หลังจากเปิดตัวมาช่วงปลายปีที่แล้ว กระแสของเจ้า?Lenovo Vibe X2?ก็ดูจะเอาเรื่องอยู่ทีเดียวครับ ไม่ว่าจะในเรื่องของสเปคที่แรงถึงใจ ดีไซน์ที่โดดเด่น รวมถึงอุปกรณ์เสริมอย่างเคสลำโพงและเคสแบตเตอรี่ ที่มีให้ซื้อแยกได้ภายหลัง เลยทำให้ Lenovo Vibe X2 ได้รับการจับตามองจากตลาดไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการมือถือแบบเน้นความคุ้มค่า และดีไซน์ที่สวยงาม ซึ่งก็แน่นอนครับ ทางเราไม่พลาดที่จะหยิบยกมารีวิวให้ทุกท่านชมกันอีกเช่นเคย กับรีวิว Lenovo Vibe X2 เครื่องนี้ ก่อนอื่น เรามาดูเรื่องสเปคกันก่อนเลย
สเปค Lenovo Vibe X2
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6595M มี 8 คอร์ ความเร็ว 2.0 GHz ชิปกราฟิก PowerVR G6200
- แรม 2 GB
- รอม 32 GB ไม่มีช่องใส่ MicroSD
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ใส่ได้ 2 ซิม
- รองรับ 4G LTE ใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่าย
- แบตเตอรี่ Li-Polymer ความจุ 2300 mAh
- ราคา 12,990 บาท
- สเปค Lenovo Vibe X2
เฉพาะเรื่องของสเปค ก็ถือว่า Lenovo Vibe X2 จัดมาได้กำลังพอดีในแทบทุกด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลที่แรงถึงใจ ชิปกราฟิกก็รหัสใหม่ แรม 2 GB หน้าจอใหญ่และละเอียดกำลังดี แถมยังใช้ 4G LTE ได้อีก จะติดก็แค่แบตเตอรี่ที่ดูเหมือนจะความจุน้อยไปหน่อยสำหรับการใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบัน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้นี่ล่ะครับ ที่ทำให้ Lenovo มีอุปกรณ์เสริมเป็นเคส powerbank มาให้ใช้งานคู่กับ Vibe X2 ด้วย (แต่ต้องซื้อเพิ่มเองนะ ไม่มีแถมมาให้ในชุด)
ข้อดี
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST VIBE
Design
เมื่อมองจากสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเราจะแยกรูปแบบของดีไซน์ง่ายๆ ออกได้เป็นสองแบบหลักๆ ครับ นั่นคือแบบแกะฝาหลังได้ กับแบบแกะฝาหลังไม่ได้ (จะว่าเป็นยูนิบอดี้ก็พอได้อยู่) ซึ่งแบบแรกก็ตรงตัวเลย คือมีส่วนตัวเครื่อง แยกชิ้นกับส่วนฝาหลัง ส่วนแบบที่สองก็คือฝาหลังติดสนิทกับหน้าจอ ไม่สามารถแกะออกได้ แต่ตัวของ Lenovo Vibe X2 ดูจะมีความแตกต่างไปจากมือถือแทบทุกรุ่นในปัจจุบันเลย นั่นคือมันมาพร้อมการออกแบบในลักษณะของชั้นเลเยอร์ซ้อนทับกัน จะให้เข้าใจง่ายก็คือเป็นแบบขนมชั้นนั่นล่ะครับ นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกเลยก็ได้ที่ใช้คอนเซ็ปท์การออกแบบในลักษณะนี้
ถ้าให้พูดถึงข้อดีของการออกแบบในลักษณะนี้ ส่วนตัวผมว่าก็น่าจะเป็นเรื่องความสวยงาม ความแปลกใหม่เท่านั้นเอง เพราะถ้าให้จัดเข้าพวกในสองแบบที่กล่าวไปข้างต้นนั้น ก็คงจะเป็นพวกที่แกะฝาหลังไม่ได้นี่ล่ะครับ การใช้งานจริงๆ ก็ไม่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปเท่าไร ในเรื่องความสวยงาม ก็ถือว่าลงตัวใช้ได้เลยนะ เพราะ Lenovo Vibe X2 มาในแบบแบนๆ สี่เหลี่ยม ดู flat ตามสมัยนิยม ดูแล้วโฉบเฉี่ยวอินเทรนด์ใช้ได้ ผู้ชายใช้ก็ได้ ผู้หญิงใช้ก็ดี
แค่ลองสัมผัส แล้วจะรัก Vibe X2
ส่วนตรงด้านข้างเครื่องที่เห็นลักษณะเป็นชั้นเหมือนขนมชั้น ถ้าลองจับเครื่องจริงดู จะพบว่ามันเป็นชั้นที่เกิดจากการประกบกันของชั้นพลาสติกจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่การทาสีคนละสีกัน ซึ่งการที่มันแยกชั้นกันจริงๆ ยังช่วยทำให้สามารถจับเครื่องได้กระชับมือ โดยเฉพาะตอนที่วางนิ้วกลาง นาง ก้อยไว้ที่ขอบเครื่อง เพราะมันมีความฝืดที่เกิดจากการเหลื่อมชั้นของพื้นผิวอยู่ ต่างไปจากมือถือหลายๆ รุ่นที่ขอบข้างเป็นแบบชิ้นเดียวที่ทำใหลื่นมือกว่าเล็กน้อย ตรงนี้จะถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อดีของการออกแบบให้ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นชั้นเลเยอร์ก็ได้นะ
ด้านของหน้าจอ ก็ถือว่าเป็นอึกหนึ่งจุดที่ Lenovo Vibe X2 ทำออกมาได้ดี จนถือว่าเป็นมือถือราคาหมื่นต้นๆ ที่หน้าจอสวยมากเลยทีเดียว ทั้งความละเอียดระดับ Full HD บนจอ 5 นิ้ว 440 PPI ที่ต้องบอกว่าภาพเนียนตาละเอียดดีมากๆ เหมือนกับเอาสติ๊กเกอร์สวยๆ มาแปะจอไว้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องสีสันก็ทำออกมาได้สดใสแต่ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป สีจอจะออกโทนเขียวนิดๆ นะครับ แต่ไม่มากนัก ความสว่างหน้าจอก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี กำลังใช้งานได้ดีทั้งในร่มและกลางแจ้ง การรับสัมผัสสั่งงานก็ทำได้รวดเร็ว
จากส่วนของดีไซน์ที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคิดว่า Lenovo Vibe X2 จะมาพร้อมน้ำหนักมาก ใช้ไปก็หนักมือ อันนี้ต้องบอกว่าแทบจะเป็นตรงข้ามกันเลย เพราะตามสเปคแล้วมันหนักเพียงแค่ 120 กรัม เบากว่า iPhone 6 ที่หน้าจอมีขนาด 4.7 นิ้วซะด้วยซ้ำไป ส่วนความรู้สึกในการใช้งานจริง ก็รู้สึกได้เลยว่ามันไม่หนักมือเท่าไร การจับถือก็ทำได้กระชับมือ ไม่เทอะทะ รวมๆ แล้วต้องบอกว่าการออกแบบของ Lenovo Vibe X2 ทำออกมาได้โอเคเลยนะ ใช้แล้วรู้สึกชอบ ติดมือดี
พลิกมาดูด้านหลังกันซะหน่อย สำหรับฝาหลังก็ยังคงใช้วัสดุเป็นพลาสติกเหมือนกันครับ แต่เคลือบผิวให้มีความสากมือขึ้นกว่าเนื้อพลาสติกปกติ ถ้าให้เทียบระดับความสาก ก็น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับพวกแผ่นรองเม้าส์ที่เป็นผ้าเลย ทำให้ในการใช้งานจริงไม่ลื่นหลุดมือง่ายๆ ทั้งที่แผ่นฝาหลังราบเรียบไปทั้งหมด ตรงจุดนี้ก็ถือว่าทำได้ดีเลยนะ กับพื้นผิวฝาหลังที่ออกแบบมาให้ใช้งานจริงได้ง่าย
จุดที่น่าสนใจของฝาหลังก็มีอยู่เหมือนกันครับ เช่นบริเวณกล้องที่ราบเรียบไปกับตัวเครื่องทั้งหมดได้แบบไม่มีส่วนนูนออกมาเลย ด้านล่างก็มีช่องลำโพง ใกล้ๆ กันนั้นก็จะเป็นจุดสัมผัสที่ภายในมีขั้วทองเหลืองอยู่ ซึ่งเอาไว้สำหรับใช้งานร่วมกับเคส battery ที่เป็นอุปกรณ์เสริมเฉพาะของ Lenovo Vibe X2 ที่ทำให้สามารถใช้งานเครื่องได้ยาวนานขึ้นนั่นเอง อ้อ!! ฝาหลังไม่สามารถแกะออกมาได้นะ
“Vibe X รุ่น major change”
ส่วนเรื่องของปุ่มกดและพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็จะถูกจัดให้อยู่ด้านข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Power และแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงที่อยู่ทางฝั่งขวาของจอ ตัวปุ่มทำจากอะลูมิเนียม มีการทำลวดลายให้สะท้อนแสง ดูแล้วโดดเด่นขึ้นมาจากแถบข้างเครื่องไม่น้อยเลย ด้านล่างเครื่องเป็นที่ตั้งของพอร์ต Micro USB ส่วนช่องใส่ซิมการ์ดจะเป็นถาดอยู่ฝั่งซ้ายของจอ ซึ่งต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิมจิ้มเข้าไปในช่อง เพื่อให้ถาดใส่ซิมเด้งออกมา สำหรับ Vibe X2 ที่ขายในไทย จะเป็นรุ่นที่ใช้งานได้สองซิม ซิม 1 เป็นไมโครซิม ส่วนซิม 2 จะเป็นนาโนซิมนะครับ ก็ไปเตรียมหาซิมเพื่อใช้งานกันดีๆ ด้วยนะ ปิดท้ายด้วยด้านบนของจอที่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรอยู่
น่าเสียดาย Lenovo Vibe X2 ที่เรารีวิวในครั้งนี้ ไม่มีอุปกรณ์เสริมอย่างเคสลำโพง Vibe X2 Speaker ที่ติดตั้งลำโพง JBL มาให้ในตัว ช่วยเพิ่มพลังเสียงจาก Vibe X2 ให้ดังชัดถึงใจ รวมถึงเคสแบตเตอรี่ Vibe Xtension ที่สามารถเพิ่มระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้ได้ถึงกว่า 75% ถ้าได้มา รับรองว่าใช้งาน Lenovo Vibe X2 ได้สนุกถึงใจกว่าเดิมแน่นอน ซึ่งอันนี้ก็หวังว่าทาง Lenovo ประเทศไทยจะนำเข้ามาขายอย่างเป็นทางการด้วยนะ เพราะน่าจะมีคนถามหากันแน่ๆ โดยเฉพาะเคสแบตเตอรี่
สรุปภาพรวมด้านดีไซน์ หน้าตาของ Lenovo Vibe X2 ส่วนตัวผมยกให้มันเป็นรุ่น major change จาก Vibe X ตัวแรกได้แบบไม่ต้องสงสัยเลย เพราะมารอบนี้ Lenovo จัดการยกเครื่องทั้งคอนเซ็ปท์การออกแบบ วัสดุที่เลือกใช้ หน้าตาก็ปรับเปลี่ยนจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย จากเดิมที่ดูหน้าตาจะเกินๆ ล้นๆ มาหน่อย แต่พอมาใน Vibe X2 กลับเปลี่ยนแนวไปเป็นมินิมอลลิสท์แบบเต็มตัว ซึ่งก็น่าจะโดนใจหลายๆ คนอยู่เหมือนกันนะ สำหรับดีไซน์ที่ดูน้อย แต่ใช้งานจริงได้มากแบบนี้
ภาพด้านบนนี้ก็เป็น Lenovo Vibe X2 ที่อยู่ในเคสพลาสติกใส ซึ่งมีแถมมาให้ในกล่องครับ ตัวเคสถูกออกแบบมาให้ “เกือบ” พอดีกับตัวเครื่อง ที่ผมใช้คำว่าเกือบก็เพราะมันสามารถใส่ใช้งานได้ตามปกติ แต่ถ้าลองกดๆ เคสที่บริเวณมุมเหนือกล้องหลัง จะพบว่ามันสามารถกดเข้าไปให้แนบกับฝาหลังได้อีก และไม่เข้ากับรูปเครื่องเป๊ะๆ 100% ตรงนี้ก็อาจจะเป็นข้อผิดพลาดจากการออกแบบเล็กน้อยล่ะนะ เพราะมันก็สามารถใช้งานได้ แต่ไม่ฟิตพอดีนั่นเอง
ส่วนด้านล่างนี้ก็เป็นแกลเลอรี่ภาพมุมต่างๆ ของตัวเครื่อง Lenovo Vibe X2 มาชมกันเลย
Software
Lenovo Vibe X2 เองมาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat ที่ครอบมาด้วย UI ของ Lenovo เอง ซึ่งได้รับการปรับปรุงอินเตอร์เฟสหน้าตาต่างๆ ให้ดูแฟลต ดูแบนมากขึ้น ซึ่งก็ดูทันสมัยเช่นเดียวกับหน้าตาตัวเครื่องเลยล่ะ ประกอบกับหน้าจอที่สวย เลยทำให้ภาพอินเตอร์เฟสต่างๆ ของ Vibe X2 ออกมาดูดีจริงๆ ลบภาพความเป็นมือถือจีนไปได้เยอะทีเดียว สำหรับอินเตอร์เฟสเดิมที่ติดมากับเครื่องนี้ จะไม่มีหน้ารวมแอพนะครับ ไอคอนแอพที่ติดตั้งจะโผล่ขึ้นมาบนหน้าโฮมไปเลย เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นแบบ iPhone นั่นล่ะ
พื้นที่รอมสำหรับเก็บข้อมูลก็ให้มาเบ็ดเสร็จในตัวเลย 32 GB แม้จะไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้ก็ตาม แต่ก็จัดว่าเป็นช่วงความจุที่น่าจะกำลังพอดีๆ กับการใช้งานทั่วไปแล้ว ไม่ว่าจะใส่เพลง หนัง ไฟล์ต่างๆ จะใช้เป็น flashdrive สำหรับเก็บข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ก็ทำได้สบายๆ (ถ้าขนาดไฟล์แต่ละไฟล์ไม่เกิน 4 GB นะ) โดยพื้นที่ที่ให้มา 32 GB จะเหลือให้ใช้งานจริงราวๆ 26 – 27 GB ด้วยกัน ส่วนเรื่องแรมนั้น ในระหว่างการใช้งานจริง จาก 2 GB จะเหลือว่างพร้อมใช้งานอยู่ในช่วง 700 – 900 MB ครับ นับว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานแน่นอน ทำให้การใช้งานจริงออกมาไหลลื่น ตอบสนองเร็วทันใจ สามารถเปิด/ปิดแอพได้เร็วน่าพอใจเลย
ส่วนแอพพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานก็เช่น Security สำหรับป้องกันไวรัส มัลแวร์ต่างๆ ที่อาจแฝงมาทางแอพเถื่อน, SYNCit สำหรับซิงค์ข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อ/SMS, SHAREit ที่ทำให้การแชร์ไฟล์กับเพื่อนเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยการแชร์ไฟล์แบบไม่ต้องใช้สายเลย นอกจากนี้ยังมีแอพนำทาง แอพอ่านและแก้ไขไฟล์เอกสาร WPS Office ติดตั้งมาให้ด้วย ดูแล้วก็เรียกว่าพร้อมสำหรับการใช้งานได้ทันทีครับ รวมถึงถ้าต้องการโคลนข้อมูลจากมือถือ Android เครื่องเก่ามายังเครื่องใหม่ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะซื้อ Lenovo Vibe X2 ดีเลยทีเดียว
Feature
มาต่อกันที่ส่วนของฟีเจอร์ที่น่าสนใจกันครับ ซึ่งโดยมากจะไปอยู่ในส่วนของการตั้งค่าฟีเจอร์อีกที ตัวแรกที่ผมชอบและมองว่าน่าสนใจมากเลยก็คือพวก gesture ท่าทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- Knock to light ทำให้เราสามารถเคาะหน้าจอสองครั้งติดๆ กันเพื่อเปิดหน้าจอได้
- Quick Snap ถ้าปิดหน้าจออยู่ สามารถกดปุ่มโฮมสองครั้งติดๆ กัน เพื่อถ่ายรูปจากกล้องหลังได้เลย โดยไม่ต้องเปิดจอก่อน
- Raise to snap ทำให้สามารถเปิดกล้องได้โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ โดยต้องวางเครื่องในแนวระนาบ แล้วยกเครื่องขึ้นมาในแนวนอน จนมาอยู่ในระดับสายตาเหมือนตอนถ่าย หน้าจอจะติดขึ้นมาเอง และกล้องหลังจะเปิดทำงานโดยอัตโนมัติ (ยังไม่ถ่าย)
บางทีถ้าอ่าน อาจจะมองไม่เห็นภาพมากนัก แนะนำว่าลองชมคลิปวิดีโอแนะนำจุดเด่นของ Lenovo Vibe X2 จากข้างบนของรีวิวกันได้นะครับ รับรองเห็นภาพขาวๆ แน่นอน อิอิ
สำหรับฟีเจอร์การปรับการแสดงผลหน้าจอก็ทำได้หลากหลายกว่าแค่ความสว่าง เพราะมันสามารถปรับโทนสี color balance ให้ถูกใจผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นโหมดหน้าจอสีเหลือง-แดงถนอมสายตา, โหมดความสว่างสูงกว่าปกติ หรือจะเลือกปรับโทนสีตามใจชอบก็ได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ClearMotion ที่ช่วยทำให้การแสดงผลวิดีโอดูไหลลื่นอีกด้วย
Camera
มาดูในส่วนของกล้องถ่ายรูปกันต่อเลยครับ ในรอมของ Lenovo Vibe X2 นี้ เมนูกล้องต่างๆ ได้รับการออกแบบให้มีความซับซ้อนน้อยลง สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เน้นความเป็นออโต้มากกว่าเดิม ถ้าอยากใส่เอฟเฟ็คท์ในภาพ ก็เข้าเลือกเมนูเอฟเฟ็คท์ จากนั้นก็ค่อยเลือกใส่ฟิลเตอร์แบบสดๆ ก่อนถ่ายได้เลย ไม่มีตัวเลือกมาให้เลือกเยอะแยะมากมายจนสับสนเหมือนในรอมเวอร์ชันเก่าๆ ของ Lenovo เองอีกแล้ว การปรับตั้งค่าต่างๆ ก็ทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปิดเสียงชัตเตอร์ การตั้งค่าให้ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงทำหน้าที่เป็นปุ่มซูมหรือปุ่มถ่ายรูปได้ด้วย
ส่วนในการถ่ายภาพจริงๆ การโฟกัสอัตโนมัติ การปรับแสง ชดเชยแสงอัตโนมัติก็ทำได้ค่อยข้างรวดเร็ว แม่นยำดีครับ
กล้องหน้านั้น ก็ออกแบบมาให้เหมาะกับการเซลฟี่แบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกโหมดบิวตี้หน้าใส ที่สามารถปรับระดับความใสเนียนของหน้าได้เลย รวมถึงยังมีตัวเลือกการเพิ่มแสงสว่างในการถ่ายรูปให้อีกด้วย ไม่ว่าจะโทนแสงสีเหลืองหรือจะสีชมพูก็ตามใจชอบเลย ปิดท้ายด้วยตัวเลือกการสั่งถ่ายภาพ ที่มีให้เลือกทั้งการรับถอยหลัง, การแตะหน้าจอเพื่อถ่ายรูป, การสั่งงานด้วยเสียง (ใช้คำว่า snap หรือ cheese เพื่อสั่งถ่าย),? จับจากการกระพริบตาแบบช้าๆ รวมถึงยังสามารถสั่งถ่ายรูปได้ด้วยการชูสองนิ้วเป็นตัว V เรียกว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่ายเซลฟี่ได้ดีมากๆ เลย จากเท่าที่ลองดู ก็พบว่ามันจับได้แม่นพอสมควรครับ มีไม่ติดบ้างอยู่เหมือนกัน
ด้านล่างนี้ก็เป็นตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหล้งและกล้องหน้า Lenovo Vibe X2 มาชมกันเลย
Performance
ด้านของผลการทดสอบประสิทธิภาพ Lenovo Vibe X2 ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีสำหรับมือถือรุ่นกลางๆ เลยครับ ความแรงนี่น้องๆ พวกสเปคระดับท็อปเลย ต้องบอกว่าชิปประมวลผล 8 คอร์ของ MediaTek ตัวนี้สามารถใช้งานได้ดีทั้งในระดับการใช้งานทั่วไป และการใช้งานหนัก อย่างพวกเล่นเกม หรือใช้งานแอพที่ต้องใช้พลังประมวลผลคำนวณเยอะๆ เลย เพราะมีการแบ่งคอร์ประมวลผลเป็นสองชุด คือชุด 4 คอร์สำหรับรับงานหนัก และชุด 4 คอร์สำหรับใช้งานเบา ซึ่งถ้ามองแยกแต่ละชุดแล้ว ก็ต้องบอกว่าจำนวนคอร์และความเร็วนั้นเหลือเฟือมากๆ
สำหรับความแรงระดับนี้ ต้องบอกว่าสามารถใช้งานได้ทุกประเภทของการใช้งานบนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค ถ่ายรูป อัพรูป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม 3D หนักๆ ใช้งานแอพเกี่ยวกับการคำนวณต่างๆ ก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหา เรียกว่ามือถือระดับท็อปราคาสูงกว่านี้ทำอะไรได้ Vibe X2 ก็ทำได้ไม่แพ้กันเลยล่ะ
ส่วนในแง่ของการประหยัดพลังงาน Lenovo Vibe X2 ก็ทำได้ดีพอประมาณครับ ที่น่าประทับใจก็คือส่วนอินเตอร์เฟสที่แสดงปริมาณการใช้งานแบตเตอรี่ในเมนู Power management เพราะมีการแสดงระยะเวลาที่ใช้งานแบตเตอรี่จริงๆ และระยะเวลาที่สแตนด์บายเครื่องเอาไว้ให้อ่านได้อย่างง่ายดาย โดยในการใช้งานจริง พบว่าสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ 1 วันแบบพอดีๆ กับรูปแบบการใช้งานทั่วไปครับ เล่นโซเชียล ถ่ายรูป อัพรูป เล่นเกมบ้างเล็กน้อย เปิดเว็บ ใช้งาน 3G เป็นหลัก ใช้ WiFi บ้างบางเวลา แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ ก็มีแววว่าจะอยู่ไม่ถึงวันเหมือนกัน เนื่องจากจอเป็นจอความละเอียดสูงระดับ Full HD ที่กินไฟค่อนข้างมาก รวมถึงแบตเตอรี่ในตัวก็ให้มาความจุแค่ 2300 mAh เท่านั้นเอง
แต่ถ้าใครจำเป็นต้องใช้งาน Lenovo Vibe X2 แบบเน้นระยะเวลาให้ได้นานที่สุด และต้องการใช้แค่สแตนด์บายรอรับสาย หรือเตรียมโทรออกเป็นหลัก Vibe X2 ก็มีโหมด Ultimate Power Saver ที่จะลดการใช้พลังงานจากส่วนที่ไม่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุด จะได้ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานๆ ซึ่งโดยหลักแล้ว ก็จะไปปิดการใช้งาน Internet ปิด GPS เป็นต้น (แต่ก็ยังเปิดได้จากการดึงแถบ notifications ลงมา) ส่วนหน้าจอก็จะปรับเป็นแบบในภาพริมขวาสุดครับ เน้นสีขาวดำเป็นหลัก ถ้าเปิดโหมดนี้ รับรองว่าใช้งานได้นานแน่นอน
Gallery
ภาพแถมซักเล็กน้อยนะครับ ^^