Samsung Galaxy S20 Ultra 5G สุดยอดเรือธงรุ่นใหม่ของ Samsung ที่ออกแบบมาให้มีกล้องขั้นเทพที่มีความละเอียดมากถึง 108MP ซูมได้มากถึง 100x อัดวีดีโอได้ถึง 8K หน้าจอลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz ในราคาไม่ถึง 40,000 บาท เป็นเรือธงที่เกิดขึ้นมาพร้อมพลังการซูมที่มากทีสุดในโลกของสมาร์ทโฟน ซึ่งฝนมี่สุด Specphone เราก็ได้เครื่องมารีวิวกับเขาบ้างแล้ว
สเปค Samsung Galaxy S20 Ultra 5G
- หน้าจอ Infinity-O Display ขนาด 6.9″ Dynamic AMOLED 2X อัตราส่วน 20:9 ความละเอียด 3200 x 1440 รีเฟรชเรต 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+
- ชิปประมวลผล Exynos 990
- RAM 12GB
- ROM 128GB
- กล้องหลัง 4 ตัว รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 8K เป็นรุ่นแรก
- กล้องหลัก 108MP f/1.8 PDAF, OIS
- Telephoto 48MP f/3.5 PDAF, OIS รองรับการซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 10 เท่า ซูมแบบความละเอียดสูง Super Resolution Zoom (optical+digital zoom) ได้สูงสุด 100 เท่า (Space Zoom)
- Ultrawide 12MP f/2.2 AF
- ToF
- กล้องหน้า 40MP f/2.2
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็วที่ 45W และการชาร์จไร้สายเร็ว 15W (Qi)
- รองรับที่ระบบ sub-6 GHz / mmWave / NSA / SA
- รองรับ WiFi 6
- Android 10 พร้อม One UI 2
- กันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68
- มีให้เลือก 2 สีคือสีเทา และสีดำ
- ราคา 39,900
สัมผัสแรกที่ได้หลังจากได้จับตัวเครื่องก็คือ เครื่องใหญ่มาก แถมหนักด้วย (เทียบกับ S20+) ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะโมดูลกล้องสำหรับรองรับกล้อง 108MP ก็ได้ เอาหละ เราไปดูกันดีกว่าว่าตัวเครื่อง Samsung Galaxy S20 Ultra นั้นเป็นอย่างไร
Design
Samsung Galaxy S20 Ultra มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X แบบ Infinity-O ที่มีขนาดถึง 6.9 นิ้ว ที่มีรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz แถมยังรองรับ HDR10+ อีกด้วย ทำให้การแสดงสีสันออกมาได้ตรงกับที่ตาเห็นมากที่สุด นอกจากนี้ตัวกระจกยังทำจาก Gorilla Glass 6 ทำให้ทนทานต่อรอบขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะไม่มีอะไรเลย ส่วนด้านขวาจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง
ที่ด้านบนจะมีช่องใส่ซิมและไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนสำหรับสนทนา, ลำโพงเครื่องและพอร์ต USB Type-C ที่รอวรับการชาร์จสูงสุดถึง 45W
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะมีโมดูลกล้องขนาดใหญ่วางอยู่ด้านบนมุมซ้าย ซึ่งความกว้างนั้นมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของตัวเครื่องเลยทีเดียว นอกจากนี้ด้านหลังของเครื่องยังใช้เป็นกระจก Gorilla Glass 6 อีกด้วย
ระบบปฏิบัติการ
Samsung Galaxy S20 Ultra นั้นมาพร้อมกับ Android 10 ที่ครอบทับด้วย OneUI 2.1 รุ่นใหม่ ที่มีความบื่นไหลยิ่งกว่าเดิม และใช้งานง่ายยิ่งกว่าเดิม
นอกจากนี้ใน OneUI 2.1 นั้นยังทำให้ใช้งาน Dark Mode ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยการเอาปุ่มเปิด-ปิดมาไว้ที่แถบ Notification ทว่าก็จะมีสิง่ที่ทำให้สับสนอยู่เล็กน้อยนั่นก็คือการปิดเครื่อง ไม่ได้ทำที่ปุ่มด้านข้างเครื่องอีกแล้ว แต่เปลี่ยนไปไว้ในแถบ Notification แทน
ประสิทธิภาพ
Samsung Galaxy S20/S20+ นั้นมาพร้อมกับชิป Exynos 990 รุ่นใหม่ที่มีความแรงมากขึ้น แถมยังประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น นอกจากนี้ในการเล่นเกมยังมี Game Luncher ที่ช่วยรวบรวมเกมทั้งหมดให้อยู่ในที่เดียว และช่วยจัดการการแจ้งเตื่อนต่าง ๆ ให้
ในการทดสอบการเล่นเกมนั้นเราได้ทดสอบกับเกม RoV PUBG Mobile และ Modern Warplanes โดยระหว่างทดสอบนั้นจะใช้หน้าจอ 120Hz ตลอดการเล่นนะครับ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันครับ
RoV
ในการทดสอบกับเกม RoV นั้นเราได้ทำการปรับการตั้งค่าให้สูงที่สุดทั้งหมด ซึ่งในขณะที่เล่นนั้นสามารถทำเฟรมเรทได้ต่ำสุด 44 ซึ่งทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะตัวชิปไม่ได้ Optimize มาให้เข้ากับตัวเกมได้ดีพอ
PUBG Mobile
ในการทดสอบกับเกม PUBG Mobile เองก็ได้ทำการปรับกราฟฟิกให้สูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ (HDR HD + Frame Rate Ultra) ซึ่งก็ทำได้ดี ไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใด นอกจากนี้เวลาหันเร็ว ๆ ยังไม่ปวดตาด้วย
Modern Warplanes
สำหรับเกมนี้ตั้งใจเอามาทดสอบกับหน้าจอ 120Hz โดยเฉพาะเช่นเดียวกับที่ทดสอบใน S20/S20+ เนื่องจากเป็นเกมแนวขับเครื่องบิน ทำให้มักเกิดอาการปวดตาเวลาเปลี่ยนทิศทาง ทว่าจากที่ได้ลองแล้วการที่มีด้วยหน้าจอ 120Hz นั้นช่วยให้มีความลื่นไหลของภาพที่มากขึ้นจนทำให้ลดอาการปวดตาไปได้มาก
กล้อง
กล้องหลัง
กล้องหลังนี้ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของ Galaxy S20Ultra เลยทีเดียว สำหรับกล้องหลังนั้นจะมีทั้งหมด 4 ตัวคือกล้องหลัก 108MP, กล้อง Telephoto 48MP ที่รองรับการซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 10 เท่า ซูมแบบความละเอียดสูง Super Resolution Zoom (optical+digital zoom) ได้สูงสุด 100 เท่า (Space Zoom), กล้อง Ultrawide 12MP และ ToF
จุดเด่นของกล้องหลัง S20 Ultra คือเซ็นเซอร์รับภาพมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1/1.33″ ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Nonacell ที่รวม 9 ภายให้กลายเป็นภาพเดียว ช่วยลด Noise ได้ดีและยังถ่ายได้ภาพที่สว่างมากขึ้น ซึ่งพวกนี้จะเรียกว่า Bright Night
ตัวชูโรงของ S20 Ultra นั่นก็คือ Space Zoom 100x ซึ่งเป็นสิ่งที่ Samsung ภูมิใจนำเสนอมาก ทำให้การถ่ายระยะไกลได้อย่างง่าย ๆ แถมเวลาซูมเยอะ ๆ จะมีภาพจากกล้องปกติแสดงขึ้นมาตรงมุมด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าตอนนี้กำลังซูมไปอยู่บริเวณไหน ช่วยให้เกิดความสะดวกในการถ่ายได้อย่างมาก
สำหรับการอัดวีดีโองก็เป็นอีกจุดเด่นเช่นกัน เพราะสามารถอัดวีดีโอได้ถึง 8K เป็นรายแรก แถมยังมีฟีเจอร์แคปภาพที่สามารถแคปภาพจากวีดีโอ 8K ให้กลายเป็นภาพความละเอียด 33MP ได้
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy S20 Ultra คือความสามารถในการใช้งาน Filter ที่สามารถเอาภาพตัวอย่างที่ต้องการมาใช้เป็น Filter ได่ด้วย ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปนั่งแต่ภาพให้คล้ายกับภาพตัวอย่างที่อยากได้
ตัวอย่างภาพจากกล้อง 108MP เมื่อทำการซูมให้ไกลที่สุด
ตัวอย่างภาพ Space Zoom 100x
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
กล้องหน้า
กล้องหน้าของ S20 Ultra นั้นมีความละเอียดถึง 40MP ซึ่งเวลาถ่ายเซลฟี่จะสามารถถ่ายได้ 2 แบบคือแบบปกติและแบบมุมกว้าง อีกทั้งยังรองรับการถ่ายรูปด้วย Bright Night อีกด้วย ทำให้การถ่ายรุปในที่แสงน้อยทำได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
สรุป
โดยรวมแล้ว Samsung Galaxy S20 Ultra นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นหนักไปที่กล้องหลังอย่างแรง ทำให้จะคุ้มค่าที่สุดเมื่ออยู่ในมือคนรักการถ่ายภาพ และถึงแม้เครื่องจะหนัก แต่ก็ยังนับว่าเบากว่า DSLR ทำให้พกพาได้ง่ายกว่าด้วย
จุดเด่น
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X รองรับ HDR10+ ให้สีสันได้ตรงกับที่ตาเห็นที่สุด
- กล้อง 108MP แบบ 9-in-1
- ถ่ายวีดีโอ 8K พร้อมแคปภาพที่ความละเอียด 33MP ได้
- Space Zoom 100x
- Bright Night ถ่ายวิวกลางคืนได้สวยสุด ๆ
จุดสังเกตุ
- ใช้จอ 120Hz ได้แค่ FHD+ (รออัพเดต)
- เล่นเกม RoV แล้ว FPS ร่วงถึงแม้เครื่องจะไม่ได้ร้อนมาก
- น้ำหนักเยอะไปนิด