รีวิว realme GT 5G สมาร์ตโฟน 5G รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง realme ที่เป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงของค่าย เร็วแรงด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 พร้อมสเปคที่ใส่เต็มสำหรับคอเกม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Super AMOLED ขอบไม่โค้ง ที่มีอัตราการตอบสนองหน้าจอ 360Hz, ระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel VC Cooling System และโหมดฮาร์ดคอร์อย่าง GT Mode ที่เร่งประสิทธิภาพตัวเครื่องให้พร้อมลุยกับทุกเกมแบบลื่น ๆ
สเปคเครื่องรีวิว realme GT 5G
- หน้าจอ Super AMOLED 120Hz ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อมอัตราการตอบสนอง 360Hz Touch sampling rate
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย realme UI 2.0
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 5G octa-core ความเร็วสูงสุด 2.84GHz
- GPU Adreno 660
- RAM 8GB LPDDR5
- ROM 128GB UFS 3.1 ไม่รองรับ microSD Card
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP
- กล้องหลัง 3 กล้อง AI
- กล้องหลักความละเอียด 64MP f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX682
- กล้องมุมกว้าง 8MP f/2.3, FOV 119 องศา
- กล้องมาโคร 2MP f/2.4 ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G + 5G Dual Standby | Wi-Fi 6E | Bluetooth 5.2 | NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500 mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge
- สเปคเต็ม realme GT 5G
- ราคาเปิดตัว 19,990 บาท
อุปกรณ์ในกล่องของ realme GT 5G มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมพื้นฐานที่สมาร์ตโฟนเครื่องหนึ่งควรจะมี ประกอบไปด้วย สายชาร์จแบบ USB Type-C to USB Type-A, อะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge, เคส TPU และตัวเครื่องติดตั้งฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ในกล่อง
Design – การออกแบบตัวเครื่อง
จุดเด่นแรกในเรื่องดีไซน์ตัวเครื่อง realme GT 5G ก็คือความบาง 8.4 มิลลิเมตร และความเบา ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 186 กรัม เมื่อรวมกับการออกแบบที่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง ยิ่งทำให้การจับถือตัวเครื่อง มีความคล่องตัว จับถือตัวเครื่องได้สะดวก
โดยเครื่องรีวิว realme GT 5G ที่ผมได้รับมารีวิวนั้น เป็นตัวเครื่องสี Dashing Blue ฝาหลังเป็นวัสดุแบบ 3D Glass ส่วนอีกสีของ realme GT 5G ที่วางจำหน่าย จะมีชื่อสีว่า Racing Yellow เป็นการประกอบหนัง Vegan กับฝาหลัง ด้วยเทคโนโลยี Dual tone Leather Desgin เพิ่มความหรูหรา และไม่เก็บรอยนิ้วมือ
สำหรับหน้าจอของ realme GT 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอระดับเรือธง 120Hz Super AMOLED Fullscreen ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3, 98% NTSC และสามารถเร่งความสว่างหน้าจอได้สูงสุดถึง 1,000 nits เพราะฉะนั้นใช้งานกลางแจ้งได้สบาย ๆ มาพร้อมเซ็นเซอร์คู่ในการตรวจจับความสว่างอัตโนมัติ ช่วยให้หน้าจอแสดงผลได้สมจริงมากขึ้น
นอกจากหน้าจอรุ่นนี้ จะมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ที่แสดงผล และให้การใช้งานที่ลื่นไหลกว่าหน้าจอปกติแล้ว ยังมาพร้อมกับอัตราการตอบสนองหน้าจอสูงสุด 360Hz Touch sampling rate ซึ่งเห็นผลมากเวลาเล่นเกม เพราะช่วยให้การตอบสนองหน้าจอทำได้รวดเร็วกว่า โดยเฉพาะการเล่นเกมประเภท FPS จะช่วยในการหมุนตัว การเล็ง และการยิงปืนทำได้ง่าย และตอบสนองได้ไวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องสีสันหน้าจอ ด้วยความที่เป็นพาแนลแบบ Super AMOLED เลยทำให้การแสดงสีสัน ให้สีที่สด และสีดำที่ดำจริง ๆ ส่วนเรื่องความสว่างหน้าจอ ตามที่ได้บอกไปว่า เร่งความสว่างหน้าจอได้สูงถึง 1,000 nits ซึ่งก็ถือว่าสูงกว่าสมาร์ตโฟนเรือธงบางยี่ห้อ แถมยังสามารถปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติได้ละเอียด ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ข้อดีของการที่หน้าจอปรับความสว่างได้ละเอียดมาก คือเวลาเล่นโทรศัพท์ในที่แสงน้อย จะสบายตามากกว่า เนื่องจากความสว่างหน้าจอถูกปรับให้เหมาะสมนั่นเอง
นอกจากนี้ realme GT 5G ยังรองรับการป้องกันสายตา Eye comfort นอกเหนือจากการปรับความสว่างโดยอัตโนมัติแล้ว ยังรองรับฟังก์ชั่นการหรี่ไฟ DC (เปิดได้ใน realme Lab)
รายละเอียดด้านข้าง realme GT 5G เริ่มจากด้านขวา จะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Power | ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง กับถาดซิม (รองรับ 2 nano SIM ไม่รองรับ micro SD Card) | พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ลำโพงหลักจะอยู่บริเวณด้านล่างตัวเครื่อง และที่สำคัญคือ realme GT 5G มาพร้อมกับพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลเมตร | ด้านบนมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านหลัง realme GT 5G ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 ตัว วางบนโมดูลสี่เหลี่ยมตามสมัยนิยม ตัวโมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังเพียงเล็กน้อย และมีโลโก้ realme โดยสาเหตุที่ฝาหลังมีรายละเอียดน้อย เนื่องจากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของรุ่นนี้เป็นแบบฝังใต้หน้าจอนั่นเอง
Performance – ประสิทธิภาพ
สิ่งที่ผมสนใจที่สุดในการรีวิว realme GT 5G อยู่ที่ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 5G กับ GT Mode และระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel VC Cooling System นี่ล่ะครับ อยากทราบเหมือนกันว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะเล่นเกมได้สุดขนาดไหน เพราะนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกของ realme กับชิปเซ็ตระดับเรือธงของปี 2021 อย่าง Snapdragon 888 5G
สเปคของชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 5G มีรายละเอียดดังนี้
- เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร
- ชิปเซ็ตแบบ octa-core (8 Core)
- 1x 2.84GHz (Cortex-X1)
- 3x 2.4GHz (Cortex-A78)
- 4x 1.8GHz (Cortex-A55)
- GPU Adreno 660
- DSP Hexagon 780
- โมเด็ม Snapdragon X60 5G Modem-RF System
เรื่องความแรงของ Snapdragon 888 5G ผมเชื่อว่าไม่มีใครสงสัยในความแรงของชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นนี้อยู่แล้ว ความแรงมันอยู่ในระดับที่เล่นเกมบน Google Play Store ได้แบบลื่น ๆ ทุกเกม แม้จะปรับตั้งค่าในระดับสูงสุดก็ตาม แต่ความน่าสนใจอยู่ที่การนำชิปเรือธงตัวนี้ไปปรับจูนมากกว่า เพราะเท่าที่ผมเคยทดสอบมา ก็มีหลายรุ่นที่ใช้ Snapdragon 888 แต่คุมความแรงไม่อยู่ ผลก็คือเกิดปัญหาเรื่องความร้อนสะสม ทำให้เล่นเกมแล้วเฟรมเรตตก หรือตัวเครื่องร้อนจนแทบจะจับไม่ไหวก็มีให้เห็นมาแล้ว
สำหรับเรื่องการปรับแต่งซอฟต์แวร์มาเร่งประสิทธิภาพของ realme GT 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับ Game Space ที่เป็นทั้งศูนย์รวมเกม และปรับแต่งฮาร์ดต์แวร์ให้เหมาะสมกับการเล่นเกม รวมถึงปิดกั้นการแจ้งเตือนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด
แต่ไฮไลต์จริง ๆ ของ realme GT อยู่ที่การมาพร้อมกับ GT Mode สามารถเปิดใช้งานได้จากหน้า Control Center หลังจากกดใช้งานโหมดดังกล่าว จะเป็นการเปิด Pro Gamer Mode ทันที และปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอเป็น 120Hz รวมถึงอัตราตอบสนองหน้าจอที่เป็น 360Hz นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยอย่าง Quick Start ช่วยให้เริ่มเกมมือถือได้ในไม่กี่วินาที สามารถเล่นเกมได้ต่อเนื่องมากขึ้น ไม่ต้องรอโหลดระหว่างเข้าเกม
ด้านการระบายความร้อน จริงอยู่ที่ Snapdragon 888 5G เป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังสำหรับการเล่นเกม แต่ปัญหาที่ตามมาหาก CPU ประมวลผลหนักต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็คือความร้อนที่แผงวงจรข้างในจะขึ้นสูง และทำให้ตัวเครื่องต้องสั่งลดความเร็ว CPU ลง ส่งผลให้การเล่นเกมกระตุก ไม่ลื่นไหลต่อเนื่อง และยังส่งผลให้ตัวเครื่องร้อนขึ้นมาก จนไม่สามารถจับถือตัวเครื่องเล่นเกมเป็นเวลานานได้
realme GT 5G มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel VC Cooling System มาใช้งานกับสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ เป็นการรวมกันระหว่างโครงสร้างคอมโพสิตเหล็ก และทองแดง โดยใช้ทองแดงนำความร้อน และหุ้มด้วยเปลือกสแตนเลสเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ซึ่งจะให้ความแข็งแรงสูงกว่าระบบทำความเย็นทองแดง VC แบบเดิมถึง 42% และมีการนำความร้อนกราไฟท์ 3 มิติแบบหลายชั้น จึงทำให้ realme GT 5G มีคุณสมบัติการระบายความร้อนที่ดีขึ้นอย่างมาก
การทดสอบจากทาง realme พบว่าระบบระบายความร้อน Stainless Steel VC Cooling System ช่วยระบายความร้อนเพิ่มขึ้น 50% และสามารถลดอุณหภูมิของ CPU ได้ถึง 15° ส่วนการทดสอบเล่นเกม ผมทดสอบเล่นกับเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact แบบปรับตั้งค่าสูงสุด 60 fps เล่นต่อเนื่อง 30 นาที พบว่าด้านหลังตัวเครื่องแค่อุ่น ๆ เท่านั้น และไม่พบว่ามีอาการกระตุกระหว่างเล่นเกมด้วยครับ
ส่วนเกมอื่น ๆ ที่ได้ทดสอบ ได้แก่ ROV (ปรับสูงสุดทุกอย่าง + เฟรมเรตสูง) เล่นได้ลื่น ๆ ไม่มีเฟรมตก | PUBG Mobile (ปรับได้ทั้งภาพ UHD + เฟรมเรต Ultra หรือ HDR + เฟรมเรต Extreme ที่ 60fps) เล่นได้อย่างลื่น ๆ ทั้งสองการตั้งค่า
ด้านการเชื่อมต่อ ผมทดสอบเครื่องรีวิว realme GT 5G ที่ใส่ทั้งซิม AIS 5G และ TrueMove H 5G ไล่ทำ SpeedTest ผ่านแอปพลิเคชัน SpeedTest by Ookla ที่สตูดิโอ (ย่านรัชดาภิเษก) รุ่นนี้ทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้ไม่ต่ำกว่า 300 Mbps และมี Latency ไม่เกิน 18ms ถือว่าให้ประสบการณ์ใช้งานเน็ตมือถือ ที่แทบจะไม่ต่างจากการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่บ้านเลยครับ
ด้านการเชื่อมต่อ Wi-Fi สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับคุณสมบัติในการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11ax) หากที่บ้านใครมีอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi 6 ได้ และมีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้านระดับ Gigabit รับรองว่า realme GT 5G จะสามารถใช้งานความเร็วอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Battery – แบตเตอรี่และการชาร์จไฟ
realme GT 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh เต็ม 100% ใน 35 นาที และเห็นชาร์จเร็วแบบนี้ เรื่องความปลอดภัยก็ยังคงไว้ใจได้เหมือนเดิมครับ เพราะมีทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิอย่างปลอดภัยในระหว่างกระบวนการชาร์จ และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม จะชาร์จด้วยกระแสต่ำลงเพื่อยืดอายุการใช้งาน และมาพร้อมระบบป้องกัน 5 ขั้นตอน ตั้งแต่อะแดปเตอร์ยันตัวเครื่อง ได้แก่
- อะแดปเตอร์ป้องกันการจ่ายไฟเกินกำลัง
- การป้องกันขณะชาร์จเร็ว
- ป้องกันการโอเวอร์โหลดอินเทอร์เฟซ
- ป้องกันกระแสไฟเกินและแรงดันไฟฟ้าเกิน
- การป้องกันขณะรวมแบตเตอรี่
ส่วนเรื่องการจัดการพลังงาน ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,500 mAh หากเป็นการใช้งานปกติทั่วไป ไม่ได้เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน แบตเตอรี่ของรุ่นนี้ใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ แต่เมื่อไรที่มีการประมวลผลหนัก ตอนรีวิว realme GT 5G ผมทดสอบเล่นเกมไปต่อเนื่องหลายเกม (และเปิด GT Mode) สังเกตได้เลยว่าแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ ถ้าเป็นคนชอบเล่นเกม ยังไงก็ต้องมีชาร์จไฟระหว่างวันล่ะครับ แต่ยังดีที่รุ่นนี้ชาร์จไฟได้เร็ว เพราะรองรับ 65W SuperDart Charge
อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่แบตเตอรี่กำลังจะหมด แต่ก็ไม่สะดวกที่จะชาร์จไฟ realme GT 5G ก็มีตัวช่วยอย่างโหมดประหยัดพลังงาน ที่มีให้เลือกใช้งาน 2 ระดับ ได้แก่
- Power Saving Mode โหมดประหยัดพลังงาน จะเป็นการลดความสว่างของหน้าจอ ลดเวลาล็อคหน้าจออัตโนมัติลงเหลือ 15 วินาที และปิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นเบื้องหลัง เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
- Super Power Saving โหมดสุดยอดประหยัดพลังงาน ช่วยในการลดการใช้พลังงานและยืดอายุแบตเตอรี่ และเมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง ในขณะที่แบตเตอรี่เหลือเพียง 5% ก็สามารถที่จะใช้งาน หรือส่งข้อความได้อย่างต่อเนื่องนานเกือบ 90 นาที แต่จะโดนจำกัดจำนวนแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้เพียงแค่ 6 แอปพลิเคชั่น และหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจของ realme GT 5G ในด้านการจัดการพลังงาน มีดังนี้
- App Quick Freeze ฟังก์ชั่นที่จะช่วยพักการทำงานของแอปพลิเคชั่นที่ไม่มีการใช้งาน
- Sleep Standby ฟังก์ชั่นที่จะช่วยประหยัดพลังงานเครื่องขณะนอนหลับ (เปิดใช้งานใน realme LAB)
- OTG Reverse Charge รองรับการชาร์จแบตให้กับสมาร์ตโฟนและผลิตภัณฑ์ AIoT เช่น หูฟัง True Wireless , Smart Watch , realme Bands เป็นต้น ผ่านการใช้สาย USB Type-C to USB Type-C
