ในงานเปิดตัวของทาง Samsung นั้นนอกจากจะเปิดตัว Galaxy S21 Ultra 5G แล้วยังได้มีการเปิดตัว Galaxy Buds Pro เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งตัวหุฟังรุ่นใหม่นี้ก็ได้มาอยู่ในมือทีมงาน Specphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมา วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่าตัวหูฟังเป็นอย่างไรกันบ้าง หากอยากรู้แล้วเราไปชมพร้อมกันได้เลย

สเปค Samsung Galaxy Buds Pro
- ขนาด :
- หูฟัง : 19.5 x 20.5 x 20.8 มิลลิเมตร
- เคส : 50 x 50.2 x 27.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก :
- หูฟัง : 6.3 กรัม
- เคส : 44.9 กรัม
- ลำโพง : ระบบเสียงแบบ 2 ทิศทาง (Woofer 11 มิลลิเมตร + Tweeter 6.5 มิลลิเมตร)
- ไมโครโฟน : 3 ตัว (2 ด้านนอก + 1 ด้านใน) + Voice Pickup Unit + Wind Shield
- ความจุแบตเตอรี่ :
- หูฟัง : 61 mAh
- เคส : 472 mAh
- ระยะเวลาใช้ฟังเพลง :
- เปิด ANC : 5 ชั่วโมง / ใช้ร่วมกับเคส 18 ชั่วโมง
- ปิด ANC : 8 ชั่วโมง / ใช้ร่วมกับเคส 28 ชั่วโมง
- ระยะเวลาใช้สนทนา :
- เปิด ANC : 4 ชั่วโมง / ใช้ร่วมกับเคส 14.5 ชั่วโมง
- ปิด ANC : 5 ชั่วโมง / ใช้ร่วมกับเคส 17.5 ชั่วโมง
- การชาร์จ : ชาร์จผ่าน USB Type-C, มีชาร์จเร็ว 5 นาทีใช้งานต่อเนื่องได้ 1 ชั่วโมง, รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0 รองรับการแปลงสัญญาณ Scalable/AAC/SBC
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Proximity, Hall, Touch, Voice Pickup Unit (VPU)
- ฟีเจอร์ :
- Ambient Sound : ขยายเสียงภายนอกได้สูงสุด 20 เดซิเบล, ปรับได้ 4 ระดับ
- ANC : ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุด 99%, ปรับได้ 2 ระดับ
- Voice Detect : ระบบตรวจจับเสียงเพื่อสลับโหมด ANC และ Ambient Sound โดยอัตโนมัติ
- ระบบตรวจจับเสียง
- กันน้ำ IPX7
- สี : Phantom Violet, Phantom Black, Phantom Silver
- ราคา : 6,990 บาท
*รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Android 7 ขึ้นไป โดยต้องมี RAM มากกว่า 1.5 GB
ข้อดี
- ใส่สบายหู
- น้ำหนักเบา
- เชื่อมต่อรวดเร็ว
- ANC ทำงานได้ดี
- Voice Detect ช่วยให้ไม่ต้องถอดหูฟังเวลาพูดคุย
ข้อสังเกต
- เมื่อใช้ ANC แล้วแบตเตอรี่จะหมดเร็วขึ้น
- เวลาหยิบออกจากเคสหรือหยิบออกจากหูมีโอกาศหล่นได้ง่าย
- Voice Detect ทำงานแม้จะเป็นเสียงไอ
ดีไซน์
ของในกล่องนั้นจะเหมือนกับ Galaxy Buds ทุกรุ่น ที่ซึ่งเมื่อเปิดกล่องออกก็จะพบกับ คู่มือ,เคสชาร์จ, ชุดหูฟัง, สายชาร์จ Type-C และ จุกซิลิโคนหูฟัง

ตัวหูฟังนั้นมาในดีไซน์ผสมระหว่าง Galaxy Buds Live และ Galaxy Buds+ มีรูปทรงโค้งมน ช่วยให้การสัมผัสกับผิวหนังลดน้อยลง ส่งผลให้สวมใส่ได้อย่างยาวนานมากขึ้น ซึ่งจุกยางนี้สามารถเลือกเปลี่ยนได้ตามขนาดของรูหู

วัสดุที่ใช้ผลิตหูฟังนั้นทาง Samsung เลือกใช้วัสดุที่เป็น Post-Consumer Materials (PCM) หรือวัสดุที่ผ่านการรีไซเคิลถึง 20% ทำให้ราคาขายไม่ได้แพงมากจนเกินไป

ตัว Galaxy Buds Pro นั้นจะมีไมโครโฟนติดตั้งมาให้ 3 จุดแบ่งเป็น 2 จุดด้านนอก โดยอยู่ส่วนล่างที่เป็นช่องไมโครโฟนขนาดใหญ่ทำหน้าที่รับเสียงพูด ตัวที่ 2 อยู่ด้านบนสำหรับเก็บเสียงภายนอก และไมค์ตัวที่ 3 จะอยู่ด้านใน
ด้านในของตัวหูฟังจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการใส่อยู่ และที่ด้านข้างเซ้นเซอรืทั้งสองข้างนั้นจะมีขั้วชาร์จอยู่นั่นเอง

มาที่ตัวเคสชาร์จกันบ้าง ซึ่งตัวเคสนี้ใช้การดีไซน์แบบเดียวกับ Galaxy Buds Live ที่เป็ฯกล่องทรงสี่เหลี่ยม ทำให้พกพาใส่กระเป๋าได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะเจอกับหูฟังทั้ง 2 ข้างอยู่ในหลุมขนาดพอดีตัว ซึ่งทำการยึดติด้วยแม่เห,้ก ช่วยให้สามารถชาร์จได้โดยไม่ต้องกลัวหลุด และที่ระหว่างกลางหูฟังทั้ง 2 ข้างจะมีไฟ LED บอกสถานะชาร์จอยู่ด้วย

ด้านหน้าของเคสมีไฟบอกสถานะแบตเตอรี่คงเหลือแบ่งออกเป็น 3 สี มาตรฐานคือ สีแดง (<30%), สีเหลือง (30-60%) และสีเขียว (60-100%)

ด้านหลังเคสจะมีเพียงแค่พอร์ตสำหรับชาร์จไฟแบบ USB Type-C

ที่ด้านล่างจะมีการสกรีนข้อมูลตัวหูฟังไว้แบบบาง ๆ พร้อมยังยังมี Wireless Charge อยู่ด้วย
การเชื่อมต่อ

Buds Pro ตัวนี้ใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ทำให้สามารถจับคู่ได้รวดเร็วแถมยังมีดีเลย์น้อยอีกด้วย แต่หากใช้ควบคู่กับมือถือของ Samsung ก็จะยิ่งสะดวงสบายมากขึ้น เพราะแค่เปิดฝาขึ้นมา ระบบก็จะขึ้นป๊อปอัพขึ้นมาถามทันทีว่าจะเชื่อมต่อไหม แถมหากเคยเชื่อมต่อแล้ว หลังจากนั้นจะเชื่อมต่อกันเร็วมาก ๆ เลย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Auto Switch ที่จะช่วยให้สามารถสลับไปรับสายบนมือถือ Samsung ได้ด้วย หากเรากำลังใช้แท๊บเล็ต Samsung อยู่ ซึ่ง่พอหลังจากวางสายแล้วระบบก็จะสลับกลับมายังเครื่องเดิมทันที เรียกได้ว่าสะดวกสุด ๆ

การใช้งาน

การใช้งานนั้นจำเป็นจะต้องใช้ควบคู่ไปกับแอพ Galaxy Wearable (หรือ Samsung Galaxy Buds บน iOS)

โดยการเชื่อมต่อครั้งแรกจะเป็นดังนี้ เลือกประเภทอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อ > เลือกชื่ออุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อ > กดตกลงเพื่อจับคู่ > รอให้ติดตั้งข้อมูลทุกอย่างจนเสร็จ > กดเชื่อมต่อบนป๊อปอัพที่ปรากฏขึ้น > ใช้งานได้เลย

นอกจากนี้หากเราหา Galaxy Buds Pro ไม่เจอ เราสามารถตามหาได้ด้วยแอพ SmartThings ของ Samsung ซึ่งจะแสดงพิกัดสุดท้ายที่ถูกใช้งานให้เราได้ทราบ ทั้งยังสามารถนำทางเราไปหาได้ และยังส่งเสียงเรียกได้อีกด้วย
เสียง

ในด้านระบบเสียงนั้นในตัวหุฟังแต่ละข้างจะมีไดร์เวอร์อยู่ข้างละ 2 ตัวประกอบด้วย Woofer Driver ขนาด 11มม. สำหรับย่านเสียงต่ำ และ Tweeter Driver สำหรับย่านเสียงหูฟังขนาด 6.5มม. ซึ่งจากที่ได้ลองใช้แล้วเสียงที่ได้เรียกได้ว่าฟังสนุกใช้ได้เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบเสียงกับ Galaxy Buds+ ที่มีรูปทรงคล้ายกันแล้ว Buds Pro ตัวนี้ให้เสียงที่นุ่มนวลกว่า แถมเบสก็ไม่หนักจนเด่น สามารถเอาไปใช้ฟังเพลงได้หลากหลายแนวมาก ๆ

ในแอพ Galaxy Wearable นั้น สามารถปรับแต่งเสียงเพิ่มได้อีก 6 รูปแบบประกอบด้วย Normal, Bass boost, Soft, Dynamic, Clear และ Treble boost ส่วนเรื่องการดูหนังและเล่นเกมก็นับว่าทำได้ดีสุด ๆ รองรับระบบเสียง 360 Audio เอาไว้ใช้กับโปรแกรมสตรีมมิ่งที่รองรับ และยังมีโหมดเกมที่ช่วยทำให้เสียงไม่ดีเลย์อีกด้วย

Active Noise Canceling (ANC)

Active Noise Canceling ใน Galaxy Buds นี้นับว่า Buds Pro ตัวนี้คือตัวแรกที่มี ANC จริง ๆ โดยจะใช้ไมค์ 3 ตัวที่สามารถตัดเสียงรบกวน โดยสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้สูงสุดถึง 99% และสามารถปรับได้ 2 ระดับคือ High และ Low

Voice Detect

หนึ่งในฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาในหุฟังรุ่นนี้ก็คือ Voice Detect ซึ่งจะเป็นการใช้งานพร้อมกับ ANC และ Ambient Sound โดยหากตรวจจับได้ว่าผู้ใช้ส่งเสียงออกมา ระบบก็จะทำการลดเสียงเพลงลงพร้อมทั้งเปิดให้รับเสียงจากภายนอกโดยอัตโนมัติ และเมื่อการพูดคุยจบลง เพลงก็จะกลับมาเล่นในระดับเสียงเดิม โดยเราสามารถตั้งได้ว่าหลังจากที่เราหยุดพูดแล้วจะใช้เวลาเท่าใดถึงจะทำงาน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาสั้นๆ กับบุคลรอบข้างได้สบายๆ โดยไม่ต้องถอดหรือกดเปลี่ยนโหมดใดๆ ให้วุ่นวาย

จากที่ได้ลองใช้มา Voice Detect นั้นเรียกได้ว่าไวมาก ๆ ขนาดแค่เสียงไอเบา ๆ ยังจับได้เลย ใครที่เป็ฯคนพูดเสียงเบาน่าจะหายห่วงได้เลย ในด้านการสนทนานั้นเสียงรอบข้างไม่มีเข้าเลย เพราะฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพิ่อตัดเสียงรบกวนออกไปทั้ง ไมโครโฟนด้านนอกแบบ SNR (signal-noise ratio), เทคโนโลยี Voice Pick-up Unit (VPU) และเทคโนโลยีกรองเสียงลม (Wind Shield) ทั้ง 3 อย่างนี้ช่วยตัดเสียงรอบตัวออกไปจนหมด ทำให้การสนทนามีความชัดเจนขึ้นมาก
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ

เรื่องแบตเตอรี่ในการใช้งานนั้นหากเปิด ANC จะสามารถใช้ได้นาน 5 ชั่วโมง และเมื่อรวมกับเคสชาร์จแล้วจะสามารถใช้งานได้สุงสุดที่ 18 ชั่วโมง ซึ่งจากที่ได้ลองใช้จริง เปิดเสียงกลาง ๆ และมีการใช้งาน Voice Detect หลายครั้ง ผลคือเวลาใช้งานจริง ๆ จะอยู่ที่ประมาร 4 ชั่วโมง ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว เพราะการใส่หูฟังนาน ๆ ก็ทำให้หูล้าได้เช่นกัน

สำหรับการชาร์จนั้นที่ตัวเคสจะรองรับการชาร์จทั้ง 2 แบบคือแบบชาร์จผ่านสาย USB Type-C และแบบชาร์จไร้สายผ่านเทคโนโลยี Qi ซึ่งใครที่ใชช้มือถือระดับเรือธงของ Samsung ทั้งซีรี่ส์ S และ Note นั้นสามารถชาร์จหูฟังด้วยระบบ reverse wireless ของตัวเครื่องได้ด้วย ช่วยต่ออายุให้กับหูฟังได้หากไม่อยู่ในสถานที่ ๆ ไม่อำนวยต่อการชาร์จแบบต่อสาย
สรุปการใช้งาน Samsung Galaxy Buds Pro

จากที่ได้ลองใช้ Galaxy Buds Pro มานี้ โดยสวนตัวแล้วชอบมากกว่า Galaxy Buds Live และ Galaxy Buds+ พอสมควร เนื่องจากใส่แล้วสบายหูกว่า Buds+ แน่นหูกว่า Buds Live ทั้งยังเบสไม่หนักด้วย ช่วยให้ฟังเพลงได้หลากหลายแนวกว่ามาก อีกทั้งด้วย ANC และ Voice Detect ยังช่วยให้สามารถใส่เดินไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่มีเสียงเข้ามารบกวน แล้วพอจะพูดคุยก็ไม่ต้องถอดหูฟังด้วย นอกจากนี้เวลาเล่นเกมเสียงยังไม่มีดีเลย์อีก เรียกได้ว่าเป็นหูฟังอเนกประสงค์เลยก็ว่าได้ ด้วยค่าตัวแค่ 6,990 บาทผมว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าอย่างมาก
สำหรับใครที่อยากได้สามารถเข้าไปซื้อได้ที่ Samsung Shop ทุกสาขา และสามารถสั่งผ่าน samsung.com ได้ด้วย