หากพูดถึงแบรนด์น้องใหม่มาแรงอย่าง realme ผมเชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงสมาร์ตโฟนราคาไม่แพง เน้นความคุ้มค่าในราคาต่ำหมื่น นั่นก็ไม่ผิดครับ เพราะในช่วงราคาดังกล่าว realme ก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเช่นเคย แต่ในรุ่นล่าสุดอย่างในรีวิว realme X50 Pro 5G นั้นแตกต่างออกไป เพราะเป็นถึงรุ่นเรือธงของค่าย แถมยังรองรับ 5G ในประเทศไทย พร้อมสเปคที่จัดเต็มไม่แพ้แฟลกชิปสมาร์ตโฟนค่ายอื่น
แม้จะเริ่มทำตลาดได้ไม่นาน แต่ realme ก็มีอัตราการเติบโตที่สูงถึง 116% เมื่อเทียบกับปี 2019 และขึ้นมาเป็นแบรนด์หลักได้ในหลาย ๆ ภูมิภาค ปัจจุบันในตลาดโลก realme ครองตำแหน่งสมาร์ทโฟนอันดับ 7 อย่างต่อเนื่อง และ ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 5 ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไตรมาสที่ 1 โดยในปีนี้และในอนาคต realme ก็น่าจะมีผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟนที่รองรับ 5G ออกวางจำหน่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
สเปค realme X50 Pro 5G
- ชิปประมวลผล Snapdragon 865 5G octa-core 7nm ความเร็วสูงสุด 2.84 GHz
- GPU Adreno 650
- RAM 12 GB LPDDR5 (เครื่องทดสอบ)
- พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB (เครื่องทดสอบ) UFS 3.0 + Turbo Write + HPB
- หน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Super AMOLED ขนาด 6.44″ ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080)
- กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5
- Android 10 ครอบด้วย realme UI
- กล้องหลัง 4 ตัว รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
- กล้องหลัก 64MP f/1.8 PDAF
- กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.3 PDAF พร้อมถ่ายมาโคร
- กล้องเทเล 12MP f/2.5 รองรับการซูม 20x Hybrid Zoom
- กล้อง B&W Portrait 2MP f/2.4
- กล้องหน้าคู่ 32MP f/2.5 Sony IMX616 + 8MP Ultra wide-angle f/2.2
- ระบบเสียง Dolby Atmos และลำโพงคู่ Dual Speaker
- ใส่ได้ 2 นาโนซิม
- รองรับ 5G NR ทั้งแบบ SA และ NSA (n77/78/38/40/41/1/3/5/7/28)
- สามารถใช้งาน 5G ในไทยได้ทันที ทดสอบกับ TrueMove H และ AIS
- แบตเตอรี่ 4200 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ผ่านช่อง USB-C
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้จอ พร้อมปลดล็อกด้วยใบหน้า
- รองรับ Wi-Fi 6 (802.11a/b/g/n/ac/ax)
- Bluetooth 5.1
- ราคาเปิดตัว 28,990 บาท
สเปคโดยรวมของ realme X50 Pro 5G จัดอยู่ในกลุ่มสมาร์ตโฟนเรือธง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจออัตรารีเฟรชสูง 90Hz หรือจะเป็นชิปประมวลผลตัวท็อป Snapdragon 865 พร้อมทั้งรองรับ 5G NR ในประเทศไทย หน่วยความจำก็ให้มาเหลือเฟือ อย่างในเครื่องรีวิว realme X50 Pro 5G นั้นมีความจุสูงถึง 256GB ได้กล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลักนั้นความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซลจากตัวเซ็นเซอร์ อีกทั้งความสามารถในการซูมได้ไกลถึง 20x Hybrid Zoom
ด้านของการชาร์จไฟก็มาพร้อมอะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge ที่อัดไฟเข้าได้แรงเป็นอันดับต้น ๆ บนโลกสมาร์ตโฟน ช่วยให้สามารถชาร์จแบตได้เร็วทันใจ เรียกว่ารวม ๆ แล้ว realme X50 Pro 5G ให้สเปคมาในระดับที่คุ้มค่าสมราคาจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับมือถือเรือธงแบรนด์อื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน
ดีไซน์ หน้าตา realme X50 Pro 5G
ดีไซน์ตัวเครื่อง realme X50 Pro 5G บริเวณด้านหน้ามีจุดเด่นตรงที่เป็นหน้าจอแบบเกือบเต็ม กล้องหน้าคู่ถูกวางไว้ตรงตำแหน่งมุมซ้ายบนของหน้าจอ ส่วนลำโพง และเซ็นเซอร์อื่น ๆ จัดวางไว้บริเวณขอบด้านบนได้อย่างแนบเนียน ด้านล่างก็มีคางนิดหน่อย อัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่ทั้งหมดคิดเป็น 92% เรียกได้ว่าด้านหน้าแทบจะเป็นหน้าจอทั้งหมดก็ว่าได้
ขอบจอ realme X50 Pro 5G เป็นขอบโค้ง 2.5D เหมือนที่นิยมใช้ในหลาย ๆ รุ่น ในกล่องมีเคส TPU ขนาดพอดีตัวเครื่องแถมมาให้เป็นอุปกรณ์เสริม รวมถึงหน้าจอก็ติดตั้งฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่แรก
หน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ของ realme X50 Pro 5G เป็นแบบ Super AMOLED ก็ให้สีสันที่สวยงาม รองรับ HDR 10+ และช่วงสี DCI-P3 100% คมชัดในทุกมุมมอง ภาพสว่างสู้แสงกลางแจ้งได้สบาย (เร่งสุดได้ถึง 1000 nits) และด้วยอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 90Hz ทำให้การใช้งานทั่วไป แค่ปัดหน้าจอก็ให้ความรู้สึกที่ลื่นไหลกว่าหน้าจอปกติ และจะเห็นผลมากขึ้นเมื่อเล่นเกมที่รองรับอัตรารีเฟรชสูง ๆ อย่าง PUBG Mobile
ด้านการใช้งาน หากเลือก Navigation เป็นระบบสั่งงานแบบ gesture เช่น การปัดหน้าจอขึ้นเพื่อกลับหน้าโฮม ก็ยิ่งทำให้สามารถใช้งานภาพหน้าจอได้เต็มที่มากขึ้นอีก หรือถ้าใครไม่ถนัด อยากใช้แบบกดปุ่มก็สามารถปรับแต่งได้จากเมนูการตั้งค่าของเครื่องได้เลย
ฝาหลังของ realme X50 Pro 5G มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Moss Green และ Rust Green (สีเครื่องรีวิว realme X50 Pro 5G ในบทความ) ทั้งสองสีเป็นโทนสีแบบ Low Saturation ที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากสสารที่อยู่นอกโลก ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา
ตัวพื้นผิวฝาหลังเป็นแบบด้าน ใช้กระบวนการผลิตแบบ AG Technology โดยมีค่าความขุ่น 25% และความขรุขระ 0.15 µm และมีค่าความเปล่งแสงน้อยกว่า 1% ข้อดีของพื้นผิวแบบด้านคือทำให้จับตัวเครื่องได้ถนัดมือ ไม่ลื่น และไม่เกิดรอยนิ้วมือ ดูแลรักษาง่าย
ฝั่งบนและฝั่งด้านล่างของเครื่องก็จะมีพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ด้านบนมีช่องรับเสียงของไมค์ช่วยตัดเสียงรบกวน ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา ช่อง USB-C ถาดใส่ซิม และก็ช่องลำโพง ส่วนฝั่งซ้ายของ realme X50 Pro 5G ก็จะมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ส่วนฝั่งขวาก็มีเพียงปุ่ม Power เท่านั้น
หากสังเกตบริเวณรอบ ๆ ตัวเครื่อง realme X50 Pro 5G จะเห็นว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้มีเสาอากาศค่อนข้างเยอะทีเดียวครับ (360° Surround Antenna) เอาที่มองเห็นด้วยตาเปล่าก็มีทั้งหมด 6 เส้น อยู่บริเวณด้านบน 2 กับด้านข้างซ้าย/ ขวาอีกข้างละ 2 เส้น แต่รวม ๆ แล้ว realme X50 Pro 5G จะมีเสาอากาศถึง 12 ต้นเลยทีเดียว ประกอบไปด้วย GPS 1 เสา, WiFi 1 เสา, NFC 1 เสา, Bluetooth 1 เสา และ 4G + 5G ทั้งหมด 8 เสา
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีเข็มจิ้มถาดซิม เอกสารคู่มือ เคส TPU สีรมดำ อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 65W SuperDart Charge จ่ายไฟได้ทั้ง 5V 2A และ 10V 6.5A (65W) และก็สายชาร์จแบบ USB-C ที่อีกปลายเป็น USB-A รองรับ 65W SuperDart Charge จุดสังเกตตรงด้านในขั้วต่อจะเป็นสีเหลืองครับ
ซอฟต์แวร์ realme X50 Pro 5G
realme X50 Pro 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบมาด้วย realme UI ที่ทำออกมาให้ใช้งานได้ง่าย ส่วนแอปติดเครื่องมาก็มีให้มาพอสมควร ทั้ง Facebook, Lazada และก็แอปของทาง realme อีกนิดหน่อย โดยพื้นที่เก็บข้อมูลของตัวเครื่องที่ให้มาตามสเปค 256GB นั้นใช้งานสบาย ๆ แทบจะไม่ต้องกลัวพื้นที่เต็ม
รูปร่างหน้าตาไอคอนของ realme X50 Pro 5G ใน Theme พื้นฐานจะเป็นไอคอนกลม และด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED จึงมาพร้อมฟังก์ชั่น Screen-Off Display หรือคุ้นกันในชื่อ Always on Display ที่แสดงผลข้อมูลพื้นฐานอย่างเวลา, วันที่, แบตเตอรี่ และการแจ้งเตือนในขณะที่ปิดหน้าจอ โดยกินพลังงานแบตเตอรี่น้อยมาก ๆ
นอกจากนี้ realme UI ยังมาพร้อมกับ Dark Mode ที่เปลี่ยนโทนสีหน้าจอให้เข้มขึ้น รวมถึงเปลี่ยนหน้าการตั้งค่าให้เป็นพื้นหลังสีดำ ตัวหนังสือสีขาว เหมาะกับการใช้งานตอนกลางคืน เพราะคุมให้แสงหน้าจอไม่จ้าจนเกินไป และยังมีข้อดีอีกอย่างในเรื่องการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ เพราะหน้าจอแบบ Super AMOLED เมื่อแสดงผลสีดำ จะไม่มีการเรียกเม็ดสีนั่นเองครับ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ realme X50 Pro 5G
realme X50 Pro 5G มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้จอ G3.0 ที่ปลดล็อกได้ในเวลาเพียง 0.27 วินาที เมื่อจับเครื่องขึ้นมา ระบบจะแสดงรูปลายนิ้วมือขึ้นมาตรงตำแหน่งของเซ็นเซอร์ ช่วยให้สามารถวางนิ้วให้ถูกตำแหน่งได้ง่ายขึ้น หรือถ้าใครไม่ถนัด จะใช้การสแกนใบหน้าในการปลดล็อกก็ได้เช่นกันครับ
นอกจากนี้ realme UI ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น
- Dual Mode Music Share – สามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง
- Focus Mode – เป็นโหมดที่จะช่วยให้โฟกัสกับการทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยตัวเครื่องจะให้เลือกแอปพลิเคชั่นที่ต้องการปิดชัวคร่าว เมื่อเปิด Focus Mode จะไม่สามารถใช้งานแอปดังกล่าว รวมถึงปิดการแจ้งเตือนให้โดยอัตโนมัติ
- 3-Finger Selected Screenshot – ใช้ 3 นิ้วแตะค้างไว้ที่หน้าจอ เพื่อแคปหน้าจอ
- Personal Information Protection – ระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่
- การประมวลผล – ระยะเวลา App Booting ลงลด 25% ความลื่นไหลเพิ่มขึ้น 20%
- แบตเตอรี่ – อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 10%; ลดการใช้พลังงานเมื่อเปิดสแตนด์บายข้ามคืน 35%
- ประสิทธิภาพการทำงาน – ลดความดีเลย์ระบบสัมผัส 35% ประสิทธิภาพการเล่นเกมเพิ่มขึ้น 20%
ประสิทธิภาพและการเล่นเกมบน realme X50 Pro 5G
ด้วยชิปประมวลผลระดับท็อปของโลกแอนดรอยด์อย่าง Qualcomm Snapdragon 865 5G ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 2.84 GHz กับ RAM 12GB LPDDR5 ส่งผลให้ภาพรวมในการใช้งาน รวมถึงการเล่นเกม realme X50 Pro 5G ทำออกมาได้ดีเยี่ยม สามารถเล่นเกมบน Play Store ได้ทุกเกมแบบปรับตั้งค่าสูงสุดเท่าที่เกมจะให้ปรับแต่งได้
ไม่เพียงแต่ชิปประมวลผลที่เร็วแรง แต่ realme X50 Pro 5G ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เล่นเกมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องระบบระบายความร้อนที่เป็นแบบ Vapor Cooling 5 ชั้น ตอนที่รีวิว realme X50 Pro 5G ผมเล่นเกม ROV ต่อเนื่อง 3 เกม พบว่าตัวเครื่องมีความร้อนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น และการที่ตัวเครื่องระบายความร้อนได้ดี จึงไม่เกิดปัญหา CPU ลดความเร็วเมื่อประมวลผลหนัก ๆ หรือ ping ขึ้นเป็นสีแดงขณะเล่นเกม
ROM หรือความจุในตัวเครื่อง realme X50 Pro 5G เป็นแบบ UFS 3.0 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Turbo Write และ HPB ช่วยให้ความเร็วในการเขียนสูงถึง 730-760MB/s และด้วยเทคโนโลยี HPB (Host Performance Booster) เพิ่มความเร็วในการอ่านตามหน้าสเปคสูงถึง 1700-1900MB/s ส่วนการทดสอบจริงด้วยแอปพลิเคชั่น AndroBench พบว่า realme X50 Pro 5G ทำความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลได้ที่ 1765MB/s และการเขียน 756 MB/s
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยอะแดปเตอร์และสาย 65W SuperDart Charge ที่ให้มาในกล่องนั้นก็เร็วทันใจมาก ๆ ครับ การชาร์จไฟจนเต็ม 100% ใช้เวลาราว ๆ 30 นาทีเท่านั้น และเช่นเคยในเรื่องระบบความปลอดภัยขณะชาร์จไฟก็มีมากถึง 5 ขั้นตอน ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปจนถึงตัวแบตเตอรี่ เพราะฉะนั้นแม้จะชาร์จเร็ว แต่ก็มั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ ด้านของระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ก็ทำได้ดี ใช้งานทั่วไป + เล่นเกมนิดหน่อยได้เกินวันแบบสบาย ๆ
ด้านของการเล่นเกม ผมทดสอบด้วย PUBG Mobile ซึ่งกราฟิกที่ปรับได้สูงสุดในเกม เฟรมเรตสูง ทำงานผ่าน Game Space ที่ช่วยจัดสรรทรัพยากรระบบให้สามารถเล่นเกมได้ดีขึ้น ภาพที่ได้ก็ไหลลื่น ไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใด เช่นเดียวกับเกม CoD Mobile และ RoV ที่ปรับทุกอย่างได้สุด และเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีกระตุก
ในส่วนของการเชื่อมต่อ Wi-Fi มาตรฐาน Wi-Fi 6 หากใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณที่รองรับ อย่างตอนรีวิว realme X50 Pro 5G ผมทดสอบกับ Linksys Velop MX5300 ที่ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi 6 ได้ แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ 550/ 550 Mbps ผลการทดสอบออกมาดังภาพด้านล่างครับ ทำความเร็วได้เต็มสปีดบน Wi-Fi 6 เลยทีเดียว อีกทั้ง Latency ต่ำเพียง 4ms (เล่น PUBG Mobile ค่า ping อยู่ที่ 20ms)
การเชื่อมต่อ 5G NR ของ realme X50 Pro 5G นั้นรองรับ 5G ทั้งปัจจุบันและอนาคต ทั้งแบบ SA (5G Standalone) และ NSA (5G Non Standalone) ผมทดสอบกับทั้งซิม AIS 5G และ TrueMove H 5G ในย่านใจกลางเมือง (อโศก, ชิดลม, สยาม) ระดับสัญญาณเต็ม 4 ขีด ทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้ประมาณ 300Mbps ขึ้นไป มีข้อสังเกตเล็กน้อยเกี่ยวกับการรับ 5G ตอนที่ผมรีวิว realme X50 Pro 5G ตัวเครื่องอาจยังไม่ใช่เฟิร์มแวร์ที่สมบูรณ์ครับ เพราะความเร็ว 5G ในพื้นที่ทดสอบน่าจะทำได้เร็วกว่านี้
อ่านเพิ่มเติม: วิธีเปิดใช้งาน 5G ในไทย ต้องทำอย่างไร เงื่อนไขอะไรบ้าง รวมอยู่ที่นี่แล้ว
กล้องถ่ายรูป realme X50 Pro 5G
ไฮไลท์เด็ดของกล้องหลัง realme X50 Pro 5G นอกจากเซ็นเซอร์รับภาพความละเอียดสูงถึง 64 MP ก็ยังมาพร้อมกับกล้องซูม Telephoto ความละเอียด 12MP ที่รองรับการซูมได้ไกลถึง 20x Hybrid Zoom ส่วนเลนส์กล้องหลังที่เหลือก็ตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนเรือธง ได้แก่ เลนส์ Ultra wide-angle 8MP โฟกัสแบบ PDAF รองรับการถ่ายมาโครในตัว และกล้องตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ Portrait 2MP พร้อมฟิลเตอร์ B&W
เปรียบเทียบระยะซูมต่าง ๆ ของ realme X50 Pro 5G เมื่อถ่ายจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงเตาปูน ไปยังสถานีกลางบางซื่อ ระยะห่างประมาณ 3 กิโลเมตร ผมว่าระยะ 20x Hybrid Zoom ก็พอจะใช้งานได้อยู่ครับ แต่ถ้าจะเอาแบบใช้งานได้เลย ระยะซูมสัก 5x หรือ 10x น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะได้รูปถ่ายที่มีความคมชัดมากกว่า รวมถึงควบคุมเรื่องความสั่นไหวได้ง่ายกว่านั่นเอง
เรื่องกล้องหลักที่ความละเอียดสูงถึง 64MP ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดของไฟล์ภาพนะครับ เพราะว่าถ้าถ่ายด้วยโหมดออโต้ตามปกติ ระบบจะประมวลผลในการรวมพิกเซล (Pixel Binning) แล้วบันทึกภาพลงมาเหลือที่ความละเอียดระดับ 16 MP เท่านั้น ซึ่งข้อดีของการรวมพิกเซลแบบนี้ก็คือการรับแสง การเก็บรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ของภาพจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนถ้าต้องการถ่ายรูปแบบใช้ความละเอียดเต็ม ๆ 64 MP ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน โดยผู้ใช้สามารถกดเลือกใช้โหมด Ultra 64 MP จากในแอปกล้องได้เลย
สรุปสั้น ๆ ว่าในการใช้งานทั่วไป ผมมองว่าไฟล์ภาพ 16MP ที่ได้จากการรวมพิกเซลนั้นเพียงพอต่อการใช้งานมากกว่า 90% แล้วครับ ไฟล์ใหญ่พอที่จะอัพลงโซเชียลมีเดีย หรือต่อให้เอาไปล้างรูปผมว่าก็เกินพอ เว้นแต่จะต้องการถ่ายภาพเพื่อมา Crop ต่อทีหลัง แบบนั้นควรถ่ายที่ความละเอียด 64MP เต็มครับ
ทีนี้ก็มาเทียบภาพจากเลนส์ไวด์ (กล้องปกติ) ในโหมดออโต้ที่ความละเอียด 16MP กับภาพที่ได้จากเลนส์อัลตร้าไวด์ความละเอียด 8MP กันบ้างครับ จะเห็นว่ามุมภาพนั้นกว้างกว่ากันพอตัว ส่วนสีสันก็จัดว่าไม่ได้เพี้ยนไปจากเลนส์ปกติมากนัก
ส่วนภาพจากโหมด Ultra Macro ที่ใช้เลนส์มุมกว้างก็ถือว่าทำได้ดี สามารถเก็บรายละเอียดของชิ้นเล็ก ๆ ได้ และดีตรงที่มี Auto-Focus นี่ล่ะครับ ทำให้การถ่ายมาโครง่ายขึ้นมาก เพราะสามารถเลือกจุดโฟกัสได้ ว่าจะให้ตรงไหนชัด ไม่เหมือนเลนส์มาโครบนสมาร์ตโฟนอื่น ๆ ในท้องตลาดที่จะเป็นแบบ Fixed Focus ไม่สามารถเลือกจุดโฟกัสได้
ต่อมาก็เป็นการทดลองโหมด Nightscape 3.0 ของ realme X50 Pro 5G บ้าง โดยปกติโหมดดังกล่าวจะเป็นการถ่ายกลางคืนแบบที่ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการความสว่าง ต้องการความคมชัดขึ้นไปอีกระดับ หรือถ่ายในที่แสงน้อยแบบแทบจะไม่มีแสงจริง ๆ ก็มีตัวช่วยอย่าง Ultra Nightscape + Tripod Mode หรือการใช้ขาตั้งกล้องเข้ามาช่วย หน้าที่ของผู้ใช้ก็คือยึด realme X50 Pro 5G เข้ากับขาตั้งกล้อง แล้วกดถ่าย ที่เหลือ AI ประมวลผลให้ทั้งหมดครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้านล่าง ผมถ่ายในห้องตอนกลางคืนที่ปิดม่าน และปิดไฟ มีเพียงแสงจากโคมไฟเล็ก ๆ (โคมไฟเครื่องทำความชื้นมูจิ) แต่เมื่อถ่ายด้วยโหมด Ultra Nightscape ที่ใช้ขาตั้งกล้องก็ได้ภาพที่สว่างกว่าที่ตาเห็น เก็บรายละเอียดได้คมชัด ใช้เวลาในการลั่นชัตเตอร์ประมาณ 40 วินาที
ส่วนกล้องหน้าของ realme X50 Pro 5G เป็นกล้องหน้าคู่ ความละเอียดของเลนส์หลักกล้องหน้าอยู่ที่ 32MP ใช้เซ็นเซอร์ IMX616 ให้มุมมองปกติที่ 80 องศา แต่ถ้าต้องการถ่ายเซลฟี่แบบกว้าง ๆ เลยก็สามารถใช้กล้องหน้าอีกตัวที่เป็นเลนส์ Super Wide-angle 8MP ได้เช่นกัน ก็จะได้มุมรับภาพที่กว้างขึ้นเป็น 105 องศา เพียงพอที่จะเซลฟี่เป็นกลุ่มแบบไม่ต้องยื่นสุดแขนได้เลย
โหมดถ่ายภาพในกล้องหน้า realme X50 Pro 5G จะว่าไปก็มีมาให้ไม่แพ้กล้องหลังเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นโหมด HDR หรือจะเป็น Nightscape Selfie ที่ใช้กล้องหน้าถ่ายกลางคืนก็ทำได้เช่นกัน
สำหรับการถ่ายวิดีโอของ realme X50 Pro 5G จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันระหว่างกล้องหน้ากับกล้องหลัง โดยกล้องหน้าจะรองรับที่ความละเอียดสูงสุด 1080p / 30fps และถ่ายสโลโมได้ที่ 1080p / 120fps มีฟีเจอร์ในการเบลอฉากหลังเมื่อถ่ายวิดีโอ พร้อมกันสั่นวิดีโอทั้งแบบ UIS และ UIS Max ส่วนวิดีโอกล้องหลังจะบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K / 30 fps มีระบบกันสั่นและฟีเจอร์ Bokeh เช่นเดียวกับกล้องหน้า
อย่างไรก็ตามในการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง ผมแนะนำว่าให้ตั้งค่าความละเอียดไว้ที่ 1080p / 30 fps น่าจะเหมาะสมที่สุดครับ เพราะสามารถใช้งานฟีเจอร์วิดีโอต่าง ๆ ได้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการซูม, การสลับเลนส์ไปใช้ Ultra wide-angle รวมถึงระบบกันสั่นทั้ง Ultra Steady และ Ultra Steady Max
สรุปภาพรวม รีวิว realme X50 Pro 5G
ภาพรวมของ realme X50 Pro 5G กับการเป็นสมาร์ตโฟนเรือธง ผมมองว่า realme ก็ทำออกมาตอบโจทย์ของ Flagship Smartphone ได้เป็นอย่างดี ในราคา 28,990 บาท รุ่นนี้ใส่สเปค และฟีเจอร์ต่าง ๆ มาให้ครบครัน ทั้งชิปประมวลผลรุ่นแรงสุด Snapdragon 865 5G, RAM 12GB LPDDR5, ROM 256GB UFS 3.0 ที่มีอัตราการอ่านเขียนข้อมูลที่รวดเร็ว รวมถึงแบตเตอรี่ 4,200 mAh พร้อมรองรับชาร์จไว 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จเต็มในเวลาครึ่งชั่วโมง
หรืออย่างไฮไลต์ของสมาร์ตโฟนเรือธง ณ ตอนนี้อย่างการรองรับ 5G ก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น AIS หรือ TrueMove H อีกทั้งโมเด็มก็ยังรองรับคลื่นความถี่อื่น ๆ ที่จะถูกนำมาใช้เป็นคลื่น 5G ในประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย การเชื่อมต่ออื่น ๆ ได้แก่ Wi-FI 6, Bluetooth 5.1 ก็มีในโทรศัพท์เครื่องนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นในราคา 28,990 บาท ผมว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลอยู่ครับ
สำหรับรายละเอียดเพิ่ม และข้อมูลโปรโมชั่น realme X50 Pro 5G สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Facebook realme TH และ realme.com/th