สำหรับ Samsung Galaxy S5 ก็เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงในตระกูล Galaxy S ลำดับที่ 5 ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง แล้วก็วางขายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมาครับ ซึ่งเครื่องที่ทางทีมงานนำมาใช้ในการรีวิวนั้นเป็นเครื่องที่ซื้อจากศูนย์ไทยมาในวันเปิดตัวเลยหล่ะครับ ไม่ใช่เครื่องทดสอบอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าจองเครื่องแล้วนั่งนับวันรอเลยหล่ะ และเมื่อทางทีมงานได้ใช้งานมาสักพักแล้วก็ขอจัดการรีวิว Samsung Galaxy S5 ให้ได้ชมกันครับ ว่ามันจะเจ๋งแค่ไหน จะแรงขนาดไหน แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Samsung Galaxy S5 กันก่อนดีกว่าครับ
สเปค Samsung Galaxy S5
- ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 801 Quad-core ความเร็ว 2.5 GHz?
- แรม 2 GB
- รอมในตัว 16 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 128 GB
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1920 x 1080
- Android 4.4.2 KitKat พร้อม TouchWiz UX
- กล้องหลังใช้เทคโนโลยี ISOCELL ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช
- กล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล เลนส์ Wide
- ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดระดับ UHD 4K
- รองรับ 4G LTE ใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่าย (ใช้งานไมโครซิม)
- มีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- แบตเตอรี่ Li-polymer ความจุ 2,800 mAh
- น้ำหนัก 160 กรัม
- รองรับ NFC
- สเปค Samung Galaxy S5 เต็มๆ
- ราคา 23,900 บาท
ในกล่องของ Samsung Galaxy S5 จะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, อแดปเตอร์ 2.0A, สายเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 (ตัวเครื่องรองรับ USB 3.0) และหูฟังแบบ In-Ear สายแบนที่ไม่ต้องกลัวเรื่องสายหูฟังพันกัน แถมยังลดเสียงรบกวนจากการเสียดสีของสายหูฟังเวลาที่เราเดินได้ด้วย เสียงก็ตามมาตรฐานของหูแถมทั่วไปแหละครับ ซาวน์สเตจไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ รายละเอียดพอมีให้เห็นบ้าง เสียงออกขุ่นๆ ส่วนตัวกล่องเองก็ตามสไตล์มือถือค่าย Samsung ที่จะคง Concept รักษ์โลกครับ ด้วยกล่องจากกระดาษรีไซเคิลและหมึก Soy Ink
Design
หน้าตาไม่ได้มีความแตกต่างจาก
Grand 2 มากนัก
แทบไ่ม่มีราศีของเรือธงเอาซะเลย
ถึงแม้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ จะใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะ หรือกระจกที่ดูหรูหราก็ตาม Samsung ก็ยังคงเจตนารมณ์เดิมคือการใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นพลาสติก และกล่องที่ทำมาจากกระดาษรีไซเคิล พูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่าไม่สมราคาเอาเสียเลยสำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงในเรื่องของวัสดุของตัวเครื่อง ทำให้รู้สึกเหมือนจ่ายเงินสองหมื่น เพื่อซื้อฟังก์ชันภายในของสมาร์ทโฟนเท่านั้น จะเอาไปอวดใครก็คงจะยาก ส่วนหน้าจอแสดงผลก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมนิดหน่อย ทำให้ Galaxy S5 มีขนาดสูงและกว้างกว่า Galaxy S4 เล็กน้อยแต่ก็ยังคงความบางไว้ที่ 8.1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาเพียง 145 กรัม?
