กลับมาอีกครั้งกับรีวิวสมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก ในราคาเบา ๆ ไม่เกิน 4,000 บาท คราวนี้เป็นการรีวิว realme C11 “แบตใหญ่ สนุกไม่สะดุด” ที่มาพร้อมกับจุดเด่นในหลาย ๆ ด้าน และที่สำคัญคือในเรื่องของความคุ้มค่าต่อราคาที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้ก็ยังคงทำได้ดีเช่นเคย แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นก็ตาม
สเปค realme C11
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 octa-core ความเร็ว 2.3 GHz 12nm
- GPU PowerVR GE8320
- RAM 2GB
- ROM 32GB รองรับ micro SD Card สูงสุด 256GB
- หน้าจอ Mini-Drop ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 20:9
- กล้องหลัง Dual Camera 13MP f/2.2 + 2MP Depth Camera
- กล้องหน้า 5MP f/2.4 รองรับ HDR
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 + realme UI
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh รองรับการชาร์จ 10W
- พอร์ตเชื่อมต่อ micro USB และรองรับ Reverse Charging ผ่านสาย USB OTG
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, Wi-Fi 2.4 GHz
- realme C11 ราคา 3,499 บาท
สำหรับอุปกรณ์ในกล่องของ realme C11 ประกอบไปด้วยตัวเครื่องที่ติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว, อะแดปเตอร์ 10W และสายชาร์จ USB micro USB ไม่มีเคสแถมมาให้ แต่ก่อนที่เข้าสู่รีวิว realme C11 ไปรับชมสเปคของสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กสุดคุ้มรุ่นนี้กันก่อนเลยครับ
realme C11 รีวิวแบบวิดีโอ
DESIGN – การออกแบบ
realme C11 มาพร้อมกับหน้าจอหยดน้ำ ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ มีอัตราส่วนหน้าจอ 20:9 อัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมดคิดเป็น 88.7% เพราะฉะนั้นในการรับชมวิดีโอ หรือการเล่นเกมก็จะให้ความรู้สึกที่เต็มตาเลยครับ มีเพียง Notch กินพื้นที่ด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กที่หน้าจอขนาดใหญ่เลยทีเดียว
ด้านความละเอียดระดับ HD+ กับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ส่วนตัวผมรับได้กับความละเอียดดังกล่าวครับ แม้จะไม่ได้คมเท่ากับหน้าจอความละเอียด Full HD+ ที่มีขนาดเท่ากัน แต่ก็ไม่ได้เห็นเป็นเม็ดพิกเซลชัดเจนขนาดนั้น ในการใช้งานทั่วไป การรับชมวิดีโอ การเล่นเกม ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้าเปิดอ่าน Text เยอะ ๆ เช่น การอ่าน Ebook ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้ล้าสายตาได้เหมือนกัน
โดยรวมสำหรับหน้าจอของ realme C11 อยู่ในระดับที่ดีเลยครับ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว สีสันสดใสในระดับหนึ่ง แต่ส่วนตัวผมว่าหน้าจอจะออกโทนอมฟ้าไปสักหน่อย แล้วก็มีโหมดถนอมสายตา ที่ปรับหน้าจอให้เป็นสีโทนอุ่น เหมาะสำหรับใช้งานในที่แสงน้อย หรือตอนกลางคืน
รายละเอียดตัวเครื่อง realme C11 เริ่มจากด้านล่าง ประกอบไปด้วยพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตชาร์จไฟแบบ micro USB, ลำโพงหลักและไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 3 Slot (2 Nano SIM + 1 micro SD Card) และด้านขวามือเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด – ปิดเครื่อง กับปุ่มปรับระดับเสียง ความบางของ realme C11 ถือว่าบางทีเดียวครับ ในแง่ของการเป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูง 5000 mAh
ด้านหลังตัวเครื่อง realme C11 มาพร้อมกับดีไซน์แบบเรขาคณิต มีจุดเด่นอยู่ที่แถบลายแนวขวางพร้อมโลโก้ realme เข้ากันดีกับกล้องหลังในฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสตามสมัยนิยม รายละเอียดบริเวณด้านหลังของ realme C11 ประกอบไปด้วยกล้องหลังคู่ AI Dual Camera ความละเอียด 13MP + 2MP มีแฟลช LED มาให้จำนวน 1 ดวง
นอกจากนี้ฝาหลังยังใช้การแกะสลักเรเดียมเพื่อให้เกิดลวดลาย ป้องกันรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือ อีกทั้งลวดลายที่ฝาหลังจะเปลี่ยนไปตามมุมที่แสงตกกระทบ โดย realme C11 มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Mint Green และสี Pepper Grey ที่เป็นสีของเครื่องในบทความรีวิว realme C11 นั่นเองครับ
ส่วนการปลดล็อกตัวเครื่อง แม้ว่า realme C11 จะสามารถตั้งรหัส PIN, Password หรือ Pattern ได้เหมือนสมาร์ตโฟนแอนดรอยดปกติทั่วไป แต่ก็ไม่ได้มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาให้ อย่างไรก็ตาม สามารถใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้เช่นกันครับ
PERFORMANCE – ประสิทธิภาพ
ส่วนตัวผมมองว่าความน่าสนใจอย่างหนึ่งในการรีวิว realme C11 อยู่ที่ชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ของทาง MediaTek ที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นชิปสำหรับเกมมิ่งสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น คือตามปกติแล้ว พวกสมาร์ตโฟนราคาไม่แพงมาก ก็ไม่อาจคาดหวังเรื่องการเล่นเกมได้สักเท่าไหร่
แต่ไม่ใช่สำหรับ realme C11 กับชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 ที่ผมได้ทดสอบแล้วว่ามันพอที่จะเล่นเกมได้บ้าง อย่างเกมที่ทดสอบจะเป็น PUBG Mobile Lite ผมลองปรับตั้งค่าในเกมระดับสูง ก็พบว่าสามารถเล่นได้ในระดับหนึ่ง การตอบสนองหน้าจอค่อนข้างรวดเร็ว หากเทียบกับสมาร์ตโฟนในระดับราคาใกล้ ๆ กัน (ราคาไม่เกิน 4,000 บาท) ผมว่า realme C11 ดูจะเป็นรุ่นที่พอจะเล่นเกมได้มากที่สุดแล้ว
น่าเสียดายที่รุ่นนี้มาพร้อมกับ RAM 2GB และความจุในตัวเครื่อง 32GB นี่ล่ะครับ ส่วนตัวคิดว่าหากมี RAM มากกว่านี้ อาจได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น เพราะถึงแม้ realme C11 จะพอเล่นเกมได้ก็จริง แต่ถ้ามีการเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นพร้อม ๆ กัน ก็พบว่ามีอาการหน่วง ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน
ด้านการจัดการพลังงาน realme C11 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000 mAh สามารถสแตนบายตัวเครื่องได้นานถึง 45 วัน ส่วนในการใช้งานนั้น หากไม่ได้เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผมว่า 1 วันครึ่ง – 2 วันชาร์จไฟครั้งหนึ่งยังได้ คือมั่นใจได้เลยว่าแบตเตอรี่อึดมากเกินใช้งานใน 1 วันอย่างแน่นอน และไม่เพียงแค่แบตเตอรี่อึด แต่ realme C11 ยังทำ Reverse Charge เปลี่ยนตัวเองเป็น Powerbank เพื่อชาร์จไฟให้สมาร์ตโฟนเครื่องอื่นผ่านสาย USB OTG ได้อีกด้วย
ผมทดสอบด้วยการชาร์จไฟจนเต็ม 100% ตั้งแต่เวลา 9.00 น. มาจนถึงเวลา 16.00 น. มีการเล่นเกม PUBG Mobile Lite ไปด้วยกัน 2 เกม พบว่าแบตเตอรี่เหลือราว ๆ 89% เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่มีการจัดการพลังงานที่ดีทีเดียวครับ แต่ข้อสังเกตคือในการชาร์จไฟกลับ ด้วยอะแดปเตอร์ในกล่องที่จ่ายไฟได้เต็มที่ 10W จึงทำให้การชาร์จใช้เวลานานราว ๆ 2 ชั่วโมง
SOFTWARE – ระบบปฏิบัติการ
realme C11 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android 10 ครอบด้วย realme UI ที่เน้นเรื่องระบบสีที่สดใส High-saturation, ไอคอน, พื้นหลัง และแอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวของตัว UI นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งไอคอนได้ด้วยตัวเอง การใช้งานหน้าโฮมจะเป็นแบบ App Drawer แยกหน้ารวมแอปพลิเคชั่นออกจากหน้าหลัก
สำหรับฟีเจอร์ที่น่าสนใจใน realme UI มีดังนี้ครับ
- Dual Mode Music Share: สามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง
- Focus Mode: เป็นโหมดที่จะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากโลกภายนอก โดยระบบจะเปิดเพลงฟังสบายๆ พร้อมเปิดโหมด DND (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนที่รบกวนต่างๆ
- 3-Finger Selected Screenshot: ใช้ 3 นิ้วแตะค้างไว้ที่หน้าจอ เพื่อแคปหน้าจอ
- Personal Information Protection: ระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- Dark Mode: เปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน
- การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
– การประมวลผล: ระยะเวลา App Booting ลงลด 25% ความลื่นไหลเพิ่มขึ้น 20%
– แบตเตอรี่: อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 10% ลดการใช้พลังงานเมื่อเปิดสแตนด์บายข้ามคืน 35%
– ประสิทธิภาพการทำงาน: ลดความดีเลย์ระบบสัมผัส 35% ประสิทธิภาพการเล่นเกมเพิ่มขึ้น 20%
CAMERA – กล้องถ่ายรูป
ด้านการถ่ายภาพ realme C11 มาพร้อมกับกล้องหลัง AI แบบกล้องคู่ Dual Camera ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 13MP + 2MP ที่เป็นกล้อง Depth Camera สำหรับช่วยละลายฉากหลังในโหมดรูปคน ระบบโฟกัสเป็นแบบ PDAF ให้ความรวดเร็วและแม่นยำในระดับหนึ่ง รองรับการซูมสูงสุด 4 เท่า แบบ Digital Zoom
โหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจใน realme C11 นอกเหนือจากโหมดรูปภาพ ก็จะเป็นโหมดถ่ายคน ที่สามารถละลายฉากหลังได้ หรือจะเป็นไฮไลต์อย่างโหมดกลางคืน Super Nightscape แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนมีความสว่าง และคมชัดมากยิ่งขึ้น โดยโหมดกลางคืนไม่ค่อยพบในสมาร์ตโฟนระดับราคาใกล้เคียงกับ realme C11 ครับ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็ว่าได้
ภาพรวมสำหรับกล้องหลังของ realme C11 ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้สำหรับสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นครับ อย่างน้อยที่สุดก็คือได้กล้องที่ความละเอียดสูงกว่าหลายแบรนด์ ที่ในช่วงราคา 3,000 – 4,000 บาท มักจะเป็นกล้องหลังตัวเดียว 8MP เสียเป็นส่วนใหญ่
ภาพที่ได้จากกล้องหลังของ realme C11 ก็ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีในที่แสงเพียงพอ การโฟกัสค่อนข้างแม่นและเร็ว จากการที่ใช้ระบบโฟกัสแบบ PDAF โหมดถ่ายรูปแม้จะไม่ได้หลากหลายมาก แต่ก็ถือว่าให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนโหมดรูปคน หรือ Portrait การละลายฉากหลังผมว่าทำได้เนียนทีเดียวครับ
สำหรับกล้องหน้าของ realme C11 มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 รองรับโหมด AI Beauty พร้อม HDR และยังรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้า
ตัวกล้องหน้าของ realme C11 ให้มุมมองที่กว้างทีเดียวครับ ภาพรวมในการถ่ายเซลฟี่ หากเป็นที่แสงสว่างเพียงพอ ผมมองว่ารุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง การมีโหมดรูปคน ช่วยให้ละลายฉากหลังได้ แม้จะพบว่ามีการตัดขอบพลาดบ้าง แต่ก็ถือว่ารับได้เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว ส่วนการเซลฟี่ในที่แสงน้อย จะทำให้คุณภาพของรูปถ่ายลดลงมากพอสมควร
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีในกล้องหน้าของ realme C11 ก็คือ Palm Selfie หรือใช้แค่การยกมือโชว์กล้อง แทนการกดปุ่มชัตเตอร์ เมื่อตัวกล้องจับได้ว่ามีการยกมือ จะทำการนับถอยหลัง 2 วินาที ช่วยให้การเซลฟี่สะดวกขึ้น เพราะไม่ต้องมาคอยเกร็งนิ้วเพื่อกดชัตเตอร์ เวลาถ่ายเซลฟี่ก็สามารถยืดมือได้สุดแขน ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้นไปอีก
ส่วนการบันทึกวิดีโอ realme C11 รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme C11
OVERALL
ภาพรวมสำหรับ realme C11 กับราคา 3,499 บาท ก็ยังคงคอนเส็ปเดิมของ realme คือเน้นเรื่องความคุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน (สมาร์ตโฟนราคา 3,000 – 4,000 บาท) อย่างรุ่นนี้ก็จะโดดเด่นกว่าในเรื่องของหน้าจอขนาดใหญ่ ชิปประมวลผล Helio G35 ที่พอจะเล่นเกมได้บ้าง รวมถึงกล้องหลัง 13MP ที่เป็นกล้องคู่ อีกทั้งแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh
ด้วยสเปคที่ให้มากับราคาเปิดตัวที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้ realme C11 เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งในช่วงราคาดังกล่าวเลยก็ว่าได้ครับ เพราะโดยปกติ สมาร์ตโฟนในระดับราคาเดียวกันกับ realme C11 มักจะเป็นสเปคแบบเบสิก ให้กล้องมาตัวเดียว หน้าจอขนาดไม่ได้ใหญ่มาก รวมถึงชิปประมวลผลที่ใช้เล่นเกมไม่ค่อยไหว แต่ไม่ใช่กับ Helio G35 ที่พอจะใช้เล่นเกมบางเกมได้เลย
จุดเด่นของ realme C11
- realme C11 มาพร้อมชิปประมวลผล MediaTek Helio G35 ขนาด 12nm ความเร็ว 2.3GHz สำหรับ Gaming Smartphone ระดับเริ่มต้น
- กล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 13MP พร้อม Depth Camera
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบเรขาคณิต มีความแฟชั่น และงานประกอบที่ค่อนข้างดี
- กล้องหลังมีโหมดกลางคืนมาให้
- หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว
ข้อสังเกตของ realme C11
- รองรับ Wi-Fi เฉพาะคลื่น 2.4 GHz เท่านั้น
- การเชื่อมต่อ 4G เป็นแบบ Non-CA
- พอร์ตเชื่อมต่อเป็น micro USB
- ความจุในตัวเครื่องเพียง 32GB / RAM 2GB
สำหรับ realme C11 ย้ำอีกทีว่าเปิดราคามาที่ 3,499 บาท หาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายของทาง realme ทั้งหน้าร้าน รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee ที่ตอนนี้มีโปรโมชั่น รับเงินคืนที่ Lazada 200 บาท หรือรับคืนเป็นเหรียญ 280 Shopee Coin
ส่วนโปรโมชั่นร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ซื้อเครื่องในราคาพิเศษพร้อมสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนด realme C11 ราคาเหลือเพียง 1,489 บาท จากราคาปกติ 3,499 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป