สำหรับโทรศัพท์มือถือที่ผมจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันนั้น เป็นสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ ASTON ในรุ่น Idea 3 Plus โดยโทรศัพท์รุ่นนี้จะเน้นไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว มาพร้อมกับสเปคที่จัดว่าใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ และทีเด็ดกว่านั้นก็คือกล่องของ ASTON Idea 3 Plus ยังสามารถแปลงร่างเป็น VR Cardboard ได้อีกด้วย เรียกว่าครบทันทุกความบันเทิงจริง ๆ
สเปค ASTON Idea 3 Plus
- หน้าจอ IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด HD พร้อมเทคโนโลยี MiraVision
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6735 Quard-core ความเร็ว 1.3 GHz
- GPU Mali-T720
- Ram 2 GB
- หน่วยความจำ 16 GB (รองรับ Micro SD card สูงสุด 128 GB)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม เลือกใส่ได้ 2 ซิม หรือ 1 ซิม กับ 1 เมมการ์ดได้ (ใช้ Micro SIM กับ Nano SIM / Micro SD card)
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED โฟกัสอัตโนมัติ(ซูมภาพสูงสุด 4 เท่า)
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล โฟกัสอัตโนมัติ (ซูมภาพสูงสุด 4 เท่า)
- รองรับ USB OTG
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
- ราคา 4,990 บาท
อุปกรณ์ในกล่องของ ASTON Idea 3 Plus ให้มาอย่างครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จ Micro USB, อะแดปเตอร์, หูฟัง, เคส TPU ขนาดพอดีกับตัวเครื่อง และฟิล์มกันรอยหน้าจอที่ติดมาให้ตั้งแต่ที่โรงงาน จ่ายค่าเครื่อง ASTON Idea 3 Plus ราคา 4,990 บาททีเดียวจบ แถมตัวกล่องของ ASTON Idea 3 Plus ยังมีความพิเศษตรงที่แปลงร่างเป็น VR Cardboard ได้ ทำให้สามารถรับชมคอนเท้นในแบบ VR ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อแว่น VR เพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย
บทสรุป
BEST PRICE
Design
วัสดุตัวเครื่องของ ASTON Idea 3 Plus ก็ยังคงใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะเหมือนอย่างรุ่นอื่น ๆ ที่เราเคยรีวิวมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ASTON Luxury S หรือรุ่นก่อนหน้าอย่าง ASTON Luxury 4G ในส่วนของงานประกอบก็แน่นหนา แข็งแรงเกินราคา 4,990 บาท
รายละเอียดเริ่มจากทางด้านหน้าของ ASTON Idea 3 Plus จะประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด HD ตัวกระจกหน้าจอเป็นแบบ 2.5D Glass โค้งเล็กน้อยตามสมัยนิยม ส่วนการแสดงผลที่ความละเอียด HD บนหน้าจอ 6 นิ้วก็ถือว่าคมชัด และไม่บริโภคพลังงานมากจนเกินไป แต่มีข้อสังเกตตรงพื้นที่ระหว่างพาแนลกับกระจกหน้าจอจะลึกไปหน่อย
ด้านล่างหน้าจอของ ASTON Idea 3 Plus จะมีเพียง Navigation Keys ได้แก่ ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ และ Recent App โดยใช้เป็นปุ่มแบบ Soft Key ที่กินพื้นที่หน้าจอด้านล่างเล็กน้อย
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าวัสดุตัวเครื่องใช้เป็นโลหะทั้งหมด โดยตัวเครื่อง ASTON Idea 3 Plus ที่เราได้รับมารีวิวนั้นเป็นตัวเครื่องสีทอง ให้ความรู้สึกหรูหรา พื้นผิวมีการเก็บขอบมุมได้เป็นอย่างดี รายละเอียดทางด้านหลังประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ตัวเลนส์นูนขึ้นมาจากฝาหลังเล็กน้อย ถัดลงมาหน่อยจะเป็นแฟลชคู่ Dual LED แบบ Dual – Tone และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ด้านล่างมีโลโก้ ASTON 4G LTE Smartphone รองรับการใช้งาน 4G ของทุกค่าย และที่สำคัญคือ ASTON Idea 3 Plus รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบ 5GHz ด้วยครับ นอกจากรองรับ Wi-Fi 5 GHz แล้ว ยังใส่เซ็นเซอร์ Gyroscope เข้ามาอีกด้วย
ด้านข้างตัวเครื่อง ASTON Idea 3 Plus เริ่มจากทางด้านบน ประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านขวาเป็นช่องใส่ซิมการ์ด รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด กับปุ่มสำหรับเปิด – ปิดเครื่อง
ด้านซ้ายมีเพียงปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านล่างประกอบไปด้วยพอร์ต Micro USB สำหรับชาร์จ, เชื่อมต่อข้อมูล และมีลำโพงอยู่บริเวณด้านขวามือเพียงตัวเดียว อีกช่องเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ แค่เจาะช่องให้คล้ายลำโพงเฉย ๆ เสียงที่ได้จากลำโพงหลัก เปิดสุดให้เสียงที่ดังทีเดียว แต่จะพบอาการลำโพงแตกเล็กน้อย (เปิดเพลงจาก Youtube) เพราะฉะนั้นพยายามอย่าเปิดดังสุดครับ
การจับถือ การใช้งานโทรศัพท์ ASTON Idea 3 Plus แม้ว่าจะมีตัวเครื่องขนาดใหญ่ จากหน้าจอขนาด 6 นิ้ว แต่ในแง่ของการใช้งานก็ไม่ได้จับถือลำบากแต่อย่างใด เนื่องจากมีการออกแบบให้ตัวเครื่องโค้งมนเข้ากับมือได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ใช้งานด้วยการถือ 2 มือเป็นหลักครับ เพราะตัวเครื่องมีน้ำหนักพอสมควร ถือใช้มือเดียวนาน ๆ อาจจะเกิดอาการล้าได้
Software
ASTON Idea 3 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow แต่มีการปรับแต่งไอคอนของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ยกแผง คือไม่มีอะไรเหมือน Stock Rom Android 6.0 เลย แต่ถ้ากดเข้าไปในหน้าการตั้งค่า หรือในแอปพลิเคชันพื้นฐาน อันนี้ก็จะเหมือน Stock Rom ครับ สรุปง่าย ๆ ว่ามันใช้งานไม่ยาก ใครที่เริ่มใช้งานสมาร์ทโฟนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ซอฟท์แวร์ ASTON Idea 3 Plus ที่น่าสนใจก็จะเป็นตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ วิธีการตั้งค่าครั้งแรกก็ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > ส่วนตัว > ID ลายนิ้วมือ > จัดการลายนิ้วมือ แล้วก็เข้าไปเพิ่มลายนิ้วมือ โดยตัว Fingerprint ของ ASTON Idea 3 Plus นอกจากจะใช้ปลดล็อกตัวเครื่องได้แล้ว ยังสามารถใช้แทนปุ่มชัตเตอร์ (สำหรับการเซลฟี่), ใช้ในการรับสายโทรศัพท์ หรือใช้แทนปุ่ม Play/ Pause ขณะที่ฟังเพลงหรือเล่นวีดีโอก็ได้ แต่ข้อสังเกตคือ 2 ฟีเจอร์นี้ จะไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนิ้วที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น คือใช้นิ้วไหน หรือนิ้วใครก็ได้ในการกดรับสาย และกดแทนปุ่มชัตเตอร์
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งในซอฟท์แวร์ของ ASTON Idea 3 Plus คือมีการลงแอปพลิเคชันจากโรงงาน (Bloatware) มาให้น้อยมาก ทำให้มีพื้นที่ความจุเหลือมากถึง 11 GB (จากความจุหน้าสเปค 16 GB) ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือบางยี่ห้อ รอมในตัว 16 GB เหลือให้ใช้เลขหลักเดียวก็มี เนื่องจากลงแอปพลิเคชันไว้เยอะเกินไป แถมยังลบออกไม่ได้อีกต่างหาก
Feature
ฟีเจอร์เด็ดของ ASTON Idea 3 Plus ก็คงหนีไม่พ้นการแถมกล่อง VR Cardboard มาให้ตั้งแต่ในกล่อง อันที่จริงต้องบอกว่ากล่องของ ASTON Idea 3 Plus สามารถแปลงร่างเป็น VR Cardboard ได้มากกว่า ซึ่งก็ทำให้เรารับชมคอนเท้นแบบ VR 3 มิติได้จากตัวสมาร์ทโฟน โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อแว่น VR เพิ่มเติม
คอนเท้นประเภท VR อันนี้เราสามารถหาดาวน์โหลดได้จากใน Google Play Store ซึ่งก็มีให้เลือกใช้งานกันหลายแอปพลิเคชัน รวมถึงตัว Youtube เองก็มีโหมด VR Cardboard และมีวีดีโอที่อัพโหลดไว้สำหรับใช้งานร่วมกับ VR โดยเฉพาะ แต่ข้อสังเกตในการใช้งานตัวกล่อง ASTON Idea 3 Plus เป็น VR Cardboard ก็คือมันไม่มีสายรัดสมาร์ทโฟน เวลาใช้งานต้องคอยจับไว้ และส่วนตัวตอนที่รีวิว ASTON Idea 3 Plus แล้วเปิดโหมด VR คือใช้งานไปสักพักจะเกิดอาการมึนศีรษะ ถือเป็นเรื่องปกติของการใช้งาน Cardboard อยู่แล้ว
Camera
กล้องหลังของ ASTON Idea 3 Plus ให้มาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล Auto Focus ติดแฟลช LED แบบ Dual Tone LED ที่มีด้วยกัน 2 สี ช่วยให้การยิงแฟลชให้แสงที่เป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม
ในส่วนของการใช้งานกล้อง ASTON Idea 3 Plus ตัวซอฟท์แวร์กล้องถอดมาจาก Stock Rom Android 6.0 Marshmallow แทบจะ 100% ทั้งการใช้งานและการตั้งค่า โหมดการใช้งานมีด้วยกัน 4 โหมดหลัก ๆ สำหรับถ่ายภาพนิ่ง ได้แก่
- ภาพถ่ายปกติ (มี HDR, ชูสองนิ้วเพื่อลั่นชัตเตอร์)
- โหมดหน้าสวย
- โหมดพาโนรามา
ส่วนกล้องหน้าของ ASTON Idea 3 Plus มีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล โหมดกล้องหน้ามีด้วยกัน 3 โหมด ได้แก่
- โหมดถ่ายภาพปกติ
- โหมดหน้าสวย
- สามารถชูสองนิ้วเพื่อถ่ายภาพได้
- สามารถใช้การยิ้มแทนกดชัตเตอร์ได้
คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้อง ASTON Idea 3 Plus ก็ทำได้ตามราคาแหละครับ คุณภาพของรูปถ่ายขึ้นอยู่กับสภาพแสงเป็นหลัก คือถ้ามีแสงเพียงพอก็พอใช้ได้ แต่ถ้าแสงน้อยก็จะได้คุณภาพที่ดรอปลงไปพอสมควร และมีข้อสังเกตเรื่อง White balance ที่จะมึนบ้างเวลาเจอแสงยาก ๆ ส่วนกล้องหน้าก็มีโหมดหน้าสวยฟรุ้งฟริ้งมาให้ สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง ASTON Idea 3 Plus ก็สามารถรับชมได้จาก Gallery ด้านล่างนี้เลย
Performance
ASTON Idea 3 Plus มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek MT6735 เป็นซีพียูแบบ Quad Core 64 Bit ความเร็ว 1.25 GHz, GPU Mali-T720 ก็ถือเป็นชิปเซ็ตที่พบได้ในมือถือหลายรุ่นที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก เพราะตัวชิปเซ็ตเองก็แรงพอที่จะใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ และมีทีเด็ดที่การประหยัดพลังงาน
ส่วน Ram ของ ASTON Idea 3 Plus ก็ให้มาที่ Ram 2 GB (เหลือใช้ประมาณ 800 – 900 MB) ก็สามารถใช้งานทั่วไป ใช้งานอินเทอร์เน็ต 4G/ 3G/ Wifi ได้ เล่น Social Network เช่น Facebook, Line ก็ได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการใช้เล่นเกม อาจจะเล่นได้ลื่นเฉพาะเกมที่ไม่ค่อยกินสเปคเท่าไหร่ เช่น Candy Crush, Cookie Run Ovenbreak (กราฟฟิค SD) ส่วนเกมที่กินสเปคหนัก ๆ อาจต้องปรับกราฟฟิคในระดับต่ำสุด เช่น Asphalt 8, ROV (เอาการตั้งค่า HD ออก) เป็นต้น ส่วนการรับชมวีดีโอ, Youtube, Line TV หรือใช้ดูทีวีออนไลน์ ASTON Idea 3 Plus ก็สามารถรับชมได้ทั้งหมด อย่าง Youtube นี่เปิดวีดีโอความละเอียด HD 720p ได้สบาย ๆ
แบตเตอรี่ของ ASTON Idea 3 Plus มีความจุอยู่ที่ 3,000 mAh การใช้งานก็ถือว่าแบตอึดใช้ได้ ด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น แบตเตอรี่, หน้าจอ รวมถึงสเปคที่ไม่ได้สูงมาก เลยทำให้ ASTON Idea 3 Plus สามารถใช้งานได้หมดวันแบบสบาย ๆ แต่ถ้ามีการเล่นหนัก ๆ หรือเปิดใช้โหมด VR บ่อย ๆ ก็อาจจะต้องพก Powerbank ไว้สักก้อนเพื่อความอุ่นใจครับ