ไม่ว่าจะสัมผัสตรงส่วนไหนของ Samsung Galaxy S5 และไม่ว่าจะเป็นเครื่องสีอะไรก็ตาม จะสีขาว, สีดำ, สีฟ้า หรือสีทอง ก็จะพบว่ามันคือพลาสติก ยกเว้นแต่ขอบเครื่องด้านข้างที่ทำจากโครเมียมจริงๆ (ทราบหลังจากที่เทสเครื่องด้วยการโยนลงน้ำ เพราะมันบุบจริง) แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือสัมผัสของพลาสติกใน Samsung Galaxy S5 ให้ความรู้สึกว่ามันแข็งกระด้างแต่ก็มีความอ่อนนุ่มแฝงอยู่ ซึ่งแตกต่างจากสัมผัสฝาหลังของ Galaxy Note 3 ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจับวัสดุที่เป็นหนัง เอาเป็นว่าพลาสติกของ Samsung Galaxy S5 จัดเป็นพลาสติกที่พรีเมียมจริงๆ นั่นแหละ และมันก็ยังสามารถบิดงอได้ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ความบางของฝาหลังที่เมื่อเล่นเกมหรือฟังเพลงแล้วเปิดเสียงลำโพง จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนตรงฝาหลังเลยหล่ะ
รูปทรงของ Samsung Galaxy S5 เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ดูแย่อะไรเท่าไหร่ ทรงเป็นแบบสมาร์ทโฟนทั่วไปที่ใช้หน้าจอระบบสัมผัส แต่คุณจะรู้สึกแย่ทันทีเมื่อนำมันมาเปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy Grand 2 ที่มีราคาหมื่นต้นๆ โดยเฉพาะด้านหน้าที่นอกจากขนาดหน้าจอกับตัวหนังสือ Duos บน Samsung Galaxy Grand 2 แล้วก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ในส่วนตรงนี้พอเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่สมาร์ทโฟนยี่ห้อเดียวกันจะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่อย่าลืมว่าบางยี่ห้อที่หน้าตาคล้ายกันนั้น วัสดุของเครื่องรุ่นเรือธงมักจะแตกต่างจากรุ่นปกติทั่วไป? ซึ่งในกรณีของ Samsung Galaxy S5 นั้นมันแทบแยกไม่ออกเลยระหว่างเงินจำนวนหมื่นต้นๆ กับเงินจำนวนสองหมื่น และยิ่งนำไปเทียบกับเรืองธงคู่แข่งอย่าง HTC One M8 ยิ่งแล้วใหญ่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณจะรู้สึกว่า Samsung Galaxy S5 ดูไม่สมกับราคา 23,800 บาทเลยถ้ามันวางข้างๆ HTC One M8 ถึงแม้สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นจะมีราคาใกล้เคียงกัน
ถึงจะบอกว่าเป็นพลาสติกแบบพรีเมียม แต่พลาสติกมันก็คือพลาสติกวันยังค่ำ
แต่สิ่งที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ และพอจะทำให้มองไม่เห็นข้อด้อยเรื่องวัสดุที่เป็นพลาสติกของ Samsung Galaxy S5 ได้บ้างก็คือการที่มันสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้โดยผ่านมาตรฐาน IP67 หมายความว่าคุณสามารถนำมันไปจุ่มน้ำลึก 1 เมตร ได้นานถึง 30 นาที ? แต่ไม่สามารถใช้งานใต้น้ำได้ เพราะระบบทัชสกรีนของมันจะรวนทันทีที่จอเปียก ซึ่งคีย์หลักของการกันน้ำได้น่าจะหมายถึงคุณสามารถเผลอทำกาแฟหกใส่มัน, หยิบขึ้นมาเล่นคุกกี้รันขณะที่อยู่กลางสายฝน, เผลอทำมันตกส้วม หรือเมาแล้วทำเบียร์หกใส่ Samsung Galaxy S5 ได้โดยที่มันยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิมต่างหาก
แต่เมื่อลองใช้งาน
“มันก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ”
โดยเฉพาะหน้าจอที่สุดยอด
ทำให้อะไรๆ ดูดีไปหมด
สเป็คภายในของ Samsung Galaxy S5 ก็เหมือนสมาร์ทโฟน Android เรือธงตัวอื่นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น CPU Snapdragon 801 2.5GHz (สำหรับเครื่องศูนย์ไทย) Ram 2 GB หน่วยความจำภายใน 16 GB รองรับ Micro SD Card แต่ไฮไลท์ของมันที่ Samsung เองภูมิใจเสนอก็คือระบบปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (เช่นเดียวกับ iPhone 5s ของ Apple) ในเรื่องของความสะดวกในการใช้งานจริงคงต้องบอกว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะคุณจะไม่สามารถปลดล็อคเครื่องด้วยการใช้มือข้างเดียวได้อย่างแน่นอน ด้วยลักษณะของท่าทางการปลดล็อคที่จะต้องวางนิ้วแล้วรูดลงตรงๆ เหมือนอย่างระบบสแกนลายนิ้วมือของ Notebook และยังมีมุมในการสแกนที่แคบมาก ไม่ว่าตอนแรกคุณจะสร้างลายนิ้วมือด้วยการสแกนลายนิ้วมือในลักษณะไหนก็ตาม ทำให้จำเป็นต้องใช้มือข้างหนึ่งถือเครื่อง แล้วใช้นิ้วที่มืออีกข้างรูดอย่างช้าๆ เพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ จุดนี้แตกต่างจาก iPhone 5s ที่ระบบ Touch ID ถูกออกแบบมาให้มีการใช้งานได้ง่ายกว่าเพียงแต่แตะนิ้วค้างไว้เฉยๆ เท่านั้น แต่อันที่จริงก็พอจะสามารถปลดล็อคด้วยมือข้างเดียวได้อยู่เหมือนกัน ถ้าอยากรู้ว่าทำยังไง มาดูกันต่อที่บทความนี้ครับ
ส่วนหน้าจอของ Samsung Galaxy S5 นั้น ต้องบอกเลยว่า เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ ถึงแม้ว่าส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะมีอคติกับหน้าจอของสมาร์ทโฟน Samsung มาโดยตลอด แต่ใน Galaxy S5 นี่ต้องยอมเขาจริงๆ ในเรื่องของความคมชัดบนหน้าจอ AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด 1080p ที่ให้รายละเอียดสมจริง, มุมมองของจอภาพที่กว้างมาก ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ยังคงชัดเจนอยู่ สีสันของจอสดและจัดจ้านตามสไตล์ของ Samsung แต่ไม่ได้สดจนรู้สึกรำคาญตาเหมือนอย่างมือถือ Samsung รุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรือท่องเว็บก็สบายตาตัวหนังสือคมชัด บอกเลยว่าหน้าจอของ Samsung Galaxy S5 เป็นจอ AMOLED ที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้
เร็ว แรง อึด (แต่ไม่สวย) คือนิยามของ
Samsung Galaxy S5
ในส่วนของการจัดการพลังงานหรือแบตเตอรี่นั้น แม้ว่าจะมีแบตเตอรี่เพียง 2800 mAh แต่ในการใช้งานจริงต้องบอกว่าใช้งานหมดวันได้สบายๆ ไม่ได้หมายถึงการสแตนบายเครื่องทิ้งไว้เฉยๆ นะครับ แต่ใช้งานแบบเปิด 3g ทิ้งไว้ตลอดไม่มี Wifi ปน, ถ่ายรูปประมาณ 80 รูป, เล่น Facebook, Line, Cookie Run เปิด Browser พบว่าแบตเตอรียังคงเหลือประมาณ 14% (ถอดสายชาร์จตอน 6.00 น. เลิกใช้งานตอน 22.45 น.) ต้องชม Samsung ที่จัดการพลังงานของ Snapdragon 801, Ram 2 GB และหน้าจอขนาด 5.1 นิ้วได้ดีมาก ส่วนรูปของตัวเครื่องเพิ่มเติมสามารถรับชมได้จาก Gallery ด้านล่างครับ
Software
ทุกอย่างดู Flat ตามสมัยนิยม
ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง แน่นอนว่า Samsung Galaxy S5 ย่อมมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android Kitkat 4.4.2 ที่ถูกครอบด้วย TouchWiz UX ตามสไตล์ของสมาร์ทโฟน Samsung โดย TouchWiz UX บน Samsung Galaxy S5 ก็เป็นเวอร์ชันใหม่ที่คาดว่าเมื่อสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ของ Samsung เมื่อมีการอัพเดตเป็น ?Android 4.4 ก็น่าจะใช้ UX ในลักษณะนี้ด้วย โดยหน้าแรกที่ให้มาแบบเริ่มต้นจะมีทั้งหมด 3 หน้า และเมื่อปัดหน้าจอไปทางซ้ายมือจะเป็นการเรียก My Magazine อีกหนึ่งหน้า?ส่วนประกอบอื่นๆ อย่างเช่นคีย์บอร์ดก็เหมือนอย่างสมาร์ทโฟนของ Samsung ทั่วไป ข้อดีของมันคือมีการเว้นระยะห่างระหว่างปุ่มมาให้พอสมควร ทำให้สามารถพิมพ์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ไม่ค่อยพบปัญหาการพิมพ์ผิดสักเท่าไหร่?
