ที่ผ่านมา เราได้เห็นหัวหอกใหญ่ของแพลตฟอร์ม Windows Phone นั้นเป็น Nokia มาโดยตลอด นับตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างตัว มาจนเมื่อไม่นานมานี้ Microsoft ได้เข้าครอบครองกิจการส่วนมือถือของ Nokia เพื่อจะเดินหน้าพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปพร้อมๆ กัน และแน่นอนว่า ชื่อที่ใช้ในการค้าก็ย่อมจะต้องเปลี่ยนจาก Nokia มาเป็น Microsoft แบบเต็มตัว และรุ่นแรกที่ได้กลายเป็นมือถือตระกูล Lumia ของ Microsoft รุ่นแรกก็คือ?Microsoft Lumia 535 Dual SIM?เครื่องที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้นี่เองครับ เรามาชมรีวิวกันเลยว่าจะเจ๋งอย่างไรบ้าง กับ Microsoft Lumia 535 Dual SIM เครื่องนี้
สเปค Microsoft Lumia 535 Dual SIM
- ชิปประมวลผล Snapdragon 200 (MSM8212) quad-core ความเร็ว 1.2 GHz ชิปกราฟิก Adreno 302
- แรม 1 GB
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 540
- รอม 8 GB รองรับ MicroSD เพิ่มเติมได้
- กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลออโต้โฟกัส พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง
- ใช้ได้ 2 ซิม รองรับ 3G ทุกเครือข่าย
- Windows Phone 8.1 พร้อมชุดอัพเดต Lumia Denim
- มีวิทยุ FM
- แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 1905 mAh
- ราคา 4,490 บาท
- สเปค Microsoft Lumia 535 Dual SIM เต็มๆ
ส่วนของสเปคที่ออกมานั้น จัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่สูงมากนัก อยู่ในเกณฑ์ของเครื่องระดับราคาประมาณ 5,000 บาทตามปกติครับ แต่ที่เด่นก็คือได้กล้องหลังมีออโต้โฟกัส 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าเลนส์มุมกว้างความละเอียดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถถ่ายเซลฟี่ได้สะดวกขึ้น หรือจะถ่ายเป็นกลุ่ม (วีฟี่) ก็ทำได้สบาย สามารถเก็บภาพได้มุมกว้างกว่ากล้องหน้าของมือถือทั่วๆ ไป ส่วนเรื่องความแรงนั้น ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ Windows Phone ตามปกติทำได้ครับ คือไหลลื่น เปิดปิดแอพได้รวดเร็ว คล่องตัว ซึ่งพวกนี้ก็เป็นจุดแข็งของมือถือ Windows Phone แทบทุกรุ่นอยู่แล้ว
ข้อดี
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST SELFIE
Design
มาเริ่มต้นรีวิวด้วยส่วนของฮาร์ดแวร์กันอีกเช่นเคยครับ Microsoft Lumia 535 Dual SIM เครื่องนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปท์ดีไซน์รูปแบบเดิมเอาไว้ คือเน้นความเรียบง่าย ลงตัว ผสมผสานกับลูกเล่นเล็กน้อยดูเป็นแฟชั่นยุคใหม่ จุดที่สะดุดตาสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นคำว่า Microsoft ที่อยู่ทางด้านบนของหน้าจอ จากเดิมที่เราจะเห็นเป็นคำว่า Nokia มาโดยตลอด ซึ่งต่อไปนี้เราก็จะได้เห็นมือถือรุ่นใหม่นับจาก Lumia 535 เป็นต้นไปใช้คำว่า Microsoft กันทั้งหมดแล้วนะ เรียกว่าใครมีมือถือ Nokia ในครอบครองตอนนี้ก็เก็บเอาไว้ให้ดีๆ เลยทีเดียว เพราะมันจะกลายเป็นของหายากในเร็วๆ นี้แน่นอน
สำหรับหน้าจอของ Microsoft Lumia 535 Dual SIM ก็เป็นจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 540 อย่างที่เกริ่นนำในช่วงแนะนำสเปคของต้นรีวิว ในเรื่องขนาดต้องบอกว่าหายห่วงครับ เพราะเป็นขนาดหน้าจอที่กำลังพอเหมาะสุดๆ สำหรับทั้งด้านการใช้งานจริง สามารถอ่านเนื้อหา ดูรูปภาพ เล่นเกมได้กำลังดีที่สุด หรือจะพกพาก็ไม่มีปัญหา สามารถใส่กระเป๋ากางเกงได้แบบไม่ต้องกลัวล้น หัก งอแต่อย่างใด จัดว่าเป็นมือถืออีกรุ่นที่น่าสนใจมากสำหรับคนอยากได้มือถือจอซัก 5 นิ้ว ราคาไม่ถึง 5,000 บาท
แต่จุดที่น่าจะทำให้ Lumia 535 เครื่องนี้ถูกหักลบคะแนนไปหน่อยก็คือหน้าจอค่อนข้างสะท้อนแสงมากไปหน่อย แล้วยิ่งเป็นพาเนลแบบ TFT เข้าอีก ทำให้บางครั้งเวลาใช้งานกลางแจ้ง สีภาพจากจอจะดูซีดๆ ไปพอสมควร ส่วนอีกจุดหนึ่งก็คือบั๊กของหน้าจอ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าหน้าจอ Microsoft Lumia 535 มีปัญหาเรื่องการรับสัมผัสของหน้าจอ (ข่าวอ้างอิง) ซึ่งจากที่รีวิวมา ก็พบว่ามีปัญหาจริงๆ บางครั้งก็ลากนิ้วแล้วหน้าจอไม่เลื่อนตาม บางครั้งก็มีกดเลือกไม่ติดบ้างเหมือนกัน ยังดีที่ทาง Microsoft ให้ข้อมูลว่าจะมีการแก้ไขออกาในเร็วๆ นี้ครับ ก็ถือว่ารับทราบและเตรียมตัวแก้ไขได้รวดเร็ว ทันท่วงทีใช้ได้เลย
ส่วนของตัวเครื่องนั้น โดยรวมแล้วก็โอเค น้ำหนักกำลังดี จับแล้วให้ความรู้สึกว่าแน่นหนา ไม่บุบไม่งอง่ายๆ แน่นอน จับแล้วเผลอๆ ยังจะได้ความรู้สึกดีกว่าจับมือถือรุ่นที่แพงกว่าบางตัวเสียอีก นอกจากนี้ริมขอบนอกสุดของจอยังมีพลาสติกนูนขึ้นมาเหนือกระจกหน้าจอเล็กน้อย ทำให้เวลาวางเครื่องโดยให้หน้าจอแนบพื้น จอจะไม่สัมผัสพื้นโดยตรง ก็นับว่าเป็นการใส่ใจรายละเอียดการออกแบบเล็กๆ น้อยๆ ได้เป็นอย่างดี ปิดท้ายด้วยเรื่องของปุ่มกดสั่งงานต่างๆ จะถูกตัดออกไปจากหน้าจอทั้งหมด จากที่เคยเป็นปุ่มแตะสัมผัสแบบ capacitive ก็เปลี่ยนเป็นปุ่มแบบซอฟต์แวร์ของตัว Windows Phone เอง แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีสามปุ่มเช่นเดิมครับคือปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่มค้นหา ซึ่งปุ่มค้นหานี้ ถ้าหากเปิดใช้งาน Cortana (ผู้ช่วยจัดการงานเหมือน Siri และ Google Now) แล้ว ก็จะเป็นการเรียก Cortana ขึ้นมาใช้งานได้เลย
มาดูด้านหลังกันต่อ ฝาหลังของ Microsoft Lumia 535 Dual SIM ก็ยังคงใช้วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนตอยู่เหมือนเดิม แต่จะมีพื้นผิวให้เลือกด้วยกันสองแบบ ถ้าเป็นสีดำ ผิวจะเป็นแบบซอฟท์ทัชที่ให้สัมผัสสากมือเล็กน้อย มีข้อดีคือรู้สึกเนียนมือเวลาสัมผัส ส่วนอีกแบบก็จะเป็นผิวมันวาว ซึ่งจะเป็นของฝาหลังที่เป็นสีสันต่างๆ เช่น สีส้ม สีเขียว เป็นต้น อันที่จริงเราสามารถหาซื้อฝาหลังมาเปลี่ยนเองได้ด้วยนะครับ เพราะฝาหลังของ Microsoft Lumia 535 สามารถถอดเปลี่ยนได้นั่นเอง สำหรับเครื่องที่เราได้รับมารีวิวในครั้งนี้เป็นสีดำ ฝาหลังเป็นซอฟท์ทัช ซึ่งพื้นผิวแบบนี้จะมีข้อด้อยเล็กน้อยก็ตรงที่มันสามารถติดรอยนิ้วมือได้ง่ายไปหน่อย
กึ่งกลางฝาหลังก็จะพบกับโลโก้ Microsoft สกรีนเด่นชัดเจนมากๆ ถัดขึ้นไปเล็กน้อยก็จะเป็นกล้องหลัง ซึ่งนูนขึ้นมาจากผิวฝาหลังประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เมื่อแกะฝาหลังก็จะพบกับแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ที่สามารถถอดออกได้ สกรีนคำว่า Microsoft เอาไว้เต็มๆ เหนือก้อนแบตเตอรี่ขึ้นมาหน่อยก็พบกับช่องใส่ไมโครซิม 2 ช่อง กับช่อง MicroSD อีก 1 ช่องเท่านั้น
ส่วนปุ่มกดและพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็ด้านบนจะมีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ฝั่งซ้ายไม่มีอะไร ฝั่งขวามีแถบของปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Power ส่วนด้านล่างก็มีช่อง Micro USB สำหรับชาร์จแบตและเสียบสายเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ที่น่าสนใจคือมันถูกตัดปุ่มชัตเตอร์กล้องออก ทำให้การเปิดใช้งานกล้องต้องเปิดจอก่อนทุกครั้ง ซึ่งในส่วนนี้ก็พอจะมีเหตุผลอยู่บ้างเหมือนกันครับ คือ Lumia 535 ถูกออกแบบมาให้เน้นการถ่ายเซลฟี่กล้องหน้าด้วยการกดปุ่มถ่ายที่หน้าจอซะมากกว่า เลยจัดการตัดปุ่มถ่ายภาพทิ้งไป ซึ่งก็ส่งผลกับการถ่ายภาพด้วยกล้องหลังอยู่เหมือนกันครับ เพราะจะกลายเป็นว่าต้องใช้การแตะที่หน้าจอเพื่อถ่ายเท่านั้น ไม่สามารถกดปุ่มจริงๆ เพื่อถ่ายได้ ก็มองเป็นว่าได้อย่างเสียอย่างล่ะนะ
รวมๆ แล้ว ด้านของฮาร์ดแวร์ Microsoft Lumia 535 Dual SIM จัดว่าทำออกมาได้ในระดับที่ดีเกินราคา 4,490 บาทเลยทีเดียว ได้ทั้งเรื่องของความแข็งแรง ความครบครันในการใช้งาน ทั้งยังมีจุดเด่นสุดๆ ที่กล้องหน้าอีกต่างหาก ถ้าอยากชมภาพมุมต่างๆ ของตัวเครื่อง ก็สามารถรับชมจากแกลเลอรี่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Software
Microsoft Lumia 535 Dual SIM นับเป็นมือถือรุ่นล่าสุดของแพลตฟอร์ม Windows Phone ในขณะนี้ ก็แน่นอนว่าจะต้องมาพร้อมกับ Windows Phone 8.1 แถมยังพ่วงชุดอัพเดต Lumia Denim เข้ามาอีก ทำให้มันเป็นมือถือ Windows Phone ที่มาพร้อมซอฟต์แวร์อย่างเป็นทางการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดในตลาด ซึ่งเท่าที่ใช้งานมาในระหว่างรีวิว ก็สัมผัสได้ถึงความไหลลื่น ความรวดเร็วในระดับของ Windows Phone ครับ ไม่ค่อยเจออาการกระตุกหรือหน่วงๆ ให้เห็นมากนัก เท่าที่พบจะเป็นอาการของการสั่งงานหน้าจอแล้วไม่ค่อยไปซะมากกว่า (เป็นบั๊กที่ส่วนจอ อย่างที่กล่าวในส่วนดีไซน์ไปแล้ว) ส่วนพวกชุดแอพ Lumia ทั้งหลายก็ยังมีตามมาให้ใช้งานอย่างครบถ้วน แอพกล้องหลักก็จะเป็น Lumia Camera ซึ่งสามารถใช้ถ่ายได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า สามารถปรับค่าก่อนถ่ายได้อย่างละเอียด ส่วนถ้าอยากเน้นถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า ก็มีแอพ Lumia Selfie มาให้ใช้งานโดยเฉพาะอีกต่างหาก ส่วนเรื่องการแจ้งเตือนก็ต้องบอกว่าทำได้ดีขึ้นมาก เมื่อมีแถบรวมการแจ้งเตือน (notifications) ให้เราสามารถติดตามอ่านได้สะดวกกว่าเดิม
อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือระบบผู้ช่วยจัดการงานอย่าง Cortana ที่พร้อมให้ใช้งานได้ทันที ก่อนจะใช้งานก็มีขั้นตอนการตั้งค่าเล็กน้อย เช่น ให้ตอบคำถามว่าเราชอบอะไรบ้าง ชอบเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร เป็นต้น เท่าที่ลองใช้งาน Cortana มา ก็พบว่าการฟังและถอดความจากเสียงพูดทำได้ดีในระดับหนึ่ง (แน่นอนว่ายังไม่รองรับการสั่งด้วยภาษาไทย) แต่ยังไม่ถึงขั้น Google Now นะ การใช้งานหลักๆ จะเป็นการเรียกเพื่อดูข้อมูลต่างๆ อาจจะมีการนำเสนอข้อมูลบ้างตามสมควร ต่างจาก Google Now ที่มักจะเสนอข้อมูลมาก่อนจะรู้ว่าเราต้องการจะทำอะไรเสียอีก อันนี้ก็คงต้องรอให้ทาง Microsoft พัฒนา Cortana ไปเรื่อยๆ ล่ะนะครับ เพราะถือว่าเข้ามาในตลาดเป็นรายหลังสุดเลย
ในการใช้งานจริงนั้น Windows Phone 8.1 บน Microsoft Lumia 535 Dual SIM ก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีครับ ครอบคลุมการใช้งานพื้นฐานทั่วไปได้ดี แอพหลักดังๆ ก็มีให้ใช้งานครบถ้วนดี แต่ในเรื่องของฟีเจอร์อาจจะยังไม่เทียบเท่ากับฝั่ง iOS และ Android ไปบ้าง ซึ่งก็คงต้องรอการพัฒนากันต่อไป ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ก็ทำได้ดีพอตัว สามารถใช้งานเกินวันได้อย่างไม่มีปัญหา (ถ้าไม่เล่นเกมหนักๆ นะ)
Camera
มาดูเรื่องภาพถ่ายและกล้องของ Microsoft Lumia 535 Dual SIM กันบ้าง ด้วยกล้องหลังและกล้องหน้าที่ให้มาความละเอียด 5 ล้านพิกเซลทั้งคู่ ซึ่งส่วนของกล้องหลัง ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน ดีที่มีออโต้โฟกัส สามารถเลือกจุดโฟกัสได้ ทั้งส่วนของแอพ Lumia Camera ก็สามารถปรับตั้งค่าก่อนถ่ายภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเร็วชัตเตอร์, ความไวแสง, ระยะโฟกัส, white balance เป็นต้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพในลักษณะเดียวกับกล้อง DSLR หรือ Mirrorless เลยทีเดียว แต่ถ้าหากอยากถ่ายภาพแบบง่ายๆ แค่กดแชะถ่ายเลยก็ทำได้เช่นกัน ภาพที่ออกมาก็จัดว่าโอเคเลย
ด้านของกล้องหน้าก็เด่นมากๆ เพราะมันมาพร้อมความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซลที่ถือว่าสูงมากสำหรับกล้องหน้ามือถือ แถมยังติดตั้งเลนส์มุมกว้างมาให้สามารถถ่ายเซลฟี่ได้ภาพมุมกว้างขึ้น เก็บวิวฉากหลังได้ดีกว่าเดิม หรือถ้าถ่ายกับเพื่อนหลายๆ คนก็ทำได้ดั่งใจ รับรองเก็บภาพได้หมดทุกคนแน่นอน มาลองชมตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยครับ