Infinix HOT 50 Pro Series สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล HOT Series ของทาง Infinix ที่เปิดตัวมาด้วยสเปคแบบอลังการงานสร้างในราคาที่จับต้องได้เช่นเคย โดยจุดขายรอบนี้นอกจากสเปคที่แรงและราคาที่ใคร ๆ ก็จับต้องได้แล้ว ยังได้เรื่องความบางอีกด้วย เพราะคราวนี้มาด้วยความบางสุดถึง 6.88 มม. และเบาที่สุดเพียง 162 กรัมเท่านั้น
โดย Infinix HOT 50 Pro Series นั้นจะเปิดตัมาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ Infinix HOT 50 Pro และ Infinix HOT 50 Pro+ และในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงทั้ง 2 รุ่นไปพร้อม ๆ กันเลยนะครับ แต่ก่อนอื่นเลยเราไปดูสเปคของทั้งคู่ก่อนดีกว่า
สเปคของ Infinix HOT 50 Pro Series
Infinix HOT 50 Pro+ | Infinix HOT 50 Pro | |
---|---|---|
หน้าจอ | 3D-Curved AMOLED 6.78″ FHD+ 120Hz รองรับ Always-On Display สว่างสูงสุด 1300nits กระจก Gorilla Glass 5 | AMOLED 6.78″ FHD+ 120Hz รองรับ Always-On Display สว่างสูงสุด 1300nits |
ชิปประมวลผล | MediaTek Helio G100 | MediaTek Helio G100 |
แรม | 8GB (LPDDR4X) | 8GB (LPDDR4X) |
ความจุ | 256GB (UFS 2.2) รองรับ MicroSD 1TB | 256GB (UFS 2.2) รองรับ MicroSD 1TB |
กล้องหลัง | 50MP, f/1.6, AF (main) 2MP, f/2.4 (depth) | 50MP, f/1.6, AF (main) 2MP, f/2.4 (depth) |
กล้องหน้า | 13MP, f/2.2 | 8MP, f/2.0 |
แบตเตอรี่ | 5000mAh 33W Super Charge | 5000mAh 33W Super Charge |
การเชื่อมต่อ | 4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.2 GPS NFC FM USB Type-C 2.0 | 4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.2 GPS NFC FM ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. USB Type-C 2.0 |
ลำโพง | ลำโพงคู่โดย JBL | ลำโพงคู่ |
มาตราฐานทนน้ำ-ทนฝุ่น | IP54 | IP54 |
ขนาด (มม.) | 164.1 x 74.43 x 6.88 | 167 x 76.4 x 7.4 |
น้ำหนัก (กรัม) | 162 | 190 |
สี | Sleek Black Titanium Grey Dreamy Purple | Sleek Black Titanium Grey |
ราคา (บาท) | 6,499 | 5,499 |
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในส่วนของดีไซนืตัวเครื่องเราจะโชว์ให้ดูทั้ง 2 รุ่นเลย โดยเราจะเริ่มที่ตัวที่น่าสนใจที่สุดก่อนอย่าง Infinix HOT 50 Pro+ ซึ่งดีไซน์ของ HOT 50 Pro+ นั้นจะมีชื่อว่า Titan Wing Architecture ที่จะเป็นการรวมเอาความบางเบาและความทนทานเข้าด้วยดัน โดยการใช้ดีไซน์ขอบโค้งทั้งหน้าหลังสร้างความบางเพียว 6.88 มม. ออกมา พร้อมด้วยการป้องกันที่เรียกว่า Titan Armor ที่เป็นการรวมเอากระจกจอ Gorilla Glass 5 ที่เบาแต่ทนทาน รวมเข้ากับการออกแบบที่ทำให้ถึงตกมาจากที่สูงในระยะ 1 เมตรก็ไม่เป็นไรเข้าด้วยกัน เกิดเป็นนิยามใหม่ของความบางและความทนทานในวงการสมาร์ทโฟน
สำหรับสีสันนั้น Infinix HOT 50 Pro+ นั้นจะมีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือ Sleek Black / Titanium Grey / Dreamy Purple ซึ่งทางทีมงาน Specphone เรานั้นได้สี Titanium Grey มารีวิวนั่นเองครับ
ในส่วนของด้านหลังตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมโมดูลกล้องทรงสี่เหลี่ยมวางยาวเป็นแนวตั้ง โดยภายในจะมีเลนส์อยู่ทั้งหมด 3 เลนส์ และมีไฟแฟลชอยู่ที่ด้านข้างโมดูล
ในส่วนของหน้าจอนั้น HOT 50 Pro+ จะมาด้วยหน้าจอขอบโค้งแบบ 3D และใช้พาแนลเป็น AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ FHD+ นอกจากนี้ยังรองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz รองรับอัตราการตอบสนองสูงสุดถึง 2160Hz มีความสว่างสูงสุดถึง 1300 นิต และมีการปกป้องหน้าจอด้วย Gorilla Glass 5 อีกด้วย สำหรับกล้องหน้านั้นจะเป็นกล้องหน้าแบบ Punch Hole ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 13MP และที่สำคัญ มาพร้อมขอบจอที่บางเฉียบเลย
สำหรับรอบขอบเครื่องนั้นด้วยความที่เป็นขอบโค้งทั้งหน้าและหลังทำให้ขนาดของปุ่มก็ต้องเล็กตามไปด้วย โดยปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีอะไรเลย ที่ด้านบนตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนสำหรับใช้ตัดเสียง, ลำโพงตัวเครื่อง และข้อความที่เขียนว่า Sound By JBL อยู่ ส่วนที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิม, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟล และลำโพงอยู่
มาที่ Infinix HOT Pro กันบ้าง โดย HOT 50 Pro เองก็มีในดีไซน์ Titan Wing เช่นเดียวกัน แต่จะมีความหนาและน้ำหนักที่มากกว่า HOT 50 Pro+ เล็กน้อย อีกทั้งยังมาในเีไซน์ขอบเหลี่ยมอีกด้วย โดยในรุ่น HOT 50 Pro จะมีการวางจำหน่ายเพียง 2 สีเท่านั้นคือ Sleek Black และ Titanium Grey
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะใช้เป็นจอแบนพาแนล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชสูง 120Hz รองรับอัตราการตอบสนองสูงสุดถึง 2160Hz มีความสว่างสูงสุดถึง 1300 นิต และรองรับ Always-on Display ส่วนกระจกนั้นจะใช้เป็นกระจกกันรอยธรรมดา ไม่ได้ใช้ Gorilla Glass เหมือน HOT 50 Pro+
สำหรับขอบด้านข้างนั้นจะเป็นดีไซน์ขอบเหลี่ยมผิวด้าน โดยปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ขอบฝั่งขวา ส่วนที่ขอบฝั่งซ้ายจะมีช่องใส่ซิมอยู่ ที่ขอบด้านบนจะมีลำโพงอยู่ 1 ตัว และที่ขอบด้านล่างจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟน, พอร์ต USB-C และลำโพงอยู่
การใช้งานทั่วไป
สำหรับในด้านการใช้งานทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียล การดูหนังหรือฟังเพลง Infinix HOT 50 Pro และ Infinix HOT 50 Pro+ นั้นสามารถทำได้ดีทั้งคู่ แต่ในรุ่น HOT 50 Pro+ นั้นจะทำได้เหนือกว่าด้วยลำโพงที่ได้รับการปรับแต่งโดย JBL ทำให้เสียงที่ได้นุ่มมีมิติมากกว่า HOT 50 Pro ทำให้คนที่ดูหนักหรือฟังเพลงผ่านลำโพงบ่อย ๆ น่าจะถูกใจกัน สำหรับในส่วนของการเล่นโซเชียลและดูหนังด้วยหน้าจอ AMOELD แล้วต้องบอกว่าในเรื่องการตอบสนองและสีสันทำออกมาได้ดีทั้งคู่ เพียงแต่ HOT 50 Pro+ นั้นมีน้ำหนักตัวที่เบากว่าเพียง 162 กรัม ทำให้การจับถือนาน ๆ มีความสบายมือมากกว่า แถมด้วยความบางเพียง 6.88 มม. เท่านั้น เลยส่งผลให้สามารถจับถือด้วยมือข้างเดียวได้ค่อนข้างสะดวกกว่า
สำหรับในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh และระบบชาร์จเร็วขนาด 33W เหมือนกัน และด้วยความที่ทั้งคู่ใช้ชิปประมวลผล Helio G100 เหมือนกันเลยทำให้มีระยะเวลาใช้งานโดยรวมที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยหากเป็นการใช้งานทั่วไป มีเล่นเกมบ้างราว ๆ 1 ชั่วโมง นอกนั้นเน้นหนักไปที่การเล่นโซเชียลเป็นหลัก ตัวแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้เกินวันสบาย ๆ เลย อีกทั้งทาง Infinix ยังเคลมมาด้วยว่าแบตเตอรี่ที่ใส่มานี้มีความทนทานที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 4 ปีแบบสบาย ๆ เลยด้วย
โดยในเรื่องของการชาร์จนั้นเราได้ลองทำการทดสอบชาร์จทั้งคู่พร้อมกันด้วยชุดชาร์จ 33W ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ผลลัพธ์ที่ได้ก็นับว่าไม่แปลกใจเท่าไร เพราะระยะเวลาชาร์จที่ได้นั้นเรียกได้ว่าแทบจะเท่ากันเลยทีเดียว สำหรับผลการชาร์จนั้นเราเริ่มจับเวลาชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือเพียง 1% พอชาร์จไปประมาณ 24 นาที ก็ได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 50% แล้ว และเมื่อจับเวลาต่อจนแบตเตอรี่เต็ม 100% จะใช้เวลารวมไปทั้งหมด 1 ชั่วโมงพอดีเลย (ระยะเวลาชาร์จอาจแตกต่างไปตามแต่ละคนนะครับ) ซึ่งก็นับว่าค่อนข้างเร็วพอสมควร ส่วนเรื่องความร้อนสะสมตอนชาร์จนั้นบอกเลยหายห่วง เพราะตลอดตั้งแต่เริ่มชาร์จไปได้ระยะหนึ่งจนแบตเตอรี่เต็ม ความร้อนที่สะสมอยู่ในระดับแค่อุ่นหน่อย ๆ เท่านั้นเอง
การเล่นเกม
ใน Infinix HOT 50 Pro+ และ HOT 50 Pro นั้นใช้ชิปประมวลผลเป็น Helio G100 ที่เป็นชิป 4G รุ่นล่าสุดของ MediaTek โดยตัว Helio G100 นั้นคือ Helio G99 รุ่นปรับปรุง ดังนั้นมั่นใจได้เลยในเรื่องของประสิทธิภาพและความทนทาน สำหรับในเรื่องของการเล่นเกมนั้นบอกได้เลยว่าหายห่วง ชิป Helio G100 นั้นสามารถเอามาใช้รันเกมส่วนใหญ่ได้แทบทั้งหมด อีกทั้งตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนอย่าง Advanced ultra-crystalline graphite cooling ที่มีพื้นที่ถึง 21389 ตร.มม. จึงทำให้สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 2.7 องศา เลยทีเดียว ซึ่งจากที่ได้ลองบอกเลยน่าประทับใจมาก เพราะขนาดเล่นเกมต่อเนื่องมาเป็นชั่วโมงอุณหภูมิตัวเครื่องก็แค่ระดับอุ่น ๆ เท่านั้นเอง
สำหรับเกมที่เราได้เอามาลองเล่นจะมีเกม Free Fire, ROV, PUBG Mobile ซึ่งแต่ละเกมสามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ เลย เกม Free Fire สามารถเล่นแบบ 90fps ได้ด้วย ใครที่ชื่นชอบการเล่นเกม Free Fire น่าจะเล่นได้สนุกขึ้นเยอะเลย ส่วนเกม RoV นั้นไม่ว่าจะเป็นไฟต์ที่หนักขนาดไหนเฟรมเรทก็ยังเกาะอยู่ในช่วง 58-60fps ตลอด ส่วน PUBG Mobile นั้นนับว่าน่าเสียดายที่ปรับเฟรมเรทได้สูงสุดเพียง 45fps แต่ในขณะเล่นตัวเกมก็ลื่นไหลดี ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างจากเฟรมเรท 60fps เท่าไรนัก
การถ่ายภาพ
สำหรับในเรื่องการถ่ายภาพนั้น Infinix HOT 50 Pro+ และ HOT 50 Pro นั้นจะมาด้วยกล้องหลังชุดเดียวกันคือกล้องหลักความละเอียด 50MP f/1.6 พร้อมระบออโต้โฟกัส ส่วนอีก 2 กล้องที่เหลือจะเป็นกล้อง Depth ความละเอียด 2MP และกล้อง AI ส่วนกล้องหน้านั้นจะมีความแตกต่างกันคือกล้องหน้าของ HOT 50 Pro+ นั้นจะเป็นกล้องความละเอียด 13MP ส่วนกล้องของ HOT 50 Pro จะถูกลดความละเอียดลงมาเหลือ 8MP
ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมาจริง ๆ แล้วสำหรับกล้องหลังมองว่าในเรื่องของความคมชัด สีสัน และการละลายหลังทำออกมาได้ค่อนข้างดี สามารถเอาไปใช้ถ่ายได้ในทุกสภาพแสง เพียงแต่ด้วยการที่มีเพียงกล้องหลักตัวเเดียว ทำให้อาจจะถ่ายภาพมุมกว้างมากไม่ได้ ส่วนกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่นั้น HOT 50 Pro+ จะได้ภาพที่มีความคมชัดมากกว่า HOT 50 Pro อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าพูดถึงการใช้งานโดยทั่วไปแล้วก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้วครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Infinix HOT 50 Pro+
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Infinix HOT 50 Pro
สรุปการรีวิว Infinix HOT 50 Series
สรุปจากการที่ได้เอา Infinix HOT 50 Pro+ และ HOT 50 Pro ไปลองเล่นมานั้นบอกว่าว่าสำหรับสมาร์ทโฟนในเรทราคานี้แล้วไม่น่ามีใครให้มามากกว่านี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสเปคที่ให้มาสุดในเรทราคาเดียวกัน ความทนทานที่มากกว่า แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ปี สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนในเรทราคากำลังดี สเปคแรง ใช้เล่นเกมก็ดี ดูหนังก็ได้ Infinix HOT 50 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นนี้น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยครับ
โดยหากสงสัยว่าควรเลือกรุ่นไหนดี หลัก ๆ ให้มองที่ดีไซน์ตัวเครื่องเลย หากชอบเครื่องบาง ๆ เบา ๆ ก็ต้องเป็นรุ่น HOT 50 Pro+ แต่หากไม่ชอบเครื่องขอบโค้งก็ต้องมา HOT 50 Pro แทน นอกจากนี้หากงบยังไม่ถึง 2 รุ่นนี้อีก ทาง Infinix ก็ยังมีอีก 2 รุ่นให้เป็นตัวเลือกด้วยคือ Infinix HOT 50 และ HOT 50i ที่มีราคาค่าตัวไม่ถึง 5,000 บาท ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีราคาดังนี้
- Infinix HOT 50 Pro+ ราคา 6,499 บาท
- Infinix HOT 50 Pro ราคา 5,499 บาท
- Infinix HOT 50 ราคา 4,999 บาท
- Infinix HOT 50i ราคา 3,699 บาท
ทว่าตอนนี้มีโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวอยู่คือ Infinix HOT 50 Pro+ จะมีราคาลดเหลือ 5,899 บาท ส่วน Infinix HOT 50 Pro จะมีราคาลดเหลือ 4,999 บาท นอกจากนี้ยังจะได้รับฟรี HOT50ProSeries Gift Box มูลค่า 999 บาท เพิ่มไปด้วยเลย
โดยช่องทางการจัดจำหน่ายหน้าร้าน ได้แก่ BaNANA, Jaymart, TG, IT CITY ส่วนช่องทางออนไลน์ได้แก่
- Shopee : https://cutt.ly/qeDZ2xZy
- Lazada : https://s.lazada.co.th/a.ZfCq
- TikTok Shop : https://cutt.ly/AeDZNLjO