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S5 สามารถตั้งค่าได้ละเอียดยิบย่อยมาก รวมถึงออฟชันต่างๆ ที่มีก็เยอะพอกัน? โดยเมนูการตั้งค่าใน Galaxy S5 มีมากถึง 61 รายการ แต่ก็ยังดีที่สามารถเลือกมุมมองของการตั้งค่าได้ (แบบรายการ, ตาราง, มุมมองแบบแท็ป) และก็ยังดีที่ออกแบบไอคอนมาได้สวยงาม ไม่ทำให้ดูอึดอัด ส่วน Notification Center สามารถเลือกเปิดปิดได้มากถึง 22 แบบ ส่วนแอพพลิเคชันจากทาง Samsung ก็จะมีทั้งแบบที่ใส่มาให้ตั้งแต่แรกแล้ว กับแบบที่แนะนำให้เราโหลดเพิ่มเติมเอาเองเรียกว่าให้อิสระกับผู้ใช้มากขึ้น ไม่เหมือนอย่างรุ่นก่อนๆ ที่จับยัดใส่มาทั้งหมดและยังช่วยให้มีเนื้อที่หน่วยความจำภายในเหลือมากขึ้นอีกด้วย เพราะตัว Samsung Galaxy S5 เองก็ไม่ได้มีหน่วยความจำในตัวเครื่องมากมายเท่าไหร่ ให้มาเพียง 16 GB ที่เหลือใช้จริงประมาณ 12 GB เท่านั้น คงต้องอาศัยใช้ MicroSD Card เพิ่มเติมเอา หรือไม่ก็ใช้บริการของ Dropbox ที่เมื่อล็อกอินผ่านเครื่อง Samsung Galaxy S5 จะได้รับพื้นที่จัดเก็บแบบออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 50 GB เรียกว่าใช้กันอย่างจุใจเลยทีเดียว
และใครที่กังวลว่าการที่มี UX มาครอบจะทำให้เครื่องหน่วงมั้ย? ต้องบอก ณ ตรงนี้เลยว่ามันลื่นและค่อนข้างเสถียรเลยทีเดียวครับ คงด้วยประสบการณ์ของทาง Samsung ที่ได้ผลิตสมาร์ทโฟน Android มาหลายต่อหลายรุ่น ทำให้ UX ใน Samsung Galaxy S5 ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกเท่าไหร่ ใช้งานได้สบายๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ตามธรรมชาติของสมาร์ทโฟน Android ที่จะต้องทำการ Restart เครื่องบ้างเวลาใช่งานไปนานๆ ส่วนความเข้ากันได้กับ App ต่างๆ ก็หายห่วงครับสมาร์ทโฟนของ Samsung ค่อนข้างจะเป็นมิตรและเข้ากันได้กับ App ของทาง PlayStore อยู่แล้ว แต่ก็มีหลุดๆ มาอย่างเช่น App Facebook ที่จะมีอาการ Force Close ให้เห็นบ้าง?
Feature
เป็นธรรมชาติของสมาร์ทโฟน Samsung เลยนะครับที่จะต้องใส่ฟีเจอร์อะไรแปลกๆ เข้ามาไว้ในสมาร์ทโฟนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวระดับกลาง หรือระดับกลางค่อนมาทางสูง ก็มีฟีเจอร์ให้ใช้มากมายพอสมควร แล้วในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S5 ยิ่งแล้วเลยครับ เรียกว่าฟีเจอร์อัดแน่นแทบจะทุกอณูของตัวเครื่องเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าในปีนี้ Samsung ก็เพลาๆ เรื่องการยัดฟีเจอร์บ้างแล้วนะครับ จากที่แต่ก่อนนี่ยัดมาทุกอะตอมของตัวเครื่อง ต้องบอกว่า Samsung Galaxy S5 เริ่มเข้าใกล้กับความพอดีสำหรับฟีเจอร์ในสมาร์ทโฟนแล้ว เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่าว่าฟีเจอร์ที่เด่นๆ ที่พอจะใช้งานได้จริงของ Samsung Galaxy S5 นั้นมีอะไรบ้าง
ระบบปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนลายนิ้วมือ?
ลักษณะการทำงานก็ตรงตามชื่อของมันเลยครับ คือการใช้นิ้วสแกนเพื่อปลดล็อคเครื่อง หลายท่านอาจจะคิดว่ามันเหมือนกับ Touch ID ของทาง Apple หรือเปล่า ต้องบอกเลยครับว่าไม่ใกล้เคียงเลยครับ ห่วยกว่าของ iPhone 5s เยอะ เพราะการสแกนลายนิ้วมือของ Samsung Galaxy S5 นั้นจะต้องใช้นิ้วรูดตรงๆ บริเวณเหนือปุ่มโฮม ย้ำนะครับว่าต้องรูดตรงๆ เท่านั้น จะเล่นท่ายากท่าพิเศษไม่ได้ และไม่ใช่การแตะเฉยๆ เหมือนอย่าง iPhone 5s นะครับ เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะปลดล็อคมันได้ด้วยการใช้มือข้างเดียว จำเป็นต้องถือเครื่องตัวเครื่องมือด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วใช้นิ้วมืออีกข้างเพื่อปลดล็อค ส่วนเรื่องความแม่นยำนั้นอยู่ที่การสแกนในตอนแรกเลยครับ ถ้าตอนแรกเราสแกนไว้ดี มันก็ถือว่าแม่นยำเลยทีเดียวหล่ะ ปลดล็อคได้รวดเร็วดี แต่ต้องใจเย็นๆ หน่อยนะครับ รูดเร็วมากก็ไม่ได้อีกต่างหาก
My Magazine
ในเมื่อคู่แข่งอย่าง HTC One M8 ยังมี HTC BlinkFeed ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกติดตามข่าวสารที่สนใจได้ Samsung Galaxy S5 ก็มี My Magazine ที่เป็นร่างอวตารของ Flipboard (เพราะเวลาเรียกดูข่าวมันก็ลิ้งไปที่ Flipboard อยู่ดี) ที่มีลักษณะการใช้งานเหมือนกัน คือเราสามารถเลือกรับประเภทของข่าวสาร และนอกจากนี้ยังสามารถให้มันเลือกติดตาม Social Media ของเราได้อีกด้วย ส่วนการเรียกใช้งานก็ไม่ยากเย็นครับ จากหน้าโฮมแค่ปัดหน้าจอไปทางซ้ายเท่านั้น ตรงนี้แตกต่างจาก Samsung Galaxy Note 3 ที่จะเรียก My Magazine ด้วยการปัดหน้าจอจากข้างล่างขึ้นบน
Smart Remote
กลายเป็นเทรนสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง Android ไปแล้วนะครับ สำหรับการใส่ IR Blaster หรือตัวควบคุมรีโมทคอนโทรลสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งเจ้า Smart Remote ใน Samsung Galaxy S5 นั้นก็ไม่ธรรมดาเลย เพราะนอกจากจะควบคุมทีวี หรือกล่องรับสัญญาณดาวเทียมรวมถึงเรียกดูผังรายการทีวีได้แล้ว ยังสามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อย่างเครื่องปรับอากาศ เครื่องเล่น DVD หรือ Blu-Ray เป็นต้น แต่ต้องเชื่อมต่อ Wifi สำหรับการแสดงรายการช่องทีวีด้วยนะครับ
S Health
ฟีเจอร์นี้สำหรับผู้รักสุขภาพอย่างแท้จริง S Health ประกอบไปด้วย App หลักๆ อย่างเครื่องนับก้าวเดินและเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ในส่วนตรงนี้จะขอโฟกัสไปที่เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจเพราะถือเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับสมาร์ทโฟน การใช้งานเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจสามารถตรวจจับได้เร็วพอๆ กับลู่วิ่งในฟิตเนสเลยครับ แต่ข้อเสียของมันก็คือเวลาใช้งานจำเป็นต้องเคลื่อนไหวร่างกายน้อยๆ ซึ่งดูสวนทางกับการออกกำลังกาย อย่างเช่นขณะที่เรากำลังวิ่งแล้วต้องการวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านเจ้า Samsung Galaxy S5 ก็จะต้องหยุดวิ่งเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจเสียก่อน ตรงนี้เองที่ค่อนข้างเป็นเรื่องที่อันตรายครับสำหรับการที่เราหยุดวิ่งทันที อาจจะทำให้เกิดอาการน็อคได้ อย่างน้อยที่สุดมันเป็นเรื่องยากมากที่จะวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยใช้ Samsung Galaxy S5 ในขณะที่กำลังออกกำลังกายจริงๆ??ส่วนเครื่องนับก้าวเดินนี่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษครับ แต่เหมือนว่าจะตั้งให้มีความไวต่อการสั่นสะเทือนมากไปหน่อย เพราะขณะที่นั่งรถอยู่บางทีมันก็นับก้าวเดินให้เฉยเลย?นอกจากนี้ S Health ยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันเพิ่มเติมได้อีกด้วย เช่น แอพที่ใช้แทร็กการนอน?แต่จำเป็นจะต้องใช้งานร่วมกับ Galaxy Gear เท่านั้น
S Note
ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy S5 จะไม่ได้ขายพร้อม S Pen เหมือนอย่างตระกูล Galaxy Note แต่มันก็มีแอพ S Note มาให้เลือกใช้กันครับ แน่นอนว่ามันไม่มีปากกา S Pen เพราะฉะนั้นการใช้งาน S Note ก็คงจะต้องใช้นิ้วมือเขียนตามปกติ แต่เจ้า Samsung Galaxy S5 เองก็มีฟีเจอร์ลับสุดยอดที่ผิดวิสัยมากเพราะไม่ได้โฆษณาอะไรมากมาย มันก็คือโหมดการปรับให้หน้าจอของมันมีการตอบสนองที่เร็วกว่าปกติครับ เพื่อที่จะได้ใช้ดินสอเขียนที่จอได้ทันทีเลย ใช้แก้ขัดแทน S Pen ได้ดีเลยทีเดียว รวมถึงการใส่ถุงมือแล้วสัมผัสหน้าจอด้วยนะ โดยการเปิดฟีเจอร์นี้ทำได้ด้วยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพ > เพิ่มความไวการสัมผัส
Camera
กล้องของ Samsung Galaxy S5 มีความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซล แต่สิ่งที่สำคัญคือเทคโนโลยีที่อยู่ในตัวกล้องอย่าง ISOCELL Image Sensor ที่ทาง Samsung เองเคลมว่าช่วยให้สามารถถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น และโมดูลกล้องมีขนาดเล็กกว่าแบบ BSI (แต่กล้องหลังของ Samsung Galaxy S5 ก็ยังนูนออกมานะ) โดยค่าความละเอียดสูงสุดของกล้องที่ 16 ล้านพิกเซล ภาพที่ถ่ายออกมาจะมีอัตราส่วน 16:9 การจับโฟกัสของ Samsung Galaxy S5 ทำได้ดีกว่า Galaxy S4 หลายขุม ต้องขอบคุณเซนเซอร์ตัวที่ 2 ที่คอยช่วยในการจับโฟกัส และแน่นอนว่ามันสามารถรีโฟกัสภาพถ่ายได้ทีหลังเหมือนอย่าง HTC One M8 ด้วย ส่วนคุณภาพของรูปถ่ายถ้าเป็นการถ่ายในพื้นที่ๆ มีแสงเพียงพอนี่ต้องบอกว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ให้ภาพที่คมชัด สดใสและเก็บรายละเอียดได้ดีมาก
กล้องทำออกมาได้เจ๋งกว่าเดิมมาก แต่ก็ไม่ได้ทำงานได้ดีในทุกสภาวะ
ส่วนข้อเสียของมันก็คือข้อเสียที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ต้องเผชิญกัน ไม่พ้นเรื่องการถ่ายรูปในพื้นที่ๆ มีแสงไม่เพียงพอหรือมีแสงน้อยนั่นเอง คู่แข่งอย่าง HTC One M8 เลือกที่จะใช้พิกเซลน้อยลงเหลือเพียง 4 ล้านพิกเซล แต่มีขนาดของพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น (เทคโนโลยี UltraPixel นั่นเอง) ทำให้ภาพที่ได้มีความสว่างและมีโทนที่ให้ความรู้สึกสบายตา แตกต่างจาก Samsung Galaxy S5 ที่จะเน้นที่ความคมชัดจากซอฟท์แวร์ที่จะช่วยปรับแต่งให้ภาพที่ถ่ายในยามที่มีแสงสว่างเพียงพอออกมาคมชัดเป็นพิเศษ ตรงนี้เองที่เป็นจุดบอดอย่างมากของ Samsung Galaxy S5 เพราะการที่ใช้ซอฟแวร์ช่วยประมวลผลให้ภาพมีความคมชัด เมื่อนำไปใช้ถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมที่มีแสงไม่พอจะกลายเป็นจุดด้อยไปทันที เพราะตัวซอฟท์แวร์จะไปเร่งความคมชัดของภาพ ส่งผลให้เห็น Noise เป็นเม็ดๆ เลยทีเดียว อีกทั้งเวลาที่ถ่ายภาพในพื้นที่ๆ มีแสงไม่เพียงพอ เช่นการถ่ายภาพในเวลากลางคืน จะใช้เวลาในการเก็บภาพนานพอสมควร แต่ไม่ได้หมายความว่าเซนเซอร์เก็บภาพช้านะครับ ตัวเซนเซอร์ยังคงทำงานได้ดีเหมือนตอนกลางวัน แต่มันจะไปนานตรงการประมวลผลจากซอฟท์แวร์มากกว่า (แถมทำให้เห็น Noise ชัดขึ้นอีกต่างหาก) ทำให้การถ่ายภาพยามค่ำคืนไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องและกลายเป็นจุดบอดมากๆ ของ Samsung Galaxy S5 ไปเลย
กล้องหน้าของ Samsung Galaxy S5 ให้ความละเอียดมาที่ 2 ล้านพิกเซลพร้อมกับโหมดยอดฮิตในปัจจุบันอย่าง “โหมดหน้าสวย” แต่ของ Samsung Galaxy S5 จะพิเศษกว่านิดหน่อยตรงที่จะสามารถเลือกระดับความสวยได้ ตั้งแต่ระดับ 1 ไปจนถึงระดับ 5 (ส่วนตัวคิดว่าประมาณระดับ 3 กำลังดูดีไม่โอเวอร์จนเกินไป ถ้าปรับระดับ 5 นี่อาจจะดูเหมือนมีออร่ากันเลยทีเดียว) เลนส์ของกล้องหน้าเป็นเลนส์แบบมุมกว้าง ทำให้สามารถเก็บภาพได้ในมุมมองที่กว้างขึ้น แต่คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหน้าก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นัก และแน่นอนว่ามันเข้าขั้นแย่เลยทีเดียวเมื่ออยู่ในสภาวะแสงน้อย
การบันทึกวีดีโอสำหรับ Samsung Galaxy S5 สามารถบันทึกวีดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ UHD หรือ 4K นั่นเองครับ แต่ต้องบอกเลยว่าเวลาใช้งานจริง ณ ช่วงเวลานี้การถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K เป็นอะไรที่ตัวผู้เขียนคิดว่าไม่จำเป็นเอามากๆ ครับ ด้วยการกินเนื้อที่จัดเก็บข้อมูลแบบมหาศาล อีกทั้งจอภาพที่รองรับวีดีโอความละเอียดสูงแบบ 4K ในปัจจุบันมีราคาแพงมาก เพราะฉะนั้นส่วนตัวแล้วคิดว่าการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด 1080p ก็น่าจะเพียงพอและเป็นมิตรกับหน่วยความจำมากที่สุดแล้ว ส่วนการบันทึกวีดีโอแบบ Slo-Mo เนี่ย เจ้า Samsung Galaxy S5 ก็สามารถทำได้นะครับ แต่เฟรมเรตอาจจะสู้ iPhone 5s หรือ HTC One M8 ไม่ได้ เพราะมันบันทึกวีดีโอแบบ Slo-Mo ได้ที่ความละเอียด 720p ที่ 15 fps เท่านั้นเอง
Performance
ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพไม่ต้องเทสอะไรกันมากครับ พูดสั้นๆ ง่ายๆ เลยคือ Samsung Galaxy S5 นั้นแรงมาก ด้วยขุมพลังขับเคลื่อนอย่าง CPU Quad-Core Snapdragon 801 ความเร็ว 2.5 GHz (แรงเท่ากับ HTC M8x เลย) แต่น่าแปลกใจตรงแรมกลับยัดใส่มาให้แค่เพียง 2 GB เท่านั้น เอาเข้าจริงน่าจะใส่มาให้ 3 GB เหมือนอย่าง Samsung Galaxy Note 3 ด้วยซ้ำ แต่ผลเทสก็ทำได้น่าพอใจนะครับ แล้วก็ไม่น่าจะมีการโกงเกิดขึ้นด้วยเพราะเทสด้วย AnTuTu 4 และ AnTuTu X ก็ได้คะแนนใกล้เคียงกันทั้งคู่
ส่วนเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า Samsung Galaxy S5 นั้นมีระบบการจัดการพลังงานที่ดีมากๆ แบตเตอรี่ขนาด 2,800 mAh ที่ดูเหมือนจะไม่ได้มากมายเท่าไหร่นัก แต่เปิด 3G ทั้งวัน ใช้งานเครื่องบ่อยพอสมควร ทั้งเล่นเกม, เล่นอินเทอร์เน็ต, โซเชียลเน็ตเวิร์กและถ่ายรูปก็ยังพบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้หมดวันแบบสบายๆ เผลอๆ จะอยู่ข้ามวันก็ยังพอไหว และทีเด็ดสำหรับสุดยอดการจัดการพลังงานของ Samsung Galaxy S5 คือโหมด Ultra Power Saving ที่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะเมื่อเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงานสูงสุดจะเป็นการลดการใช้พลังงานในระดับที่ว่าต่อให้แบตเตอรี่เหลือ 10% เจ้า Samsung Galaxy S5 ก็ยังจะสามารถใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมงหรือ 1 วันเลยทีเดียว โดยหน้าจอของตัวเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีขาวดำทันที และจำกัดการใช้แอพพลิเคชันเหมือนอย่างของ HTC One M8 