ช่วงนี้กระแสของการ Selfie หรือการถ่ายรูปตัวเองกำลังมาแรงมากครับ เห็นได้จากมือถือหลายๆ ค่ายก็จะเริ่มทำมือถือ Selfie ออกมาเรื่อยๆ จากเดิมที่กล้องหน้าของโทรศัพท์มือถือจะมีไว้ใช้สำหรับวีดีโอคอล แต่เดี๋ยวนี้นอกจากกล้องหลังจะแจ่มแล้ว กล้องหน้าก็ต้องคุณภาพดีด้วย มิฉะนั้นก็จะเป็นจุดให้เปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ แต่สำหรับ Oppo N1 Mini มือถือรุ่นลดไซส์จาก Oppo N1 ตัวท็อปเมื่อปลายปี 2013 ของ Oppo มีอะไรที่เหนือกว่าการเป็นเซลฟี่โฟนรุ่นอื่นๆ เพราะ Oppo N1 Mini จัดให้ด้วยกล้องหมุนได้ 195 องศา ทำให้เราสามารถใช้กล้องหลังที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED เพื่อ Selfie ตัวเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องเล็งมาก ซึ่งอันที่จริงฟีเจอร์นี้ก็มีมาตั้งแต่ใน Oppo N1 ตัวปกติแล้วครับ แต่ส่วนตัวผมมองว่า Oppo N1 Mini น่าจะไปได้ไกลกว่า ด้วยขนาดตัวที่ลดไซส์ลงมานี่แหละ พูดกันตรงๆ ว่า Oppo N1 มีขนาดใหญ่จนเกินไป ด้วยหน้าจอขนาด 5.9 นิ้ว ทำให้การถือและการพกพาค่อนข้างลำบากทีเดียว แต่สำหรับ Oppo N1 Mini ที่มีขนาดหน้าจอลดลงมาเหลือ 5 นิ้ว (ไซส์มือถือแอนดรอยทั่วไป) มันให้ความคล่องตัวต่างกันเยอะครับ
สเปค Oppo N1 Mini
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 400 Quad-Core ความเร็วสูงสุด 1.6 GHz
- แรม 2 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ?HD
- รอมในตัว 16 GB
- Android 4.3 Jelly Bean ครอบมาดัวยอินเตอร์เฟส ColorOS
- ใช้งานได้ซิมเดียว รองรับ 3G ทุกเครือข่าย
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ตัวกล้องสามารถหมุนได้ 195 องศา
- แบตเตอรี่ 2140 mAh
- รองรับ NFC
- ราคาอยู่ที่ 12,990 บาท
- สเปค OPPO N1 Mini เต็มๆ
แพคเกจกล่องบรรจุของ Oppo N1 Mini มาในแพคเกจกล่องสีขาว (สีเดียวกับตัวเครื่องรีวิวเลย) ตัวแพคเกจทำมาหรูหราสมราคา ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง
- หูฟัง
- สาย USB
- อแดปเตอร์
- เข็มจิ้มถาดซิมและคู่มือ
Design
สำหรับรูปทรงของ Oppo N1 Mini ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็คือ Oppo N1 ถูกไฟฉายย่อส่วนชัดๆ ตามสไตล์ของรุ่น Mini ที่จะถูกลดทอนสเปคลงไปจากรุ่นปกติครับ รวมถึงขนาดตัวที่จะเล็กลงกว่าเดิมด้วย จุดเด่นของ Oppo N1 Mini สำหรับผมจะมองว่าเส้นบริเวณขอบเครื่องนี่แหละครับ คือจุดเด่นที่สุดของเจ้า Oppo N1 Mini อย่างเครื่องรีวิว Oppo N1 Mini ที่ทางเราได้รับมานั้นเป็นสีขาว และเส้นบริเวณขอบเครื่องเป็นสีทอง ทำให้มันดูเด่นขึ้นมากทีเดียว ส่วนตัวเครื่องอีกสีคือสีฟ้าอ่อน จะวางขายประมาณกลางเดือนสิงหาคม โดยตอนนี้ Oppo N1 Mini จะวางขายแค่ตัวเครื่องสีขาวเท่านั้นในระยะแรก
ด้านหน้าของ Oppo N1 Mini จะประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ด้านบนหน้าจอจะเป็นลำโพงสำหรับสนทนา และเซนเซอร์วัดระดับแสง ถัดมาด้านล่างหน้าจอจะเป็นปุ่มกด 3 ปุ่ม ได้แก่ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของมือถือ Oppo ได้อย่างดี คือไฟที่ปุ่มไม่ว่า Oppo จะทำมือถือมากี่รุ่นก็ตาม ไฟบริเวณปุ่มทั้ง 3 ก็ยังคงเลือนลางเหมือนเดิม เวลาที่ใช้งานกลางแดดจัดๆ นี่แทบจะมองไม่เห็นปุ่มกดเลยครับ ต้องอาศัยความเคยชินอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานเจ้า Oppo N1 Mini เท่าไหร่นัก (ส่วนตัวผมชอบสีไฟปุ่มกดของ Oppo N1 Mini รวมถึงไฟปุ่มกดของ Oppo รุ่นอื่นๆ แต่มันติดตรงที่แสงไฟเลือนลางเหลือเกิน แล้วก็ปรับระดับของความสว่างไม่ได้อีกต่างหาก)
ถัดมาด้านข้างที่ถือว่าเป็นจุดเด่นทำให้ Oppo N1 Mini ดูหรูหราขึ้นมากก็คือในส่วนของเส้นสีทองบริเวณขอบเครื่องนั่นแหละครับ จัดว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวจริงๆ ด้านข้างของ Oppo N1 Mini ไล่จากทางด้านขวาจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงและช่องใส่ซิมการ์ด ที่ต้องใช้เข็มจิ้มซิมเหมือน iPhone โดย Oppo N1 Mini จะรองรับซิมการ์ดแบบ Micro Sim สามารถใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่ายครับ ถัดมาที่ด้านล่างจะประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเสียบสาย USB, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และไมค์สำหรับสนทนา ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ทางด้านซ้ายมือครับ
พลิกมุมมอง เปลี่ยนมุมมันไปกับ Oppo N1 Mini
ด้านหลังของ Oppo N1 Mini จะประกอบไปด้วยโลโก้ Oppo สีเงินตัดกับฝาหลังสีขาว และไมค์ตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน โดยวัสดุของฝาหลังจะเป็นแบบ Soft Touch ที่เก็บได้ทุกรอยนิ้วมือและรอยขีดข่วน ตรงนี้เวลาใช้งานคงต้องถนอมเครื่องนิดนึง สัมผัสฝาหลังให้ความรู้สึกนุ่มมือตามฉบับ Soft Touch และข้อดีอีกอย่างนึงคือมันทำความสะอาดได้ง่ายมากครับ แม้ตัวเครื่องรีวิว Oppo N1 Mini ที่เราได้มาจะเป็นสีขาว แน่นอนว่ามันเลอะรอยเปื้อนได้ง่ายมาก แต่ก็มีข้อดีอยู่ที่มันทำความสะอาดได้ง่ายเช่นเดียวกัน แค่เช็ดๆ ก็ลบคราบ ลบรอยเปื้อนได้หมดแล้ว
หน้าจอของ Oppo N1 Mini มีขนาด 5 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ IPS ความละเอียด HD แม้จะไม่ใช่ที่สุด แต่ก็ในการใช้งานก็ต้องบอกว่าเพียงพอที่จะทำให้ผู้ใช้มองไม่เห็นเม็ดพิกเซลให้รำคาญตา บอกได้เลยว่าจอ 5 นิ้วความละเอียด HD ของ Oppo N1 Mini เนียนตามากครับ แต่สีของหน้าจอจะออกแนวสมจริงค่อนข้างธรรมชาติ ทำให้หน้าจอของ Oppo N1 Mini จะไม่ได้สีสดมากเหมือนบางยี่ห้อ ยิ่งถ้าเอาไปเทียบจะรู้สึกว่า Oppo N1 Mini จอซีดไปเลย
Selfie ด้วยความละเอียด 13 ล้านนี่ก็ดีนะ
มาถึงทีเด็ดของ Oppo N1 Mini จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ นั่นก็คือส่วนบนของเจ้า Oppo N1 Mini ที่สามารถหมุนได้ถึง 195 องศา พูดง่ายๆ คือกล้องหลังของ Oppo N1 Mini สามารถหมุนสลับมาใช้เป็นกล้องหน้าได้นั่นเอง มาถึงตรงนี้คงจะมีข้อสงสัยแล้วว่าแบบนี้มันจะไม่พังง่ายเหรอ ไอ้เจ้ากล้องหมุนได้เนี่ย สำหรับความทนทานของกล้องหมุนได้ใน Oppo N1 Mini นั้น ทาง Oppo เคลมว่ามันสามารถหมุนได้เป็นแสนๆ ครั้ง ถ้าวันนึงหมุนกล้องของ Oppo N1 Mini วันละ 20 ครั้ง มันจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 8 ปีเลยทีเดียว
Oppo N1 Mini จัดเป็นมือถือที่งานประกอบดี สมราคา ส่วนหนึ่งมาจากการที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนฝาหลังได้นี่แหละครับ ทำให้ตัวเครื่องค่อนข้างแข็งแรง ไม่มีอาการยวบยาบแม้แต่น้อย เป็นมือถือที่จับใช้งานแล้วรู้สึกดี เพราะดีไซน์ก็สวย วัสดุดี แถมงานประกอบยังน่าประทับใจอีกต่างหาก เอาเป็นว่าในส่วนของการออกแบบ ผมให้ Oppo N1 Mini สอบผ่านครับ ภาพรวมเหมาะสมกับราคาค่าตัวที่ 12,990 บาทแน่นอน
Software
ระบบปฏิบัติการของ Oppo N1 Mini จะเป็นระบบปฏิบัติการ ColorOS เวอร์ชัน 1.4.0i ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 4.3 Jellybean โดยชื่อ ColorOS นี่เป็นอะไรที่ไว้ใจได้เรื่องความเสถียร และลูกเล่นที่อัดมาให้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gesture ควบคุมหน้าจอ, Theme บ้องแบ๊ว และบรรดา Widget แปลกๆ น่ารักๆ ก็มีให้เลือกใช้มากมาย คาดว่าคงถูกใจสาวๆ และหนุ่มๆ สายแบ๊ว ธีมของ Software โดยรวมจะเน้นไปในสีสันที่สดใส การจัดเรียงเมนูต่างๆ เช่นพวกการตั้งค่า การปรับแต่งการทำงานก็ยังใกล้เคียงกับเมนูของ Android แบบเดิมๆ ทำให้ผู้ที่ชินกับอินเตอร์เฟส Android แบบเดิมๆ สามารถปรับตัวมาใช้งานได้ไม่ยากนัก
หนึ่งในฟีเจอร์ที่อยู่คู่ ColorOS มาก็คือการลากนิ้วเพื่อสั่งงานแบบ Gesture ซึ่งผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ว่าการลากนิ้วรูปแบบใดจะให้เครื่องทำงานอย่างไรบ้าง เช่นเปิดใช้งานไฟฉาย, เปิดใช้กล้อง, เปิดแอพพลิเคชันที่ต้องการ โดยสามารถเรียกใช้งานได้ทั้งจากแถบ Notifications (ลากนิ้วจากมุมซ้ายบนของจอ) และเรียกใช้งานขณะที่หน้าจอปิดอยู่ ก็นับว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเข้าถึงแอพในเครื่องอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี จะตั้งค่าวิธีลากนิ้วแบบไหนก็ทำได้หมด
ส่วนคีย์บอร์ดติดเครื่องของ Oppo N1 Mini สำหรับผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมที่เคยได้ให้ไว้ตอนที่รีวิว Oppo R1 คือถ้าอยากใช้งานได้สะดวกๆ ก็ควรหาโหลดคีย์บอร์ดเองจะดีกว่าครับ เพราะคีย์บอร์ดติดเครื่อง Oppo N1 Mini ดูจะไม่ค่อยเหมาะกับการพิมพ์ไทยซักเท่าไหร่ แต่ถ้าพิมพ์ภาษาอังกฤษการ Swype ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการพิมพ์อย่างรวดเร็วครับ
Camera
อันที่จริงตามหลักของบทความรีวิวจากทาง Specphone หัวข้อที่อยู่ถัดมาจากซอฟท์แวร์จะต้องเป็น Feature แต่ในรีวิว Oppo N1 Mini จะพิเศษกว่านิดหน่อยตรงที่ทางทีมงานมองว่าฟีเจอร์เด่นของ Oppo N1 Mini ก็คือตัวกล้องของมันนี่แหละครับ จึงขอรวบยอด จับมัดรวมแล้วเขียนทีเดียวเลยก็แล้วกัน
ความพิเศษของกล้อง Oppo N1 Mini ก็คือมันสามารถหมุนได้เช่นเดียวกับรุ่นใหญ่อย่าง Oppo N1 แต่กล้องของ Oppo N1 Mini จะหมุนได้องศาน้อยกว่านิดหน่อยที่ 195 องศา (Oppo N1 กล้องหมุนได้ 206 องศา) ซึ่งทาง Oppo เองก็บอกว่าแทบไม่มีความแตกต่างในการใช้งานจริง ส่วนตัวผู้เขียนก็คิดเช่นนั้นแหละครับ เอาแค่มันหมุนจากหลังไปหน้าได้ก็ตอบโจทย์ความเป็น “Selfie Phone” แล้วหล่ะ สำหรับการหมุนกล้องก็ไม่ได้ออกแรงเยอะมากมายครับ หมุนได้สบายๆ ตัวฮาร์ดแวร์ดูแข็งแรงดีแม้จะหมุนได้ ซึ่งตรงนี้ทาง Oppo ก็ออกมาเคลมว่ามันหมุนได้เป็นแสนๆ ครั้ง เพราะฉะนั้นหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย อ้อ!! แล้วก็ความแตกต่างอีกอย่างที่กล้องของ Oppo N1 Mini ไม่เหมือนกับ Oppo N1 ก็คือแฟลชครับ Oppo N1 Mini มีแฟลชแค่ตัวเดียว และใช้งานแฟลชตัวดังกล่าวทั้งถ่ายด้านหน้าและด้านหลัง (แฟลช Oppo N1 มี 2 ดวง)
สำหรับโหมดต่างๆ ของกล้อง Oppo N1 Mini จะมีดังนี้ครับ
- โหมด Ultra-HD : คือโหมดสำหรับการถ่ายภาพ 24?ล้านพิกเซล (คล้ายๆ กับ Oppo Find 7)
- โหมด Beauty: ถ่ายแล้วหน้าสวย ฟรุ้งฟริ้ง
- โหมด Slow shutter: ถ่ายภาพแบบเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ สามารถกำหนดได้ว่าจะให้เปิดทิ้งไว้นานกี่วินาที ได้ตั้งแต่ 0.5 ? 32 วินาที (ถ่ายไฟตอนกลางคืนสวยมากครับโหมดนี้)
พูดถึงความง่ายในการใช้งานกันบ้าง กล้องของ Oppo N1 Mini ในโหมด Auto ก็ค่อนข้างฉลาดในระดับหนึ่งเลย ถ่ายง่ายครับ แค่แตะเพื่อโฟกัส แล้วก็กดถ่ายได้ทันที ตัวกล้องโฟกัสและจับภาพได้ไวในสภาพแสงทีเพียงพอ แต่ถ้าแสงไม่เพียงพออย่างเช่นตอนกลางคืน ความสามารถในการโฟกัสและจับภาพก็จะถูกลดหลั่นลงมา ซึ่งตรงนี้เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้โหมด Slow shutter ครับ แต่ต้องมือนิ่งๆ หน่อยนะ ส่วนอีกโหมดที่แนะนำเลยก็คือ Ultra-HD แบบเดียวกับใน Oppo Find 7 แต่ของ Oppo N1 Mini จะเพิ่มความละเอียดได้เพียง 24 ล้านพิกเซล ถ้าใครอยากได้ไฟล์ภาพความละเอียดสูงก็สามารถเลือกใช้โหมดนี้ได้ครับ การันตีว่า Crop ภาพไม่แตกแน่นอน
ส่วนการถ่ายรูปในโหมด Selfie หรือการหมุนกล้องมาทางด้านหน้านั้น ด้วยการที่มันใช้กล้องตัวเดียวกับกล้องหลัก ทำให้การเซลฟี่ด้วย Oppo N1 Mini จัดว่าไม่ธรรมดาเลยครับ เพราะนอกจากจะได้ความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซลแล้ว ตัวเลนส์ของกล้องยังสามารถเก็บภาพเวลาที่ถ่ายรูปหมู่ได้สบายๆ อีกด้วย รับรองไม่มีใครตกขอบแน่ๆ แต่ในการถือถ่ายรูปจะมีข้อสังเกตเล็กน้อย คือทรงของบอดี้ Oppo N1 Mini ทำให้มันดูจะเหมาะกับการเซลฟี่ในแนวตั้งมากกว่า เพราะตำแหน่งการถือเครื่องของเราจะกดชัตเตอร์ผ่านทางปุ่มเพิ่มเสียงได้ง่ายมากๆ ส่วนในแนวนอนกลับพบว่าไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ อาจจะดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง ซึ่งตรงนี้ทาง Oppo ก็ได้ออกอุปกรณ์เสริมสำหรับ Oppo N1 Mini โดยเฉพาะ นั่นก็คือเจ้า O-Click รีโมทย์บลูทูธอัจฉริยะที่ทำได้ทั้งการกดถ่ายรูปและป้องกันเครื่องหาย ทีนี้จะเซลฟี่แนวไหนก็ไม่ยากแล้วครับ แต่เจ้า O-Click จะไม่ได้แถมมาให้ในแพคเกจของ Oppo N1 Mini เลยนะ ต้องซื้อแยก โดย O-Click สนนราคาที่ 990 บาทครับ
สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Oppo N1 Mini สามารถรับชมได้จากทาง Gallery เลย
Performance
ประสิทธิภาพของ Oppo N1 Mini ถ้าวัดกันที่สเปคก็จัดอยู่ในมือถือระดับหมื่นต้นๆ นั่นแหละครับ CPU Quad Core Snapdragon 400 แต่ก็เป็นตัวแรงกว่าเจ้าอื่นเพราะมีความเร็วที่ 1.6 GHz (ปกติเขาจะใช้รุ่นความเร็ว 1.4 GHz) และทีเด็ดอย่าง Ram 2 GB ใช้งานสบายๆ ไม่ต้องเคลียร์แรมบ่อย ในส่วนของการใช้งานจริงก็พบว่ามีอาการหน่วงเล็กน้อย เวลาที่ใช้งานหนัก ก็ตามสภาพของ CPU แหละครับ จะให้มาแรงเท่ากับ Snapdragon 800 ก็จะยังไงๆ อยู่เนอะ แต่ถ้าใช้งานทั่วไปนี่ Oppo N1 Mini ตอบโจทย์ได้สบายบรื๋อครับ
แต่สำหรับประสิทธิภาพในการใช้งานเป็น Selfie Phone นั้น Oppo N1 Mini ตอบโจทย์แบบสุดๆ ไปเลย เพราะเราสามารถเซลฟี่ตัวเองด้วยกล้องความละเอียดสูงไม่แพ้กล้องหลัง รูปทรง ตำแหน่งของนิ้วเวลาถือเครื่องนี่พร้อมจะกดชัตเตอร์เพื่อเซลฟี่ตัวเองตลอดเวลา ไหนจะมีอุปกรณ์เสริมอย่าง O-Click ขายแยกอีกต่างหาก ทำให้การเซลฟี่ของเราสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวกล้องที่หมุนได้สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายเหตุการณ์ครับ อย่างน้อยเวลาส่องไฟฉายก็หมุนกล้องไปทางด้านบน ทำให้สามารถใช้งานได้เหมือนถือไฟฉายจริงๆ เลยหล่ะ
พูดถึงการจัดการพลังงานกันบ้าง ใครที่กังวลว่า Oppo N1 Mini จะใช้งานแบตเตอรี่ได้นานแค่ไหน ตอนที่ผมรีวิว Oppo N1 Mini ดูก็พบว่ามันใช้งานได้หมดวันสบายๆ เลยครับ ต่อให้เปิด 3G ไว้ตลอด (แต่เวลาอยู่ที่ทำงานก็ใช้ Wifi) หยิบขึ้นมาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ใช้เช็คอีเมล และเวลาอยู่ข้างนอกก็มีหยิบมาถ่ายรูปบ้าง นี่ยังไม่ได้เปิดโหมดประหยัดแบตนะครับ โดยรวมก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนแบตอึดใช้ได้เลย ตรงนี้ต้องยกความดีให้กับ ColorOS ที่จัดสรรเรื่องการใช้พลังงานได้ดีมาก
Overall
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับรีวิว Oppo N1 Mini มือถือหมุนกล้องได้ตามคอนเส็ปที่ทาง Oppo ตั้งไว้ว่า “พลิกมุมมอง เปลี่ยนมุมมันไปกับ Oppo N1” ก็จัดเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่งในช่วงราคาหมื่นต้นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นสเปคที่เหนือกว่ารุ่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น Ram 2 GB และ CPU Quad Core ความเร็ว 1.6 GHz และที่สำคัญคือทีเด็ดที่กล้องหมุนได้นี่แหละครับ ส่วนเทคโนโลยีกับฟีเจอร์ในเครื่องก็จัดเต็ม Gesture แปลกๆ มีให้เลือกใช้เพียบจนจำได้ไม่หมด หรือแม้แต่โหมดต่างๆ ในกล้องของ Oppo N1 Mini ก็อัดมาให้ไม่แพ้รุ่นเรือธงอย่าง Oppo Find 7 เช่น โหมด Ultra-HD เพิ่มความละเอียดภาพเป็น 24 ล้านพิกเซล หรือโหมด Beauty ถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้ง เป็นต้น ขนาดตัวเครื่องก็กำลังพอดีมือ, คล่องตัวและพกพาสะดวก ยิ่งถ้าใครเน้น Selfie ไม่ควรพลาด Oppo N1 Mini ด้วยประการทั้งปวงครับ
ข้อดี
- จอสุดคมชัดแม้จะมีความละเอียดแค่ HD
- ColorOS ค่อนข้างเสถียรและมีลูกเล่นแปลกๆ เพียบ
- แบตเตอรี่ 2140 mAh ใช้งานได้นานกว่าที่คิด
- กล้องสามารถหมุนได้ 195 องศา “เซลฟี่ได้ในความละเอียดสูง”
- กล้องหลังสามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด?24?ล้านพิกเซล
- งานประกอบดี แน่นหนา สวยงาม
ข้อสังเกต
- ไฟ LED ที่ปุ่มกดไม่สว่างมากนัก สังเกตยาก (เป็นแทบทุกรุ่นของ Oppo)
- ฝาหลังแบบ Soft Touch เป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก
Compare
มาถึงส่วนสุดท้ายของรีวิว Oppo N1 Mini?ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Oppo N1 Mini?ที่ราคา 12,990 บาท จำนวน 5 รุ่นด้วยกัน ก็จะมีดังนี้ครับ
สิ่งแรกที่ Oppo N1 Mini?เหนือกว่าทุกรุ่นก็คือความเจ๋งในการเป็น Selfie Phone ครับ ด้วยความละเอียดกล้องที่ 13 ล้านพิกเซล (หมุนกล้อง) ทำให้การเซลฟี่ทำออกมาได้ดีกว่าทุกรุ่น และราคาก็ยังอยู่ในช่วงหมื่นต้นๆ เพราะถ้าวัดที่การ Selfie ส่วนตัวมองว่า Huawei Ascend P7 ก็ตอบโจทย์ไม่แพ้กัน แถมยังมีน้ำหนักเบากว่า CPU แรงกว่า แต่ราคาของ Oppo N1 Mini ก็ตอบโจทย์กว่าอยู่ดี สำหรับมือถือราคาหมื่นต้นๆ เพราะถ้าขยับไปเล่น Huawei Ascend P7 ก็จะมีตัวเลือกอื่นๆ อีกเพียบเลยครับ
ส่วนตัวเลือกอื่น นอกเหนือจาก Oppo N1 Mini?ก็ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ
- HTC Desire จะได้เรื่องขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าถึง 5.5 นิ้ว และแบตเตอรี่ที่อึดชนิดที่ว่า 2 วันชาร์จทีก็ยังไหว
- ถ้าอยากได้มือถือกล้อง (หลัง) สวยๆ, ชอบฟังเพลงและชอบมือถือบางๆ VIVO X3S คือคำตอบครับ
- สำหรับใครที่มีงบเพิ่มอีก 2,000 บาท ลองไปดูที่ Lenovo Vibe Z (K910L) ก็เป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับสเปคจัดเต็ม และแบตอึดพอตัว คุ้มๆ เลยครับ
- หรือจะลองมองที่ Huawei Ascend P7 ก็ได้ถ้าอยากได้มือถืองานประกอบเนี๊ยบ น้ำหนักเบา ฟีเจอร์ไม่แพ้ Oppo N1 Mini แต่ก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มจาก Oppo N1 Mini อีก 2,000 บาท