รีวิว realme GT Neo2 5G สมาร์ตโฟน 5G รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง realme ที่นอกจากดีไซน์จะโฉบเฉี่ยวแล้ว (โดยเฉพาะสี Neo Green) สเปคของโทรศัพท์รุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เร็วแรงด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 5G พร้อมสเปคที่ใส่เต็มสำหรับคอเกม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ E4 AMOLED ขอบไม่โค้ง ที่มีอัตราการตอบสนองหน้าจอ 600Hz, ระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapor Cooling Plus และโหมดฮาร์ดคอร์อย่าง GT Mode ที่เร่งประสิทธิภาพตัวเครื่องให้พร้อมลุยกับทุกเกมแบบลื่น ๆ
สเปค realme GT Neo2 5G
- หน้าจอ E4 AMOLED Display ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ HDR10+, อัตรารีเฟรช 120Hz, Sampling Rate สูงสุด 600Hz
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 5G octa-core ความเร็ว 3.2GHz
- GPU Adreno 650
- RAM 8GB
- ความจุในตัวเครื่อง 128GB UFS 3.1
- ระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักความละเอียด 64MP รูรับแสง f/1.8
- กล้อง Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.3 มุมกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
- กล้องหน้า In-display ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.5
- รองรับ 2 nanoSIM
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh
- ระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge
- ขนาดตัวเครื่อง 162.9 x 75.8 × 8.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 200 กรัม
- ราคา 13,990 บาท
- สเปคเต็ม ๆ realme GT Neo2 5G
Design – การออกแบบ
สำหรับหน้าจอ realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอระดับเรือธง 120Hz พาแนล Samsung E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว อัตราส่วนคอนทราสต์จัดจ้านถึง 5,000,000:1 ความละเอียดระดับ Full HD+ มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ให้การใช้งานที่ลื่นไหลกว่าหน้าจอปกติ (ปรับอัตโนมัติได้ตั้งแต่ 30Hz, 60Hz, 90Hz และ 120Hz)
มาพร้อมกับอัตราการตอบสนองหน้าจอสูงสุด 600Hz Touch sampling rate ซึ่งเห็นผลมากเวลาเล่นเกม เพราะช่วยให้การตอบสนองหน้าจอทำได้รวดเร็วกว่า โดยเฉพาะการเล่นเกมประเภท FPS จะช่วยในการหมุนตัว การเล็ง และการยิงปืนทำได้ง่าย และตอบสนองได้ไวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้หน้าจอยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart Sunlight ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง 360 องศา ทำให้การปรับแสงหน้าจออัตโนมัติมีความแม่นยำ ใช้งานได้ดีทั้งสภาพแสงน้อย หรือแสงมาก รุ่นนี้ปรับความสว่างหน้าจอได้ละเอียดถึง 10240 ระดับ และสามารถเร่งความสว่างหน้าจอสูงสุดได้ถึง 1300 nits
รายละเอียดด้านข้าง เริ่มจากด้านขวา จะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Power | ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง กับถาดซิม (รองรับ 2 nano SIM ไม่รองรับ micro SD Card) | พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ลำโพงตัวแรกจะอยู่บริเวณด้านล่างตัวเครื่อง และมาพร้อมกับพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร | ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน กับลำโพงอีกหนึ่งตัว นั่นหมายความว่า realme GT Neo2 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos เสียงลำโพงจากรุ่นนี้ถือว่าดังทีเดียวครับ มิติ รายละเอียดต่าง ๆ ถือว่าทำได้ดี
ด้านหลัง realme GT Neo2 5G ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 ตัว วางบนโมดูลสี่เหลี่ยม ตัวโมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังเพียงเล็กน้อย ระบุข้อความ 64MP Matrix Camera และในสี Neo Green หรือสีเครื่องรีวิว realme GT Neo2 5G ที่ผมได้รับมา จะมีความพิเศษกว่าสีอื่น ๆ คือมีแถบดำคาดบนตัวเครื่องสีเขียว โดยทางดีไซน์เนอร์ของ realme Design Studio อธิบายว่าเป็นไปตามคอนเส็ป Digital Urban Design ที่ให้สีเขียวเป็นตัวแทนธรรมชาติ และแถบสีดำด้านสื่อถึงความดิจิทัล ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
ผิวสัมผัสของฝาหลัง Neo Green ให้สัมผัสที่ดี ด้วยพื้นผิวที่เคลือบนาโน 7 ชั้น ให้ฝาหลังที่เรียบเนียน ทนต่อรอยขีดข่วน ให้แสงสะท้อนที่ละมุน แต่ไม่เก็บรอยนิ้วมือ ส่วนใครที่อยากได้ดีไซน์แบบเรียบ ๆ ก็มีตัวเลือกเป็นสี Neo Blue และสี Neo Black ให้เลือกครับ
realme GT Neo2 5G – การเล่นเกม และประสิทธิภาพโดยรวม
ทีเด็ดของ realme GT Neo2 5G จากที่ผมได้ลองเล่นเครื่องรีวิวมาสักพักใหญ่ ๆ ก็พบว่าการเล่นเกม และประสิทธิภาพในการประมวลผลนี่ล่ะครับ ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ เริ่มจากชิปประมวลผลตัวแรง Qualcomm Snapdragon 870 5G ที่มาพร้อม A77 Prime Core ความเร็วสูงถึง 3.2GHz เมื่อทำงานร่วมกับ RAM 8GB ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากเรื่องประสิทธิภาพการประมวลผล เพราะมันแรงพอที่จะเล่นเกมทุกเกมแบบปรับตั้งค่าระดับสูง และยังมาพร้อมกับปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้ เล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีก
GT Mode 2.0
หนึ่งในโหมดทีเด็ดของ realme GT Neo2 5G หรือจริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นโหมดทีเด็ดของสมาร์ตโฟน realme GT Series ทุกรุ่น ได้แก่ GT Mode โดยที่มีให้ใช้งานใน realme GT Neo2 5G จะเป็น GT Mode 2.0 ที่เป็นเหมือนการปลดล็อกสเปคขั้นสุดในทุกด้าน ทั้งการปรับให้ CPU ทำงานในระดับสูงสุด, ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอในระดับสูงสุด รวมถึง Touch-Sampling Rate ที่ดันขึ้นไปได้สูงสุดถึง 600Hz เหมาะกับตอนที่ต้องการเน้นการประมวลผลหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม เป็นต้น
Stainless Steel Vapor Cooling Plus
realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapor Cooling Plus ใช้วัสดุแผ่น VC สแตนเลสขนาด 4129 มม. โครงสร้าง 8 ชั้น พร้อมด้วยซิลิโคน Diamond Thermal บน CPU เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิ และเพิ่มความเร็วในการกระจายความร้อน สามารถลดอุณหภูมิของ CPU ได้ถึง 18° ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่อง แม้จะมีการประมวลผลหนักอย่างการเล่นเกม ก็ยังคงให้เฟรมเรตที่เสถียรตลอดเวลา
หน้าจอ E4 AMOLED 120Hz
