ห่างหายจากการรีวิวแท็บเล็ตแอนดรอยไปนานแสนนาน ในที่สุดก็มีแบรนด์ใจดีส่ง Tablet มาให้รีวิวเสียที ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Lenovo นั่นเองครับ ที่ยังคงทำแท็บเล็ตแอนดรอยออกมาวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นที่ส่งมาให้รีวิวนี้ก็ได้แก่ Lenovo Tab 3 8″ ซีรี่ส์ Tab ในเจนเนอร์เรชันที่ 3 มาพร้อมกับหน้าจอ 8 นิ้ว และมีสเปคที่น่าสนใจทีเดียว
สเปค Lenovo Tab 3 8″
- ชิปประมวลผล Mediatek MT6735P Quad-core Processor 1.0GHz 64bits
- Android 6.0 Mashmallow
- หน้าจอ IPS ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 1280 x 800)
- RAM 2 GB LP-DDR2
- ความจุ 16 GB
- รองรับ MicroSD ความจุสูงสุด 64 GB
- ลำโพงเดี่ยว มาพร้อม Dolby® ATMOS
- กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม Auto-Focus
- กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wifi IEEE802.11B/G/N และ Bluetooth 4.0
- รองรับ 4G LTE/ 3G และรองรับการใช้งาน 2 ซิม (Nano Sim)
- แบตเตอรี่ Lion-Polymer ความจุ 4,290 mAh
- น้ำหนัก 329 กรัม
- ราคา 6,490 บาท
- สเปค Lenovo Tab 3 8″ แบบเต็ม ๆ
ตัวกล่อง Lenovo Tab 3 8″ เป็นกล่องกระดาษสีขาว อุปกรณ์ในกล่อง Lenovo Tab 3 8″ ก็จะให้มาเหมือน ๆ กับแท็บเล็ตแอนดรอยรุ่นอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเครื่อง Lenovo Tab 3 8″, สาย Micro USB to USB Type A และอะแดปเตอร์ แต่ไม่มีหูฟังแถมมาให้ในกล่อง
จุดเด่น
– ลำโพงมาพร้อมเทคโนโลยี Dolby ATMOS
– ใช้งาน 3G/4G LTE ได้อย่างไร้ปัญหา
– งานประกอบใช้ได้ เลือกวัสดุ และออกแบบได้ดี
– มาพร้อมแอนดรอย 6.0
– แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
ข้อสังเกต
– หน้าจอ IPS แต่มุมมองภาพ/ สีไม่กว้างเท่าที่ควร
บทสรุป
BEST PRICE
Design
อันที่จริง Lenovo ได้เปิดตัวแท็บเล็ตในซีรี่ส์ Tab 3 ด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ Lenovo Tab 3 7″, Lenovo Tab 3 7 Essential และรุ่นที่เราจะมารีวิว เป็นรุ่นท็อปสุดในซีรี่ส์ ซึ่งก็คือ Lenovo Tab 3 8″ ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่สุด 8 นิ้ว และมีจุดเด่นที่ใส่ซิม ใช้งาน 4G LTE ได้แบบไม่ต้องง้อ WiFi ตอนออกไปใช้งานข้างนอก
ถึงแม้จะเป็นซีรี่ส์เดียวกัน แต่หน้าตา รวมถึงวัสดุของ Lenovo Tab 3 8″ ก็ดูดีกว่าสองรุ่นเล็กอย่างชัดเจน ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติกแบบที่ไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือ มาในตัวเครื่องสีขาว ตัดด้วยสีฟ้าในบางจุด เช่น ฝาปิดช่องใส่ซิม, ขอบตัวเครื่อง
รายละเอียดในมุมต่าง ๆ ของ Lenovo Tab 3 8″ เริ่มจากทางด้านหน้า ประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด HD ขอบจอไม่หนาจนเกินไป สามารถถือตัวเครื่องได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ด้านบนหน้าจอประกอบไปด้วยกล้องหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ โดย Lenovo Tab 3 8″ สามารถใส่ซิมเพื่อใช้อินเทอร์เน็ต 4G และยังสามารถโทรเข้า – โทรออกได้เหมือนกับโทรศัพท์ ส่วนบริเวณด้านล่างหน้าจอ จะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Dolby ATMOS เทคโนโลยีเสียงแบบเดียวกับที่ใช้ในโรงภาพยนตร์ และเท่าที่ลองทดสอบกับเครื่องรีวิว ก็พบว่าเสียงที่ดังออกมาจาก Lenovo Tab 3 8″ ให้เสียงที่ดีทีเดียว ตอบโจทย์ทั้งการดูหนัง, ฟังเพลง หรือแม้แต่เล่นเกมก็ตาม
Lenovo Tab 3 8″ ออกแบบมาให้รองรับการใช้งาน 4G LTE และรองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ Nano Sim ทั้งสองซิม และรองรับ MicroSD Card สำหรับเพิ่มความจุ สูงสุดที่ 64 GB โดยช่องใส่ซิมการ์ดและ MicroSD Card จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง
ฝาหลังของ Lenovo Tab 3 8″ ใช้วัสดุเป็นพลาสติก มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีขาว และสีดำ รายละเอียดทางด้านหลัง Lenovo Tab 3 8″ ประกอบไปด้วย กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีระบบ Auto-Focus แต่ไม่มีแฟลช LED ติดมาให้ ตัวฝาหลังมีการออกแบบให้โค้งเล็กน้อย เพื่อให้จับถือได้สะดวกเวลาที่ถือตัวเครื่องในแนวตั้ง เนื่องจาก Lenovo Tab 3 8″ มีฟีเจอร์ในการโทรออกด้วย และถ้าไม่มีดีไซน์ที่โค้งแบบนี้ การถือเครื่องตอนรับโทรศัพท์คงจะลำบากน่าดู
สำหรับดีไซน์ของ Lenovo Tab 3 8″ โดยรวมผมถือว่า Lenovo ทำได้ดี ทั้งในแง่ของการเลือกวัสดุ รวมถึงงานประกอบก็ต้องบอกว่า “สมราคา” ที่น่าสนใจก็คือการออกแบบของ Lenovo Tab 3 8″ ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวกทั้งแนวนอนและแนวตั้ง อีกทั้งน้ำหนักตัวเครื่องที่ 329 กรัม ก็ไม่ได้หนักจนเกินไปหากจะต้องถือด้วยมือเดียว
Software
Lenovo Tab 3 8″ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ตั้งแต่เปิดกล่อง ภาพรวมของซอฟท์แวร์ก็ยังคงอิงกับทาง Android เสียเป็นส่วนใหญ่ Lenovo แค่มีการปรับแต่งในส่วนของ UI และไอคอนบางตัวให้ดูแตกต่างจาก Pure Android เท่านั้น ส่วนหลัก ๆ ก็ยังคงไว้เช่นเดิม มีการแยกหน้า Home และหน้า App Drawer อย่างชัดเจน
ซอฟท์แวร์ที่น่าสนใจใน Lenovo Tab 3 8″ ก็ได้แก่แอปพลิเคชัน Dolby ที่สามารถปรับแต่งค่าด้านเสียงได้ละเอียดทีเดียว ทั้ง EQ หรือแม้แต่โหมด Surround ต่าง ๆ สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ และแอปพลิเคชันคู่บุญของ Lenovo อย่าง SHAREit ที่สามารถรับส่งไฟล์ระหว่างเครื่องได้ง่าย Lenovo ก็ทำการพรีโหลดมาให้ตั้งแต่แรกเลย ส่วนแอปพลิเคชันอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำการยัดเยียดใส่มาให้ใน Rom เหมือนบางยี่ห้อ เลยทำให้พื้นที่ความจุ 16 GB ของ Lenovo Tab 3 8″ เหลือให้ใช้พอประมาณเลยล่ะ
Camera
Lenovo Tab 3 8″ มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลช LED ติดมาให้ เพราะฉะนั้นการถ่ายในที่แสงน้อยจึงทำได้ลำบาก แต่ก็ยังดีที่กล้องหลังยังสามารถ Auto-Focus ได้ ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เพียงพอต่อการใช้งาน Video Call
ซอฟท์แวร์กล้องเองก็ดูจะไม่ได้เน้นอะไรเท่าไหร่ มีเพียงโหมด Beauty, HDR และพาโนรามาให้เลือกเท่านั้น ซึ่งก็เป็นโหมดพื้นฐานทั่วไปสำหรับกล้องมือถือยุคนี้ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ กล้องหลังและกล้องหน้าของ Lenovo Tab 3 8″ ไม่ได้ตั้งใจให้เน้นถ่ายรูปอยู่แล้ว ใส่มาให้เป็นกล้องแท็บเล็ต ในสถานการณ์ที่ “จำเป็น” จะต้องใช้มากกว่า
สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Lenovo Tab 3 8″ ก็ตามนี้เลยครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ Lenovo Tab 3 8″ ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ IPS ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด HD เหมาะทั้งการเล่นอินเทอร์เน็ต, เปิดเว็บไซต์, Social Network หรือจะรับชมภาพยนตร์ ดูยูทูป รวมถึงการใช้เล่นเกมก็จัดว่าโอเคเลย โดยหน้าจอ IPS ขนาด 8 นิ้ว จัดว่ามีขนาดกำลังดีสำหรับการรับชมคอนเท้น ไปพร้อม ๆ กับการพกพา ส่วนเรื่องเสียงก็ได้ระบบเสียง Dolby ATMOS เข้ามาช่วยให้เสียงมีมิติมากขึ้น สามารถปรับแต่ง EQ ได้ตามต้องการ
สเปคของ Lenovo Tab 3 8″ มาพร้อมกับชิปประมวลผล MediaTek MT6735P ชิปเซ็ต Quad Core ความเร็ว 1.0 Ghz ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวประหยัดพลังงาน กับ Ram 2 GB การใช้งานพื้นฐานทั่วไปไม่ใช่ปัญหาของ Lenovo Tab 3 8″ อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการใช้งานหนัก เอาไปเล่นเกมกราฟฟิคสูง ๆ เท่าที่ลองทดสอบดูกับเกม N.O.V.A. 3 ก็พบว่า Lenovo Tab 3 8″ สามารถเล่นเกมนี้ได้ แต่จะมีการกระตุกในบางช่วง และที่สำคัญคือต้องทำการเคลียร์แอปพลิเคชันทุกครั้งก่อนเล่นเกมครับ
แบตเตอรี่ของ Lenovo Tab 3 8″ ให้มาที่ความจุ 4290 mAh เมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 8 นิ้วก็ถือว่าให้มาในระดับมาตรฐาน เข้าใจว่า Lenovo ไม่ต้องการให้ตัวเครื่องหนา และหนักไปมากกว่านี้ แต่เท่าที่ลองใช้งานก็เพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันได้สบาย ๆ เว้นแต่ว่าจะเล่นเกม หรือดูหนังแบบต่อเนื่อง อันนี้ก็คงต้องชาร์จระหว่างวัน หรือไม่ก็คงต้องพก Powerbank ล่ะครับ