แต่ที่เด็ดกว่าคือมันสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ด้วยทั้งดาต้าโทรศัพท์ และการเชื่อมต่อแบบ Wifi อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแอพพลิเคชันได้ แต่จะเพิ่มได้เฉพาะแอพประเภทโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Facebook หรือแอพประเภทแชทอย่าง Line ซึ่งก็จะแสดงผลในแบบหน้าจอขาวดำ ส่วน Facebook ก็ยังใช้งานได้เหมือนปกติแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะถ่ายรูปแล้วอัพโหลดรูปภาพ, ตั้งสเตตัส, เช็คอิน ฯลฯ (ถึงแม้ตอนถ่ายรูปผ่าน Facebook จะเห็นว่ามันเป็นสีขาวดำแต่เมื่อเข้าไปดูในหน้า Facebook จริงๆ ก็จะเป็นภาพสีแบบปกติ) ถือว่าเป็นข้อดีมากๆ ของ Samsung Galaxy S5 อีกหนึ่งข้อเลยก็ว่าได้ครับ
Overall
สำหรับ Samsung Galaxy S5 ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ Back to Basic สำหรับเรือธงของ Samsung นะครับ จากที่ก่อนๆ จะเห็นว่าพยายามโฟกัสไปที่ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงมั่งไม่ได้มั่ง แต่ใน Samsung Galaxy S5 นั้นกลับเลือกใส่ฟีเจอร์มาอย่างอัดแน่น แต่ไม่ได้ทุกอะตอมของตัวเครื่อง มีการกลั่นกรองฟีเจอร์ที่ดีมากขึ้น พยายามให้ใช้งานได้จริงมากขึ้น ส่วนที่ว่าเป็นการ Back to Basic ก็เพราะว่า ?Samsung ได้พัฒนาเจ้า Samsung Galaxy S5 ในส่วนที่มันควรจะพัฒนา (มานานมากแล้ว) และเห็นถึงผลของการพัฒนานั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ต้องบอกว่าสวยงามมากๆ การแสดงผลทำได้ดี มีความคมชัด สีสันสดใสในระดับที่พอดี เรียกว่าไม่มีที่ติเลย (ขนาดตัวผู้เขียนมีอคติกับหน้าจอของสมาร์ทโฟน Samsung มาโดยตลอด) หรือการจัดการพลังงานที่ทำได้ดีขึ้นมาก สามารถใช้งานได้สบายๆ โดยไม่ต้องพึ่ง Powerbank รวมถึงกล้องที่พัฒนาขึ้นมากในยามที่ถ่ายรูปในที่ๆ มีแสงเพียงพอ และการกันน้ำกันฝุ่นที่ Samsung Galaxy S5 มีก็ต้องบอกว่าทำให้มันน่าใช้ขึ้นเยอะเลยครับ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีวัสดุของตัวเครื่อง รวมถึงการออกแบบที่ดีอย่าง iPhone 5s หรือ HTC One M8 ถึงแม้หน้าตาของมันจะแยกไม่ออกและไม่ได้มีราศีบ่งบอกเลยว่า “นี่คือสมาร์ทโฟนเรือธงราคาสองหมื่น” และมันก็คงไม่ได้รับการอัพเดตซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้รวดเร็วเหมือนอย่าง Nexus แต่เจ้า Samsung Galaxy S5 ก็มีดีในแบบของมัน นอกจากสเปคหรือฟีเจอร์ที่อัดแน่นอยู่ภายในแล้ว ยังรวมถึงคอนเท้นพิเศษจากทาง Samsung โดยเฉพาะ Galaxy Gift (ผู้เขียนจัดไปหลายแต้มแล้ว) ต้องบอกว่า Samsung Galaxy S5 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีความสวยจากข้างในก็คงจะไม่ผิดซักเท่าไหร่นัก
จุดเด่น
- สเปคแรงแบบหลุดโลกไปเลยทีเดียว
- หน้าจอคมชัด สีสันหน้าจอสดใสมาก และไม่จัดจ้านเหมือนอย่างรุ่นอื่นๆ จนไม่แน่ใจว่านี่คือจอ AMOLED ของ Samsung จริงๆ หรือ
- ฟีเจอร์อัดแน่นตามสไตล์ Samsung (แต่รอบนี้อัดมาให้แบบพอดีๆ)
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นได้จริง
- กล้องหลังถ่ายภาพเวลากลางวันได้สวยมาก จับโฟกัสได้ไว
- Galaxy Gift ยังคงไม่ทำให้ผิดหวัง อิ่มฟรีตลอด
ข้อสังเกต
- วัสดุตัวเครื่องไม่สมกับราคา
- กล้องหลังเมื่อแสงไม่พอ คุณภาพของรูปถ่ายจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
- ฟีเจอร์บางตัวใช้งานจริงค่อนข้างลำบาก เช่นระบบสแกนลายนิ้วมือและเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- พบอาการ Force Close ใน App บางตัว