Camera – กล้องถ่ายรูป
สำหรับการถ่ายรูป realme GT 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วยกล้องหลัก 64MP เซ็นเซอร์ Sony IMX682, เลนส์ Ultra wide-angle ความละเอียด 8MP และเลนส์มาโคร 2MP ถ่ายใกล้สุด 4 เซนติเมตร มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้มากมาย ที่สำคัญคือ AI ประมวลผลภาพถ่าย ทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการโฟกัส ผมว่ารุ่นนี้จับโฟกัสได้เร็ว และแม่นยำมากทีเดียว
โหมดถ่ายรูปที่น่าสนใจของ realme GT 5G
Pro 64MP Mode เป็นโหมดตั้งค่าด้วยตัวเอง ปรับได้ทั้งความเร็วชัตเตอร์, ISO, สมดุลสีขาว (White Balance), และรองรับการเปิดรับแสง (Shutter Speed) นานสูงสุด 32 วินาที แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยก็สามารถถ่ายภาพ 64MP ได้อย่างครบรายละเอียด แต่ต้องอาศัยความชำนาญในการถ่ายภาพในระดับหนึ่ง และต้องใช้งานร่วมกับขาตั้งกล้อง ในกรณีที่ต้องการเปิด Shutter Speed เป็นเวลานาน
Portrait Mode & Filter ในโหมดการถ่ายภาพบุคคล สามารถสร้างโบเก้ ละลายฉากหลังได้เนียน และยังมีลูกเล่นอย่าง AI Color Portrait ที่ดูดสีฉากหลังให้เป็นขาวดำ ทำให้ตัวแบบมีความโดดเด่นมากขึ้น หรือจะเป็น Dynamic Bokeh และ Neon Portrait สำหรับถ่ายโบเก้ยามค่ำคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง realme GT 5G
นอกจากโหมดถ่ายภาพจะมีให้เลือกใช้งานเยอะแยะมากมายแล้ว ในการถ่ายภาพที่แสงน้อย หรือโหมดกลางคืน realme GT 5G ก็มาพร้อมกับโหมดกลางคืน Super Nightscape ที่แยกย่อย เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุด ประกอบไปด้วย
- Handheld Nightscape Mode ในสภาพแสงน้อย ที่ไม่ได้มืดสนิท แนะนำให้เลือกที่ Nightscape Mode ที่ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยประมวลผลภาพถ่าย ให้มีความสว่าง มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น สามารถถือเครื่องด้วยมือเปล่าถ่ายได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม
- Ultra Nightscape Mode กรณีที่สภาพแวดล้อมมืด เกือบจะมืดสนิท โหมดนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และทำการรวบรวมแสงในสภาพแวดล้อมที่มืดมาก และให้ความละเอียดในการถ่ายภาพกลางคืน แต่ความคมชัดอาจไม่เท่าโหมด Nightscape ปกติ
- Pro Nightscape Mode โหมดสุดท้าย เหมาะสำหรับคนที่มีชำนาญ และเข้าใจการปรับตั้งค่า ISO, Shutter Speed ด้วยการสังเคราะห์หลายเฟรม ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนมีคุณภาพดีที่สุด จะปรับตั้งค่าได้ละเอียดเท่ากับโหมดโปร แน่นอนว่าต้องใช้ขาตั้งกล้องในการถ่ายภาพเช่นเดียวกัน
- Night Mode + Filter เป็นการเพิ่มลูกเล่นฟิลเตอร์ให้กับโหมด Super Nightscape ทำให้ได้ภาพถ่ายกลางคืนที่แตกต่างไปจากแบบเดิม ๆ มีฟิลเตอร์ให้เลือกถึง 5 รูปแบบ
การถ่ายวิดีโอ
realme GT 5G รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps สำหรับกล้องหลัง และที่ความละเอียด 1080p 30fps สำหรับกล้องหน้า และมีโหมดตัวช่วยในการถ่ายวิดีโอให้เลือกใช้พอสมควร แต่ถ้าต้องการใช้โหมดตัวช่วยต่าง ๆ จะต้องปรับตั้งค่าความละเอียดวิดีโอกล้องหลังไว้ที่ 1080p 30fps เท่านั้น
