หลังจากที่ในช่วงนี้มีหลาย ๆ เจ้าได้ทำมือถือจอที่มีสัดส่วนแบบ 18:9 ออกมากันสักพักใหญ่แล้ว หลายคนก็อาจจะมีคำถามว่าทำไม OPPO ถึงยังไม่ยอมทำมือถือที่มีจอสัดส่วนแบบนี้สักที แต่ว่าล่าสุดตอนนี้ OPPO ก็ได้เปิดตัว OPPO F5 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยชูจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอแบบ Full Screen ขนาด 6 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ ในอัตราส่วน 18:9 และเป็นครั้งแรกที่ OPPO ได้นำ A.I. Beauty Recognition Technology มาใช้งานกับโทรศัพท์ของตัวเอง จะเป็นยังไงกันบ้างมาดูกันในรีวิวนี้กันเลยดีกว่า
สเปค OPPO F5
- รัน Android 7 Nougat ครอบด้วย ColorOS3.2
- หน้าจอ 6 นิ้ว FHD+ (2160×1080 พิกเซล)
- ชิปเซ็ต MediaTek MT6763T Octa-core 2.5GHz
- ชิปกราฟิก Mali G71MP2
- แรม 4 GB
- รอม 32 GB รองรับการเพิ่ม micro-SD
- แบตเตอรี่ 3200 mAh
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.8
- ขนาดตัวเครื่อง 156.5 x 76 x 7.5 มม.
- น้ำหนัก 152 กรัม
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- มี 3 สี ทอง , ดำ และแดง (เฉพาะรุ่น 6GB)
- สเปคแบบเต็ม ๆ ของ OPPO F5
- ราคา 9,990 บาท
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ของในกล่องก็มีมาให้แบบครบครันกันเลยดังนี้
- อะแดปเตอร์
- สายชาร์จ
- หูฟัง
- เคส
ข้อดี
ข้อสังเกต
– ไม่มีระบบชาร์จเร็ว VOOC
– ภาพจากกล้องหลังอยู่ในระดับกลาง ๆ น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้
บทสรุป
BEST PRICE
Design
ตัวเครื่อง OPPO F5 ที่ได้มานั้นเป็นรุ่นสีทองที่มีกระจกด้านหน้าสีขาวมีการติดฟิล์มมาให้เลยตั้งแต่แกะกล่อง หน้าจอของ OPPO F5 มีขอบจอที่บางมาก ๆ มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 6 นิ้ว สัดส่วนแบบ 18:9 FHD+ 2160×1080 พิกเซล
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล f/2.0 ที่มาพร้อม A.I. Beauty และนอกจากจะใช้ถ่ายรูปได้แล้วยังรองรับ Facial Unlock หรือปลดล็อคด้วยใบหน้าได้อีกด้วย
ด้านล่างของ OPPO F5 จะไม่มีปุ่มกดให้เห็นเลยเพราะ OPPO F5 เปลี่ยนมาใช้ปุ่มแบบ On Screen Button ทั้งหมดแล้ว หรือจะเปลี่ยนให้เป็นแบบไม่มีปุ่มก็สามารถทำได้
ฝั่งขวาของตัวเครื่อง OPPO F5 มีช่องใส่ซิมแบบ Triple slot สามารถใส่ Sim ได้ 2 Sim พร้อมกับ MicroSD card ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม Power
ฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง OPPO F5 ประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านล่างเครื่องประกอบไปด้วยลำโพงหลักของตัวเครื่อง ช่อง Micro USB ไมโครโฟน และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5
ด้านหลัง OPPO F5 จะเป็นโลหะแบบ Unibody มีความสวยงามแข็งแรงมาก โดยที่จะมีการทำขอบตัวเครื่องให้มีความโค้งมนรับกับมือเป็นอย่างดี ตรงกลางเครื่องจะมีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ซึ่ง OPPO F5 จะดูแปลกตากว่าโทรศัพท์รุ่นอื่น ๆ เพราะทำเป็นแบบวงลีแทนที่จะเป็นวงกลม
จากที่ลองจับเครื่อง OPPO F5 มามีความเข้ามือเป็นอย่างมากจากรูปด้านบนจะเห็นว่าสามารถจับถือใช้งานมือเดียวได้อย่างสบาย ๆ โดยที่ไม่รู้สึกหลวมมือแต่อย่างใด การวางตำแหน่งของที่สแกนลายนิ้วมือก็สามารถทำออกมาได้ดีวางนิ้วได้โดยที่ไม่รู้สึกฝืนนิ้วเลย ด้านหลังของตัวเครื่องมีความโค้งรับกับมือเป็นอย่างมากแต่ติดตรงที่ว่าระหว่างกระจกหน้าจอกับตัวเครื่องนั้นจะมีความไม่เข้ากันอยู่บ้างทำให้อาจจะบาดมือเวลาที่ไปลูบ ๆ ตรงส่วนนี้
Software
OPPO F5 มาพร้อมกับ Android 7.1.1 Nougat ที่ครอบทับด้วย UI ของ OPPO เองอย่าง ColorOS 3.2 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลเป็นอย่างมาก สิ่งที่ดูแปลกใหม่ก็คือ Control Center ที่ต้องรูดจากด้านล่างหน้าจอเพื่อเป็นการสั่งงานหรือตั้งค่าแบบรวดเร็ว ในส่วนของ App ก็มีมาให้ไม่เยอะมีแต่ App ที่จำเป็นติดมาให้ทำให้รู้สึกว่าตัวเครื่องดูไม่รกแต่อย่างใด
จากในรูปด้านบน ColorOS 3.2 หน้าตา UI จะดูคลีนมากขึ้นเน้น icon App ที่มีสีสันชัดเจน และไม่มี App Drawer มาให้ใช้แล้ว แอปทุกแอปที่ดาวน์โหลดมาจะอยู่ที่หน้า Home Screen ทั้งหมด จากที่ลองใช้งานมาสักพักหลังจากที่ไม่ได้จับ OPPO มานานพบว่าตัว ColorOS 3.2 เองให้การตอบสนองการใช้งานที่ลื่นไหลมากและตัวหน้าการตั้งค่าต่าง ๆ ก็ดูแล้วสวยงามใช้งานง่ายอีกด้วย
อีกเรื่องที่ดูจะเป็นปัญหาสำหรับรุ่นนี้ก็คือหน้าจอแบบ 18:9 ที่ยังไม่สามารถดูวีดีโอแบบเต็มจอได้ในแอป Youtube และแอปบางแอปที่ยังไม่รองรับการใช้งานแบบ 18:9
ส่วนเรื่องปุ่มแบบ On Screen Button ถ้าไม่ชอบก็สามารถที่จะปรับตำแหน่งปุ่มได้ หรือว่าอยากใช้งานแบบไม่มีปุ่มก็จะเป็นโหมด Gestures ที่จะใช้การเลือนจากหน้าจอด้านล่างเพื่อเป็นการใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ได้ดังนี้
- ลากขึ้นจากด้านล่างขวาแทนการกดปุ่มย้อนกลับ
- ลากขึ้นจากด้านล่างซ้ายเป็นการเรียก Control Center
- ลากขึ้นจากตรงกลางแทนการกดปุ่ม Home
- ลากขึ้นจากตรงกลางค้างไว้ 1 วินาทีแทนการเรียก Recent
Feature
Split Screen
สามารถใช้งาน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน แต่ว่าจากที่ลองใช้มาแอปพลิเคชันยังรองรับอยู่น้อยมาก ๆ
Face Recognition
หรือการปลดล็อกด้วยใบหน้าในรุ่นนี้ยังมากับเทคโนโลยีการปลดล็อกด้วยใบหน้าที่สามารถจดจำเอกลักษณ์บนใบหน้าของผู้ใช้เพื่อเข้ารหัส ทำให้ผู้ใช้สะดวกมากกว่าเมื่อต้องการปลดล็อกขณะนิ้วมือเปียก หากผู้ใช้เลือกยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือ ก็ยังสามารถวางนิ้วที่ปุ่มอ่านลายนิ้วมือด้านหลังของตัวเครื่องได้
Game Acceleration
OPPO F5 ได้ถูกปรับและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้เหมาะสมกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับเกมยอดฮิตอย่าง ROV เพื่อทำให้ผู้ใช้ไม่ผิดหวังและสนุกไปกับการเล่นเกมในแต่ละครั้งได้อย่างดี ซึ่งมาพร้อมโหมด Game Acceleration ที่จะเป็นเครื่องมือป้องกันการรบกวนขณะเล่นเกม รวมไปถึงการอัดวีดีโอขณะเล่นเกมอยู่ได้เช่นกัน ซึ่งระบบนี้ถ้ามีสายเรียกเข้าระบบจะตัดเป็นแบนเนอร์ด้านบนแทน
Screen-off Gestures
เป็นการตั้งค่าการปาดหรือเคาะนิ้วบนหน้าจอขณะที่ปิดอยู่ เพื่อใช้งานคำสั่งลัดเช่นเคาะหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเปิดจอขึ้นมาวาดตัว O ตอนหน้าจอปิดเพื่อเปิดกล้อง หรือ วาดตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย
O-Share
นอกจากนี้ OPPO F5 ยังมาพร้อมกับ O-Share ที่ทำให้สามารถส่งไฟล์ระหว่างโทรศัพท์ OPPO ได้โดยไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตหรือบูลทูธอีกด้วย โดยการโอนไฟล์ผ่าน O-Share จะช่วยทำให้สามารถส่งไฟล์ได้เร็วกว่าบลูทูธถึง 100 เท่า
Camera
หน้าตา UI กล้องของ OPPO F5 จะคล้ายกับ OPPO รุ่นก่อน ๆ สามารถใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน มีโหมดต่าง ๆ ให้ปรับแต่งค่าได้หลากหลายเช่นโหมด Expert ที่สามารถปรับได้ไม่ว่าจะเป็น ISO , EV และ White Balance นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายรูปแบบ Ultra-HD ที่ให้ความละเอียดเทียบเท่า 50 ล้านพิกเซลได้ด้วย
กล้องหลังของ OPPO F5 มีความละเอียด 16 MP f/1.8 การถ่ายรูปนั้นสามารถทำออกมาได้ดีในที่ที่มีแสงเพียงพอโฟกัสไวบันทึกรูปเร็ว แต่ว่าพอไปถ่ายในที่แสงน้อยจะพบว่ามีอาการโฟกัสช้าไปบ้างบางทีและยังมีนอยส์ติดมาค่อนข้างเยอะ
มาที่จุดเด่นของ OPPO F5 กันบ้างนั้นก็คือกล้องหน้า 20 MP ที่มาพร้อม A.I. Beauty Recognition Technology ซึ่งเป็นเทคโนเลยีที่จะเรียนรู้ลักษณะเฉพาะบนใบหน้าของแต่ละคนโดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลใบหน้าของคนจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งสามารถจำแนกความแต่กต่างของสีผิว เพศ และอายุได้ ทั้งยังได้ดึงเอาช่างภาพและเมคอัพอาร์ติสต์มืออาชีพมาร่วมวิจัยและพัฒนา ผลที่ได้ทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถดึงเอาความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น มาปรับปรุงภาพถ่ายการเซลฟี่ให้ดูสวยงามและน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น พร้อมดึงความสวยงามตามลักษณะเฉพาะของใบหน้าแต่ละคนออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ภาพที่ได้จากกล้องหน้าความละเอียด 20 MP ที่มาพร้อม A.I. Beauty Recognition Technology ให้อารมณ์ที่ดูสวยใสถ่ายออกมายังไงรูปที่ได้ก็ไม่ดูหลอก แต่จะมีปัญหาเวลาที่ถ่ายในที่ร่มอยู่บ้างซึ่งเป็นอาการที่วัดแสงเพี้ยนไปเล็กน้อยทำให้สีผิวอาจจะดูซีดไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วสามารถทำออกมาได้น่าพอใจเลยทีเดียว
Performance
OPPO F5 เป็นมือถือระดับกลาง ๆ ที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek MT6763T Octa-core ความเร็ว 2.5GHz ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสัญญาณนาฬิกามากที่สุดของ OPPO แล้วในตอนนี้ มาพร้อมกับชิปกราฟิก Mali G71MP2 จากที่ลองใช้งานมาสามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น และยังมาพร้อมกับ Ram 4 GB ทำให้การสลับแอปไปมา หรือเปิดแอปที่ใช้งานค้างอยู่ก็สามารถทำงานต่อได้ทันที
จากที่ลองเล่น ROV มาบอกได้เลยว่า OPPO F5 เป็นโทรศัพท์ราคาต่ำหมื่นที่น่าจะเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดแล้วที่จะนำมาเล่น ROV
โหมดเฟมเรทต่ำสามารถเล่นได้ 27-30 FPS
ส่วนโหมดเฟมเรทสูงสามารถทำได้ 40 เฟรมต้น ๆ เรียกได้ว่าเล่นได้ลื่นไหลหายห่วงแน่ ๆ ด้วยสเปคที่บอกมา
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ OPPO F5 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3200 mAh ถือว่าให้มากลาง ๆ แต่จากการใช้งานแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้ทั้งวัน โดยเริ่มถอดสายชาร์จราว ๆ 9 โมงระหว่างวันก็เล่นเกมใช้งาน LINE, Facebook, ตลอดเวลา พบว่าตอนบ่าย 3 เหลือแบตเตอรี่อยู่ประมาณ 30% ซึ่งเป็น 6 ชั่วโมงที่ใช้งานแบบจริง ๆ จัง ๆ ส่วนการเล่นเกมเเบบต่อเนื่องเปิดจอตลอดอยู่ได้ประมาณ 3 ชั่วโมง 46 นาทีซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้อึดมาก แต่น่าเสียดายตรงที่การชาร์จเร็วแบบ VOOC ที่เป็นของ OPPO เอง รุ่นนี้นั้นไม่ได้นำมาใส่ให้ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไปไม่น้อย