Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว Samsung Galaxy Tab S10 FE+ แท็บเล็ตจอใหญ่ 13.1 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ AI ในราคาที่เข้าถึงได้
    Phone Review

    รีวิว Samsung Galaxy Tab S10 FE+ แท็บเล็ตจอใหญ่ 13.1 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ AI ในราคาที่เข้าถึงได้

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng21 เมษายน 2025Updated:21 เมษายน 2025
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    พบกับรีวิว Samsung Galaxy Tab S10 FE+ แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดในตระกูล Fan Edition ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์ FE และฟีเจอร์ AI ที่ครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานมาระยะหนึ่ง พบว่านี่เป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์หน้าจอใหญ่ในราคาที่สมเหตุสมผล มาดูกันว่า Galaxy Tab S10 FE+ มีจุดเด่นและจุดด้อยอะไรบ้าง

    รีวิว Samsung Galaxy Tab S10 FE+

    Design – การออกแบบตัวเครื่อง

    Samsung Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมดีไซน์ที่บางเฉียบเพียง 6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 664 กรัมสำหรับรุ่น Wi-Fi (668 กรัมสำหรับรุ่น 5G) ทำให้ถือใช้งานได้อย่างสบายมือแม้จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ ตัวเครื่องทำจากวัสดุอะลูมิเนียมที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมและทนทาน

    จุดเด่นที่น่าสนใจคือการมาพร้อมกับขอบจอที่บาง ทำให้มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์และการทำงานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น IP68 ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในแท็บเล็ตระดับกลาง ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียน ห้องประชุม หรือแม้แต่กลางแจ้ง

    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy Tab S9 FE+ จะเห็นได้ว่า S10 FE+ มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย (300.6 x 194.7 x 6.0 มม. เทียบกับ 285.4 x 185.4 x 6.5 มม.) แต่บางกว่า ทำให้ดูทันสมัยและพกพาสะดวกมากขึ้น

    สำหรับสีที่มีจำหน่ายในประเทศไทย Galaxy Tab S10 FE+ มีเพียงสีเทา (Gray) เท่านั้น ซึ่งดูเรียบหรูและเข้ากับทุกสไตล์การใช้งาน


    Display – หน้าจอและการแสดงผล

    หน้าจอของ Galaxy Tab S10 FE+ ถือเป็นจุดขายหลักของอุปกรณ์นี้ ด้วยขนาด 13.1 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า iPad Air M3 รุ่น 13 นิ้ว เล็กน้อย (iPad Air M3 มีขนาดจอ 13.0 นิ้ว) หน้าจอเป็นแบบ IPS LCD ความละเอียด 1800 x 2880 พิกเซล อัตราส่วน 16:10 แม้จะไม่ใช่จอ AMOLED เหมือนรุ่น Ultra แต่ก็ให้คุณภาพการแสดงผลที่ดี

    จุดเด่นของหน้าจอคือการรองรับอัตรารีเฟรช 90Hz ซึ่งทำให้การเลื่อนหน้าจอและการใช้งานทั่วไปลื่นไหลกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป (และดีกว่า iPad Air M3 ที่มีอัตรารีเฟรชเพียง 60Hz) นอกจากนี้ยังมีความสว่างสูงสุดถึง 800 nits ในโหมด High Brightness Mode ทำให้สามารถใช้งานกลางแจ้งได้โดยไม่มีปัญหา

    ในการทดสอบการใช้งานจริง หน้าจอให้สีสันที่สดใส มีมุมมองที่กว้าง และมี Algorithm Vision Booster ที่ช่วยปรับความสว่างและการมองเห็นโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงมีการลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาในการใช้งานเป็นเวลานาน

    เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน หน้าจอของ Galaxy Tab S10 FE+ ถือว่าทำได้ดีมาก โดยเฉพาะการเพิ่มอัตรารีเฟรชเป็น 90Hz ทำให้การใช้งานลื่นไหลกว่าแท็บเล็ตหลายรุ่นที่ยังคงใช้อัตรารีเฟรช 60Hz อยู่


    Performance – ประสิทธิภาพและฮาร์ดแวร์

    Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมชิปเซ็ต Exynos 1580 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 4 นาโนเมตร ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับกลางที่ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยมี CPU แบบ Octa-core (1×2.9 GHz Cortex-A720 & 3×2.6 GHz Cortex-A720 & 4×1.9 GHz Cortex-A520) และ GPU Xclipse 540

    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy Tab S9 FE+ ที่ใช้ชิป Exynos 1380 จะเห็นได้ว่า S10 FE+ มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมาก โดยข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเร็วขึ้นประมาณ 40% ในการประมวลผลทั่วไป ซึ่งช่วยให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกันและการเล่นเกมทำได้ดีขึ้น

    ในด้านหน่วยความจำ รุ่นที่ขายในไทยมีให้เลือกเฉพาะรุ่น 12GB RAM + 256GB ROM ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป และยังรองรับการใส่ microSD card เพิ่มความจุได้สูงสุด 2TB ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตหลายรุ่นที่ไม่รองรับการขยายความจุ

    ในการทดสอบการเล่นเกม พบว่าสามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลในระดับกราฟิกปานกลาง แต่อาจมีอาการกระตุกบ้างเมื่อเปิดกราฟิกสูงสุด เกม Genshin Impact สามารถเล่นได้ค่อนข้างดีบนการตั้งค่ากราฟิกต่ำถึงปานกลาง แต่จะกระตุกเมื่อเปิดกราฟิกสูงสุด เช่นเดียวกับเกม Wuthering Waves ที่ต้องลดกราฟิกลงเพื่อให้เล่นได้ลื่น

    สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างการท่องเว็บ ดูวิดีโอ ใช้โซเชียลมีเดีย หรือทำงานเอกสาร Galaxy Tab S10 FE+ ทำได้ดีมาก ไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วง แม้จะเปิดแอพหลายๆ แอพพร้อมกันก็ตาม


    Battery – แบตเตอรี่และการชาร์จ

    แบตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy Tab S10 FE+ ด้วยความจุขนาดใหญ่ 10,090 mAh ซึ่งใหญ่กว่า iPad Air M3 ที่มีแบตเตอรี่ขนาด 9,705 mAh ในการทดสอบการใช้งานจริง สามารถใช้งานได้ยาวนานมาก โดยสามารถสตรีมวิดีโอได้นานถึงเกือบ 16 ชั่วโมง หรือใช้งานแบบผสมผสานได้ประมาณ 11 ชั่วโมงจากการชาร์จครั้งเดียว

    นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็ว 45W ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับ iPad Air M3 ที่รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 20W เท่านั้น โดยใช้เวลาชาร์จจาก 0% เป็น 100% ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

    ด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่และการชาร์จที่เร็ว ทำให้ Galaxy Tab S10 FE+ เป็นแท็บเล็ตที่เหมาะสำหรับการใช้งานนอกสถานที่หรือการเดินทาง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน


    ฟีเจอร์ AI ครบครัน

    Galaxy Tab S10 FE+ เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ FE ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในหลายด้าน ได้แก่:

    • Circle to Search with Google: ค้นหาสิ่งที่เห็นบนหน้าจอได้ง่ายๆ เพียงวงกลมด้วยนิ้วหรือ S Pen โดยไม่ต้องสลับแอป ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม แปลข้อความบนหน้าจอ หรือขอความช่วยเหลือในการทำการบ้านด้วยคำอธิบายทีละขั้นตอนได้ทันที
    • Samsung Notes: มีฟีเจอร์ Math Solver (หรือ Solve Math) ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์จากลายมือหรือข้อความ และ Handwriting Assist (หรือ Handwriting Help) ช่วยจัดระเบียบโน้ตลายมือให้อ่านง่ายขึ้น ทำให้การจดโน้ตง่ายขึ้นและสามารถโฟกัสกับเนื้อหาได้มากขึ้น
    • AI Hot Key: เปิดใช้งานผู้ช่วย AI ได้ทันทีด้วยปุ่ม Gemini บน Book Cover Keyboard และ Book Cover Keyboard Slim นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งผู้ช่วย AI ตามความต้องการของผู้ใช้ได้อีกด้วย
    • Object Eraser: ลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย พร้อมคำแนะนำอัตโนมัติสำหรับการแก้ไขที่รวดเร็วและง่ายดาย
    • Best Face: ช่วยให้ภาพถ่ายกลุ่มสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพียงเปิดโหมด live photo และถ่ายภาพ จากนั้นเมื่อปรับแต่งด้วย Best Face ผู้ใช้งานจะสามารถเลือกใบหน้าที่ดีที่สุดได้สูงสุดถึง 5 ใบหน้า
    • Auto Trim: รวมไฮไลต์จากคลิปวิดีโอหลายคลิปเป็นไฮไลต์ได้อย่างลื่นไหล ช่วยให้สามารถสร้างวิดีโอไฮไลต์จากช่วงเวลาที่น่าจดจำได้อย่างง่ายดาย

    ในการทดลองใช้งานจริง ฟีเจอร์ AI เหล่านี้ใช้งานได้ง่ายและมีประโยชน์มากสำหรับการทำงานและการใช้งานทั่วไป แม้บางครั้งอาจมีความล่าช้าบ้างเนื่องจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ แต่โดยรวมแล้วทำงานได้ดีและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้จริง


    S Pen และอุปกรณ์เสริม

    Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อม S Pen ในกล่อง และไม่จำเป็นต้องชาร์จ จึงสามารถใช้งานได้เลยทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตหลายรุ่นที่ต้องซื้อปากกาแยกต่างหาก และยังต้องชาร์จปากกา S Pen ให้ความรู้สึกเหมือนการเขียนบนกระดาษจริง ด้วยความแม่นยำสูงและการตอบสนองที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับการจดโน้ต วาดภาพหรือแม้แต่การตกแต่งภาพถ่าย

    อย่างไรก็ตาม S Pen ที่มาพร้อมกับ Galaxy Tab S10 FE+ ไม่รองรับฟีเจอร์ Bluetooth (BLE) ซึ่งหมายความว่าจะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ Air Actions หรือใช้เป็นรีโมทควบคุมได้ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างการจดโน้ตหรือวาดภาพ ก็เพียงพอแล้ว

    นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมที่สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ เช่น Book Cover Keyboard, Book Cover Keyboard Slim และ Smart Book Cover ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานให้กับแท็บเล็ต โดยเฉพาะ Book Cover Keyboard ที่มีปุ่ม AI Hot Key หรือปุ่ม Gemini สำหรับเรียกใช้ผู้ช่วย AI ได้ทันที


    Audio & Camera – ระบบเสียงและกล้อง

    Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมลำโพงสเตอริโอคู่ ซึ่งรองรับ Dolby Atmos ให้คุณภาพเสียงที่ดี เสียงดังชัดเจน สามารถเติมเต็มห้องขนาดเล็กได้โดยไม่มีปัญหา แม้จะไม่ได้มีลำโพงแบบ quad speakers เหมือนรุ่นพรีเมียม แต่ก็ให้ประสบการณ์การรับชมและการฟังเพลงที่น่าพอใจ

    ในส่วนของกล้อง Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13MP (f/2.0) และกล้องหน้าความละเอียด 12MP แบบอัลตร้าไวด์ (f/2.4) สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 30fps ได้ คุณภาพของภาพถ่ายอยู่ในระดับดี ให้รายละเอียดที่ชัดเจนและสีสันที่สมจริง เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพทั่วไปหรือการประชุมออนไลน์

    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy Tab S9 FE+ จะเห็นได้ว่ากล้องหลังของ S10 FE+ ได้รับการอัพเกรดจาก 8MP เป็น 13MP ทำให้ภาพถ่ายมีคุณภาพดีขึ้น ในขณะที่กล้องหน้ายังคงเป็น 12MP เช่นเดิม แต่ให้มุมมองที่กว้างขึ้น เหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์หรือการถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ

    กล้องของ Galaxy Tab S10 FE+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพภาพถ่าย เช่น Scene Optimizer ที่ปรับการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และ Night Mode ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ปรับแต่งรูปภาพอย่าง Object Eraser และ Best Face ที่กล่าวไปแล้วในส่วนของฟีเจอร์  AI


    Software – ซอฟต์แวร์และการใช้งาน

    Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 15 และ One UI 7.0 ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลและมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (multitasking) ที่ดีขึ้น

    One UI 7.0 มาพร้อมกับการปรับปรุงหลายอย่าง ทั้งในแง่ของการออกแบบที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพให้เร็วขึ้น และการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การปรับปรุง Quick Panel ให้เข้าถึงการตั้งค่าที่ใช้บ่อยได้ง่ายขึ้น และการปรับปรุง Multi Window ให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

    Samsung DeX เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Galaxy Tab S10 FE+ ช่วยให้สามารถใช้งานแท็บเล็ตในโหมดเดสก์ท็อปได้ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง โดยสามารถเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอก คีย์บอร์ด และเมาส์ได้ ทำให้การทำงานเอกสาร การตัดต่อภาพและวิดีโอ หรือการนำเสนองานทำได้สะดวกยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ยังมีแอปพรีโหลดมาให้หลายตัว เช่น Samsung Notes ที่รองรับฟีเจอร์ AI, PENUP สำหรับการวาดภาพ, Samsung Kids สำหรับการควบคุมการใช้งานของเด็ก, และแอปอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีแอปพิเศษอย่าง Clip Studio Paint (ทดลองใช้ฟรี 6 เดือน) สำหรับการวาดภาพระดับมืออาชีพ และ LumaFusion (ทดลองใช้ฟรี 3 เดือน) สำหรับการตัดต่อวิดีโอ

    Samsung ให้การสนับสนุนการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นมาก โดยสัญญาว่าจะมีการอัพเดต Android หลักประมาณหกปีและการอัพเดตความปลอดภัยห้าปี ซึ่งถือว่าดีมากสำหรับแท็บเล็ตระดับกลาง และยาวนานกว่าแท็บเล็ต Android หลายรุ่นในท้องตลาด


    Connectivity – การเชื่อมต่อ

    Galaxy Tab S10 FE+ รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, USB Type-C 2.0 และ GPS ในรุ่น 5G ยังรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G ผ่าน Nano-SIM หรือ eSIM ทำให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา

    นอกจากนี้ยังมี Samsung Smart View ที่ช่วยให้สามารถแชร์หน้าจอระหว่างอุปกรณ์ Samsung ได้อย่างง่ายดาย และ Quick Share สำหรับการแชร์ไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ Samsung หรืออุปกรณ์ Android อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว

    Galaxy Tab S10 FE+ ยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Samsung อื่นๆ เช่น Galaxy Watch หรือ Galaxy Buds ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวก เช่น การรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทวอทช์ หรือการสลับการเชื่อมต่อหูฟังไร้สายระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว


    Productivity – การใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    Galaxy Tab S10 FE+ เป็นแท็บเล็ตที่เหมาะสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียน ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 13.1 นิ้ว ทำให้สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอพหลายๆ แอพพร้อมกันในโหมด Multi Window หรือการใช้งาน Samsung DeX

    S Pen ที่มาพร้อมกับเครื่องช่วยให้การจดโน้ต การวาดภาพ หรือการทำงานที่ต้องการความแม่นยำทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับแอพ Samsung Notes ที่มีฟีเจอร์ AI ช่วยในการจัดระเบียบโน้ตและแก้โจทย์คณิตศาสตร์

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Quick Share ที่ช่วยให้สามารถแชร์ไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว และ Samsung Cloud ที่ช่วยในการสำรองข้อมูลและซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเปลี่ยนอุปกรณ์

    Book Cover Keyboard (ที่ต้องซื้อแยกต่างหาก หรือได้รับเป็นของแถมในช่วงพรีออเดอร์) ช่วยเพิ่มความสามารถในการพิมพ์และการใช้งานเหมือนโน้ตบุ๊ก ทำให้การทำงานเอกสารหรือการตอบอีเมลทำได้สะดวกยิ่งขึ้น


    Entertainment – ความบันเทิง

    ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 13.1 นิ้ว และลำโพงสเตอริโอคู่ที่รองรับ Dolby Atmos ทำให้ Galaxy Tab S10 FE+ เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับความบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม

    ในการทดสอบการดูวิดีโอบน YouTube และ Netflix พบว่าให้ประสบการณ์ที่ดีมาก ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่และสีสันที่สดใส ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูบนจอทีวีขนาดเล็ก ส่วนลำโพงให้เสียงที่ชัดเจน มีมิติ และเบสที่พอเหมาะ

    สำหรับการเล่นเกม แม้จะไม่ใช่แท็บเล็ตที่เน้นสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ แต่ก็สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลในระดับกราฟิกปานกลาง และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้การเล่นเกมสนุกมากขึ้น โดยเฉพาะเกมประเภทกลยุทธ์หรือเกมที่ต้องการพื้นที่หน้าจอมาก


    ราคาและการวางจำหน่าย

    Galaxy Tab S10 FE+ มีวางจำหน่ายในประเทศไทยในสองรุ่น ได้แก่:

    • Galaxy Tab S10 FE+ Wi-Fi (12GB + 256GB): ราคา 26,900 บาท
    • Galaxy Tab S10 FE+ 5G (12GB + 256GB): ราคา 29,900 บาท

    สำหรับช่วงพรีออเดอร์ Samsung Galaxy Tab S10 FE+ จะมีโปรโมชั่นพิเศษดังนี้:

    ระยะเวลาพรีออเดอร์: 10 – 23 เมษายน 2568
    วันที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: 21 เมษายน 2568

    ของแถมพิเศษสำหรับ Galaxy Tab S10 FE+:

    • AI Keyboard Cover หรือ Smart Book Cover มูลค่า 2,990 บาท
    • Adapter 45W มูลค่า 1,090 บาท
    • S Pen (มาในกล่องอยู่แล้ว) มูลค่า 1,200 บาท

    เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติที่ได้รับ เช่น หน้าจอขนาดใหญ่ 13.1 นิ้ว, อัตรารีเฟรช 90Hz, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่, การชาร์จเร็ว 45W, S Pen ในกล่อง และฟีเจอร์ Galaxy AI ทั้งหมด ถือว่า Galaxy Tab S10 FE+ มีความคุ้มค่าสูงสำหรับผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตประสิทธิภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้

    เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน เช่น iPad Air M3 ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท (สำหรับรุ่น 128GB Wi-Fi) และต้องซื้อ Apple Pencil แยกต่างหากในราคาเริ่มต้นที่ 3,990 บาท จะเห็นได้ว่า Galaxy Tab S10 FE+ มีความคุ้มค่ามากกว่า โดยเฉพาะในช่วงพรีออเดอร์ที่มีของแถมมูลค่ารวมกว่า 4,000 บาท


    เปรียบเทียบกับ iPad Air M3

    เมื่อเปรียบเทียบ Galaxy Tab S10 FE+ กับ iPad Air M3 พบว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันดังนี้

    จุดที่ Galaxy Tab S10 FE+ เหนือกว่า:

    1. หน้าจอใหญ่กว่า (13.1 นิ้ว vs 13.0 นิ้ว) และมีอัตรารีเฟรชสูงกว่า (90Hz vs 60Hz)
    2. มี S Pen มาในกล่อง ในขณะที่ iPad Air M3 ต้องซื้อ Apple Pencil แยกต่างหาก
    3. แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า (10,090 mAh vs 9,705 mAh) และรองรับการชาร์จเร็วกว่า (45W vs 20W)
    4. รองรับการใส่ microSD card เพิ่มความจุได้สูงสุด 2TB
    5. มีมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น IP68
    6. ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าได้ S Pen มาในกล่อง และมีความจุมากกว่า (256GB vs 128GB ในรุ่นพื้นฐาน)

    จุดที่ iPad Air M3 เหนือกว่า:

    1. ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าด้วยชิป Apple M3 ที่แรงกว่า Exynos 1580 มาก
    2. น้ำหนักเบากว่า (460 กรัม vs 664 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi)
    3. รองรับ HDR10 และ Dolby Vision ในขณะที่ Galaxy Tab S10 FE+ รองรับเฉพาะ HDR10

    สรุปรีวิว Samsung Galaxy Tab S10 FE+

    Samsung Galaxy Tab S10 FE+ เป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์หน้าจอขนาดใหญ่ ในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยจุดเด่นเรื่องหน้าจอขนาด 13.1 นิ้ว อัตรารีเฟรช 90Hz แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10,090 mAh การชาร์จเร็ว 45W และฟีเจอร์ Galaxy AI ที่ครบครัน รวมถึงการมี S Pen มาให้ในกล่อง ทำให้คุ้มค่ากับราคา 26,900 บาท (รุ่น Wi-Fi) หรือ 29,900 บาท (รุ่น 5G)

    แม้จะมีข้อสังเกตเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตระดับเรือธงหรือ iPad Air M3 แต่ในภาพรวม Samsung Galaxy Tab S10 FE+ ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป การทำงานเอกสาร การเรียนออนไลน์ หรือแม้แต่การเล่นเกมในระดับกราฟิกปานกลาง

    หากคุณกำลังมองหาแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ที่มีฟีเจอร์ครบครัน ใช้งานได้หลากหลาย และมีราคาที่สมเหตุสมผล Galaxy Tab S10 FE+ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในช่วงพรีออเดอร์ที่มีโปรโมชั่นของแถมมูลค่ารวมกว่า 4,000 บาท

    Android tablet Samsung Samsung Galaxy Tab S10 FE tablet
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X