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ realme GT Neo2 5G เล่นเกมได้ดีมาก ก็คงเป็นหน้าจอที่นอกจากจะแสดงผลได้ดีเยี่ยม ทั้งความคมชัด สีสัน และอัตราคอนทราสต์ที่จัดจ้าน ยังเป็นหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz ให้ความลื่นไหลขณะเล่นเกม รองรับการเล่นเกมเฟรมเรตสูง และมีอัตราการตอบสนองหน้าจอที่สูงถึง 600Hz Touch-sampling rate มีการตอบสนองหน้าจอที่ดีเยี่ยม
ในการทดสอบเล่นเกมด้วย realme GT Neo2 5G ผมทดสอบเล่นกับเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact แบบปรับตั้งค่าสูงสุด 60 fps เล่นต่อเนื่อง 30 นาที พบว่าด้านหลังตัวเครื่องแค่อุ่น ๆ เท่านั้น และไม่พบว่ามีอาการกระตุกระหว่างเล่นเกม ส่วนเกมอื่น ๆ ที่ได้ทดสอบ ได้แก่ ROV Map 4.0 (ปรับสูงสุดทุกอย่าง + เฟรมเรตสูง + โหมดซอฟท์ไลท์) เล่นได้ลื่น ๆ ไม่มีเฟรมตก | PUBG Mobile (ปรับได้ทั้งภาพ UHD + เฟรมเรต Ultra หรือ HDR + เฟรมเรต Extreme ที่ 60fps) เล่นได้อย่างลื่น ๆ ทั้งสองการตั้งค่า
ด้านการเชื่อมต่อ ผมทดสอบเครื่องรีวิว realme GT Neo2 5G ที่ใส่ซิม AIS 5G ไล่ทำ SpeedTest ผ่านแอปพลิเคชัน SpeedTest by Ookla ที่สตูดิโอ (ย่านรัชดาภิเษก) รุ่นนี้ทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้ไม่ต่ำกว่า 300 Mbps และมี Latency ไม่เกิน 18ms ถือว่าให้ประสบการณ์ใช้งานเน็ตมือถือ ที่แทบจะไม่ต่างจากการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่บ้านเลยครับ
Camera – กล้องถ่ายภาพ
สำหรับการถ่ายรูป realme GT Neo2 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วยกล้องหลัก 64MP , เลนส์ Ultra wide-angle ความละเอียด 8MP และเลนส์มาโคร 2MP ถ่ายใกล้สุด 4 เซนติเมตร มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้มากมาย ที่สำคัญคือ AI ประมวลผลภาพถ่าย ทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการโฟกัส ผมว่ารุ่นนี้จับโฟกัสได้เร็ว และแม่นยำมากทีเดียว
สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ ก็ทำงานได้ตามมาตรฐาน มีโหมดให้เลือกใช้งานหลัก ๆ ได้แก่ การปรับ Beauty, การละลายฉากหลัง สร้าง Bokeh ด้วย Portrait Mode เป็นต้น
โหมดถ่ายรูปที่น่าสนใจ
โหมดท้องถนน หรือ Street Photography ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น DIS Snapshot ที่ช่วยให้ภาพคมชัดแม้สั่นไหว และยังบอกระยะของเลนส์ ไปจนถึงระยะในการจับโฟกัส ให้ความรู้สึกคล้ายโหมดโปรที่เข้าถึงง่ายขึ้น และยังมี Street Filter แบบ Film Simulation ให้เลือกใช้งาน เพื่อเพิ่มอารมณ์ในภาพถ่ายได้อีกด้วย
Portrait Mode & Filter ในโหมดการถ่ายภาพบุคคล สามารถสร้างโบเก้ ละลายฉากหลังได้เนียน และยังมีลูกเล่นอย่าง AI Color Portrait ที่ดูดสีฉากหลังให้เป็นขาวดำ ทำให้ตัวแบบมีความโดดเด่นมากขึ้น หรือจะเป็น Dynamic Bokeh และ Bokeh Flare Portrait สำหรับถ่ายโบเก้ยามค่ำคืน
นอกจากโหมดถ่ายภาพจะมีให้เลือกใช้งานเยอะแยะมากมายแล้ว ในการถ่ายภาพที่แสงน้อย หรือโหมดกลางคืน realme GT Master Edition ก็มาพร้อมกับโหมดกลางคืน Super Nightscape ที่แยกย่อย เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุด ประกอบไปด้วย
- Handheld Nightscape Mode ในสภาพแสงน้อย ที่ไม่ได้มืดสนิท แนะนำให้เลือกที่ Nightscape Mode ที่ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยประมวลผลภาพถ่าย ให้มีความสว่าง มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น สามารถถือเครื่องด้วยมือเปล่าถ่ายได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม
- Pro Nightscape Mode โหมดสุดท้าย เหมาะสำหรับคนที่มีชำนาญ และเข้าใจการปรับตั้งค่า ISO, Shutter Speed ด้วยการสังเคราะห์หลายเฟรม ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนมีคุณภาพดีที่สุด จะปรับตั้งค่าได้ละเอียดเท่ากับโหมดโปร แน่นอนว่าต้องใช้ขาตั้งกล้องในการถ่ายภาพเช่นเดียวกัน
- Night Mode + Filter เป็นการเพิ่มลูกเล่นฟิลเตอร์ให้กับโหมด Super Nightscape ทำให้ได้ภาพถ่ายกลางคืนที่แตกต่างไปจากแบบเดิม ๆ มีฟิลเตอร์ให้เลือกถึง 5 รูปแบบ
การถ่ายวิดีโอ
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps/ 1080p 60fps สำหรับกล้องหลัง และที่ความละเอียด 1080p 30fps สำหรับกล้องหน้า และมีโหมดตัวช่วยในการถ่ายวิดีโอให้เลือกใช้พอสมควร แต่ถ้าต้องการใช้โหมดตัวช่วยต่าง ๆ จะต้องปรับตั้งค่าความละเอียดวิดีโอกล้องหลังไว้ที่ 1080p 30fps เท่านั้น
Battery – แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน
การจัดการพลังงาน ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh หากเป็นการใช้งานปกติทั่วไป ไม่ได้เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน แบตเตอรี่ของรุ่นนี้ใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ แต่เมื่อไรที่มีการประมวลผลหนัก ตอนรีวิว realme GT Neo2 5G ผมทดสอบเล่นเกมไปต่อเนื่องหลายเกม (และเปิด GT Mode) สังเกตได้เลยว่าแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ ถ้าเป็นคนชอบเล่นเกม ยังไงก็ต้องมีชาร์จไฟระหว่างวันล่ะครับ
ส่วนเรื่องระบบชาร์จไฟ รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh เต็ม 100% ใน 36 นาที ด้วยแบตเตอรี่แบบ Dual-cell Design
สรุปภาพรวม รีวิว realme GT Neo2 5G
ภาพรวมของ realme GT Neo2 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่องอีกหนึ่งรุ่นภายใต้แบรนด์ realme และมันดีพอที่จะสู้กับหลายรุ่นในท้องตลาด ที่มีช่วงราคาใกล้เคียงกันได้สบาย ๆ อย่างแรกเลยคือชิปประมวลผล Qualcomm Snpadragon 870G 5G ที่ได้ภาษีดีกว่าในแง่ของความเป็น Snapdragon และประสิทธิภาพของมันเองก็อยู่ในระดับที่พร้อมลุยทุกเกมไม่แพ้ชิปตัวท็อป ๆ รวมกับองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การประมวลผลหนักอย่างการเล่นเกมได้ดี ทั้งตัว GT Mode, รูปแบบการระบายความร้อนที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม
ด้านสเปคอื่น ๆ ก็มีความน่าสนใจ ทั้งหน้าจอ 6.62 นิ้ว E4 AMOLED 120Hz, แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh + ชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จไฟจาก 0 – 100% ในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง, ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความบางเบา สีสันตัวเครื่องที่สวยงาม มีความแปลกใหม่ โดยเฉพาะสี Neo Green ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ก็จัดให้กันแบบสุดทาง ทั้งการเชื่อมต่อ 5G แบบ 5G + 5G Dual Standby รองรับการใช้งาน 5G ทั้งสองซิมการ์ด หรือจะเป็นการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่รองรับมาตรฐานใหม่ล่าสุดอย่าง Wi-Fi 6E (802.11ax)