สำหรับโทรศัพท์มือถือที่ผมจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันในวันนี้ เป็นหนึ่งในโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกลุ่มที่ “ไม่ควรพลาด” คือถ้าใครกำลังอยากจะได้มือถือเครื่องใหม่ ในช่วงราคาประมาณ 10,000 บาทนิด ๆ ผมว่า vivo V3Max เป็นโทรศัพท์ที่ควรจะเก็บไว้เป็นตัวเลือกแรก ๆ เลยล่ะครับ เพราะเอาแค่สเปคก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว เมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกัน
สเปค vivo V3Max
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD
- ซีพียู Snapdragon 652 แบบ Octa core ความเร็ว 1.8 GHz
- แรม 4 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD สูงสุด 128 GB)
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- ระบบปฎิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop
- รองรับการใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- ราคา 12,990 บาท
- สเปคแบบเต็มของ vivo V3Max
อุปกรณ์เสริมในกล่องของ vivo V3Max ให้อุปกรณ์เสริมมาครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสาย USB, อแดปเตอร์, หูฟังแบบ Earbud, เคส TPU และสาย USB OTG ส่วนฟิล์มกันรอยนั้นติดมาให้ตั้งแต่แรกแล้ว เรียกว่าจ่ายเงินไป 12,990 บาท แล้วก็จบเลย ไม่ต้องหาซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้ว
ก่อนจะเข้าสู่การรีวิว vivo V3Max ถ้าเพื่อน ๆ ได้ไปดู Captain America: Civil Wars มาแล้วเนี่ย ก็น่าจะเห็นฉากที่กัปตันอเมริกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความ รวมถึงใช้โทรหา Black Widow มือถือเครื่องนั้นก็คือ vivo V3Max นี่แหละครับ และนอกจากมือถือที่กัปตันถือในเรื่องแล้ว โทรศัพท์มือถือที่ Black Widow ใช้ก็ยังติดยี่ห้อ vivo ด้วยครับ ต้องยอมพี่แกเลยจริง ๆ
จุดเด่น
– มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– มีฟีเจอร์ Fast Charging
– กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
– มีแอป Bloatware ติดเครื่องมาน้อย
– ราคาไม่แรง ได้มือถือสเปคคุ้มค่า
– มีระบบเสียง Hi-Fi
ข้อสังเกต
– ตัวเครื่องหนา และหนักพอสมควร
บทสรุป
BEST PERFORMANCE
Design
เริ่มที่การรีวิว vivo V3Max ในส่วนของวัสดุ และงานประกอบ ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือว้าวอะไรกับวัสดุและงานประกอบของ vivo V3Max สักเท่าไหร่ เพราะว่ามันก็ยังอยู่ในมาตรฐานของ vivo ก็คือวัสดุดี งานประกอบแน่นเหมือนเคย เป็นมือถือที่จับแล้วรู้สึกดี รู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปครับ ไม่ได้ใช้วัสดุเป็นพลาสติก งานประกอบก๊องแก๊งแน่นอน อันที่จริงต้องบอกว่ามือถือจากจีนเดี๋ยวนี้งานประกอบ และวัสดุเผลอ ๆ จะดีกว่าแบรนด์อื่นด้วยซ้ำไป
วัสดุหลักของ vivo V3Max เป็นโลหะครับ ฝาหลังนี่เป็นโลหะทั้งชิ้น หน้าเว็บของทาง vivo ระบุว่าเป็นโลหะผสม (น่าจะเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์) เคลือบผิวด้วย Zircon Sand ทำให้ผิวสัมผัสของ vivo V3Max เนียนมือ ไม่เก็บรอยนิ้วมือ และดูแลรักษาง่าย ส่วนการเก็บขอบ เก็บงานทำได้ดีมาก ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าฝาหลังของ vivo V3Max มีความโค้ง อารมณ์เหมือนกระจก 2.5D ซึ่งช่วยให้เราจับถือ vivo V3Max ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
การวางตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ จะอยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับมือถือที่มีขนาดตัวเครื่องใหญ่ เพราะหยิบใช้งานได้ง่ายกว่า คล่องตัวมากกว่า เราสามารถเลื่อนนิ้วชี้ไปทำการปลดล็อกตัวเครื่องได้ทันที แต่ข้อเสียของการวางปุ่มสแกนนิ้วไว้ด้านหลังตัวเครื่อง คือเวลาที่วางเครื่องไว้บนโต๊ะ การจะปลดล็อกเครื่องได้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเสียก่อน หรือไม่ก็ใช้การพิมพ์รหัสเอา โดยตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ vivo V3Max สามารถสแกนลายนิ้วมือได้แบบ 360 องศา (แต่ในลักษณะการใช้งานทั่วไปก็มักจะสแกนแค่องศาเดิมนั่นแหละ) และใช้เวลาในการสแกนนิ้วเพียง 0.5 วินาทีเท่านั้น สแกนตอนหน้าจอดับอยู่ได้ด้วยครับ
ด้านหน้าของ vivo V3Max นอกจากหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแล้วก็จะประกอบไปด้วยปุ่ม Navigation ทั้ง 3 ปุ่ม ที่ไม่เหมือนมือถือแอนดรอยทั่วไป เพราะ vivo V3Max จะไม่มีปุ่ม Recent App แต่จะให้ปุ่ม Menu มาแทน ใครที่ใช้ Android รุ่นอื่นมาอาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อย ส่วนใครที่ใช้มือถือแบรนด์จีนอยู่แล้ว อันนี้สบาย ๆ เลยครับ ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ
vivo V3Max มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD สีสันสดใส มุมมองกว้างตามมาตรฐานของหน้าจอ IPS ทั่วไป ความคมชัดอยู่ในระดับที่กำลังเพียงพอต่อการใช้งานบนหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว คือไม่เห็นเม็ดพิกเซลในการใช้งานทั่วไป และถือโทรศัพท์ในลักษณะของการใช้งานปกติ ด้วยความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลที่ 401 ppi มันเกินระดับที่ตาคนจะเห็นเม็ดพิกเซลไปแล้วครับ
ข้อสังเกตของ vivo V3Max สำหรับผมอยู่ที่ขนาดตัวเครื่อง และน้ำหนัก เนื่องจาก vivo V3Max เป็นมือถือแอนดรอยที่ใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ ในช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน เพราะลองเทียบกับ iPhone 6 Plus แล้วเนี่ย ขนาดมันเท่า ๆ กันเลยครับ ตรงนี้จะต่างจากมือถือแอนดรอยรุ่นอื่นที่เน้นเครื่องบาง ขอบจอบาง ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มาก บางรุ่นหน้าจอ 5.5 นิ้ว แต่อยู่ในขนาดตัวเครื่องประมาณ 5.2 เท่านั้น แต่พอมาดู vivo V3Max นี่ต่างกันอย่างชัดเจน เป็นมือถือขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วไซส์มาตรฐานอย่างแท้จริง ข้อดีก็คือมันให้ความรู้สึกแข็งแรง บึกบึนดีครับ จับแล้วเต็มไม้เต็มมือจริง ๆ
Software
มาต่อกันทีเรื่องของซอฟท์แวร์ vivo V3Max มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย Funtouch OS อันเป็นเอกลักษณ์ของทาง vivo จุดเด่นของ Funtouch OS นั่นคือเรื่องของการใช้งานที่เน้นใช้งานง่าย การตั้งค่าต่างๆ นั้นถูกจัดไว้เป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน รวมถึงการที่ไม่ใช่ App Drawer หรือหน้ารวมแอพเหมือนมือถือเจ้าอื่น ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้มือถือจาก vivo นั้นใช้งานง่าย เพียงแค่ติดตั้งแอปพลิเคชั่นแล้วแอปที่เราติดตั้งจะมาอยู่บนหน้าจอหลักทั้งหมด หากเราไม่ชอบที่หน้าจอนั้นดูรกเกินไปก็สามารถสร้างโฟลเดอร์จัดเรียงแอปเป็นหมวดหมู่ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน และสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมนั่นคือ vivo V3Max นั้นแทบจะไม่มีแอป Bloatware ติดเครื่องมาเหมือนกับมือถือ Android หลายรุ่น
เมื่อเปิดเครื่องมาก็จะพบกับแอปพลิเคชั่นที่เราต้องได้ใช้งานอย่าง Facebook , Line , WhatsApp , WeChat นอกจากนี้ยังมีแอปจัดการเอกสารอย่าง WPS Office และแอป EasyShare จาก vivo เพื่อใช้ในการส่งไฟล์ในรูปแบบความเร็วสูงไปยังมือถือเครื่องอื่น ถ้าจะว่าไปแล้วหลักการทำงานนั้นก็คล้ายๆ กับแอป SHARE it นั่นเอง และที่น่าสนใจคือหากเราไม่ต้องการแอพเหล่านี้เราก็สามารถลบทิ้งไปได้ เรียกว่าเป็นอิสระในการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ
ในเรื่องของหน่วยความจำภายพบว่าเหลือให้ใช้งานจริงที่ 23 GB ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าคิดว่ามันยังไม่เยอะพอเราก็สามารถหาซื้อ Micro SD มาใช้งานเพิ่มได้อีกเช่นกัน โดย vivo V3Max นั้นรองรับความจุสูงสุดถึง 128 GB เลยทีเดียว และนอกจากแอปพลิเคชั่นของทาง vivo แล้วแอปจากทาง Google ก็มีติดเครื่องมาให้ได้ใช้งานกันอย่างครบครันเหมือนเช่นเคยไม่ว่าจะเป็น Google , Google Chrome , Gmail , Maps , YouTube และอื่นๆ อีกมากมาย
Feature
มาถึงเรื่องของฟีเจอร์กันบ้างถ้าจะว่าไปแล้วในส่วนของฟีเจอร์นี้เองที่ทำให้การใช้งานมือถือสมาร์ทโฟนนั้นไม่น่าเบื่อ และเมื่อพูดถึงเรื่องฟีเจอร์ vivo V3Max มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมายเช่นเดียวกับ vivo V3 ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่เน้นการทำงานในส่วนของซอฟท์แวร์หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่มีการใช้งานฮาร์ดแวร์ และมาดูกันว่า vivo V3Max จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจขนาดไหน
Hi-Fi
ขาดไม่ได้เลยสำหรับมือถือจาก vivo นั่นก็คือฟีเจอร์ระบบเสียง Hi-Fi ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของทางค่าย vivo V3Max มาพร้อมกับชิปประมวลผลด้านระบบเสียง AKM AK4375 ซึ่งเป็นชิปตัวเดียวกันกับที่ใช้งานใน vivo V3 โดยทาง vivo ได้ร่วมมือกับทาง Asahi Kasei Microdevices Corporation บริษัทชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาด้านระบบเสียงในมือถือ vivo
หลักการทำงานนั้นก็เหมือนกับมือถือที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Hi-Fi ทั่วไปนั่นคือเมื่อเสียบหูฟังแบบ 2.5D เข้าไประบบก็จะเปิดใช้งานระบบเสียงแบบ Hi-Fi โดยอัตโนมัติ เรื่องของการปรับแต่งนั้นก็ทำได้หลากหลายเหมือนเช่นเคย และยังสามารถเลือกโปรไฟล์เสียงตามแบรนด์หูฟังที่เราใช้งาน หรือจะเลือกปรับแต่งตามใจชอบก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งาน vivo V3Max นั่นก็คือการใช้งานอัจฉริยะ ซึ่งตามหลักการแล้วก็คือฟีเจอร์แบบ Touch Gesture นั่นเอง โดยการใช้งานอัจฉริยะในที่นี้ก็จะมี Smartwake หรือการวาดนิ้วมือเป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อสั่งการตัวเครื่อง อาทิเช่น เลื่อนขึ้นเพื่อปลดล็อค เลื่อนลงเพื่อถ่ายรูป วาด m เพื่อเข้าสู่การฟังเพลง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ใช้สั่งการตัวเครื่องโดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับหน้าจอโดยตรง และนอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถเปิด/ปิดหน้าจอแบบอัจฉริยะยกตัวอย่างเช่นแตะสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ และแตะสองครั้งเพื่อปิดหน้าจอ เพื่อเป็นการถนอมปุ่ม Power ไปในตัวนั่นเอง
i-Manager
เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผมรู้สึกชอบมากที่สุด โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยในเรื่องของการจัดการทรัพยากรต่างๆ ภายในเครื่อง อาทิเช่น ปริมาณแรมที่ใช้งาน , การจัดการไฟล์ขยะในระบบ , การจัดการแบตเตอรี่และควบคุมการทำงานของซีพียู รวมไปถึงการจัดการแอปพลิเคชั่น ล้วนอยู่ใน i-Manager ทั้งสิ้น ซึ่งข้อดีก็คือเราไม่ต้องไปขวนขวายหาแอปที่ช่วยดูแลประสิทธิภาพตัวเครื่องใน Google Play Store มาใช้งานเพิ่มเติมให้วุ่นวายแต่อย่างใด
Fingerprint Scanner
และฟีเจอร์ที่ถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญของ vivo V3Max ฟีเจอร์เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง ซึ่งตำแหน่งของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นจะอยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่อง สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือความรวดเร็วในการทำงานของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือซึ่งเท่าที่ผมได้ลองใช้งานดูก็พบว่าสามารถปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียงไม่ถึงวินาทีในการปลดล็อดตัวเครื่อง และนอกจากนี้เรายังสามารถใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเป็นชัตเตอร์สำหรับกล้องถ่ายภาพได้อีกด้วย
ฟังก์ชั่นหลายหน้าจออัจฉริยะ
และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จัดว่ามีประโยชน์ในการใช้งานมากๆ นั่นคือฟังก์ชั่นหลายหน้าจออัจฉริยะซึ่งเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ เมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามาในขณะที่เรากำลังใช้งานแอปพลิเคชั่นอื่นอยู่ เมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามาจะมีไอคอนเล็กๆ โผล่ออกมาจากด้านข้างหน้าจอ และเมื่อกดที่ไอคอนนั้นๆ ตัวเครื่องของ vivo V3Max ก็จะเปลี่ยนการแสดงผลเป็นแบบสองแอปพลิเคชั่นในจอเดียว
โดยเราสามารถเลือกปรับได้ว่าจะต้องการให้หน้าจอด้านไหนมีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่า แต่มีข้อจำกัดเล็กน้อยนั่นคือ ในตอนนี้สามารถแสดงการแจ้งเตือนได้เพียงแค่ ข้อความ , Facebook , Line , WeChat , WhatsApp เท่านั้น แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ใช้ได้เลย
Camera
และมาถึงเรื่องของกล้องถ่ายภาพของ vivo V3Max กันบ้าง vivo V3Max มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียดขนาด 13 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกับ vivo V3 UI ของกล้องถ่ายภาพในมือถือ vivo นั้นออกแบบมาเน้นในเรื่องของความง่ายในการใช้งาน
โดยโหมดหลักๆ ที่ปรากฎให้เราใช้งานนั้นก็จะมีโหมดใบหน้าสวย หรือโหมด Beauty , โหมดถ่ายภาพปกติ และ โหมดถ่ายวีดีโอ ให้เราเลือกเลื่อนซ้าย-ขวาเพื่อเปลี่ยน และนอกจากโหมดหลักทั้ง 3 โหมดแล้ว vivo V3Max ยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกอีกถึง 9 โหมด ได้แก่ โหมดกลางคืน , โหมดติดตามการเคลื่อนไหว , โหมดถ่ายภาพพาโนรามา , โหมดถ่ายเอกสาร , โหมด HDR , โหมด Ultra HD โหมด Time lapse , โหมด Slow Motion และ โหมดมืออาชีพ หรือ โหมด Pro ให้เราเลือกใช้งาน
มาที่กล้องหน้าของ vivo V3Max กันบ้าง vivo V3Max มาพร้อมกับกล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกันกับ vivo V3 แต่สิ่งที่จะแตกต่างอย่างชัดเจนนั่นคือในกล้องหน้าของ vivo V3Max จะมีโหมดถ่ายภาพแบบ Ultra HD เพิ่มเข้ามา จากที่เคยมีเพียงโหมดกลางคืนเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่เหมือนกันกับ vivo V3 นั่นคือโหมดใบหน้าสวยหรือโหมด Beauty ที่สามารถปรับระดัยบความเนียนของผิวได้ตั้งแต่ 0-100 อีกทั้งยังสามารถจำแแนกเพศและปรับแต่งความเนียนให้เข้ากับเพศของคนในภาพได้อีกด้วย หรือพูดอีกอย่างนึงว่าผู้หญิงจะดูเนียนกว่านั่นเอง และด้านล่างคือภาพตัวอย่างจากกล้องของ vivo V3Max ที่ผมได้นำมาให้เพื่อนๆได้ชมกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ vivo V3Max
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ vivo V3Max
Performance
และมาถึงเรื่องสุดท้ายนั่นคือเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของตัวเครื่อง vivo V3Max มาพร้อมกับซีพียู Snapdragon 652 แบบ Octa core ความเร็ว 1.8 GHz พร้อมกับแรมขนาด 4 GB ที่พอกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพกับแอปพลิเคชั่นทดสอบประสิทธิภาพอย่าง AnTuTu Benchmark ก็พบว่า vivo V3Max นั้นสามารถทำคะแนนได้ที่ 75,470 คะแนน เรียกว่าเป็นคะแนนที่สูงกว่า vivo V3 เกือบเท่าตัวเลยทีเดียว และเมื่อได้ทดสอบกับการเล่นเกมอย่าง Marvel Future Fight , Asphalt 8 : Airborne , Unkilled ก็พบว่าสามารถเล่นได้ลื่นไหลดีมากๆ ไม่มีอาการกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด แรมที่ให้มาถึง 4 GB ก็ทำให้การใช้งานนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
และในเรื่องของหน่วยความจำภายในที่มาพร้อมกับความจุขนาด 32 GB ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปได้เป็นอย่างดี แต่หากต้องการติดตั้งแอปที่มีขนาดใหญ่ หรือไฟล์วีดีโอที่มีความละเอียดสูง การซื้อ Micro SD มาใช้งานก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทางนึงเลย ซึ่ง vivo V3Max นั้นก็รองรับการใช้งาน Micro SD สูงถึง 128 GB ด้วยกัน
สรุปว่า vivo V3Max เป็นมือถือที่ดีมากๆ เครื่องนึงเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางด้านราคาที่เปิดตัวไม่แรงมากจนสามารถจับต้องได้ไม่ยาก หรือจะเป็นในเรื่องของสเปคตัวเครื่องที่มีความเร็วแรงระดับมือถือเรือธงปีรุ่นก่อนๆ เลยก็ว่าได้ ไหนจะเรื่องของวัสดุเกรดพรีเมี่ยมที่ใช้ประกอบตัวเครื่อง หรือ จะเป็นฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่างเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่มีติดเครื่องมาให้ จึงทำให้ vivo V3Max เป็นมือถือช่วงราคาไม่เกิน 15,000 บาทที่น่าซื้อมากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว