ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ถ้าพูดถึงมือถือที่ขายโดยโอเปอเรเตอร์ ส่วนมากเราจะนึกถึงโทรศัพท์มือถือสเปคพอใช้ ไม่มีฟีเจอร์เด่น ๆ ส่วนมากจะเป็น OEM แบรนด์ที่ติดโลโก้โอเปอเรเตอร์ แล้วก็ขายในราคาย่อมเยา พ่วงกับโปรโมชันแพคเกจรายเดือนหรือเติมเงินก็ว่ากันไป และแน่นอนว่าเกริ่นกันมาขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือที่ผมจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันก็เป็นโทรศัพท์มือถือที่ขายผ่านทางโอเปอเรเตอร์เช่นเดียวกันครับ แต่บอกเลยว่ามือถือเครื่องนี้ไม่ธรรมดา เพราะสเปคมันกับราคาปกติก็ว่าคุ้มแล้ว เจอราคาพร้อมโปรเข้าไป ต้องขอใช้คำว่า “โคตรคุ้ม” เลยล่ะ
สเปค Meizu M3 Note dtac Edition
- ระบบปฏิบัติการ Flyme OS เวอร์ชัน 5 (Android 5.1 Lollipop)
- หน้าจอ IPS 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD
- ชิปประมวลผล Mediatek MT6755M Helio P10
- GPU Mali-T860 MP2
- ความจุ 32 GB (เหลือให้ใช้งานประมาณ 23 GB) รองรับ microSD สุงสุด 128GB
- RAM 3 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, PDAF, LED แฟลช, บันทึกวิดีโอ Full HD
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0, บันทึกวิดีโอ Full HD
- เซนเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Proximity
- แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม (nano + nano)
- สเปคเต็ม ๆ Meizu M3 Note dtac Edition
- ราคาเปิดตัว 7,490 บาท
อันที่จริง Meizu ประเทศไทยเคยนำ Meizu M3 Note เฉย ๆ มาขายเหมือนกัน แต่ด้วยราคาและปัจจัยอื่น ๆ ทั้งในเรื่องแบรนด์ และคู่แข่งเอง ก็เลยทำให้มือถือรุ่นดังกล่าวไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่ปัญหาของ Meizu M3 Note dtac Edition แน่นอนครับ เพราะรุ่นนี้ได้รับการตีบวก อัพเกรดสเปคให้ทันสมัยมากขึ้นตามที่เพื่อน ๆ ได้เห็นในสเปคด้านบน ในราคาขายเครื่องเปล่าที่ 7,490 บาท นอกจากนี้ยังได้รับของแถมเป็นเคส, ฟิล์ม และหูฟัง EP21 ซึ่งไม่ได้หาซื้อกันง่าย ๆ ด้วยนะ
ส่วนราคาโปรโมชันของ Meizu M3 Note dtac Edition เพียงเพื่อน ๆ ซื้อเครื่อง พร้อมเปิดเบอร์ dtac (หรือเป็นลูกค้าเก่าก็ได้) แล้วเซ็นสัญญาใช้แพคเกจรายเดือนราคา 599 บาทขึ้นไป นาน 6 เดือน ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า ก็รับส่วนลดไปเลยเน้น ๆ 2,000 บาท เท่ากับว่าเราจ่ายเงินค่าเครื่อง Meizu M3 Note dtac Edition ในราคาเพียง 5,490 บาทเท่านั้น ราคานี้เทียบกับพวกสเปคใกล้เคียงกัน Meizu M3 Note dtac Edition ชนะเลิศทุกตัวครับ
ว่าแต่จะชนะเลิศอย่างไร เลื่อนลงมาอ่านรีวิว Meizu M3 Note dtac Edition ได้เลย
จุดเด่น
– ทุกอย่างอยู่ในจุดสมดุล ทั้ง CPU, แรม, หน้าจอ, แบตเตอรี่, กล้อง และราคา
– ใช้งาน 3G/4G LTE ได้อย่างไร้ปัญหา
– งานประกอบดีเกินราคา อุปกรณ์เสริมที่ให้มาก็ดูพรีเมียมดี ซื้อกับ dtac ได้ของแถมเพียบ
– ราคาโปรโมชันกับ dtac ลดเยอะมาก
– กล้องหลัง ระบบ PDAF โฟกัสเร็วมาก
– แบตเตอรี่เยอะมาก 4100 mAh และใช้งานได้นาน
ข้อสังเกต
– การถ่ายรูปในที่แสงน้อย คุณภาพของรูปถ่ายจะดรอปลงมาจากปกติ
– ปุ่ม mTouch ต้องอาศัยความเคยชินในการใช้งาน โดยเฉพาะคนที่เคยใช้แอนดรอยยี่ห้ออื่นมาก่อน อาจต้องใช้เวลาปรับตัว
บทสรุป
BEST PRICE
Design
Meizu M3 Note dtac Edition มาพร้อมกับวัสดุที่คุ้มค่า หรูหราเกินราคาค่าตัว 5,490 บาท (ราคาโปรฯ dtac) เพราะใช้วัสดุที่เป็นโลหะทั้งตัว งานประกอบที่แน่นหนา แข็งแรง ไม่มีอาการฝาหลังยวบ ในดีไซน์ที่สวยงาม, เรียบง่ายตามสมัยนิยม มีการเลือกใช้กระจกจอโค้ง 2.5D เข้ากันกับดีไซน์ที่โค้งมน การจับถือทำได้กระชับ และสะดวกพอ ๆ กับมือถือหน้าจอ 5.5 นิ้วยี่ห้ออื่น ๆ
รายละเอียดของ Meizu M3 Note dtac Edition เริ่มจากทางด้านหน้า ประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ดีไซน์ด้านหน้ามาในโทนเรียบ ๆ นอกจากหน้าจอก็จะมีเพียงปุ่มโฮมทางด้านล่างเท่านั้น ไม่มีปุ่ม Navigation Key (ปุ่ม Back/ Recent App) เหมือนมือถือแอนดรอยปกติทั่วไป เพราะการเรียกใช้ปุ่ม Back ของ Meizu M3 Note dtac Edition คือการแตะปุ่มโฮม, การกดปุ่มโฮม = ใช้งานปุ่มโฮม ส่วนการเรียกหน้า Recent App ให้เพื่อน ๆ ปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนครับ
ในการใช้งานปุ่มโฮมของ Meizu M3 Note dtac Edition แรก ๆ จะรู้สึกไม่ชินอย่างแรง เพราะมันผิดวิสัยของมือถือแอนดรอย ที่จะมี Navigation Key สามปุ่ม แต่พอได้ใช้งานไปสักพัก ส่วนตัวผมมองว่า Meizu M3 Note dtac Edition ใช้งานง่ายกว่าแอนดรอยทั่วไปเสียอีก จะกดย้อนกลับก็แค่แตะปุ่มโฮม กดปุ่มโฮมก็คือกลับมาหน้าแรก ทุกอย่างควบคุมได้ด้วยนิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียว ไม่ต้องลากนิ้วไปมาระหว่างปุ่มโฮม, Recent App และ Back ส่วนการเรียกหน้า Recent App บางคนอาจจะมองว่าเรียกใช้ยากไปหน่อย แต่ผมจะบอกว่าสเปคระดับ Meizu M3 Note dtac Edition ที่ให้แรมมาถึง 3 GB แทบจะไม่ได้ใช้เคลียร์ App เคลียร์ Ram หรอกครับ มีใช้เหลือเฟือมาก ๆ
หน้าจอของ Meizu M3 Note dtac Edition เป็นหน้าจอแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ค่าความหนาเเน่นของเม็ดพิกเซลต่อพื้นที่หน้าจออยู่ที่ 403 ppi ชัดเพียงพอต่อการใช้งานบนหน้าจอ 5.5 นิ้ว สีสันหน้าจอสดใส มุมมองหน้าจอกว้างตามสไตล์จอ IPS กระจกหน้าจอเป็นหน้าจอโค้ง 2.5D เล่นเกมก็เต็มตา ดูวีดีโอก็คมชัด หรือจะเปิดเว็บไซต์, เล่นโซเชียลก็สบายตา การตอบสนองต่อการทัชสกรีนนี่ติดนิ้วเลย โดยรวมจัดว่าโอเคเลยกับราคาโปรโมชัน 5,490 บาท
ขอบตัวเครื่อง Meizu M3 Note dtac Edition มีลักษณะโค้งมน ทำให้จับถือตัวเครื่องได้สะดวก รายละเอียดทางด้านข้าง เริ่มจากทางด้านขวา ประกอบไปด้วยปุ่ม Sleep/ Wake กับปุ่มปรับระดับเสียง, ด้านล่างเป็นช่อง Micro USB กับลำโพงหลักของตัวเครื่อง, ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านซ้ายก็จะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot โดย Meizu M3 Note dtac Edition รองรับ 2 ซิมการ์ด (Nano Sim ทั้งคู่) ใช้งาน 4G ได้สบาย ๆ
ฝาหลังของ Meizu M3 Note dtac Edition ใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งชิ้น เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้สัมผัสดีงามมาก วัสดุเทียบชั้นมือถือราคาหลักหมื่นบาทได้สบาย ๆ รายละเอียดทางด้านหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แฟลช Dual LED และโลโก้ Meizu ส่วนเส้นที่คาดด้านบนกับด้านล่างนั่นคือเสารับสัญญาณของ Meizu M3 Note dtac Edition ครับ
ไฮไลท์ของปุ่มโฮม Meizu M3 Note dtac Edition ที่มีชื่อเรียกเก๋ ๆ ว่า mTouch นอกจากจะใช้งานเป็นทั้งปุ่มโฮม กับปุ่มย้อนกลับ (เมื่อทำการแตะ) แล้ว ยังมีอีกฟีเจอร์ก็คือการเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยปุ่มสแกนลายนิ้วมือของ Meizu M3 Note dtac Edition สามารถสแกนนิ้วได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เทียบชั้นมือถือราคาแพง ๆ ได้สบาย ๆ ในค่าตัวเพียง 5,490 บาทสำหรับราคาโปรโมชัน และราคา 7,490 บาท สำหรับราคาเต็ม ก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี
Software
Meizu M3 Note dtac Edition มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Flyme OS การใช้งานอาจจะไม่เหมือนมือถือแอนดรอยปกติทั่วไป 100% แต่ก็ใช้เวลาในการปรับตัวไม่มาก โดยสิ่งที่ผมประทับใจใน Flyme OS ของ Meizu M3 Note dtac Edition คือมันตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี มี Gesture ให้เลือกใช้มากพอสมควร ที่เด่น ๆ ก็คงเป็นปุ่ม Smart Touch ที่คล้ายกับปุ่ม Assistive Touch บน iPhone แต่ของ Meizu เจ๋งกว่าตรงที่มันใช้เป็นเหมือนปุ่มจอยสติ๊กได้ เช่น โยกซ้ายขวา เพื่อทำการสลับ Application ได้อย่างรวดเร็ว จัดว่าเป็นทีเด็ด ที่ช่วยให้ใช้งานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ก็เช่น การตั้งเวลาเปิด – ปิดเครื่อง, หรือฟีเจอร์ Multi-Windows เปิดแอพพร้อมกัน 2 แอพในหน้าจอเดียว Meizu M3 Note dtac Edition ก็ทำได้เช่นกันครับ
Camera
Meizu M3 Note dtac Edition มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสแบบ PDAF พร้อมแฟลช Dual LED โหมดการถ่ายรูปมีให้เลือกไม่เยอะ แต่ได้ใช้ทุกโหมดอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Auto, Manual, Panorama, Beauty, Light Field (โหมดถ่ายแล้วเลือกโฟกัสทีหลัง)
การถ่ายรูปก็ทำได้อย่างรวดเร็ว โฟกัสไวตามแบบฉบับของระบบ PDAF แต่ข้อสังเกตคือต้องเป็นที่แสงสว่างเพียงพอ จึงจะแสดงประสิทธิภาพออกมาได้ดีที่สุด ถ้าถ่ายในที่แสงน้อย ความเร็วก็จะลดหลั่นลงไป ส่วนคุณภาพของรูปถ่ายก็ถือว่าใช้ได้เลยครับ ให้สีสันที่เป็นธรรมชาติดี ตัวอย่างภาพถ่ายก็ตามนี้เลย
กล้องหน้า Meizu M3 Note dtac Edition ให้มาที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0 มีโหมดหน้าสวยติดมาให้ คุณภาพรูปถ่ายก็ถูกใจสาว ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างภาพถ่ายตามนี้เลยครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ Meizu M3 Note dtac Edition เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวก็จัดว่าคุ้มค่ากับราคาค่าตัว 7,490 บาท และยิ่งคุ้มเมื่อซื้อพร้อมสมัครโปร จะเหลือราคาเพียง 5,490 บาท ได้สเปคเป็น MediaTek Helio P10 กับ Ram 3 GB และรอมข้างใน 32 GB เพียงพอที่จะใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวชิปเซ็ต Helio P10 เองเนี่ย มีผลการทดสอบที่น่าประทับใจมาก ทั้งการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม ต่อให้เป็นเกมที่ภาพสวย ๆ เช่น N.O.V.A.3 หรือแม้แต่ HIT ก็เล่นได้สบาย ๆ
แบตเตอรี่ของ Meizu M3 Note dtac Edition ให้มาที่ 4100 mAh ไม่ต้องสาธยายอะไรมาก ในการใช้งานทั่วไป ถ้าไม่ได้เล่นหนักมาก็ลากยาวได้ 2 วันแบบชิล ๆ แต่ถ้าเล่นหนัก ๆ อันนี้ก็ชาร์จวันต่อวันครับ แต่ก็ถือว่าเป็นมือถือที่แบตเตอรี่อึดรุ่นหนึ่งเลยล่ะ