keyboard คือคู่แท้สำหรับคนทำงาน

ประสบการณ์พิมพ์บน Slim AI Keyboard ใกล้เคียงโน้ตบุ๊กบางเบาดี ระยะกดสั้นกำลังพอดี เสียงไม่ดังจนรบกวนคนรอบข้าง แทร็คแพดตอบสนองไวใช้ Gesture พื้นฐานได้ครบ พิมพ์บทความยาว ๆ หรือแก้เอกสารทั้งวันไม่เมื่อยนิ้วมากนัก เมื่อพับปิดตัวเคสให้ความรู้สึกเป็นแฟ้มบาง ๆ ถือเข้าห้องประชุมก็ดูเรียบร้อย ในแง่พกพาและการใช้งานร่วมกับ DeX ต้องบอกว่า “ขาดกันไม่ได้” ใครคิดจะซื้อ Ultra เพื่อทำงาน แนะนำให้วางงบตรงนี้ไว้ตั้งแต่แรก หรือถ้าซื้อทันช่วงโปรที่แถม Keyboard ก็สบายเลยครับ

ข้อสังเกตสำคัญ: รู้ก่อนซื้อจะรักกันได้นาน
อย่างที่พูดไปหลายครั้ง ขนาด 14.6 นิ้ว เป็นทั้งข้อดีและข้อจำกัดของรุ่น Ultra ข้อดีคือพื้นที่การทำงานที่เยอะและสบายตา แต่ข้อจำกัดคือความคล่องตัวในการถือเล่นนาน ๆ และการเล่นเกมแนวควบคุมด้วยสองนิ้วบนจอที่ระยะนิ้วกว้างเกินไปสำหรับบางคน นอกจากนี้ ดีไซน์ notch กล้องหน้า อาจสะดุดตาบ้างในช่วงแรก และ แอป Android บางตัว ยังไม่ได้ปรับ UI ให้เข้ากับจอใหญ่แบบเต็มที่ ทำให้มีพื้นที่ว่างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่บ้าง

สุดท้ายคือเรื่องระบบปฏิบัติการ แม้ DeX Mode จะทำให้ใช้งาน “เหมือนพีซี” มากขึ้น แต่ฐานยังคือ Android ซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถติดตั้งโปรแกรมแบบ .exe ของ Windows ได้ ถ้าเวิร์กโฟลว์ของคุณผูกกับซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่มีเฉพาะบน Windows/Mac ประเด็นนี้ต้องคิดให้ชัดก่อนตัดสินใจ
บทสรุป: ใครคือคนที่ควรเลือก Galaxy Tab S11 Ultra
ถ้าคุณคือคนทำงานที่เน้น Multitasking เปิดหลายหน้าต่างพร้อมกันทั้งวัน ต้องการ หน้าจอใหญ่ สำหรับแต่งรูป ตัดต่อวิดีโอสั้น ๆ วางเลย์เอาต์บทความ หรือจดสเก็ตช์ด้วย S Pen และอยากได้อุปกรณ์ที่ เบากว่าโน้ตบุ๊ก แต่ยังให้ “ประสบการณ์การทำงานจริง” ที่ครบถ้วน Samsung Galaxy Tab S11 Ultra คือคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดในตลาดตอนนี้ ผมใช้งานจริงทั้งทำงานและความบันเทิงตลอดสัปดาห์ พบว่ามันลดจำนวนวันที่ต้องหยิบโน้ตบุ๊กลงได้เยอะมาก โดยเฉพาะวันที่ทำงานบนคลาวด์ทั้งวัน

ในอีกมุม ถ้าคุณต้องการแท็บเล็ตสำหรับเล่นเกมมือถือเป็นหลัก ชอบพกพา “ถือเล่นมือเดียว” นาน ๆ หรือเวิร์กโฟลว์มีซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่มีเฉพาะบน Windows/Mac รุ่น Ultra อาจไม่ใช่คำตอบที่ตรงที่สุด คุณอาจมองหารุ่นหน้าจอเล็กลงหรือโน้ตบุ๊กบางเบาที่ตอบโจทย์กว่า
สรุปสั้น ๆ ในมุมรีวิวนี้: Ultra สมชื่อสำหรับคนที่ต้องการแท็บเล็ตจอใหญ่ระดับมืออาชีพชนิดที่ “แทนโน้ตบุ๊กได้จริง” ในงานส่วนใหญ่ของชีวิตประจำวัน ด้วยจอ AMOLED 14.6 นิ้วพร้อม Anti‑Reflection, ชิป Dimensity 9400 Plus ที่ขับ DeX ได้ลื่น, S Pen ดีไซน์ใหม่ที่เขียนสนุกและกันน้ำ, แบต 11,600 mAh พร้อมชาร์จ 45W, ลำโพงสี่ตัว และการเชื่อมต่อ Wi‑Fi 7 ที่พร้อมลุยงานไฟล์ใหญ่ — หากคุณใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้เต็มที่ คำว่า “คุ้ม” จะเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ถือ
ราคาและการวางจำหน่าย
- Galaxy Tab S11 (RAM 12GB/Storage 128GB):
- รุ่น WiFi: 27,900 บาท
- รุ่น 5G: 32,900 บาท
- Galaxy Tab S11 Ultra (มีเฉพาะ 5G):
- RAM 12GB/Storage 256GB: 46,900 บาท
- RAM 12GB/Storage 512GB: 52,900 บาท (รุ่น Exclusive บนเว็บไซต์ Samsung)
FAQ สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจ
ถาม: Galaxy Tab S11 Ultra ดีไหมสำหรับงานเอกสารและประชุมออนไลน์ทั้งวัน?
ตอบ: ดีมาก จอใหญ่ทำให้แบ่งหน้าต่างได้สบาย DeX ใหม่จัดการเหมือนเดสก์ท็อปได้จริง ไมค์และลำโพงเอาอยู่ แบต 11,600 mAh อยู่ได้ทั้งวันทั่วไป ถ้าประชุมต่อเนื่องยาว ๆ ต่ออะแดปเตอร์ 45W ไว้ก็สบายใจ
ถาม: เล่นเกมลื่นไหม?
ตอบ: MediaTek Dimensity 9400+ ให้ประสิทธิภาพลื่นไหล ปรับสุด เฟรมเรตสูงได้แทบทุกเกม แต่ขนาดจอใหญ่ทำให้เกมที่ควบคุมสองนิ้วเร็ว ๆ ไม่คล่องเท่ามือถือ ถ้าใช้จอยคอนโทรลเลอร์จะสนุกกว่า เหมาะกับเกมภาพสวย/ผจญภัย/แข่งรถมากกว่า MOBA/FPS บนจอสัมผัส
ถาม: Anti‑Reflection เห็นผลแค่ไหน?
ตอบ: ในคาเฟ่/สำนักงานที่มีไฟสะท้อนเยอะเห็นผลชัด ใช้ได้นิ่งขึ้น ไม่ต้องพลิกหามุมมาก กลางแจ้งแดดจัดยังต้องเร่งสว่างช่วย แต่ดีกว่าจอเงาทั่วไปพอตัว
ถาม: ถ้าเทียบกับการพกโน้ตบุ๊กเบา ๆ หนึ่งเครื่อง?
ตอบ: ถ้างานคุณอยู่บนคลาวด์เป็นหลักและต้องใช้ปากกาบ่อย ๆ Tab S11 Ultra ตอบโจทย์และเบากว่า แต่ถ้าคุณต้องใช้โปรแกรมเฉพาะทาง Windows/Mac ก็ยังต้องมีโน้ตบุ๊กอยู่ดี
ถาม: ต้องซื้อ Slim AI Keyboard ไหม?
ตอบ: ถ้าตั้งใจใช้ทำงานจริงจัง แนะนำอย่างยิ่ง ประสบการณ์พิมพ์ดีและทำให้ DeX โดดเด่นเต็มศักยภาพ พกพา/ตั้งวาง/ปกป้องเครื่องได้ในชิ้นเดียว
บทส่งท้าย

รีวิว Samsung Galaxy Tab S11 Ultra ครั้งนี้ทำให้ผมเชื่อมากขึ้นว่าเส้นแบ่งระหว่าง “แท็บเล็ต” กับ “คอมพิวเตอร์พกพา” บางลงทุกปี และ S11 Ultra คือหนึ่งในเครื่องที่ผลักเส้นนั้นไปไกลที่สุดในฝั่ง Android ณ ตอนนี้ หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ที่พร้อมยกของหนักในชีวิตทำงาน แต่ยังอยากได้ความบางเบาและความสนุกจากการใช้ปากกา Ultra คือคำตอบที่น่าเลือกมาก ๆ และถ้าได้ลองปรับเวิร์กโฟลว์ให้เข้ากับ DeX + Multiple Workspace เพียงไม่กี่วัน คุณจะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “วันนี้เราจำเป็นต้องหยิบโน้ตบุ๊กไปด้วยไหม” มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน