ในยุคที่สมาร์ตโฟนเรือธงราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ realme GT 7 Pro เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยประสิทธิภาพระดับเรือธงในราคาที่จับต้องได้ กับค่าตัว 29,999 บาท แต่ได้ชิปเซ็ตที่ดีที่สุดในโลกสมาร์ตโฟน Android ในตอนนี้อย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Elite และฟีเจอร์ AI แบบจัดเต็มทั้งด้านการเล่นเกม การถ่ายภาพ ไปจนถึงการใช้งานโดยรวมของตัวเครื่อง ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร เลื่อนลงไปอ่านรีวิว realme GT 7 Pro ได้เลยครับ
สเปค realme GT 7 Pro
- หน้าจอ : RealWorld Eco² OLED Plus, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2780 x 1264 พิเซล (1.5K), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate สูงสุด 2600Hz, ขอบเขตสี 120% DCI-P3, ความสว่างสูงสุด 6000nits, นรองรับการแสดงผล HDR10+ และ Dolby Vision
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Elite
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR5X
- ความจุ : 512GB ชนิด UFS 4.0
- กล้องหลัง :
- Wide : 50MP, f/1.8, OIS | เซ็นเซอร์ Sony IMX906
- Ultrawide : 8MP, f/2.2, 112°
- Telephoto : 50MP, f/2.65, OIS | เซ็นเซอร์ Sony IMX882
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.45
- แบตเตอรี่ : 6500mAh รองรับชาร์จเร็ว 120W Smart Flash Charge
- ระบบปฏิบัติการ : realme UI 6.0 บนพื้นฐาน Android 15
- การเชื่อมต่อ :
- 5G + 5G Dual SIM Dual Standby
- Wi-Fi 7 (802.11 a/b/g/n/ac/ax/be)
- Bluetooth 5.4
- GPS (L1+L5), GLONASS (G1), Galileo (E1+E5a), QZSS (L1+L5), NavIC (L5), Beidou (B1I+B1C+B2a)
- NFC
- USB Type-C
- มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น : IP69
- ขนาด : 162.45 x 76.89 x 8.55 มม.
- น้ำหนัก : 222.8 กรัม
- สี : Mars Orange
- ราคา : 29,999 บาท
Design – การออกแบบตัวเครื่อง
realme GT7 Pro มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงสีอย่าง Mars Orange ก็ให้ความโดดเด่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสตัวเครื่อง ด้านงานประกอบและวัสดุ ส่วนตัวผมมองว่า realme ทำได้ดีครับ ตัวเครื่องเมื่อจับถือ จะให้ความรู้สึกที่หรูหราเกินราคา สมกับความเป็นเรือธงของค่าย
รายละเอียดบริเวณด้านหน้า จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับขอบจอสุดบาง ให้ประสบการณ์การใช้งาน รวมถึงการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างน่าประทับใจ ทีสำคัญคือเป็นหน้าจอแบบ Flat Display น่าจะถูกใจเกมเมอร์หลายคนเลยทีเดียว ส่วนด้านหลังโมดูลกล้องหลังมีดีไซน์โดดเด่น ส่วนตัวมองว่าโมดูลกล้องไม่ได้นูน และหนักมากเกินไปจนทำให้บาลานซ์ตัวเครื่องเทไปด้านใดด้านหนึ่งด้วยครับ
รอบนี้ภาพรวมในด้านการออกแบบตัวเครื่อง realme ทำการบ้านมาดีทีเดียว ดีไซน์โดยรวมแม้จะไม่ได้มีดีเทลล์เยอะเหมือนพวกเกมมิ่งสมาร์ตโฟน แต่มันก็มีลูกเล่นอย่างสีสันและลวดลายที่ฝาหลัง นั่นก็มากพอที่จะทำให้รู้สึกว่า นี่แหละคือสมาร์ตโฟนแฟลกชิปที่เน้นความแรง
อีกหนึ่งในจุดเด่นของ realme GT7 Pro คือการรับรองมาตรฐาน IP69 การันตีเรื่องการป้องกันน้ำและฝุ่น นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตร้าโซนิคสำหรับการปลดล็อกที่รวดเร็วและปลอดภัยสูงกว่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Optical แถมยังทำงานเมื่อจอเปียก หรือใช้ปลดล็อกตัวเครื่องขณะที่อยู่ในน้ำได้อีกด้วย
Display – จอแสดงผล
หน้าจอของ realme GT7 Pro ใช้พาเนล RealWorld Eco² OLED Plus จากทาง Samsung ให้ภาพที่สวยงามด้วยสีสันสดใส การแสดงผลสีดำสนิท และให้ความสว่างยอดเยี่ยมในระดับสูงสุดถึง 6500nits ส่วนการใช้งานทั่วไปก็ทำได้สูงถึง 1000nits มากพอที่จะเดินเล่นโทรศัพท์เครื่องนี้ตอนเที่ยงวัน และสู้กับแดดประเทศไทยในหน้าหนาวได้สบายๆ ด้วยความสว่างหน้าจอแบบ HBM ที่ 2000nits
ส่วนเรื่องอัตราการรีเฟรชหน้าจอ ก็ให้มาสูงถึง 120Hz ปรับได้แบบ Adaptive ช่วยให้การเลื่อนหน้าจอและการสัมผัสตอบสนองได้อย่างราบรื่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกม, อ่านบทความยาวๆ และการรับชมโซเชียลมีเดียต่างๆ
Preformance – ประสิทธิภาพ
realme GT 7 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ให้ประสิทธิภาพอันทรงพลัง รองรับการใช้งานที่หนักหน่วง การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และเกมมือถือทุกเกมได้อย่างสบายๆ ส่วน RAM ที่ให้มา 12GB ก็เพียงพอต่อการใช้งาน และความจุในตัวเครื่อง 512GB ที่มีความเร็วสูงเมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก็ทำให้ realme GT 7 Pro ตอบโจทย์การใช้งานได้แทบจะทุกรูปแบบ
สำหรับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite เป็นชิปเซ็ตเรือธง 3nm ระดับ Flagship รุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Qualcomm มาพร้อมสถาปัตยกรรมแบบ Oryon Core สูตร 2+6 Cluster Core ทั้งหมดเป็น BigCore ล้วน ความเร็วสูงสุด 4.32GHz โดย Oryon Core ทาง Qualcomm ระบุเลยว่าพัฒนาเพิ่มเติมมาจากตัว Snapdragon X Elite ที่เป็นชิประดับ PC แต่ปรับปรุงให้มีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น เนื่องจากต้องใช้งานบนอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ตโฟน
ในมุมของผม ชิปตัวนี้ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมได้เลยครับ เพราะมันให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 45% นั่นคือเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 3 ชิปเรือธงของปี 2024 แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าความเร็วที่เพิ่มขึ้น คือเรื่องการจัดการพลังงาน เนื่องจาก Snapdragon 8 Elite ประหยัดพลังงานมากขึ้นจากเดิม 44% ในส่วนของ CPU และ 40% สำหรับ GPU เมื่อเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 3
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ Snapdragon 8 Elite ใน realme GT 7 Pro แรงกว่า Snapdragon 8 Gen 3 และในการทำงานที่ความหนักเท่ากัน Snapdragon 8 Elite จะกินไฟน้อยกว่าเดิมประมาณ 40 – 44% เลยครับ
ความแรงจากผลการทดสอบ realme GT 7 Pro ทำคะแนน AnTuTu Benchmark ได้ประมาณ 2,700,000 คะแนน ส่วน GeekBench 6 ทำคะแนนทดสอบ Single Core ได้ที่ 2969 คะแนน และ Multi-core ได้อยู่ที่ 9013 คะแนน ทั้งหมดเป็นคะแนนที่สูงในระดับท็อปสุดของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนในตอนนี้
พูดถึงความแรงจากการทดสอบด้วยการ Benchmark ไปแล้ว ในการใช้งานจริง โดยเฉพาะการเล่นเกม realme GT 7 Pro ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยตัวชิปเซ็ตที่แรงมากในระดับที่สามารถเล่นเกมได้ทุกเกม แบบปรับสุดได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็น Genshin Impact ที่ปรับสูงสุด 60fps, PUBG Mobile แบบเฟรมเรตสูง 120fps
ด้านความร้อนของตัวเครื่อง realme GT 7 Pro เมื่อทำการเล่นเกม ผมทดสอบกับเกม Genshin Impact ปรับตั้งค่าสูงสุด ปิด Motion Blur ที่เฟรมเรต 60fps เล่นต่อเนื่องที่เวลาประมาณ 20 นาที ในห้องอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส นอกจากจะทำเฟรมเรตได้ค่อนข้างนิ่งแล้ว ความร้อนสูงสุดที่วัดได้ ขึ้นมาเพียง 43 องศาเซลเซียสเท่านั้น ในระหว่างที่เล่นเกม CPU แทบจะไม่มีอาการต้องลดความเร็ว (CPU Throttling) ต้องยกความดีความชอบให้กับระบบระบายความร้อน Iceberg VC ที่มีขนาดใหญ่ถึง 11480mm²
อย่างไรก็ตาม realme GT 7 Pro ให้อะไรที่มากกว่าแค่ชิปแรง เพราะมีการใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลเกมมากขึ้นด้วย ว่าแต่จะใช้ AI ทำอะไรบ้างนั้น เลื่อนลงไปอ่านหัวข้อถัดไปได้เลยครับ
realme GT 7 Pro – DarkHouse of AI
ในด้านการทำงานร่วมกับ AI ด้วยความที่ NPU Hexagon ตัวใหม่ใน Snapdragon 8 Elite มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แต่กินพลังงานน้อยลง เลยทำให้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลแทบจะทุกอย่างใน realme GT 7 Pro ไม่ใช่แค่มี AI ไว้ลบรูปภาพเพียงอย่างเดียว อย่างในการเล่นเกม ก็จะมี AI Gaming Super Resolution และ AI Gaming Super Frame เข้ามาช่วยทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
ในเกมที่รองรับทั้งสองฟีเจอร์ ผมทดสอบกับ Genshin Impact ที่โดยปกติ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน Android รุ่นใดก็ตาม จะปรับตั้งค่าได้แค่ 60fps และความละเอียดของเกมที่ระดับ HD แต่เมื่อเปิด AI Gaming Super Resolution และ AI Gaming Super Frame ผลลัพท์ที่ได้คือ ความละเอียดของเกมที่เราเห็นจะสูงขึ้นเป็น 1.5K จากการใช้ AI เพิ่มความละเอียด และได้เฟรมเรตที่ลื่น 120fps โดยการใช้ AI ในการแทรกเฟรมเพิ่มเติม ลักษณะการเพิ่มเฟรมเรต จะเป็นแบบ Double คือเพิ่มขึ้น 2 เท่า
อย่างกรณีของ PUBG Mobile ที่รองรับแค่ AI Gaming Super Frame แต่บางคนอาจรู้สึกว่า จะใช้ฟีเจอร์นี้ไปทำไม ในเมื่อสามารถปรับ 120fps ได้เป็นปกติอยู่แล้ว สำหรับ Snapdragon 8 Elite แต่ถ้าเป็นการปรับ 120fps ความละเอียดของเกมจะได้แค่ระดับเริ่มต้น (Smooth) อย่างไรก็ตาม หากใช้ AI Gaming Super Frame เราจะสามารถปรับกราฟฟิกเกมได้ในระดับ HDR HD – 60fps แล้วใช้ AI ช่วยแทรกเฟรมเรตเพิ่มเป็น 120fps เท่ากับว่าได้ทั้งกราฟฟิกที่สวย และเล่นได้ลื่นๆ ในระดับ 120fps นั่นเอง
นอกจาก AI ฟีเจอร์ที่ช่วยเรื่องการเล่นเกมแล้ว realme GT 7 Pro ยังมีทั้ง AI Sketch to Image, AI Motion Deblur ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น โดย AI Sketch to Image จะช่วยในเรื่องการสร้างสรรค์ภาพจากรูปวาด ต่อให้เป็นภาพที่ร่างด้วยมือคร่าวๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นภาพสวยๆ ได้ในเวลาไม่กี่วินาที หรือจะปรับใช้กับการเพิ่มองค์ประกอบให้กับภาพถ่ายก็ได้เช่นกัน ส่วน AI Motion Deblur จะแก้ไขภาพถ่ายที่เบลอ ให้มีความคมชัดมากขึ้นครับ
Camera – ระบบกล้อง
ระบบกล้องของ realme GT7 Pro ให้ชุดกล้องที่ครอบคลุมทุกระยะการใช้งาน กล้องหลัก 50MP IMX906 และกล้องเทเลโฟโต้ 50MP IMX882 สามารถจับภาพที่มีรายละเอียดและแสงที่สวยงามได้ดี ในขณะที่กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP IMX335 แม้จะให้ประสิทธิภาพที่ลดลง โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย แต่ก็ชดเชยบางส่วนได้ด้วยการปรับแต่งภาพจาก AI ครับ ส่วนการบันทึกวิดีโอของ realme GT 7 Pro รอบนี้ทำการบ้านมาดีเลยครับ รองรับความละเอียด 4K พร้อมกับเปิดใช้งานฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้เต็มรูปแบบ ทั้ง HDR และ กันสั่น
จากที่ได้ลองใช้งาน realme GT 7 Pro ในการถ่ายภาพ ผมมีโอกาสได้เอาไปลองใช้ในหลายๆ สถานการณ์ โดยรวมถือว่าทำได้ดีเลยครับ ทั้งการเก็บแสง เก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะกล้องหลัก และกล้องเทเลโฟโต้ มีกระบวนการ Post-process ด้วย AI หลังถ่ายภาพ เพิ่มทั้งความคมชัด สีสัน และแสงเงา ให้ภาพสวยงาม รวมถึงการซูมภาพในระยะที่ไกลมากๆ ก็มีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการล็อกโฟกัส ทำให้การถ่ายภาพง่าย และสะดวกขึ้นมาก
ในเรื่องการซูม มีอีกข้อสังเกตที่น่าสนใจของ realme GT 7 Pro ครับ ในระยะที่ซูมไปไกลมากๆ ระบบจะใช้ AI เข้ามาช่วยในระดับของ AIGC (Artificial intelligence Generated Content) คือไม่ใช่แค่ใช้ AI เพิ่มความคมชัด แต่หลักการทำงานจะเป็นการเติมรายละเอียดที่หาย หรือไม่คมชัดในภาพเพิ่มเติมเข้าไป ทำให้ในระยะซูมที่ไกลกว่าปกติ 120x ยังคงได้ภาพที่คมชัด โดยกระบวนการทั้งหมด ใช้เวลาในการประมวลผลไม่นานเลยครับ ผู้ใช้แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าภาพถ่ายซูมไกล มีการใช้ AI ช่วยเติมรายละเอียดในภาพถ่าย
ตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ AIGC ในการซูมภาพไกล 120x คือภาพด้านล่างครับ ผมยืนอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียววัดพระศรีมหาธาตุ แล้วซูมไปที่ตึกไอทีสแควร์ ระยะห่างถ้าวัดโดย Google Maps น่าจะประมาณ 2 กิโลเมตร หากดูจากป้ายบนตึกที่เป็นภาษาไทย จะพบว่า AI พยายามเพิ่มรายละเอียดลงไปในภาพ แต่พอเป็นภาษาไทยที่ตัดคำ เลยทำให้การเติมรายละเอียด ตัวหนังสือมันเลยดูแปลกๆ ไป
แต่ถ้าเป็นการถ่ายภาพซูมไกลแบบปกติ ผมว่า AIGC ที่ช่วยในการซูมทำได้ดีเลยครับ อย่างการซูมเข้าไปที่ยอดเจดีย์ ให้ความคมชัดที่มากกว่าโทรศัพท์รุ่นอื่นอย่างชัดเจน หรือในการซูมเข้าน้ำตก จะเห็นว่ารายละเอียดพวกน้ำ, โขดหิน มีความคมชัดเป็นอย่างมาก
ตัวอย่างภาพถ่าย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ realme GT 7 Pro ทำได้ก็คือการถ่ายภาพใต้น้ำ ด้วยองค์ประกอบที่ครบถ้วนของตัวเครื่อง ทั้งการกันน้ำ IP69 ที่ลงน้ำได้นานขึ้น ทนแรงดันน้ำได้มากขึ้น หน้าจอเองก็รองรับการทัชสกรีนแม้จอเปียก ก็เลยมีโหมดสำหรับถ่ายภาพใต้น้ำเพิ่มมาให้ด้วย โดยในโหมดดังกล่าวจะปรับไปใช้การเปลี่ยนเลนส์ผ่านปุ่มเพิ่มลดเสียง แล้วกดชัตเตอร์ที่การแตะหน้าจอตามปกติ เมื่อจะเลิกใช้โหมดถ่ายภาพใต้น้ำ พอกดปุ่ม Power ค้างไว้ครบ 3 วินาที ตัวเครื่องก็จะทำการไล่น้ำออกจากพอร์ตต่างๆ ให้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดถ่ายภาพใต้น้ำ
Battery – อายุการใช้งานแบตเตอรี่และการชาร์จ
realme GT7 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ระดับ Titan 6500mAh ความจุสูงมากกว่าท้องตลาดในตอนนี้ราว 1500mAh เมื่อรวมกับชิปอย่าง Snapdragon 8 Elite ที่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม ส่งผลให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นี่เป็นแฟลกชิปสมาร์ตโฟนที่ใช้งานหนักได้ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่ต้องพึ่ง Powerbank และถ้าใช้งานไม่ได้หนักมาก ผมว่ารุ่นนี้ลากได้ 2 วันแบบสบายๆ
ส่วนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว realme GT 7 Pro ก็ยังคงจัดเต็มด้วย 120W HyperCharge ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้อย่างรวดเร็ว ในเวลา 15 นาที จ่ายไฟเข้าเครื่องได้ 50% และใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ 6500mAh เต็ม 100% ในเวลาเพียง 37 นาทีเท่านั้น หรือถ้าเทียบระยะการชาร์จกับการใช้งาน ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที จะได้แบตเตอรี่ที่เพียงพอต่อการคุยโทรศัพท์ได้ถึง 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว
Software – ซอฟต์แวร์
ระบบปฏิบัติการ realme UI 6.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 15 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ความเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็นภาพเลยคือ อินเทอร์เฟซที่ดูคลีนขึ้นและใช้งานง่าย ระบบปฏิบัติการมีตัวเลือกการปรับแต่งที่มากกว่าเดิม สามารถปรับแต่งหน้าโฮมให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคลได้ง่ายขึ้น
realme UI 6.0 นอกจากหน้าตาอินเทอร์เฟซจะดูสวยขึ้นแล้ว เรื่องของฟีเจอร์ในการใช้งานก็มีมาให้แบบจัดเต็มเช่นกัน ทั้งเรื่องการใช้งาน AI อย่างพวก AI Speak, AI Summary เพื่อสรุปบทความ ไปจนถึงการแปลภาษาด้วย Google Lens ก็ถูกรวมไว้ใน Smart function ที่เรียกจากแถบด้านข้างได้อย่างง่ายดาย และยังมีไฮไลต์ฟีเจอร์อย่าง O+ Connect ที่สามารถถ่ายโอนไฟล์ข้ามค่ายระหว่าง iPhone กับ realme GT 7 Pro ได้ในความเร็วเดียวกับการ AirDrop อีกด้วยครับ
สรุปภาพรวม รีวิว realme GT 7 Pro – Flagship Killer ตัวจริงกลับมาแล้ว!!
ภาพรวมของ realme GT7 Pro ผมว่ารุ่นนี้เป็นสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจและคุ้มค่า ให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ แรงในระดับที่ใช้ยาวๆ ได้เลย ทั้งยังได้หน้าจอที่สวยงาม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และฟีเจอร์ในการการสร้างสรรค์ระดับพรีเมียมด้วย AI ส่วนสเปคด้านอื่นๆ ก็ทำออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องกล้องถ่ายรูป ที่ยกระดับขึ้นด้วย AI ทำให้ในภาพรวม กล้องของ realme GT 7 Pro ก็ถือว่าทำผลงานออกมาได้ดี เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนเรือธงในช่วงราคาใกล้เคียงกัน
ให้สรุปในภาพรวมอีกที ผมว่ารอบนี้ realme GT 7 Pro น่าจะได้ใจแฟนพันธุ์แท้ของสมาร์ตโฟน realme GT Series ที่เน้นเรื่อง Performance เป็นหลัก แต่ได้ของแถมเป็นกล้องที่ดีขึ้นจากการใช้ AI ช่วยประมวลผล และเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวที่เปิดมาเพียง 29,999 บาท เรียกว่า realme GT 7 Pro เป็น Flagship Killer ได้อย่างเต็มปากเลยล่ะครับ