ส่วนตัวผมห่างหายกับการรีวิว Tablet ไปนานพอสมควร แต่ในรีวิวนี้ จะเป็นการรีวิว HUAWEI MediaPad M5 Pro แท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่พึ่งเปิดตัวไม่เมื่อไม่นานมานี้ ภายใต้คอนเส็ป Work & Play คือใช้ทำงานก็ได้ จะใช้เพื่อความบันเทิงก็ดี
เครื่องรีวิว MediaPad M5 Pro ที่ส่งมาให้ผมทดสอบ ถูกส่งมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมแบบครบเซ็ต คือมาพร้อมกับปากกา M-Pen และ M5 Folio Keyboard โดยตัวปากกา M-Pen จัดเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมตัวเครื่อง MediaPad M5 Pro อยู่แล้ว ส่วน Folio Keyboard ก็หาซื้อเพิ่มได้ในราคาสุดคุ้ม 3,990 บาท
แต่สำหรับลูกค้าที่ทำการพรีออเดอร์ HUAWEI MediaPad M5 Pro ภายในวันที่ 19 สิงหาคม 2561 จะได้รับของสมนาคุณเป็น M5 Folio Keyboard ไปเลยฟรี ๆ ไม่ต้องซื้อ เพราะฉะนั้นพรีออเดอร์เถอะครับ คุ้มแน่นอน!!
MediaPad M5 Pro กับการทำงาน
รีวิว MediaPad M5 Pro บทความนี้จะแปลกหน่อย เพราะผมไม่ได้เรียงเนื้อหาเหมือนรีวิวปกติทั่วไป แต่จะเขียนขึ้นโดยอิงจากประสบการณ์ใช้งานจริง ในการใช้ HUAWEI MediaPad M5 Pro ทำงาน และใช้งานด้านความบันเทิงมาเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
มันใช้แทนคอมพ์ได้ไหม? น่าจะเป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยมาก แม้แต่คนที่ทำงานผมก็สงสัยแบบนี้เช่นกัน ด้วยราคาค่าตัว 18,990 บาท สามารถซื้อ Notebook ระดับเริ่มต้นได้เลย และไม่ใช่แค่เพื่อน ๆ ที่สงสัยหรอกครับ ผมเองก็สงสัยเช่นกัน
ผมเลยพิมพ์รีวิวบทความนี้ด้วย MediaPad M5 Pro รวมถึงลองใช้งานมันแทน Notebook ที่ใช้ประจำ เท่ากับว่าในทุกวัน ผมจะอยู่กับ MediaPad M5 Pro ประมาณ 8 ชั่วโมงขึ้นไป
ปกติผมจะเขียนงานบน WordPress ผ่านทาง Web Browsers หรือพิมพ์ Advertorial Content ด้วย Pages (แอปพลิเคชันบน Mac) หรือ Microsoft Word แล้วก็มีการส่งอีเมล์ กับแชทในกลุ่มไลน์ ซึ่งก็เป็นงานออฟฟิศทั่วไปครับ
วันแรกที่เปลี่ยนจาก MacBook Pro Retina 13 Touch bar มาใช้ MediaPad M5 Pro สิ่งแรกที่สัมผัสได้เลยคือ กระเป๋าเบาลงมาก จากน้ำหนักปกติที่ 1.3 กิโลกรัม (MacBook) เหลือเพียง 870 กรัม รวมปากกา M-Pen ไปด้วยก็ยังไม่เกิน 900 กรัมครับ ขนาดรวม ๆ ก็เล็กลงกว่าเดิม สามารถใส่กระเป๋าแบบ Sling หรือกระเป๋าใบเล็ก ๆ ได้ ไม่ต้องพกเป็นกระเป๋าเป้
สิ่งแรกที่ผมประทับใจใน MediaPad M5 Pro คือสามารถใส่ซิมการ์ด แล้วก็เปิดใช้งาน 4G LTE ได้เลย ทำให้การทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเปิด Hotspot ด้วยสมาร์ทโฟน และก็ไม่จำเป็นต้องเดินหา Wi-Fi เพื่อจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ส่วนตัวผมก็มีแท็บเล็ตที่ตั้งใจซื้อมาทำงานอย่าง iPad Pro 10.5 พร้อม Smart Keyboard คือกะว่าจะใช้แทน MacBook Pro 13 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้สักที ด้วยข้อจำกัดที่เยอะมากในการใช้งาน กับระบบปฏิบัติการ iOS ที่เป็นระบบปิด จะทำอะไรก็ต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันทั้งหมด
แต่สำหรับ MediaPad M5 Pro ในโหมดการทำงาน เมื่อเชื่อมต่อตัวเครื่องเข้ากับ M5 Folio Keyboard ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบเฉพาะ จะมีโหมดพิเศษ ได้แก่ “โหมดเดสก์ท็อป” ที่จะเปลี่ยนหน้าตา UI แบบแอนดรอยด์ ให้มีความใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์มากขึ้น
M5 Folio Keyboard นอกจากจะมาพร้อมกับแป้นพิมพ์แบบเดียวกับ Notebook แล้ว ยังมี Touchpad ในตัวด้วย ทำให้การใช้งานเป็นแบบเดียวกับ Notebook เลยครับ คือใช้ Touchpad ในการเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ หรือจะทัชสกรีนที่หน้าจอก็ได้เช่นกัน
ด้านปุ่มต่าง ๆ บน M5 Folio Keyboard ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานร่วมกับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี บรรดาปุ่มฟังก์ชัน (F1 – F12) ถูกตัดออกไป แล้วแทนที่ด้วยปุ่มทางลัด เช่น ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม, Recent App หรือปุ่มปรับตั้งค่าอื่น ๆ
Layout ของ Keyboard ก็เป็นแบบเดียวกับคีย์บอร์ดบน Notebook คือเป็นคีย์บอร์ดแบบ Chiclet 4 แถว มีช่องว่างระหว่างปุ่มเพื่อให้วางนิ้ว และพิมพ์สัมผัสได้สะดวก
การใช้งาน Touchpad ก็ตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง รองรับทั้งการสัมผัส และการกด มีการแยกปุ่มซ้ายขวา เช่นเดียวกับการกดคลิกซ้าย หรือคลิกขวา และสามารถใช้ 2 นิ้วเพื่อการเปลี่ยนภาพ หรือเลื่อนอ่านหน้าเว็บไซต์ได้ ส่วนใครที่ไม่ถนัดใช้ Touchpad ก็สามารถเชื่อมต่อเมาส์บลูทูธไร้สาย กับ MediaPad M5 Pro ได้เช่นกัน
ด้านการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ MediaPad M5 Pro สามารถเชื่อมต่อกับ Thumbdrive ผ่านพอร์ต USB-C ได้ ส่วนใครที่มีอุปกรณ์เป็นพอร์ต USB-A ก็สามารถใช้ตัวแปลง USB-C to USB-A ได้เช่นกัน
ข้อจำกัดของ MediaPad M5 Pro คือไม่สามารถเชื่อมต่อกับ External Harddisk ได้ครับ สาเหตุน่าจะมาจากการที่จ่ายไฟไม่พอ ส่วนการใช้งานร่วมกับเมาส์แบบมีสาย สามารถเชื่อมต่อได้ตามปกติ
แอปพลิเคชัน Android ทุกแอป สามารถใช้งานบน Desktop Mode ได้อย่างไม่มีปัญหา ผมทดสอบกับ Microsoft Word, Excel, Powerpoint ก็ใช้งานได้ไม่ต่างจากบน Notebook แต่ถ้าเป็นการเล่นเกม ส่วนตัวมองว่า Tablet จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า
ประสิทธิภาพในการทำงานบน HUAWEI MediaPad M5 Pro ที่ใช้ชิปประมวลผล Kirin 960 + Ram 4 GB ความจุในตัวเครื่อง 64 GB สามารถเพิ่มความจุด้วย MicroSD Card ได้ ส่วนตัวหลังจากได้ลองใช้มาเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ผมว่า MediaPad M5 Pro สามารถใช้แทน Notebook ได้เลย สำหรับงานเอกสารทั่วไป, ส่งอีเมล์ หรือจะใช้โปรแกรมแต่งภาพอย่าง Adobe Lightroom CC, Photoshop Express เป็นต้น
อีกหนึ่งฟีเจอร์สำหรับการทำงานด้วย MediaPad M5 Pro ก็คือปากกา M-Pen ปากกาอัจฉริยะที่รองรับแรงกดถึง 4,096 จุด สามารถใช้วาดภาพ, จดงานได้เป็นอย่างดี ตัวปากกาเองยังเอียงเพื่อทำการแรเงาได้อีกด้วย
ในการนำเสนองานด้วย Powerpoint สามารถใช้ M-Pen เพื่อจดโน้ตลงไปในไฟล์ ppt ได้เลย รวมถึงการจดบันทึกลงในแอปพลิเคชันสมุดโน้ต สามารถอ่านลายมือได้แม่นยำทีเดียวทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
ด้วยความที่ผมไม่ได้ถนัดในการวาดรูปมากนัก เลยส่งเครื่องให้น้องที่ออฟฟิศลองวาดการ์ตูน แล้วเทียบกับปากกาของแท็บเล็ตคู่แข่งอย่าง Apple Pencil ผลก็คือ ในแง่ของการตอบสนองต่อการวาด การจับแรงกด ทำได้อย่างสูสี แม้จะยังตอบสนองได้ไม่ไวเท่า (เพราะเทียบกับ iPad Pro หน้าจอ ProMotion) แต่อย่าลืมว่าปากกา M Pen เป็นอุปกรณ์เสริมที่อยู่ในกล่อง ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อแยกเหมือน Apple Pencil หรือ Surface Pen ที่ราคาประมาณ 3,000 บาท
ปิดท้ายหัวข้อการทำงาน ด้วยฟีเจอร์อย่าง HUAWEI Share 2.0 ที่ช่วยให้การทำงานบนแท็บเล็ตเครื่องนี้ กับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สมาร์ทโฟน HUAWEI, คอมพิวเตอร์ หรือ MacBook ราบรื่นมากขึ้น ด้วยการส่งไฟล์ผ่าน Wi-Fi Direct ไม่ต้องลงแอปพลิเคชันเพิ่ม สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
MediaPad M5 Pro ด้านความบันเทิง
ด้วยคอนเส็ปที่ว่า Work & Play และหัวข้อก่อนหน้านี้ ผมได้พูดถึงการทำงานด้วย MediaPad M5 Pro ไปแล้ว หัวข้อนี้จึงเป็นการพูดถึงความบันเทิง เน้นไปที่การดูหนัง, ฟังเพลง และเล่นเกมด้วย HUAWEI MediaPad M5 Pro
ในการรับชมภาพยนตร์ด้วย MediaPad M5 Pro แท็บเล็ตรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.8 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K ความหนาแน่นของพิกเซล 280 ppi ชัดในระดับที่ไม่เห็นเม็ดพิกเซล
หน้าจอมาพร้อมกับเทคโนโลยี ClariVu อัลกอริทึมสุดล้ำ ที่สามารถปรับความคมชัดของเฟรมหรืออัตราส่วนในการแสดงผลให้มีความคมชัดมากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ Eye Comfort Mode หรือโหมดถนอมสายตา ที่สามารถปรับอุณหภูมิสีของแสงโดยอัตโนมัติ
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ที่มีความละเอียดสูง จึงไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ในการรับชมภาพยนตร์, ซีรี่ส์ แต่ในการทำงาน หรือการเล่นเกม ที่ใช้งานบนหน้าจอความละเอียดสูง ยังทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยแทบไม่เกิดอาการล้าสายตาแต่อย่างใด
พูดถึงการแสดงผลไปแล้ว ระบบเสียงของ HUAWEI MediaPad M5 Pro ก็ให้มาแบบสุดทางเช่นกัน ลำโพงที่ให้มาแบบ Quad-Speakers หรือมีลำโพงด้วยกันถึง 4 ตัว ปรับแต่งโดย Harman Kardon แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงระดับโลก
ลำโพง Quad-Speakers ของ MediaPad M5 Pro จึงไม่ใช่แค่เสียงดัง แต่ยังให้เสียงที่ดีมากอีกด้วย และแน่นอนว่ารองรับ Hi-Res Audio ด้วยครับ
ปิดท้ายด้วยการเล่นเกม ด้วยชิปประมวลผล Kirin 960 + Ram 4 GB ผมลองเล่นเกมหลาย ๆ เกมที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ ได้แก่ ROV, Identity V, PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้ (ต้องมีการปรับตั้งค่าในเกม) ด้วยความที่หน้าจอมีความละเอียดสูงมากถึง 2K อาจจะไม่ได้ปรับสุดทุกอย่าง แต่ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ด้วยฟีเจอร์ Game Suite
การจัดการพลังงาน, แบตเตอรี่ และการชาร์จไฟ
ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 7,500 mAh ทำให้การใช้งาน HUAWEI MediaPad M5 Pro สามารถใช้งานได้สบาย ๆ แบบไม่ต้องพกอะแดปเตอร์เพื่อชาร์จไฟระหว่างวัน สำหรับการพกไปทำงานนอกสถานที่ พิมพ์เอกสาร, เล่นอินเทอร์เน็ต, ดู Youtube และเล่นเกมบ้างเล็กน้อย
ข้อสังเกตของการใช้งาน MediaPad M5 Pro ส่วนตัวผมรู้สึกว่า Desktop Mode กินพลังงานมากกว่าโหมดปกติเล็กน้อย อาจเพราะมีการเชื่อมต่อกับ M5 Folio Keyboard ด้วยก็เป็นได้ครับ และยิ่งมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น เช่น Thumb drive ก็จะยิ่งกินพลังงานมากขึ้น เพราะต้องแบ่งไฟไปเลี้ยงที่อุปกรณ์ต่อพ่วง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมก็ยังถือว่ามีการจัดการพลังงานที่น่าประทับใจครับ
ส่วนการชาร์จไฟกลับ เห็นแบตเตอรี่ความจุสูงขนาดนี้ การชาร์จไฟกลับด้วยอะแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่อง กลับทำได้เร็วเกินคาด ด้วยหัวชาร์จแบบ HUAWEI Quick charge 18W (จ่ายไฟได้ 9V: 2A) ใช้เวลาในการชาร์จร่วม 3 ชั่วโมง
บางคนอาจมองว่า เกือบ 3 ชั่วโมงมันเร็วอย่างไร ผมจะบอกว่าสมาร์ทโฟนโดยปกติทั่วไป ที่แบตเตอรี่ประมาณ 3,000 – 4,000 mAh ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า แต่ MediaPad M5 Pro ที่แบตเตอรี่มากกว่าเกือบเท่าตัว ใช้เวลาชาร์จจนเต็มประมาณ 2.9 ชั่วโมงเท่านั้น
กล้องถ่ายรูป
แม้ว่า MediaPad M5 Pro จะเป็นแท็บเล็ต แต่สิ่งหนึ่งที่ผมว่ามันทำได้ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือกล้องถ่ายรูป โดยปกติกล้องแท็บเล็ตมักจะแค่ “ใส่ไว้เฉย ๆ” ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ให้แค่พอถ่ายรูปได้ ไม่ได้ถ่ายเอาสวยเหมือนกล้องสมาร์ทโฟน
แต่กล้องของ MediaPad M5 Pro ผมว่ามันใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสแบบ PDAF รูรับแสง f/2.2 ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 เมนูกล้องเหมือนนสมาร์ทโฟน HUAWEI รวมถึงโหมดต่าง ๆ ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง HUAWEI MediaPad M5 Pro
สรุปภาพรวม
MediaPad M5 Pro เครื่องนี้เหมาะกับใคร? ถ้าต้องการอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงาน และความบันเทิง เน้นพกพาไปข้างนอกเป็นหลัก อยากได้ความคล่องตัวในการใช้งาน และไม่ได้ทำงานเฉพาะทาง (เช่น การเขียนโปรแกรม, ทำกราฟฟิค, เขียนแบบ) ผมว่า MediaPad M5 Pro คือคำตอบ
ด้วยตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบา มีหน้าจอแสดงผลที่ดีเยี่ยม และรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง M-Pen, M5 Folio Keyboard หรือจะเป็น Bluetooth Keyboard, Wireless Mouse และ USB Thumb drive เมื่อรวมกับซอฟท์แวร์ที่มี Desktop Mode ทำให้การใช้งาน MediaPad M5 Pro แทบจะไม่ต่างจากการใช้งาน Notebook เลยครับ
ในด้านความบันเทิง นอกจากหน้าจอ 10.8 นิ้วความละเอียด 2K ที่ให้ความคมชัดมากแล้ว ระบบเสียงของ MediaPad M5 Pro ก็ไม่ธรรมดา มาพร้อมกับลำโพง 4 ตัว Quad-speakers ที่ปรับจูนโดย Harman Kardon ผู้ผลิตเครื่องเสียงระดับโลก และยังรองรับ Hi-Res Audio อีกด้วย
สเปค HUAWEI MediaPad M5 Pro
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 10.8นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง 258.7 x 171.8 x 7.3 มม. และหนัก 498กรัม
- ชิปประมวลผล HiSilicon Kirin 960 CPU Octa-Core (4xA73(2.4GHz) + 4xA53(1.8 GHz))
- RAM 4 GB
- ความจุ 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องหน้า 8ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo พร้อมอกับ EMUI 8.0
- แบตเตอรี่ 7500 mAh พร้อมฟีเจอร์ Fast Charge ชาร์จเต็ม 100 % ภายใน 3ชั่วโมง
- ลำโพง Quad Stereo Speakers Tunned by Harman/Kardon
- รองรับ Single SIM และเพิ่ม microSDสูงสุด 256 GB
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
ราคา และวันวางจำหน่าย
ด้วยราคาค่าตัว 18,990 บาท ผมว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เพราะในชุดจะมีปากกา M Pen แถมมาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อแยกเหมือน Surface และ iPad Pro, iPad 2018 ที่สำคัญคือปากกา M Pen ก็ให้การตอบสนองที่ดีไม่แพ้พวกปากการาคาเกือบ 4,000 บาทด้วยครับ
MediaPad M5 Pro จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 โดยสามารถหาซื้อได้ที่ หัวเว่ย แบรนด์ช้อป, ร้านค้าที่ร่วมรายการ และร้านค้าออนไลน์