Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Gadgets»[Review] รีวิวหูฟัง Apple AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จแบบปกติ ที่จับมาใช้งานร่วมกับ iPad และมือถือ Android
    Gadgets

    [Review] รีวิวหูฟัง Apple AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จแบบปกติ ที่จับมาใช้งานร่วมกับ iPad และมือถือ Android

    ZeroSystemBy ZeroSystem7 พฤษภาคม 2019Updated:6 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ถ้าพูดถึงประเภทของหูฟังยอดนิยมในยุคนี้ หูฟังประเภท true wireless ที่เป็นหูฟังแบบไร้สายที่ไม่มีสายเชื่อมต่อเข้ากับแจ็ค 3.5 มม. รวมถึงยังไม่มีสายเชื่อมต่อระหว่างหูฟังข้างซ้างและข้างขวาอีกด้วย เนื่องมาจากความสะดวกในการใช้งาน ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ และคุณภาพเสียงที่ทำได้ดีขึ้นกว่าที่เคยมีมา แถมมือถือรุ่นใหม่ ๆ ก็เริ่มตัดช่อง 3.5 มม. ออกอีก จึงไม่แปลกใจที่เราเริ่มเห็นคนหันมาใช้หูฟังไร้สายประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในหูฟังที่ได้รับความนิยมก็คือ AirPods จาก Apple นั่นเอง ล่าสุด Apple ก็ได้เปิดตัวหูฟัง AirPods รุ่นใหม่ ที่ถึงแม้ในหน้าเว็บไซต์ Apple เองจะยังคงใช้ชื่อ AirPods อยู่ แต่เราขอเรียกว่าเป็น Apple AirPods 2 นะครับ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

    apple AirPods 2

    ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ AirPods ได้รับความนิยม ที่หนีไม่พ้นเลยก็คือความเข้ากันได้ระหว่าง AirPods และผลิตภัณฑ์จาก Apple เองที่ทำมาได้สมกับการที่เป็นจุดแข็งของตนเองเสมอมา ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คงจะเพราะว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์จาก Apple ที่ยังจัดว่ามีภาษีสังคมอยู่พอสมควร

    โดยเจ้า Apple AirPods 2 นี้ หากดูจากภายนอกก็อาจจะแยกความแตกต่างจากรุ่นแรกได้ยากพอสมควร แต่สำหรับในด้านฮาร์ดแวร์ภายใน ต้องบอกเลยว่ามีการปรับเปลี่ยนที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน แถมเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานอีกด้วย

    ข้อมูล สเปค Apple AirPods 2

    • การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0
    • เปลี่ยนจากชิปประมวลผล W1 มาเป็นชิปประมวลผล H1 ที่มีความสามารถมากขึ้น
    • แบตเตอรี่ของหูฟังแต่ละข้างความจุ 93 mWhr
    • ตัวหูฟัง ใช้ฟังได้นาน 5 ชั่วโมง / สนทนาได้ 3 ชั่วโมง
    • สามารถใช้เคสชาร์จหูฟังได้ ทำให้สามารถใช้ฟังได้นานกว่า 24 ชั่วโมง
    • ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับเคสผ่านพอร์ต Lightning และการชาร์จแบบไร้สาย (เฉพาะเคสชาร์จไร้สาย)
    • รองรับการสั่งงาน Siri ด้วยเสียง โดยพูดคำว่า “หวัดดี Siri” (“Hey Siri)
    • สามารถแตะที่หูฟังสองครั้ง เพื่อเปลี่ยนเพลง เรียก Siri หรือหยุด/เล่นเพลงได้
    • ไมโครโฟนแยกแต่ละข้าง
    • ใช้งานได้กับอุปกรณ์แทบทุกชนิดที่สามารถส่งสัญญาณเสียงผ่าน Bluetooth ได้

    โดยในหน้าเว็บไซต์ Apple ประเทศไทย จะมี Apple AirPods 2 วางจำหน่ายด้วยกันสองแบบ นั่นคือแบบเคสชาร์จธรรมดา กับแบบเคสชาร์จไร้สาย โดยที่ตัวของหูฟังเองจะไม่มีความแตกต่างกันครับ สำหรับราคา Apple AirPods 2 ก็มีดังนี้

    • หูฟัง Apple AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จธรรมดาราคา 6,500 บาท
    • หูฟัง Apple AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จไร้สายราคา 7,790 บาท

    ซึ่งในบทความนี้จะเป็นการรีวิว Apple AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จแบบธรรมดานะครับ เพราะตัวผมเองไม่ได้ใช้เครื่องที่มีชาร์จไร้สาย ทำให้ไม่มีแท่นชาร์จประจำบ้าน ก็เลยสั่งรุ่นที่เป็นเคสปกติมาแทน ส่วนใครที่ใช้ iPhone หรือมือถืออื่น ๆ ที่รองรับการชาร์จไร้สายและมีแท่นชาร์จอยู่แล้ว ก็สามารถสั่งซื้อรุ่นที่มาพร้อมเคสชาร์จไร้สายได้เลย เพราะมันใช้การชาร์จตามมาตรฐานยอดนิยมอย่าง Qi นั่นเอง

    เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับเอกสารคู่มือ การรับประกันทั้งหลายอยู่ด้านบนสุด หยิบออกมาก็จะพบกับเคสที่มี AirPods 2 อยู่ด้านในทันที ส่วนสาย Lightning สำหรับชาร์จจะม้วนซ่อนอยู่ด้านในอีกทีนะครับ ต้องพลิกฐานรองเคส AirPods 2 ขึ้นมาก่อนถึงจะเจอ

    ตรงฉลากด้านข้างกล่อง จะมีข้อมูลของตัว AirPods 2 อยู่ เช่น เลขซีเรียลนัมเบอร์ รวมถึงเลขโมเดลด้วย โดยเลขโมเดลจะมีด้วยกัน 3 ตัวครับ แบ่งเป็นของหูฟังข้างซ้าย ข้างขวา แล้วก็ของเคสชาร์จ ซึ่งนับเป็นหนึ่งจุดสังเกตที่ช่วยให้สามารถแยกได้เลยว่าหูฟังในกล่องนี้เป็น AirPods 1 หรือ 2 เนื่องจากเลขโมเดลของหูฟัง AirPods 2 จะขึ้นต้นด้วย A2 ได้แก่ A2032 และ A2031 ส่วนของตัวเคสชาร์จแบบธรรมดาที่ได้มาจะใช้เลขโมเดลเป็น A1602 ครับ เท่ากับว่ามันก็คือเคสชาร์จรุ่นเดียวกับ AirPods 1 เลย

    เริ่มจากเคสชาร์จกันก่อน สำหรับเคสแบบธรรมดานั้น ด้านหน้าจะเรียบ ๆ โล่ง ๆ ไม่มีไฟ LED นะครับ จะมีเฉพาะเคสชาร์จไร้สายเท่านั้นที่มีไฟ LED แสดงสถานะแบตอยู่ที่ด้านหน้าเคส

    ส่วนผิวสัมผัสก็เป็นพลาสติกเนื้อมีความมันวาว ดูลักษณะแล้วคงเกิดรอยขนแมวได้ง่ายพอสมควร

    บานพับด้านหลังของเคสชาร์จธรรมดาก็ยังคงเป็นแบบมันวาวอยู่ แต่ของเคสชาร์จไร้สายจะเป็นเนื้อ matte ส่วนวงกลมด้านล่างนั้นคือปุ่มที่ใช้สำหรับจับคู่ AirPods เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ครับ ซึ่งจะใช้ก็ตอนที่เอาไปต่อกับเครื่องอื่นที่ไม่ใช่ iOS เช่น มือถือ Android เป็นต้น

    เปิดฝาขึ้นมาก็จะพบกับหูฟัง AirPods 2 เสียบอยู่ในช่อง และมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่อยู่ตรงกลาง ซึ่งไฟแต่ละสีหมายถึง:

    • สีเขียว (หูฟังอยู่ในเคส): แบตเตอรี่หูฟังเต็ม
    • สีเขียว (หูฟังอยู่ข้างนอก): แบตเตอรี่เคสเต็ม
    • สีส้ม (หูฟังอยู่ในเคส): แบตเตอรี่หูฟังเหลือให้ใช้ได้ไม่ถึง 1 รอบการชาร์จเต็ม
    • สีส้ม (หูฟังอยู่นอกเคส): แบตเตอรี่เคสเหลือให้ใช้ได้ไม่ถึง 1 รอบการชาร์จเต็ม
    • สีส้มกระพริบ: เกิดความผิดปกติกับการทำงานหรือการเชื่อมต่อ
    • สีขาวกระพริบ: พร้อมทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น

    ด้านล่างของเคสก็เป็นช่อง Lightning สำหรับชาร์จไฟเข้าเคส

    หากเทียบขนาดของหูฟัง AirPods 2 กับหูฟัง EarPods แบบมีสายนั้น จะเห็นว่า AirPods 2 มีขนาดใหญ่กว่ากันเล็กน้อยครับ แต่พวกรูปทรง ช่องตะแกรงนั้น เรียกว่าถอดแบบกันมาเลย

    เมื่อเสียบกับช่องหู สิ่งที่สัมผัสได้เลยก็คือตัวหูฟังมันเบามาก ๆ สามารถใส่ได้นานแบบไม่เมื่อยหูเท่าไหร่ ส่วนถ้าเป็นการใส่เพื่อออกกำลังกาย หากเป็นการเดิน การออกกำลังที่ไม่ได้มีการ movement ของศีรษะแรง ๆ มากนัก ก็สามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลเลย แต่สำหรับผู้ที่เหงื่อออกเยอะ ผมแนะนำว่าอาจจะต้องหมั่นขยับ AirPods 2 ให้กระชับกับช่องหูหน่อยนะครับ เพราะตัวหูฟังมันจะค่อย ๆ ขยับลงมาเรื่อย ๆ เพราะอันนี้ผมเจอเองกับตัวเลย

    ส่วนถ้าคุณเป็นคนชอบการออกกำลังกายที่มี movement หนัก ๆ เร็ว ๆ AirPods อาจจะไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่ หรืออาจจะต้องหาอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ตัวหูฟังเกาะติดกับช่องหู/ใบหูมากขึ้น เพราะจากที่ผมลองใส่ระหว่างซิทอัพอยู่ พบว่าหูฟังหลุดทุกรอบเลย ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ครับ เพราะนอกจาก movement ที่มันเป็นการกระชากเร็ว ๆ แล้ว เหงื่อก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวหูฟังลื่นหลุดได้ง่ายขึ้นไปอีก

    แต่ถ้าคุณต้องการหูฟังไร้สายมาใช้ระหว่างนั่งทำงาน ระหว่างเดินทาง หรือใส่ระหว่างทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ AirPods 2 มันทำหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียว ด้วยความเบาและความสะดวกในการใช้งานที่นับเป็นจุดแข็งของผลิตภัณฑ์

    การใช้งาน AirPods 2 ร่วมกับอุปกรณ์ iOS

    การเชื่อมต่อ AirPods 2 กับอุปกรณ์ iOS นั้นง่ายมาก ๆ เมื่อเปิดกล่อง AirPods ขึ้นมาครั้งแรก ก็จะมีป๊อปอัพขึ้นมาบนหน้าจออุปกรณ์ iOS ให้สามารถกดทำการเชื่อมต่อได้ทันที ไม่ต้องไปเข้าเมนูการตั้งค่าใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนในการใช้งานครั้งต่อไป เมื่อเปิดฝากล่อง AirPods ก็จะมีป๊อปอัพแสดงสถานะแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ขึ้นมาให้ดู ซึ่งสามารถดูปริมาณแบตเตอรี่แบบแยกข้างได้ด้วย

    และถ้าหากคุณได้เชื่อมต่อ AirPods กับผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone / iPad / Apple Watch รวมถึงเครื่อง Mac เอาไว้แล้ว ระบบจะเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเชื่อมต่อแล้วซิงค์เข้ากับ Apple ID ทันที ทำให้เมื่อไปใช้งานอุปกรณ์อื่นที่ล็อกอิน Apple ID เดียวกันไว้ ก็จะสามารถใช้งาน AirPods ต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องมาจับคู่ใหม่

    อย่างตอนนี้ผมจับคู่ AirPods 2 ไว้กับ iPad mini 5 แล้ว เมื่อผมเปิด MacBook Pro ขึ้นมาใช้งาน ผมก็สามารถเลือกใช้งาน AirPods 2 ได้ทันที แถมการสลับอุปกรณ์ไปมายังทำได้เร็วอีกต่างหาก ด้วยประสิทธิภาพของชิป H1 ที่อยู่ภายใน

    หากเป็นการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ iOS ผู้ใช้จะสามารถเข้ามาตั้งค่าการทำงานของ AirPods 2 เพิ่มเติมได้ โดยเข้าไปที่ Settings > Bluetooth แล้วจิ้มไปที่ตัว i สีฟ้าตรงท้ายชื่อของ AirPods ก็จะพบกับเมนูย่อยสำหรับการตั้งค่าฟังก์ชันต่าง ๆ อยู่ แบ่งเป็นหัวข้อก็ตามนี้ครับ

    DOUBLE TAP ON AIRPOD

    ใช้ตั้งค่าว่า เมื่อผู้ใช้แตะสองครั้งบนตัวหูฟังแต่ละข้าง จะให้เป็นการสั่งงานอย่างไร ซึ่งสามารถเลือกได้จาก 5 คำสั่งได้แก่

    • เรียก Siri ขึ้นมาทำงาน
    • เล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว
    • เปลี่ยนไปเพลงถัดไป
    • ย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้านี้
    • ไม่มีการทำงานใด ๆ

    ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าของหูฟังทั้งสองข้างให้ต่างกัน หรือจะเหมือนกันก็ได้ครับ อย่างในภาพด้านบนผมเลือกให้แตะข้างซ้ายสองครั้งเพื่อย้อนไปเพลงก่อนหน้า ส่วนข้างขวาก็คือเลื่อนไปเพลงถัดไป

    Automatic Ear Detection

    ใช้สำหรับเปิด/ปิดฟังก์ชันตรวจจับว่าหูฟังถูกเสียบอยู่ที่ช่องหูหรือไม่ หากเปิดไว้ แล้วผู้ใช้ถอดหูฟังออก ระบบก็จะหยุดเล่นเพลงให้อัตโนมัติ และเมื่อผู้ใช้เสียบหูฟังเข้าไปที่ช่องหูอีกครั้ง เพลงก็จะเล่นต่อให้ทันที โดยมันจะมีเงื่อนไขนิดหน่อยครับ คือถ้าถอดออกแค่ข้างเดียว > เพลงหยุด > ใส่หูฟัง > เพลงเล่นต่อให้อัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นการถอดออกทั้งสองข้าง เพลงจะหยุดเล่นไปเลย ถ้าใส่หูฟังแล้วอยากให้เพลงเล่น ผู้ใช้จะต้องสั่งเล่นเพลงด้วยตนเองก่อนทุกครั้ง

    ฟังก์ชันนี้ นับเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่มีประโยชน์เลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการถอดหูฟังออกข้างหนึ่งเพื่อฟังเสียงภายนอก หรือโต้ตอบกับผู้อื่น แต่อย่างไรก็ตาม มันก็จะแอบมีความน่ารำคาญอยู่บ้างก็ตรงที่บางครั้ง ผมอยากถอดหูฟังออกหนึ่งข้าง โดยที่ก็ยังต้องการฟังเพลงอยู่ แต่ฟังก์ชันนี้ก็จะหยุดเพลงให้อัตโนมัติ ทำให้ผมต้องสั่งเล่นเพลงใหม่ทุกครั้ง เลยทำให้ผมรู้สึกกลาง ๆ กับฟังก์ชันนี้ไปแทน

    Microphone

    ใช้สำหรับตั้งค่าว่าจะใช้ไมค์จากหูฟังข้างใดเป็นหลัก โดยค่าเริ่มต้นนั้นจะเป็นแบบอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้เสียบหูฟังข้างใดอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดได้เลยว่าจะให้ใช้ไมค์จากหูฟังข้างใดเป็นหลัก

    การใช้งาน AirPods 2 ร่วมกับอุปกรณ์ Android

    แม้ว่า AirPods 2 จะเป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็ตาม แต่ถ้ามองในความเป็นจริงแล้ว มันก็คือหูฟัง Bluetooth ทั่วไปนี่แหละครับ ทำให้มันสามารถใช้งานร่วมกับมือถือ Android หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเพลง หรืออะไรก็ตามที่ส่งสัญญาณเสียงมายังหูฟัง Bluetooth ได้

    สำหรับการจับคู่ AirPods 2 เข้ากับมือถือ Android ก็ทำได้ง่ายมาก ๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้

    1. เปิดฝาเคส AirPods 2 ที่มีตัวหูฟังอยู่ภายใน (ยังไม่ต้องหยิบหูฟังออกมา)
    2. กดปุ่มวงกลมด้านหลังเคส AirPods 2 ค้างไว้ซัก 2-3 วินาที
    3. เมื่อไฟ LED ของตัวเคสเปลี่ยนเป็นสีขาวกระพริบ ก็สามารถเปิดเมนู Bluetooth ในมือถือ เพื่อทำการจับคู่ AirPods กับมือถือ Android (หรืออุปกรณ์อื่น) ได้ทันที

    เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานหูฟัง AirPods 2 กับมือถือ Android ได้แล้วครับ

    ส่วนถ้าต้องการนำ AirPods 2 กลับไปใช้กับอุปกรณ์ iOS ที่เชื่อมต่อไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนใช้งานจะต้องเข้าไปที่หน้า Bluetooth ของ iOS แล้วจิ้มที่ชื่อ AirPods 2 เพื่อทำการเชื่อมต่อก่อนนะครับ และทำอย่างเดียวกันเมื่อจะนำกลับมาใช้กับมือถือ Android (หรืออุปกรณ์อื่น) นับว่าเป็นหนึ่งในข้อจำกัดของการใช้งาน AirPods ข้ามระบบปฏิบัติการกันก็ว่าได้

    อีกสิ่งที่เป็นข้อจำกัดเมื่อนำ AirPods มาใช้กับมือถือ Android ก็คือความยืดหยุ่นในการตั้งค่า เพราะมันไม่มีเมนูให้ตั้งค่าเหมือนกับใน iOS ครับ จะมีก็แค่ตัวเลือกเปิด/ปิดว่าจะใช้ AirPods 2 สำหรับการคุยโทรศัพท์ การฟังเพลง เป็นต้น จะมีจุดที่น่าสนใจหน่อยก็คือมันรองรับระบบเสียงระดับ HD ด้วย โดยเป็นการใช้การเข้ารหัสแบบ AAC ที่นิยมใช้กันในอุปกรณ์จาก Apple ซึ่งมือถือ Android รุ่นใหม่ ๆ มักจะรองรับกันอยู่แล้วครับ

    ทั้งนี้ หน้าจอการตั้งค่า การแสดงข้อมูล AirPods 2 ของมือถือแต่ละเครื่องอาจจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เฟสของระบบปฏิบัติการ แต่โครงสร้างหลัก ๆ น่าจะเป็นตามภาพด้านบน ซึ่งเป็นภาพที่มาจากหน้าจอของ Google Pixel 2 XL ที่ใช้ Android 9.0 ครับ

    ถ้าให้สรุปว่าการใช้งาน AirPods 2 กับมือถือ Android สามารถทำอะไรได้ และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง ก็ตามนี้เลย

    • ใช้ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ได้
    • สามารถแตะ 2 ครั้งเพื่อสั่งงาน เช่น เปลี่ยนเพลง หยุดเพลง เล่นเพลงต่อได้
    • เมื่อถอดหูฟังออก เพลงจะไม่หยุดให้อัตโนมัติ
    • ไม่สามารถเปลี่ยนฟังก์ชันการทำงานของการแตะ 2 ครั้งได้ หากต้องการเปลี่ยน จะต้องทำบนอุปกรณ์ iOS เท่านั้น
    • หากตั้งค่าใน iOS ไว้ว่าให้การแตะหูฟัง 2 ครั้งเป็นการเรียก Siri เมื่อมาใช้กับมือถือ Android จะกลายเป็นการหยุดเพลงชั่วคราว/เล่นเพลงแทน

    เสียงที่ได้จาก AirPods 2 เมื่อทดสอบกับ iPad mini 5

    AirPods 2 ให้เสียงที่ออกมาในโทนที่ฟังง่ายครับ ทั้งต่ำ กลาง สูงออกมาแบบไม่แข่งกันเด่นมากนัก เบสออกมาเป็นลูกไม่หนักมาก อิมแพคไม่ค่อยแรง โทนเสียงสูง-แหลมก็ไม่ได้สูงจัดจนเสียดหู ทำให้เสียงที่ออกมามันกลมกลืนกันไป ไม่ได้มีโทนใดโดดมาเป็นพิเศษ คุณภาพเสียงโดยรวมจัดว่าดีกว่า EarPods เล็กน้อย ซึ่งในความเห็นของผมมองว่า AirPods 2 เป็นหูฟังที่ทำออกมาให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งานได้ดี ไม่ได้เจาะจงแนวเสียงไปทางใดทางหนึ่ง สามารถฟังได้นานโดยไม่รู้สึกล้าหู แต่ถ้าเอาประเด็นเรื่องราคามาพิจารณาด้วย ก็ต้องบอกตามตรงว่าคุณภาพเสียงของ AirPods 2 อาจจะยังไม่สมราคาเท่าไหร่ แม้ว่าจะพอปรับ equalizer เพื่อชดเชยในบางจุดได้บ้าง แต่ก็นั่นแหละครับ AirPods 2 มันก็มีจุดเด่นบางอย่างที่หูฟังรุ่นอื่นทำไม่ได้อยู่เหมือนกัน

    เรื่องความหน่วงหรือการดีเลย์ของเสียงนั้น เท่าที่ผมลองกับ 2 เกมยอดฮิตอย่าง PUBG Mobile กับ ROV บน iPad mini 5 ก็ให้ผลที่ต่างกันเล็กน้อยครับ อย่างในเกม ROV อันนี้ให้ความรู้สึกแทบไม่แตกต่างกับการฟังเสียงจากลำโพงเครื่องหรือผ่านหูฟังเลย แต่กับเกม PUBG Mobile ผมแอบรู้สึกว่าเสียงปืนมันดีเลย์กว่าตัวเกมนิดนึง ส่วนในการรับชมภาพยนตร์ ผมลองเปิดหนังใน Netflix ดู ก็พบว่าปากตัวละครขยับตรงกับเสียงนะครับ ไม่พบอาการดีเลย์แต่อย่างใด

    สำหรับการคุยโทรศัพท์ด้วย AirPods 2 ผมทดลองใช้งานกับมือถือ Android ก็สามารถใช้งานได้ปกติเหมือนใช้หูฟังมีสายเลย ปลายสายก็ได้ยินเสียงของผมได้ชัดเจนโดยที่ผมไม่ต้องขยับหูฟังแต่อย่างใด

    สรุปรีวิว AirPods 2 และควรซื้อหรือไม่?

    หากคุณกำลังมองหาหูฟัง Bluetooth แบบ true wireless ที่ใช้งานง่าย ๆ ไม่ซีเรียสเรื่องเสียงมากนัก AirPods 2 นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ไล่มาตั้งแต่การจับคู่กับอุปกรณ์ ไปจนถึงการหยิบขึ้นมาฟังเพลง และยิ่งหากใช้คู่กับ iPhone iPad ก็ยิ่งสะดวกเข้าไปใหญ่ ด้วยความสามารถในการปรับแต่งการทำงานที่อยู่ใน iOS เอง การเรียกผู้ช่วยอย่าง Siri ขึ้นมาใช้งาน รวมถึงการซิงค์ข้อมูลการเชื่อมต่อผ่าน Apple ID ที่ทำให้สามารถสลับกันใช้งาน AirPods 2 ร่วมกับผลิตภัณฑ์ของ Apple เองได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ถ้าคุณต้องการหูฟัง true wireless ที่ใช้ง่าย ขี้เกียจมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ AirPods 2 คือหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ

    และที่สำคัญคือ AirPods สามารถใช้งานร่วมกับมือถือ Android และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องใช้งานกับสินค้าของ Apple เท่านั้น แต่ก็แน่นอนว่าการสลับระหว่างอุปกรณ์ข้าม OS อาจจะไม่สามารถทำได้อย่างไร้รอยต่อเหมือนกับการสลับในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple เอง รวมถึงยังไม่สามารถปรับแต่งฟังก์ชันการทำงานย่อย ๆ ของ AirPods 2 ได้อีกด้วย

    ดังนั้น แนะนำว่าคุณควรจะมีอุปกรณ์ iOS อย่างน้อยซักชิ้น เพื่อให้สามารถใช้งาน AirPods 2 ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จะเป็นเครื่องหลักหรือเครื่องรองก็ได้ทั้งนั้น ตามความถนัดของแต่ละท่านเลย

    ส่วนใครที่ต้องการหูฟังแบบเน้นคุณภาพเสียง AirPods 2 อาจยังไม่ใช่หูฟังที่ถูกใจคุณซักเท่าไหร่ครับ ด้วยความที่มันถูกออกแบบมาให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ มันเลยให้เสียงที่ไม่สุดไปซักทาง ซึ่งในปัจจุบัน หูฟังแบบ true wireless ก็มีออกมาเยอะพอสมควรแล้ว ที่สำคัญคือหลาย ๆ รุ่นให้เสียงที่ดีกว่า ถูกใจผู้ใช้มากกว่า แถมยังราคาย่อมเยากว่า AirPods 2 ซะด้วยซ้ำ บางรุ่นราคาถูกกว่ากันเป็นเท่าตัวเลย

    แต่ทั้งนี้ หูฟัง true wireless บางรุ่นก็อาจมีจุดที่เสียเปรียบ AirPods 2 อยู่บ้างเหมือนกันครับ เช่น ความรวดเร็ว ความเสถียรในการเชื่อมต่อ ความสะดวกในการใช้งาน ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่รวมที่สั้นกว่า เป็นต้น เรียกว่าหูฟังแต่ละรุ่นก็ล้วนมีข้อดีข้อด้อยกันทั้งนั้นครับ ถ้าเป็นไปได้อาจจะลองศึกษาฟังก์ชันของแต่ละรุ่น แล้วไปลองหาฟังแนวเสียงดูก่อนว่าถูกใจหรือเปล่า

    ข้อดี

    • ใช้งานง่าย เชื่อมต่อได้รวดเร็ว
    • แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน เมื่อใช้ร่วมกับเคส สามารถใช้งานได้เป็นวัน
    • สามารถเรียกใช้งาน Siri ได้
    • สามารถปรับแต่งการทำงานของฟังก์ชันหลักได้เล็กน้อย
    • เสียงในเกม ภาพยนตร์ แทบไม่มีดีเลย์แบบที่สามารถสังเกตได้ง่าย

    ข้อสังเกต

    • ราคาค่อนข้างสูงไปนิด
    • คุณภาพเสียงไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
    AirPods 2 Apple Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    หลุดแผนโร้ดแมป iPhone ยาวถึง iPhone 19 ปี 2027

    9 พฤษภาคม 2025

    Apple เปิดตัวคอลเลกชั่น Pride ปี 2025

    5 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X