- Ultra Nightscape Video เพิ่มประสิทธิภาพความสว่างได้ แม้ในสภาพแวดล้อมแสงน้อย สามารถถ่ายวิดีโอฉากกลางคืน 1080P / 30fps โดยใช้อัลกอริทึมเพิ่มการวิเคราะห์ฉากหลังอย่างอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ วิดีโอที่ถ่ายด้วยโหมดนี้ จะสว่างขึ้น แต่ไม่แนะนำให้เคลื่อนไหวระหว่างถ่ายเยอะ เพราะจะเกิดอาการภาพซ้อนได้
- AI Color Portrait Video ในโหมดนี้ จะเปลี่ยนภาพพื้นหลังโดยรวมเป็นสีขาวดำ โดยระบบจะโฟกัสตัวบุคคลแบบเรียลไทม์แล้วจะคงสีไว้ นอกจากนี้ยังมีโหมดที่เลือกแสดงเฉพาะสีแดง, สีน้ำเงิน หรือสีเขียวอีกด้วย
- UIS & UIS MAX Video Stabilization ระบบกันสั่น แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ เพื่อให้สามารถบันทึกวิดีโอได้นิ่งมากขึ้น แต่ในโหมด UIS MAX แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนที่สว่างมากพอเท่านั้น เนื่องจากเป็นการใช้เลนส์มุมกว้างในการถ่ายวิดีโอ
- Ultra Wide-angle Video เป็นการถ่ายวิดีโอด้วยเลนส์มุมกว้าง 119 ° แต่เฉพาะการตั้งค่าที่ความละเอียด 1080p 30fps เท่านั้น
- Real-time Bokeh Effect Video รองรับการบันทึกวิดีโอด้วยคุณสมบัติโบเก้แบบเรียลไทม์ ละลายฉากหลังขณะถ่ายวิดีโอได้ทันที
สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ ก็ทำงานได้ตามมาตรฐาน มีโหมดให้เลือกใช้งานหลัก ๆ ได้แก่ การปรับ Beauty, การละลายฉากหลัง สร้าง Bokeh ด้วย Portrait Mode เป็นต้น
สรุปภาพรวม รีวิว realme GT 5G
สำหรับ realme GT 5G กับราคาเปิดตัว 19,990 บาท ส่วนตัวผมมองว่าก็เป็นราคาที่ถือว่าโอเคเลยทีเดียว แต่ด้วยสไตล์แบบ realme ที่ออกโปรโมชั่นกันตั้งแต่เปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นโปรร่วมกับเครือข่าย ลดค่าเครื่องเหลือเพียง 11,990 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนตามที่กำหนด หรือถ้าใครสนใจเครื่องเปล่าสามารถซื้อได้ที่ realme Shop และตัวแทนจำหน่ายของ realme ไปจนถึงช่องทางออนไลน์ที่ JD Central, Lazada และ Shopee
ส่วนเรื่องสเปครวม ๆ ของ realme GT 5G รุ่นนี้ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่อง ในราคาไม่เกินสองหมื่นบาท และมันดีพอที่จะสู้กับหลายรุ่นในท้องตลาด ที่มีช่วงราคาใกล้เคียงกันได้สบาย ๆ อย่างแรกเลยคือชิปประมวลผล Qualcomm Snpadragon 888 5G ที่ส่วนมากก็เปิดราคากันเกิน 20,000 บาททั้งนั้น
ด้านสเปคอื่น ๆ ก็มีความน่าสนใจ ทั้งหน้าจอ 6.44 นิ้ว Super AMOLED 120Hz, แบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh + ชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จไฟจาก 0 – 100% ในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง, ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความบางเบา สีสันตัวเครื่องที่สวยงาม รวมถึงชุดกล้องที่ใส่เต็มทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ด้านการเชื่อมต่อของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ก็จัดให้กันแบบสุดทาง ทั้งการเชื่อมต่อ 5G แบบ 5G + 5G Dual Standby รองรับการใช้งาน 5G ทั้งสองซิมการ์ด หรือจะเป็นการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่รองรับมาตรฐานใหม่ล่าสุดอย่าง Wi-Fi 6E (802.11ax) ทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้ realme GT 5G ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด หากคุณกำลังอยากได้สมาร์ตโฟนดี ๆ สักเครื่อง ในงบประมาณไม่เกิน 20,000 บาทครับ