นับจาก ASUS Zenfone 4 ที่เป็นรุ่นเล็กสุดของไลน์มือถือ Zenfone จาก ASUS ได้เริ่มวางจำหน่าย กระแสความนิยมก็เรียกได้ว่าพุ่งขึ้นมาสูงมากๆ ส่งผลให้รุ่นต่อมาอย่าง Zenfone 5 ที่เป็นรุ่นกลาง ขยับหน้าจอขึ้นมาเป็น 5 นิ้วในราคาสุดคุ้มค่า ก็ได้รับความนิยมไปตามๆ กัน เรื่อยจนมาถึงรุ่นใหญ่สุดอย่าง ASUS Zenfone 6 ที่เพิ่งได้เริ่มวางจำหน่ายมาไม่นาน ก็ยังคงมีกระแสตอบรับและต้องการซื้อจากตลาดอยู่ในระดับที่ดีอยู่ สังเกตได้จากจำนวนสินค้าที่มีไม่พอจำหน่าย ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากสินค้าที่เข้ามาน้อยเพราะผลิตไม่ทัน และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากมีผู้อยากซื้อหาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทาง SpecPhone เราก็ไม่พลาดที่จะจับ ASUS Zenfone 6 มารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน ว่ามันจะดีขนาดไหน คุ้มค่าตัวที่จ่าย 8,990 บาทหรือเปล่า เอาเป็นว่าเรามาชมรีวิว ASUS Zenfone 6 กันเลยดีกว่าครับ
สเปค ASUS Zenfone 6
- ชิปประมวลผล Intel Atom Z2580 ความเร็วสูงสุด 2.0 GHz รองรับ Hyper Threading ทำให้เสมือนว่ามี 4 คอร์ประมวลผล พ่วงมาด้วยชิปกราฟิก PowerVR SGX544MP2
- แรม 2 GB
- รอม 16 GB รองรับการเพิ่ม MicroSD ได้ด้วย
- หน้าจอ IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี PixelMaster ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้น
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- ใช้งานได้ 2 ซิม
- ใช้ 3G ได้ทุกเครือข่าย
- แบตเตอรี่ 3300 mAh
- Android 4.3 ครอบด้วย ZenUI
- หนัก 196 กรัม
- ราคา 8,990 บาท
- สเปค ASUS Zenfone 6
แค่เรื่องของสเปค ก็มีหลายจุดกินขาดคู่แข่งในตลาดที่ช่วงราคาใกล้เคียงกันแล้วครับ โดยเฉพาะเรื่องแรมที่ให้มา 2 GB เทียบเท่ากับรุ่นไฮเอนด์ รอมก็จัดมาให้ 16 GB แถมยังเพิ่ม MicroSD ได้อีก ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ที่ใส่ให้มาถึง 3300 mAh ถึงแม้จะถอดแบตไม่ได้ แต่ก็ชดเชยด้วยปริมาณความจุที่ให้มาเยอะมาก ใช้งานแต่ละวันได้สบายๆ ทั้งหมดนี้ในราคาเครื่องแค่ 8,990 บาทเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้มือถือจอใหญ่เบิ้ม สเปคคุ้มค่ามากๆ เลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ของมาเท่าไรก็ขายหมดแบบนี้
Design
ถ้าใครเคยเห็นหรือได้สัมผัส Zenfone 4 หรือ Zenfone 5 ไปแล้ว ก็อยากจะบอกว่ารูปร่างหน้าตาของ Zenfone 6 ก็มาในทรงเดียวกันแทบจะ 100% เลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่หน้าจอ การจัดวางปุ่ม ฝาหลัง รายละเอียดดีเทลต่างๆ แทบไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีจุดที่เห็นได้ชัดที่ช่วยแยกรุ่นได้ดีก็คือเรื่องขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่ากันอย่างเห็นได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับ Zenfone 4 และ Zenfone 5 เอาเป็นว่าถ้าลองถือเครื่องแล้วพบว่ามันใหญ่เต็มมือมากๆ ก็นั่นล่ะครับคือ Zenfone 6
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าดีไซน์ โครงสร้างต่างๆ ของ Zenfone 6 ไม่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้านี้มากนัก ทำให้ในส่วนของดีไซน์ จุดไหนที่ดีอยู่แล้วก็ยังคงทำออกมาได้ดี เช่นรูปร่างหน้าตา, แถบเงาๆ ด้านล่าง, วัสดุฝาหลัง, ความแน่นหนาของตัวเครื่องและงานประกอบที่ทำออกมาได้ดูดีเกินราคาไปมาก นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จาก ASUS ที่ยังคงคอนเซ็ปท์ความเป็น ASUS ได้ดีเหมือนกับในผลิตภัณฑ์หลายๆ กลุ่มของบริษัทเองที่บางท่านอาจจะคุ้นเคยกันมาอยู่แล้ว จะมีจุดแตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้านี้ก็คือเรื่องของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมมากพอตัว เนื่องด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ และแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงขึ้นมาก
ใหญ่ ดูดี แต่ยังมีปัญหาอยู่
แต่ทั้งนี้ ASUS Zenfone 6 ก็ยังมีจุดที่ส่วนตัวผมไม่ค่อยโอเคอยู่บ้างเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่หน้าจอ ที่สีสันดูจะไม่สดใสเท่ากับ Zenfone 5 อยู่นิดหน่อย ยังดีที่ไม่เด่นชัดมาก ถ้าไม่ได้สังเกตจริงๆ ก็คงไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเท่าไร แต่ถ้าหากอยากจะแก้ไขก็สามารถทำได้ในระดับหนึ่งครับ โดยการใช้แอพ Splendid ที่มีอยู่ในตัวเครื่องเพื่อเร่งสีสันภาพบนจอให้สีสดขึ้นมานิดหน่อย แค่นี้ก็โอเคละ อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวกับหน้าจอก็คือระบบการปรับแสงสว่างอัตโนมัติที่ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก ถ้าเป็นการใช้งานกลางแจ้ง ผมไม่ค่อยพบปัญหาเท่าไร แต่ถ้ามาใช้งานในที่ร่ม เช่นกลับถึงห้องพัก ปรากฏว่าระบบปรับแสงหน้าจอให้ต่ำมาก จอเลยมืดเกินกว่าจะใช้งานได้สะดวก ทำให้ต้องปิดระบบปรับความสว่างอัตโนมัติ แล้วมาเลื่อนระดับเอง ปัญหาต่อมาคือปุ่มกดทั้งสามปุ่มของเครื่อง (ย้อนกลับ, โฮมและปุ่มเมนู) ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากกันเกินไปเหมือนกับใน Zenfone รุ่นก่อนหน้านี้ และยิ่งมาเป็น Zenfone 6 ที่บอดี้ใหญ่ขึ้น ก็ยิ่งยกระดับความห่างระหว่างปุ่มออกไปอีก ส่วนตัวผมค่อนข้างลำบากทีเดียวเมื่อถือเครื่องด้วยมือขวา แล้วพยายามจะกดปุ่มย้อนกลับด้วยนิ้วหัวแม่มือขวา ซึ่งจำเป็นจะต้องเหยียดนิ้วแบบสุดๆ จึงจะสามารถกดปุ่มได้ แต่ถ้าหากใครใช้งานเครื่องด้วยมือทั้งสองข้างอยู่แล้ว ก็คงไม่ลำบากนัก (ที่ปุ่มไม่มีไฟ LED ด้วยนะ) ยังดีที่ปุ่มด้านข้างอย่างปุ่ม Power และแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงวางมาในตำแหน่งที่สามารถใช้นิ้วกดได้ง่าย จึงไม่ค่อยเป็นปัญหาในการใช้งานมากนัก
ส่วนอีกปัญหาที่พบเจอในระหว่างการใช้งาน รีวิว Zenfone 6 เครื่องนี้ก็คือปัญหา WiFi หลุดระหว่างใช้งาน อันนี้ยังเป็นอยู่บ้างในบางครั้งครับ คือมันจะหลุดไปหน้าตาเฉยเลย ระหว่างมีการรับส่งข้อมูลอยู่ พอหลุดแล้วก็จะสลับไปต่อ 3G แทน ตัวเฟิร์มแวร์ก็เป็นเวอร์ชันล่าสุดเท่าที่จะสามารถอัพเดตได้จากในเครื่องแล้ว ก็คงต้องรอการอัพเดตซอฟต์แวร์จากทาง ASUS เพื่อแก้ไขปัญหากันต่อไป
พลิกมาดูด้านหลังกันบ้าง ฝาหลังของ ASUS Zenfone 6 ใช้วัสดุเป็นพลาสติกเคลือบผิวด้านนิดๆ ให้สัมผัสที่เนียนมือดี แต่จะเปื้อนคราบรอยนิ้วมือได้ง่ายไปหน่อย ถ้าไม่ใส่เคสปิดฝาหลังไว้ ก็คงต้องหมั่นเช็ดดูแลทำความสะอาดกันบ่อยหน่อย มิฉะนั้นอาจจะทำให้รอบนิ้วมือติดฝาหลังไปเลยก็เป็นได้ การแกะฝาหลังสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่ใช้เล็บแงะร่องสำหรับแกะฝาหลังซึ่งอยู่ตรงขอบเครื่องขึ้นมา จากนั้นก็ใช้เล็บดันฝาหลังตามร่อง ไล่จากด้านล่างของเครื่องขึ้นมาด้านบนเท่านั้นเอง เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะพบกับช่องใส่ไมโครซิมสองช่อง และช่องใส่ MicroSD น่าเสียดายที่ไม่สามารถแกะแบตเตอรี่ออกมาได้ เพราะถูกออกแบบให้ฝังมาในตัวเครื่องเลย ส่วนมุมล่างซ้ายสุดจะเป็นตำแหน่งของลำโพง เสียงที่ออกมาไม่ดังมากนัก คุณภาพเสียงก็ไม่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนปกติเท่าไร ดีที่มีระบบปรับแต่งเสียงของ ASUS เอง ด้วยแอพชื่อว่า AudioWizard ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้หลากหลายตามรูปแบบการใช้งาน เช่น เพื่อการฟังเพลง, เล่นเกม, ดูหนัง, ฟังเสียงสนทนา เป็นต้น
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง Zenfone 6 ก็จะมีอุปกรณ์พื้นฐานคือสาย Micro USB, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่จ่ายไฟได้สูงสุด 5.2V 1.35A นอกจากนี้ยังมีหูฟังแบบ In-Ear พร้อมจุกยางสำหรับเปลี่ยนมาให้ครบถ้วน เรียกว่าแกะกล่องมาก็สามารถใช้งานได้เลย
โดยรวมแล้ว บอดี้ งานประกอบของ ASUS Zenfone 6 จัดอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมเกินราคาเลยทีเดียว การใช้งานโดยทั่วไปก็ทำได้ดี แม้จะมีจุดที่เป็นปัญหาอยู่บ้าง เช่นปัญหา WiFi หลุด ส่วนเรื่องตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่ด้วยหน้าจอ 6 นิ้วนั้น เมื่อใช้งานจริงก็ไม่จัดว่าเป็นปัญหาเท่าไร ตัวผมพอสามารถใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้ โดยอาจจะต้องมีการเลื่อนตำแหน่งมือไปบ้างเพื่อจะได้เลื่อนแถบ notifications ลงมาได้ จะมีก็เรื่องการกดปุ่มย้อนกลับเท่านั้นที่ลำบากไปหน่อย
ส่วนด้านล่างนี้ก็เป็นแกลเลอรี่รวมภาพหน้าตาตัวเครื่อง Zenfone 6 นะครับ รับชมกันได้เลย
Software
ด้านของซอฟต์แวร์ ASUS Zenfone 6 ก็มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean ที่ทาง ASUS รับรองว่าจะได้รับการอัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat ในอนาคตแน่นอน (อีกไม่นานนี้) ครอบมาด้วยอินเตอร์เฟส ASUS ZenUI ที่มีหน้าตาสวยงาม ดูดีเรียบง่าย สีสันไม่ฉูดฉาดตามากนัก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสบายตา เรื่องพื้นที่ความจุที่เหลือให้ใช้งานหลังเปิดเครื่องครั้งแรกก็ราวๆ 12 GB เหลือเฟือแน่นอนสำหรับการใช้งานทั่วไปตามปกติ การทำงานต่างๆ ก็ไหลลื่นในระดับที่น่าพอใจ การเปิดแอพทำได้เร็วกว่า Zenfone 5 แบบเห็นความต่างได้ การใช้งานแอพก็สามารถใช้งานแอพบน Play Store ได้อย่างไม่มีปัญหา จะมีบางเกมใหญ่ๆ เท่านั้นอย่างเกม FIFA 14 อันนี้ผมลองแล้วไม่สามารถเล่นได้เลยการจัดเรียงเมนูทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกับ Zenfone 4 และ Zenfone 5 ทำให้ประสบการณ์การใช้งานอินเตอร์เฟส ZenUI ในแต่ละรุ่นไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีจุดแตกต่างก็คือความเร็วในการเปิดแอพมาใช้งาน การทำงานต่างๆ ที่ Zenfone 6 ทำได้ดีกว่า เนื่องด้วยเลือกใช้ CPU รุ่นสูงกว่านั่นเอง
Feature
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ผมเพิ่งเห็นเพิ่มเข้ามาใน Zenfone 6 ก็คือตัวแอพ MyASUS ที่แปลและมีข้อมูลของการบริการ ASUS ในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภายในแอพก็เรียกว่าครบเครื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งข้อมูล บอกตำแหน่งศูนย์บริการ ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ แจ้งข่าวสารอัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับ ASUS เอง รวมไปถึงยังมีเบอร์โทรฮอตไลน์และมีบริการแชทเพื่อสอบถามข้อสงสัยกับทาง ASUS โดยตรงได้อีกด้วย นับว่าเป็นแอพที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ ASUS
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ของ Zenfone 6 นั้นจัดว่าไม่โดดเด่น อะไรที่ Zenfone 4 และ Zenfone 5 มี ใน Zenfone 6 ก็มีด้วยเช่นกัน
Camera
กล้องของ ASUS Zenfone 6 ก็ยังคงมาพร้อมกับเทคโนโลยี PixelMaster ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในบริเวณที่มีแสงน้อยได้ดียิ่งกว่าสมาร์ทโฟนปกติแบบเดียวกับที่มีบน Zenfone 5 แต่จุดที่ทำให้ Zenfone 6 เหนือกว่าก็คือความละเอียดกล้องที่เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านพิกเซล ซึ่งก็ทำให้ภาพมีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น ช่วยให้สามารถ crop ภาพได้ดีกว่าภาพที่มีความละเอียดน้อยกว่านี้ จะไปอัพลง IG ก็ทำได้สบายๆ ส่วนโหมดการถ่ายภาพรูปแบบต่างๆ ก็ยังบรรจุมาให้เต็มที่ เช่นโหมด HDR, โหมดถ่ายในที่มีแสงน้อย (เพิ่มความละเอียดภาพเป็น 3 ล้านพิกเซล จากใน Zenfone 4 และ 5 ที่ถ่ายได้เพียง 2 ล้านพิกเซล), โหมดถ่ายแบบเลือกจุดชัด-เบลอ, โหมด selfie, โหมดถ่ายภาพแล้วลบคนที่ไม่ต้องการในภาพออก เป็นต้น จะมีปัญหาก็แต่เรื่องการประมวลผลหลังกดถ่ายภาพเท่านั้นที่ช้าไปหน่อย สำหรับด้านล่างก็เป็นตัวอย่างภาพจากกล้องหลังนะครับ ภาพไหนที่มุมซ้ำกัน ภาพแรกคือถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ ส่วนภาพหลังเป็นภาพที่ถ่ายในโหมด HDR
Performance
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ ความแรงของ ASUS Zenfone 6 ก็ออกมาได้ตามผลด้านบนครับ ด้านของพลังประมวลผลโดยรวมๆ จัดว่าโอเคเลย คะแนน AnTuTu ออกมาใกล้เคียงกับ HTC One ตัวท็อปของปีที่แล้ว แต่ในด้านกราฟิกนี้คะแนนออกมาไม่ค่อยสูงซักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม Zenfone 6 ก็ยังอยู่ในระดับที่เล่นเกมทั่วๆ ไปได้อยู่ ส่วนถ้าใครต้องการเครื่องมาใช้งานธรรมดา อันนี้หายห่วงครับ การโหลดแอพทำได้เร็วดี การสลับแอพใช้งานก็ทำได้รวดเร็ว เร็วกว่าใน Zenfone 5 ที่ใช้ชิป Intel Z2560 อย่างเห็นได้ชัด
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ สำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นเน็ต เล่นแอพ เล่นโซเชียล แชทบ้างประปราย ต่อ 3G ทั้งวัน ก็สามารถใช้งานทั้งวันได้แน่นอนสำหรับ Zenfone 6 ที่ติดตั้งมาพร้อมแบตเตอรี่ 3300 mAh แต่ถ้าใช้ในการดาวน์โหลดข้อมูลติดต่อกัน เช่นติดตั้งแอพเป็นจำนวนมากๆ ในคราวเดียว อันนี้ก็ทำให้แบตลดฮวบเอาเรื่องอยู่
Overall
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับรีวิว ASUS Zenfone 6 ของเราในครั้งนี้ เท่าที่ผมใช้งานมา จุดเด่นที่สุดของ Zenfone 6 ก็คือขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตามากๆ กับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานข้ามวันได้ เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งในขณะนี้ที่น่าสนใจทั้งในด้านของสเปค การใช้งาน และรวมไปถึงราคาซึ่งเปิดมาที่ 8,990 บาทเท่านั้น เรียกว่าสามารถตีตลาดแฟ็บเล็ตคุ้มค่าคุ้มราคาได้อย่างสบายๆ ใช้เป็นมือถือก็เวิร์ค ใช้เป็นแท็บเล็ตก็พกพาได้สะดวก จัดว่าเป็นมือถือที่ครบเครื่องที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องของแอพพลิเคชันนั้น แอพส่วนใหญ่ก็สามารถใช้งานบน Zenfone 6 ได้ จะมีก็แค่บางเกมใหญ่ๆ ที่อาจจะมีปัญหาในการทำงานร่วมกับชิปประมวลผล Intel บ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย อีกทั้งนักพัฒนาแอพก็พยายามให้การสนับสนุนชิป Intel มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ข้อดี
- สเปคแรงในราคาคุ้มค่า ด้วยงบ 8,990 บาท แต่ได้แรม 2 GB หน้าจอ 6 นิ้ว
- แบตเตอรี่อึด สามารถใช้งานได้ข้ามวัน
- ตัวเครื่องงานประกอบดี แน่นหนา แข็งแรง
ข้อสังเกต
- ยังมีปัญหา Wifi หลุดอยู่บ้าง
- ระบบปรับแสงสว่างหน้าจออัตโนมัติยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์
- ปุ่มกดอยู่ห่างกันไปหน่อย กดได้ลำบาก