ในบทความรีวิวก่อนหน้านี้ ผมได้รีวิว HUAWEI nova 3i สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับ 4 กล้อง และสมองกล AI เครื่องแรกของโลก แต่ nova 3i ไม่ได้เป็นรุ่นเดียวที่มี 4 กล้อง AI เพราะตอนที่เปิดตัวนั้นมีด้วยกัน 2 รุ่น โดย nova 3i นั้นถือเป็นรุ่นน้อง และแน่นอนว่าวันนี้เราจะมารีวิวรุ่นพี่ HUAWEI nova 3 กันครับ
HUAWEI nova 3 ถูกขนานนามว่าเป็น Flagship killer’s killer หรือแปลเป็นไทยว่า “ผู้ฆ่านักฆ่าเรือธง” ต้องบอกว่าในช่วงหลัง ๆ มานี้ มีสมาร์ทโฟนประเภทหนึ่งจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เน้นอัดสเปคให้แรงเท่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธง แต่วางจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่า แลกมากับการที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีแปลกใหม่ เน้นแค่ว่าใส่ฟีเจอร์ที่เรือธงมี แล้วก็ถูกขนานนามว่า Flagship Killer หรือนักฆ่าเรือธงนั่นเอง
สเปค HUAWEI nova 3
- ความจุ 128 GB รองรับ Micro SD Card (ถาดซิมแบบ Hybrid Slot)
- กล้องหลังคู่ ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล Monochrome + 16 ล้านพิกเซล RGB Bionic Dual lens + AI Deep Learn รูรับแสงกว้าง f/1.8 ทั้ง 2 เลนส์ และรองรับฟีเจอร์ AI Powered Super Resolution
- ชิปประมวลผล Kirin 970 with NPU Octa-core (4 Cortex-A73 ความเร็ว 2.4 GHz + 4 Cortex-A53 ความเร็ว 1.8 GHz)
- Ram 6 GB
- หน้าจอ TFT LCD ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 พร้อม Notch Screen
- มี AI Game Suite สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ
- กล้องหน้าคู่ ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (กล้องหลัก) + 2 ล้านพิกเซล (กล้องรอง) พร้อม AI และเซนเซอร์อินฟาเรด
- รองรับการปลดล็อกใบหน้า (Face Unlock) ในทุกสภาพแสง
- ถ่ายวีดีโอ Super Slow-Motion ได้ที่ 480 fps
- รองรับ Dual 4G และ Dual VoLTE
- แบตเตอรี่ความจุ 3,750 mAh รองรับ HUAWEI Quick Charge 18W
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C พร้อมพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
แต่สิ่งที่ HUAWEI nova 3 แตกต่างจากพวก Flagship killer ก็คือ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ให้สเปคมาเทียบเท่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธง แต่ดันมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ใส่เข้ามาด้วย รวมถึงการดีไซน์ การออกแบบของตัวเครื่อง คือถ้าไม่ติดว่าเป็นแบรนด์ HUAWEI ที่มีซีรี่ส์เรือธงอยู่แล้ว ผมว่า nova 3 สามารถไปเป็น Flagship Smartphone ของยี่ห้ออื่นได้เลยล่ะ เพราะฉะนั้นมันจึงได้ถูกเรียกว่าเป็น “ผู้ฆ่านักฆ่าเรือธง” อีกทีนั่นเอง
ว่าแต่ผู้ฆ่านักฆ่าเรือธงของ HUAWEI รุ่นนี้ จะมีทีเด็ดจริงตามคำล่ำลือหรือไม่ กล้องถ่ายรูปออกมาเป็นยังไง สวยแจ่มขนาดไหน เลื่อนลงมาอ่านรีวิว nova 3 ได้เลยครับ
Performance – นี่มันเรือธงปลอมตัวมาชัด ๆ
สิ่งที่ HUAWEI ใส่มาใน nova 3 อาจจะไม่ใช่ชิปเซ็ตรุ่นใหม่เหมือน nova 3i ที่มาพร้อม Kirin 710 แต่เป็นการใส่ Kirin Series 9 ที่เป็นซีรี่ส์ท็อปสุด และสงสัยจะกลัวแบรนด์อื่นไม่สะเทือน เลยใส่เป็น Kirin 970 ชิปเซ็ตระดับเรือธงที่อยู่ใน HUAWEI Mate 10 Pro, P20 Series ชิปที่มาพร้อมกับ NPU (Nerual Processing Unit) หรือชิป AI แยก
สเปคของ Kirin 970 เป็นชิปประมวลผลแบบ Octa-core แบบ 4 Cortex-A73 ความเร็ว 2.4 GHz + 4 Cortex-A53 ความเร็ว 1.8 GHz เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร มาพร้อมชิปประมวลผลกราฟฟิค Mali-G72MP12 ชิปกราฟฟิคแบบ 12 Core ทำให้การประมวลผลมีความรวดเร็ว ทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไป จนถึงการเล่นเกม
ความโหดอีกอย่างของ nova 3 คือมาพร้อมกับความจุสูงถึง 128 GB แบบ UFS ผมลองทดสอบการอ่าน/ เขียนข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench ได้ผลที่ 875 MB/s สำหรับการอ่าน และ 177 MB/s สำหรับการเขียนข้อมูล แถมยังมี Ram ในตัวเครื่องสูงถึง 6 GB ก็อย่างที่ผมได้บอกไปล่ะครับ ถ้า nova 3 ไม่ได้แปะยี่ห้อ HUAWEI มันสามารถเป็นเรือธงได้เลย
ด้านแบตเตอรี่ nova 3 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,750 mAh จัดอยู่ในเกณฑ์ของแบตเตอรี่ความจุสูงกว่ามาตรฐาน และด้วยชิปเซ็ต Kirin 970 ที่ผลิตบนเทคโนโลยี 10 นาโนเมตร + NPU ที่เข้ามาช่วยในการจัดการพลังงาน ตอนที่รีวิว nova 3 ผมจะชาร์จไฟเฉลี่ย 2 วันครั้ง การใช้งานก็ใช้งานปกติ เล่นโซเชียล, ถ่ายภาพ, เล่นเกม, เชื่อมต่อ 4G สลับกับ Wi-Fi
สำหรับการชาร์จไฟ nova 3 รองรับการชาร์จเร็ว HUAWEI Quick Charge 18W (9V: 2A) สามารถชาร์จไฟกลับได้รวดเร็วผ่านพอร์ต USB-C โดยเฉพาะช่วงแบตเตอรี่ 0 – 50% ผมลองจับเวลาคร่าว ๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้นเอง
Camera – 4 กล้องสมองกล AI ธรรมดาซะที่ไหน
กล้องถ่ายรูป ถือจุดเด่นแรกของ HUAWEI nova 3 เลยก็ว่าได้ครับ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องคู่หน้าหลัง เท่ากับว่ามีกล้องหลังคู่ และกล้องหน้าคู่ ทำให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน ในแง่ของฟีเจอร์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ฮาร์ดแวร์กล้องที่ใส่มาใน nova 3 สำหรับผมถือว่าเป็นฮาร์ดแวร์ที่ดุมาก สำหรับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลาง ๆ และในท้องตลาด ณ ตอนนี้ก็คงมีอยู่ไม่กี่รุ่นหรอกครับ ที่ใส่กล้องหลังคู่แบบ Monochrome + RGB ให้แบบนี้ เพราะกล้องคู่ในลักษณะเซ็นเซอร์ขาวดำกับเซ็นเซอร์สี มักจะอยู่ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเท่านั้น
กล้องคู่แบบ Monochrome + RGB เป็นรูปแบบของเทคโนโลยีที่ HUAWEI เลือกใช้ในสมาร์ทโฟนเรือธงมาโดยตลอด เพราะมันให้ภาพที่เก็บรายละเอียดได้ครบครัน Dynamic range ที่กว้างจากเซ็นเซอร์ขาวดำ Monochrome และทำการเติมสีด้วยเซ็นเซอร์ RGB ภาพที่ได้ก็จะแสดงสีสันได้สดมากกว่า เก็บรายละเอียดได้ดีกว่ากล้องของสมาร์ทโฟนทั่วไป
ทวนสเปคกล้องหลัง HUAWEI nova 3 กันหน่อย สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ AI ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (Monochrome) ส่วนกล้องอีกตัว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล RGB Bionic Dual lens + AI Deep Learn รูรับแสงกว้าง f/1.8 ทั้ง 2 เลนส์ และรองรับฟีเจอร์ AI Powered Super Resolution
การที่มี AI เข้ามาช่วย ทำให้ nova 3 สามารถแยกแยะฉากต่าง รวมถึงวัตถุได้ถึง 22 รูปแบบ คำถามต่อมาคือ แยกแยะฉาก หรือวัตถุต่าง ๆ ได้แล้วยังไงต่อ แค่ขึ้นไว้เฉย ๆ ให้ดูเท่เพียงเท่านั้น แน่นอนว่าการแยกฉากแยกวัตถุของกล้องมือถือ HUAWEI ไม่ได้แค่แยกเฉย ๆ แต่มันมีการจัดการภาพ (หรือจะเรียกว่าแต่งภาพ) ให้เป็นไปตามรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้
คำถามที่ 2 คือ ใครเป็นคนกำหนดรูปแบบการแต่งภาพล่ะ? รูปแบบของภาพถ่ายที่ใช้ในการปรับแต่งภาพตามฉากต่าง ๆ ใน nova 3 จะมาจากการที่ AI ได้เรียนรู้ภาพถ่ายเป็นจำนวนหลาย ๆ ภาพ จากช่างภาพมืออาชีพ เช่น การถ่ายภาพแล้วเจอทุ่งหญ้า หรือต้นไม้ โหมด Plant จะทำการปรับ White balance ของภาพถ่ายทันที หรือถ้าเอาไปถ่ายดอกไม้ โหมดดอกไม้ก็จะทำการเร่งสี แล้วก็เร่ง saturation (ความอิ่มตัวของสี) ขึ้นไปอีกระดับ
สำหรับโหมดกล้องที่มีใน nova 3 ก็ให้มาพอ ๆ กับเรือธงล่ะครับ แต่ที่ใช้งานบ่อยหน่อยก็คงเป็นพวก Aperture (หน้าชัด หลังเบลอ), Portrait (โหมดภาพถ่ายบุคคล) แล้วก็ที่เหลือคงเป็นโหมด Auto ที่มี AI กับอีกโหมดที่ทำให้การถ่ายภาพไม่ซ้ำซากอย่าง AR Lens
AR Lens ใน nova 3 นอกจากจะมีลูกเล่นหลายแบบมากขึ้นแล้ว ยังมีลูกเล่นเจ๋ง ๆ อย่าง 3D Qmoji ที่จะทำการสร้างแอนิเมชันการ์ตูนน่ารัก ๆ ขยับหน้าตาตามเราได้แบบ real-time เมื่อถ่ายเสร็จก็สามารถแชร์ขึ้นโซเชียลได้ทั้งแบบภาพนิ่ง, วีดีโอ และไฟล์ GIF ครับ
กล้องหน้าของ nova 3 เป็นกล้องหน้าคู่เช่นเดียวกับด้านหลัง มีความละเอียดอยู่ที่ 24 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องรองมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ให้มาไว้สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัด หลังเบลอด้วยกล้องหน้า ทำให้การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอออกมาได้เนียนกว่า เพราะมีการวัดระยะด้วยกล้องรองนั่นเอง
ด้านประสิทธิภาพของกล้อง ผมว่าให้ตัวอย่างภาพถ่ายเป็นคำตอบดีกว่าครับ ไม่อยากพิมพ์เยอะ เดี๋ยวเมื่อยมือ 😛
Design – ผมว่าสวยไม่แพ้เรือธง
HUAWEI nova 3 มีพรีเซ็นเตอร์เป็นคุณเบลล่า ราณี แคมเปญ นักแสดงสาวคนสวย และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่พรีเซ็นเตอร์ที่สวย แต่ตัวเครื่อง nova 3 ยังมาพร้อมกับตัวเครื่องที่สวยไม่แพ้พรีเซ็นเตอร์ ด้วยการเลือกใช้วัสดุเฉกเช่นสมาร์ทโฟนเรือธง เป็นกรอบตัวเครื่องโลหะ กับฝาหลังกระจกแบบ 3D ให้สัมผัสที่เนียนมือมากกว่า รวมถึงการจับถือตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดีมาก
nova 3 เครื่องที่ผมได้รับมา เป็นตัวเครื่องสี Iris Purple ที่มีการไล่เฉดระหว่างสีน้ำเงิน และสีม่วง โดยสีตัวเครื่องจะเปลี่ยนไปตามมุมที่แสงตกกระทบ และนอกจากสี Iris Purple ก็ยังมีสีอื่น ๆ อีก ได้แก่ สีแดง และสีดำ
ด้านองค์ประกอบของตัวเครื่อง นอกจากวัสดุที่ดีแล้ว พอร์ตเชื่อมต่อของ nova 3 ก็มีมาให้อย่างครบครัน ทั้งพอร์ตชาร์จที่เป็น USB-C และช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรที่หลายคนตามหา เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะพวกเรือธงมักจะตัดพอร์ตดังกล่าวออกไป และใช้การเชื่อมต่อหูฟังแบบไร้สาย หรือผ่านพอร์ต USB-C แทน
หน้าจอของ nova 3 นอกจากจะมีขนาดใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ แล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการแสดงสีสันของหน้าจอ ที่สามารถแสดงสีได้ถึง 85% ตามมาตรฐาน NTSC (NTSC Color Gamut) ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับหน้าจอสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลาง
ด้วยความที่เป็นหน้าจอความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 เลยทำให้มีรอยบาก หรือ Notch screen บริเวณด้านบนหน้าจอด้วย แต่ผู้ใช้ก็สามารถเลือกเปิด – ปิด พื้นที่การแสดงผลบน Notch screen ได้ โดยเข้าไปที่ Setting > Display > Notch และเลือกเป็น Hide notch
Feature – อยากได้อะไร nova 3 จัดให้
มาต่อกันที่ฟีเจอร์เด่น ๆ ใน nova 3 สมาร์ทโฟนที่ HUAWEI น่าจะลืมแน่ ๆ ว่ามันคือมือถือระดับกลาง ยังไม่ใช่ตัว Hi-End หรือรุ่นเรือธง เพราะฟีเจอร์ที่มีใน HUAWEI nova 3 นั้น มันแทบจะเทียบเท่าสมาร์ทโฟนราคาแพง ๆ ไปแล้ว
ระบบสแกนใบหน้า
Face Unlock หรือระบบสแกนใบหน้า ฟีเจอร์ที่มีให้ตั้งแต่สมาร์ทโฟนราคาสามพันบาท จนแทบจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานไปแล้วก็ว่าได้ แต่สำหรับ Face Unlock ของ nova 3 จะเหนือกว่า ด้วยความสามารถในการสแกนใบหน้าได้ทุกสภาพแสงจริง ๆ ต่อให้อยู่ในห้องมืด ก็สามารถสแกนใบหน้าได้อย่างแม่นยำ
ความลับที่ทำให้ nova 3 สแกนใบหน้าได้ทุกสภาพแสง อยู่ที่ฮาร์ดแวร์ชิ้นเล็ก ๆ บริเวณ notch screen ข้าง ๆ กล้องหน้า มีการใส่ Infrared sensor เพื่อช่วยในการสแกนใบหน้าในที่มืด โดยกระบวนการสแกนใบหน้าจะทำงานในลักษณะนี้
- ในที่แสงปกติ จะใช้กล้องหน้า 24 + 2 MP ปลดล็อกปกติ (เหมือน nova 3i)
- ในที่ไม่มีแสง มืดสนิทจะใช้กล้องหน้า 2MP + เซนเซอร์อินฟาเรด
ส่วนเรื่องความแม่นยำ และความรวดเร็ว จัดอยู่ในประเภทที่ว่า กด (Power) ปุ๊บ ปลดล็อกปั๊บเลยล่ะครับ
Game Suite
ด้านการเล่นเกม nova 3 เครื่องรีวิวที่ผมได้รับมา มีฟีเจอร์อย่าง Game Suite ที่ช่วยให้การเล่นเกมทำได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ด้วย Game acceleration และ Uninterrupted gaming ที่จะปิดทุกการแจ้งเตือน ไม่เกิดปัญหาตีป้อมแล้วสายเข้า, แชทเด้ง แล้วรบกวนสมาธิในการเล่นเกมอย่างแน่นอน
EMUI 8.2/ Android 8.1 Oreo
nova 3 มาพร้อมกับระบบปฏับัติการ EMUI เวอร์ชันล่าสุดอย่าง EMUI 8.2 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.1 Oreo แพตช์ด้านความปลอดภัยเดือนกรกฎาคม 2018 และมีการอัพเดตให้เรื่อย ๆ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะอัพเดตให้ในอนาคต สมาร์ทโฟนของ HUAWEI การันตีในเรื่องการอัพเดตได้ครับ
Overall
ภาพรวมของ HUAWEI nova 3 กับราคา 16,990 บาท ถ้ามองในมุมของการเป็น Mid-range Smartphone หรือสมาร์ทโฟนระดับกลาง ผมว่า nova 3 ให้อะไรที่มากเกินกว่าสมาร์ทโฟนระดับกลางไปเยอะครับ เยอะถึงขนาดตอนที่รีวิวเผลอคิดไปหลายครั้งว่า มันต้องขนาดนี้เลยเรอะ!!
ด้วยชิปประมวลผลระดับแฟลกชิปสมาร์ทโฟน Kirin 970 ที่มาพร้อมกับ NPU หรือมี AI ในชิปเซ็ต Ram 6 GB รวมกับความจุแบบมาตรฐาน UFS ที่โดดเด่นเรื่องความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล และมีความจุสูงถึง 128 GB ทุกอย่างที่ให้มานั้นมากพอที่จะทำให้ HUAWEI nova 3 สามารถใช้งานได้ยาว ๆ ไปอีก 2 ปีเป็นอย่างน้อย
นอกจากชิปประมวลผลที่ดีเยี่ยมแล้ว nova 3 ยังถือว่าเป็น World’s first 4 AI Cameras Smartphone เรื่องกล้องก็จัดเต็มด้วยกล้องคู่หน้าหลัง พร้อม AI ที่เข้ามายกระดับการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนให้ดีขึ้นไปอีก
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ nova 3 ก็สามารถหาซื้อได้ที่ หัวเว่ย แบรนด์ช้อป, ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และร้านค้าออนไลน์ที่ร่วมรายการ มี สีดำ , สีแดง และ Iris Purple ในราคา 16,990 บาทเท่านั้น โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไปครับ