Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»[Review] รีวิว Huawei Mate 9 อีกก้าว (ใหญ่ ๆ) ของ Huawei กล้องคู่ Leica สเปคสุดแรง ราคา 23,900 บาท
    Android Platform

    [Review] รีวิว Huawei Mate 9 อีกก้าว (ใหญ่ ๆ) ของ Huawei กล้องคู่ Leica สเปคสุดแรง ราคา 23,900 บาท

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng5 มกราคม 2017Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Huawei P9 มือถือกล้องคู่ ที่ Huawei ร่วมมือกับทาง Leica เพื่อพัฒนาเรื่องกล้องโดยเฉพาะ ส่วนตัวผมว่าปี 2016 นี่ถือเป็นปีทองของ Huawei เลยก็ว่าได้ครับ เพราะทำมือถือรุ่นอะไรออกมาก็ล้วนแต่มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เรียกว่าขายได้ทุกรุ่น รวมถึงตัว Huawei P9 เองก็มียอดจำหน่ายทะลุ 9 ล้านเครื่องอีกต่างหาก

    มันก็เลยเป็นความคาดหวังเล็ก ๆ สำหรับเรือธงปลายปีอย่าง Huawei Mate 9 ว่าจะต้องทำออกมาได้ดีกว่าเดิม หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้มาตรฐานที่ Huawei P9 เคยทำเอาไว้ และก็ต้องบอกว่าเป็นเกียรติสำหรับผมมาก ๆ ที่ได้รับเชิญไปงานเปิดตัว Huawei Mate 9 ถึงประเทศเยอรมันนี ได้ลองจับ ลองเล่น Huawei Mate 9 เป็นกลุ่มแรก ๆ ในโลก แน่นอนว่า Huawei Mate 9 ก็ทำได้ดีเกินกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00056

    สเปค Huawei Mate 9

    • ะบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat
    • หน้าจอขนาด 5.9 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด Full HD (373 ppi)
    • ขนาดตัวเครื่อง 156.9 x 78.9 x 7.9 หนัก 190 กรัม
    • ชิปประมวลผล Hisilicon Kirin 960 Octa-Core (4 Core ความเร็ว 2.4 GHz Cortex-A73 และ 4 Core ความเร็ว 1.8 GHz Cortex-A53)
    • ชิปประมวลผลกราฟฟิก ARM Mali-G71 MP8
    • Ram 4 GB
    • ความจุพื้นที่ภายใน  64 GB
    • กล้องหลังสองตัว ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome) และความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (RGB) เทคโนโลยีจาก Leica รูรับแสงกว้าง f/2.2 มี OIS ซูม Optical 2 เท่า รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K  มีฟีเจอร์ phase detection, contrast autofocus, Depth auto focus, laser autofocus และ Dual-LED (dual tone) Flash
    • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้าง f/1.9
    • รองรับ 4G LTE รองรับ 2 ซิม
    • รองรับ MicroSD สูงสุด 256 GB (ใช้ซิมช่อง 2)
    • แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับ Super Charge Technology ชาร์จแบต 30 นาที 50 %
    • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
    • ราคา 23,900 บาท
    • สเปคเต็ม ๆ Huawei Mate 9

    มือถือในซีรีส์ Mate 9 จะมีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ Huawei Mate 9, Huawei Mate 9 Pro และ Porsche Design Huawei Mate 9 แต่รุ่นที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้ก็คือ Huawei Mate 9 เฉย ๆ เปิดราคามาที่ 23,900 บาท ซึ่งก็ถือว่าสมราคาล่ะครับ แต่จะสมราคาอย่างไร คุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน เลื่อนลงไปอ่านรีวิว Huawei Mate 9 ด้านล่างได้เลยครับ

    จุดเด่น

    – สเปคแรง ไฟลลื่น รอม EMUI 5.0 ทำออกมารีดประสิทธิภาพเครื่องได้ดี
    – ทุกอย่างอยู่ในจุดสมดุล ทั้ง CPU, แรม, หน้าจอ, แบตเตอรี่, กล้อง
    – กล้องหลังคู่ Leica ยังคงประทับใจเหมือนเดิม ไฟล์ดี ถ่ายรูปสนุก โฟกัสแม่น และรวดเร็ว
    – งานประกอบดีสมราคา อุปกรณ์เสริมที่ให้มาก็ดูพรีเมียมดี และให้มาครบครัน
    – ลำโพงดีเสียงดัง เป็นลำโพงคู่สเตอริโอด้วย
    – หน้าจอขนาดใหญ่เต็มตา ในขนาดตัวเครื่องพอ ๆ กับพวกหน้าจอ 5.5 นิ้ว
    – แบตเตอรี่ใช้งานได้นานมาก
    – ประกันระดับ Diamond Service ซ่อมภายใน 1 ชั่วโมง ซ่อมไม่ได้เปลี่ยนเครื่องใหม่เลย

    ข้อสังเกต

    – ปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่อง
    – บางเกมเล่นได้ แต่ยังมีปัญหาเรื่องกราฟฟิคนิดหน่อย (แก้ไขได้ด้วยการอัพเดตซอฟท์แวร์)
    – ถาดซิมเป็นแบบ Hybrid Slot ต้องเลือกระหว่าง MicroSD Card กับซิม 2
    – ในประเทศไทยนำมาขาย 2 สี ได้แก่ สีทอง Champagne Gold และสีน้ำตาล Mocha Brown

    บทสรุป

    เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับรีวิว Huawei Mate 9 น่าจะตรงใจหลาย ๆ คนกันไปแล้ว ถึงประเด็นที่อยากทราบ อยากรู้ว่ามันมีดียังไง ถ้าให้สรุปภาพรวมแล้วผมว่า Huawei Mate 9 เป็นมือถือที่ดีมาก คุ้มราคา 23,900 บาทสุด ๆ (ยังไม่นับว่าซื้อกับโอเปอเรเตอร์ได้ราคาถูกเข้าไปอีก) ได้มือถือที่สเปคแรงสุด ๆ กล้อง Leica Dual Camera ใช้งานได้สนุกสุด ๆ ไฟล์ภาพดีงาม เป็นมือถือที่ผมกล้าพูดเลยว่า “ถ่ายยังไงก็สวย” ถ้าจัดองค์ประกอบภาพดี ๆ เพราะที่เหลือปล่อยให้ Huawei Mate 9 จัดการได้เลย หรือถ้าใครมีขาตั้งกล้อง ก็สามารถพา Huawei Mate 9 ไปถ่ายอะไรก็ได้ และจะได้ภาพถ่ายที่ต้องบอกว่ากล้อง DSLR มีมองค้อนเลยทีเดียว ส่วนสเปคอื่น ๆ ก็มาเต็มทั้งฮาร์ดแวร์ ด้วยชิปเซ็ต Kirin 960 ตัวแรง และซอฟท์แวร์เวอร์ชันใหม่ EMUI 5.0 ที่ฉลาด และเรียบง่ายมากขึ้น ฟีเจอร์แน่น ๆ มีการใส่ Machine Learning เข้ามาช่วยในเรื่องการจัดการซอฟท์แวร์ให้ลื่นที่สุด การันตีว่าจะลื่นเหมือนวันแรก แม้เวลาจะผ่านไปนาน 18 เดือนก็ตาม รวม ๆ ผมยกให้ Huawei Mate 9 เป็นมือถือที่น่าสนใจมาก สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตามหามือถือแรง ๆ คุ้ม ๆ ซื้อทีเดียวจบ แนะนำให้มาจบที่ Huawei Mate 9 ได้เลยครับ
    Editor : Jerminalz
    98
    BEST PERFORMANCE

    Design

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00018

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00016

    ดีไซน์ของ Huawei Mate 9 ยังคงไว้ซึ่งความเป็น Mate DNA ตามสไตล์ของซีรี่ส์ Business ที่จะเน้นเรื่องความหรูหราสมกับมาดนักธุรกิจ ซึ่งจะแตกต่างจาก P Series ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป แต่ Huawei ก็ได้ออกแบบให้ Huawei Mate 9 มีความคล่องตัว และกะทัดรัดมากขึ้น แม้จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 5.9 นิ้ว ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า โดยขนาดตัวเครื่องโดยรวมของ Huawei Mate 9 จะประมาณมือถือหน้าจอ 5.5 นิ้วปกติทั่วไป (เล็กกว่า iPhone 7 Plus นิดหน่อย)

    ความหรูหราของ Huawei Mate 9 ส่วนตัวผมว่ามันมาจาก 2 ประเด็นหลัก ๆ คือหน้าจอ 5.9 นิ้ว ที่ใช้กระจกโค้ง 2.5D ซึ่งมันเข้ากันกับบอดี้ ที่ Huawei คุยว่ากว่าจะได้บอดี้โลหะแบบชิ้นเดียว (Unibody) ที่อยู่ใน Huawei Mate 9 จะต้องผ่านกระบวนการผลิตกว่า 50 ขั้นตอน โดยตัวบอดี้จะออกแบบให้โค้งมนเล็กน้อย ทำให้จับถือสะดวก และมีการเก็บขอบเก็บมุมที่ดี เมื่อรวมกับขนาดตัวเครื่องที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แม้จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้วก็ตาม เนื่องจากการออกแบบที่ทำให้ขอบจอบางเฉียบ ในแง่ของการใช้งาน จึงไม่ต้องกังวลว่าซื้อมือถือจอใหญ่ จะพกลำบากไหม ใส่กระเป๋ากางเกงได้หรือเปล่า ถ้าเคยใช้งานมือถือ 5.5 นิ้ว ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถใช้ Huawei Mate 9 ได้สบาย ๆ ครับ หรือถ้ามองว่าหน้าจอ 5.9 นิ้วของ Huawei Mate 9 อาจจะใหญ่ไปหน่อย ก็มีตัวเลือกอย่าง Huawei Mate 9 Pro หน้าจอ 5.5 นิ้ว ที่จะวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ สนนราคาก็ 27,900 บาท ให้เลือกซื้อได้เช่นกัน

    ส่วนผิวสัมผัสของเครื่องรีวิว Huawei Mate 9 ที่เราได้รับมานั้น เป็นตัวเครื่องสี Champagne Gold จึงมีผิวสัมผัสแบบมันเงา แตกต่างจากเครื่องสี Moonlight Silver ที่ผมได้ลองใช้ตอนไปงานเปิดตัวที่ประเทศเยอรมันนี ที่จะเป็นสัมผัสแบบโลหะขัด มีความหนืดมือเล็กน้อย โดย Huawei Mate 9 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีด้วยกันเพียง 2 สี ได้แก่ สีทอง Champagne Gold และสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mate Series อย่างสีน้ำตาล Mocha Brown

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00022

    อยากได้มือถือสเปคแรง 

    กล้องแจ่ม ถ่ายละลายหลังได้

    Huawei Mate 9 คือคำตอบ!!

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00021

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00042

    รายละเอียดของ Huawei Mate 9 เริ่มจากทางด้านหน้า ประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) ที่ความหนาแน่นของพิกเซล 373 ppi ค่าความอิ่มตัวของสี 96% NTSC เป็นหน้าจอมือถือที่ให้สีได้เที่ยงตรงมาก รวมถึงความสว่างหน้าจอที่ใช้งานกลางแดดได้สบาย ๆ ส่วนใครที่กังวลเรื่องความคมชัด กลัวว่าความละเอียด Full HD บนหน้าจอ 5.9 นิ้ว จะไม่คม ไม่ต้องกังวลไปครับ หน้าจอของ Huawei Mate 9 นี่จัดว่าคมมาก ๆ เลยล่ะ รวมถึงมีคอนทราสที่สูงถึง 1500:1 รับรองว่าใช้งานได้อย่างเนียนตา

    พื้นที่บริเวณด้านล่างหน้าจอจะมีเพียงโลโก้ Huawei ส่วนพื้นที่บริเวณด้านบนหน้าจอจะประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับสนทนา, เซนเซอร์วัดแสง, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Auto-Focus ค่ารูรับแสง f/1.9 และลำโพงหลักตัวที่ 2 ตัวกระจกหน้าจอของ Huawei Mate 9 เป็นกระจกนิรภัยแบบโค้ง 2.5D แถมยังติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ในกล่อง แล้วก็มีเคสพลาสติกของแท้ให้ในเครื่องอีก 1 ชิ้น

    Huawei Mate 9 มาพร้อมกับความหนาที่ 7.9 มิลลิเมตร ถ้าเทียบกับตัวเครื่องที่ใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 4000 mAh ก็ต้องบอกว่าเป็นตัวเครื่องที่บางใช้ได้ รายละเอียดทางด้านขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด – ปิดเครื่อง ซึ่งจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย ตัวปุ่มกดใช้แรงกดไม่เยอะ ตำแหน่งการวางเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ต้องฝืน หรือเกร็งนิ้วแต่อย่างใด ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด โดย Huawei Mate 9 มีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ก็คือให้เลือกระหว่างซิม 2 กับ MicroSD Card (รองรับความจุสูงสุด 256 GB) ใช้ซิมการ์ดแบบ Nano Sim ทั้งสองซิม มีจุดเด่นตรงที่รองรับสัญญาณ 4G LTE/ 3G/ 2G แทบจะทุกความถี่บนโลก ทำให้สามารถนำ Huawei Mate 9 ไปใช้งานที่ต่างประเทศได้อย่างไม่มีปัญหา

    พอร์ตเชื่อมต่อของ Huawei Mate 9 ใช้เป็นพอร์ตแบบ USB Type-C 2.0 อยู่ทางด้านล่างของตัวเครื่อง และถ้าใครที่กลัวว่าอุปกรณ์ที่มีอยู่ จะไม่รองรับ USB Type-C หรือเคยใช้อุปกรณ์เสริมที่เป็นหัว Micro USB ก็ไม่ต้องกังวล เพราะ Huawei Mate 9 มีหัวแปลง Micro USB to USB Type-C แถมมาให้ในกล่องด้วย ส่วนสายชาร์จที่ให้มาเป็น USB Type-A to USB Type-C สามารถใช้งานกับอะแดปเตอร์ปกติ หรือจะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ก็ทำได้เช่นกัน

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00060

    ถัดมาด้านซ้ายของพอร์ต USB Type-C จะเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ ด้านขวาจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง ให้เสียงที่ดังกระหึ่มใช้ได้ และทำงานร่วมกับลำโพงหลักอีกตัวที่อยู่บริเวณลำโพงสำหรับสนทนา ให้เสียงแบบ Stereo การแยกเสียงทำได้ดี มีการแบ่งหน้าที่กันระหว่างลำโพง 2 ตัว เปลี่ยนไปตามมุมที่จับถือตัวเครื่อง ส่วนด้านบนของ Huawei Mate 9 จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และ IR Sersor สำหรับใช้งานเป็น Remote Control ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า

    รายละเอียดทางด้านหลังของ Huawei Mate 9 ประกอบไปด้วย กล้องหลังคู่ Leica Technology ความละเอียด 20 + 12 ล้านพิกเซล มีโลโก้ Leica เพิ่มความขลัง ด้านซ้ายของกล้องเป็นแฟลช Dual LED แบบ Dual Tone ส่วนทางด้านขวาเป็นเลเซอร์ช่วยโฟกัส มีตัวอักษร Summarit H 1.2.2/27 ASPH แยกความหมายได้ดังนี้

    • Summarit – ชื่อซีรี่ส์ของเลนส์ Leica
    • H – หมายถึงรุ่นพิเศษ ผลิตให้กับ Huawei เท่านั้น
    • 2.2/ 27 – หมายถึง ค่ารูรับแสง f/2.2 และเป็นเลนส์ระยะ 27 มิลลิเมตร
    • ASPH – ชิ้นเลนส์แบบ Aspherical

    ด้านล่างกล้องหลังก็จะเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือครับ

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00010

    ภาพรวมของ Huawei Mate 9 ในส่วนของการดีไซน์, วัสดุและงานประกอบ ส่วนตัวผมถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของ Huawei Mate Series ที่ทำไว้ดีในรุ่นก่อนหน้าอย่าง Huawei Mate 8 ทั้งในเรื่องความสวยงาม, การออกแบบที่อิงกับใช้งานจริง รวมถึงความหรูหรา แข็งแรงของวัสดุ ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ให้มาก็ครบครันและจบในกล่อง ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกันรอยที่ติดตั้งแต่โรงงาน, เคสพลาสติกขนาดพอดีกับตัวเครื่อง (ใครจองเครื่องล่วงหน้าก็ได้เคสหนัง Leica อีก) หูฟัง, สายชาร์จแบบ USB Type-C, อะแดปเตอร์รองรับเทคโนโลยี Super Charge และหัวแปลง Micro USB เป็น USB Type-C

    Software

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00044

    Huawei Mate 9 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 5.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 7.0 Nougat ซึ่งถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของโลกแอนดรอย และการที่ Huawei สามารถใส่ Android 7.0 ลงไปใน Huawei Mate 9 ได้ตั้งแต่แรกนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เคยร่วมงานกับ Google สมัย Nexus 6P กับการที่ผลิตชิปเซ็ตเอง สามารถควบคุมทุกอย่างได้หมด

    EMUI 5.0 มีความเปลี่ยนแปลงจากระบบปฏิบัติการ EMUI เวอร์ชันก่อนหน้าพอสมควร ทั้งเรื่องของการจัดวาง รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่โดยรวมดูคลีนมากขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น แถมยังมีระบบป้องกันการ Error จากตัวผู้ใช้ เนื่องจาก Huawei Mate 9 มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว การใช้งานมือเดียว ย่อมเกิดปัญหาการกดพลาดได้ แต่ไม่ใช่กับใน EMUI 5.0 และยังมีการออกแบบให้ UI สามารถเข้าถึงเมนูทั้งหมดได้ภายใน 3 ขั้นตอน ไม่มีเกินจากนี้

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00058

    ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ EMUI 5.0 ก็คือ Machine Learning ที่ใส่มาในตัวซอฟท์แวร์ เพื่อเรียนรู้การใช้งานของตัวผู้ใช้ และปรับแต่งซอฟท์แวร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Huawei Mate 9 ทำงานได้รวดเร็วเท่ากับวันแรกที่แกะกล่อง แม้เวลาจะผ่านไปนาน 18 เดือนก็ตาม

    ส่วนฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ผมคิดว่าน่าสนใจก็คือ App Twin ซึ่งผมเชื่อว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนพยายามที่จะ Login Facebook พร้อมกัน 2 Account เพราะบางคนก็จะแยก Facebook ที่ทำงาน กับ Facebook ส่วนตัว บางทีใช้การสลับ Account เองก็มีงงบ้างอะไรบ้าง บางทีโพสผิดโพสถูก แต่ไม่ใช่กับ Huawei Mate 9 แน่นอน ที่มาพร้อมกับ App Twin ทำให้เพื่อน ๆ สามารถใช้งาน Facebook ได้พร้อมกัน 2 Account รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับแชทยอดนิยมของคนทั่วโลกอย่าง WhatApp ก็สามารถใช้งาน App Twin ได้เช่นกัน หวังว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นแอปพลิเคชันอื่น ๆ รองรับ App Twin บ้างนะครับ ถ้าเป็น Line รองรับ App Twin เนี่ยจะแจ่มมากเลย

    ในเรื่องระบบเสียงของ Huawei Mate 9 ใช้ระบบ DTS Sound รองรับการฟังเพลงได้หลากหลายรูปแบบและยังรองรับไฟล์เพลงที่มีคุณภาพสูงอย่าง Hi-Res Audio โดยตัว DTS จะทำงานเฉพาะตอนเสียบหูฟังเท่านั้นนอกจากนี้ Huawei Mate 9 ก็ยังมีเครื่องมืออื่นๆที่น่าสนใจอีกไม่ว่าจะเป็น Smart WiFi+ ที่จะรู้ว่าสถานที่เราอยู่มี WiFi สัญญาณแรงๆพร้อมเชื่อมต่อหรือไม่และสลับ 4G ให้อัตโนมัติเมื่อสัญญาณ WiFi อ่อน, ฟีเจอร์ Mirror Share ที่สามารถแชร์ภาพหน้าจอให้กับเครื่องอื่น, Screen Record บันทึกภาพหน้าจอได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอและยังสามารถจับภาพหน้าจอแบบยาวได้รวมถึงฟีเจอร์ Huawei Share ที่ช่วยให้การแชร์ไฟล์ระหว่างเครื่อง Huawei Mate 9 ด้วยกันเป็นเรื่องง่ายสุดๆ

    Camera

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00037

    หนึ่งในสิ่งที่เป็นจุดแข็งของ Huawei Mate 9 ก็คงหนีไม่พ้นกล้อง โดย Huawei Mate 9 มาพร้อมกับกล้องคู่ Leica Summarit H f/2.2 ที่ระยะ 27 มิลลิเมตร ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome) และความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (RGB) มีกันสั่น OIS ระบบโฟกัส 4 in 1 ได้แก่ Phase Detection, Laser Auto Focus, Contrast Focus และ Depth Focus ที่ได้ทั้งความรวดเร็ว และความแม่นยำ สามารถซูม 2 เท่าแบบ Hybrid Zoom (ใช้ฮาร์ดแวร์)

    ซอฟท์แวร์กล้องก็แทบจะถอดแบบจากตอน Huawei P9 มาเลย หน้าตา UI ทำความเข้าใจไม่ยาก โหมดที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้น Monochrome (โหมดภาพขาวดำ), Vivid Color อันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica, โหมด Refocus ถ่ายหน้าชัด – หลังเบลอแบบเนียน ๆ ส่วนโหมดอื่น ๆ ก็มีให้เลือกใช้งานกันอย่างจุใจเช่นกัน

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00048

    ส่วนตัวผมยอมรับเลยว่า ติดใจกล้องของ Huawei Mate 9 มาก ๆ เพราะเป็นกล้องมือถือที่ถ่ายได้สนุก โฟกัสแม่นยำ และรวดเร็ว ไฟล์ภาพที่ได้ประทับใจ ถ่ายกลางคืนก็โอเคทีเดียว ที่สำคัญคือ เสียงชัตเตอร์แบบ Leica Style ก็ยังมีให้เห็นใน Huawei Mate 9 เหมือนเคย

    ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Huawei Mate 9 ก็ตามนี้ครับ

    sdr
    cof
    sdr
    cof
    sdr
    sdr
    cof
    sdr
    sdr
    cof
    sdr
    cof
    sdr
    hdr
    cof
    cof
    mon
    mon
    sdr
    burst
    burst
    sdr
    sdr
    cof
    mon
    mon
    mon
    mon
    cof
    cof
    cof
    hdr
    hdr
    hdr
    sdr
    cof
    cof
    cof
    cof
    edf
    edf
    edf
    edf
    edf
    edf
    edf
    edf
    cof
    cof
    sdr
    sdr
    sdr
    mon
    sdr
    mon
    cof
    cof
    cof
    sdr
    cof
    mon
    cof
    cof
    cof
    cof
    cof
    oznor
    cof
    edf
    edf
    edf
    mon
    cof
    cof
    cof
    mon
    cof
    cof
    sdr
    oznor
    oznor
    oznor
    cof
    hdr
    sdr
    sdr
    mon
    mon
    edf
    hdr
    mon
    mon
    mon
    mon
    sdr
    cof
    nfd
    mon
    sdr
    sdr
    cof
    sdr
    sdr
    sdr
    sdr
    sdr
    sdr
    mon
    sdr
    sdr
    mon
    mon
    cof
    mon
    cof
    mon
    mon
    mon
    sdr
    cof
    sdr
    cof
    edf

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00046

    กล้องหน้าของ Huawei Mate 9 ใช้เซนเซอร์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 มี Auto Focus รับรองว่าถ่ายชัดไม่มีเบลอ โหมด Beauty ก็มีมาให้ และแน่นอนว่า Perfect Selfie อันเลื่องชื่อก็ยังคงมีใน Huawei Mate 9 อยู่

    ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Huawei Mate 9

    bty
    bty
    bty
    bty
    bty
    bty

    Performance

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00050

    ด้วยความแรงจากชิปเซ็ต Hisilicon Kirin 960 ชิปเซ็ตแบบ Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz แบ่งออกเป็น CPU แบบ Cortex A73 Quad-core ความเร็ว 2.4 GHz สำหรับประมวลผลหนัก ๆ เช่น การเล่นเกม 3D, CPU แบบ Cortex A53 Quad-core ความเร็ว 1.8 GHz ใช้ในการประมวลผลปกติทั่วไป ส่วนการประมวลผลที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูง จะใช้เป็นชิป i6 coprocessors ชิปเซ็ตช่วยประมวลผล ที่กินพลังงานต่ำ ทำให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้นาน และความร้อนของตัวเครื่องไม่สูงจนเกินไป ชิปกราฟฟิคของ Huawei Mate 9 ใช้ GPU Mali-G71 ซึ่งเป็นชิปกราฟฟิคที่แรงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 180% ต้องบอกว่า Huawei Mate 9 เป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้ GPU Mali-G71 เลยล่ะครับ

    เมื่อรวมกับสเปคด้านอื่น ๆ เช่น Ram 4 GB, ความจุในตัวเครื่อง 64 GB แบบ UFS 2.0 และการจัดการทรัพยากรเครื่องที่ดีของ EMUI 5.0 ที่มีทั้ง Machine Learning และการทำ Defragment ข้อมูล ก็ทำให้ประสิทธิภาพของ Huawei Mate 9 ออกมาน่าประทับใจในเรื่องของความเร็ว และความลื่นไหลในการใช้งาน ผมทดสอบกับเกมหลาย ๆ เกมบน Google Play Store ก็พบว่าไม่มีเกมไหนที่ Huawei Mate 9 เล่นไม่ได้ แล้วก็เล่นได้ลื่นทุกเกมซะด้วย ส่วนการทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ก็แรงทะลุระดับ 100,000 คะแนน++ แม้จะไม่ได้แรงที่สุด แต่ในการใช้งานจริง บอกเลยว่าสู้ได้ทุกแบรนด์ครับ

    นอกจากนี้ Huawei Mate 9 ยังรองรับ Cat.12 4G LTE ที่รองรับการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps เป็นมือถือรุ่นแรกในโลกที่รองรับ 4 Carrier aggregation (4CA) หรือการรวมคลื่นความถี่ 4 คลื่นเข้าด้วยกัน โดยส่วนมาก ตอนนี้ที่ล้ำที่สุดยังเป็นแค่ 3CA เท่านั้น และยังรองรับการใช้งานเครือข่ายกว่า 217 ประเทศทั่วโลก

    Review-Huawei-Mate-9-SpecPhone-00033

    ในส่วนของการจัดการพลังงาน แบตเตอรี่ของ Huawei Mate 9 ให้มาที่ความจุ 4000 mAh สามารถใช้งาน ยาวนานแบบไม่ติดปัญหาอะไรแน่นอน ตามสเปคระบุไว้เลยว่าในการใช้งานหนัก จะสามารถใช้งานได้นานถึง 1.7 วัน แต่ถ้าใช้งานทั่วไป 2 วันขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ จากการที่ลองใช้เครื่องรีวิว Huawei Mate 9 ก็พบว่าแบตเตอรี่เครื่องนี้อึดจริงอะไรจริง ผมนับครั้งชาร์จได้เลยครับ

    ระบบชาร์จเร็วก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Huawei Mate 9 ทำได้ดีมาก กับระบบ Huawei Super Charge ที่สามารถจ่ายไฟได้แรงถึง 5 Amp ทั้ง ๆ ที่มีแรงดันไฟฟ้าเพียง 5V เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากระบบชาร์จเร็วของแบรนด์อื่น ที่มักจะมีแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 9V ขึ้นไป ก็เลยส่งผลให้ Super Charge ของ Huawei Mate 9 ทั้งชาร์จเร็ว แถมยังปลอดภัยอีกต่างหาก ไม่มีปัญหาแบตเตอรี่ระเบิดระหว่างชาร์จแน่นอน รวมถึงอุณหภูมิของตัวเครื่องก็จะร้อนน้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด

    การชาร์จเร็วของ Huawei Mate 9 ด้วยฟีเจอร์ Super Charge ตามสเปคก็คือมันสามารถจ่ายไฟจาก 0 – 58% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ถ้าชาร์จไฟเพียง 20 นาที สามารถใช้งาน Huawei Mate 9 ได้นานถึง 1 วันเลยทีเดียว เมื่อรวมกับฟีเจอร์ชื่อว่า Low Resolution Screen ที่ช่วยปรับให้หน้าจอลดความละเอียดลง กินไฟน้อยลง, Power Saver และ Ultra Power Saver ที่มีให้เลือกปรับใช้ตามสถานการณ์แล้ว ในแง่ของการใช้งาน Huawei Mate 9 คงไม่ต้องพึ่ง Powerbank ล่ะครับ

    ปิดท้ายด้วย Diamond Service หรือประกันระดับเทพจาก Huawei สำหรับ Huawei Mate 9 โดยเฉพาะ ได้แก่

    • ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้งภายใน 3 เดือนที่ซื้อเครื่องครอบคลุมในส่วนของอุบัติเหตุด้วย
    • นัดรับเครื่องซ่อมถึงบ้าน (Door to Door Service)
    • ให้คำปรึกษาแบบ VIP ไม่ว่าจะเป็นการลง Apps และทำความสะอาดเครื่อง
    • การันตีซ่อมเครื่องทุกอาการภายใน 1 ชั่วโมงถ้าทำไม่ได้เปลี่ยนเครื่องใหม่ให้เลย
    • ลดราคาอะไหล่เมนบอร์ดและหน้าจอสำหรับ Huawei Mate 9 ที่อยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน (ภายใน 1 ปี)

    Gallery

    Huawei Huawei Mate 9 Huawei Mate 9 Porsche Design Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    แนะนำ 10 โทรศัพท์ซัมซุงราคาไม่เกิน 5000-10000 บาทปี 2025 รุ่นไหนดี สเปคครบในงบเบาๆ

    17 พฤษภาคม 2025

    วิธีเปลี่ยนรหัสเฟสบุ๊คทำยังไง ถ้าลืมรหัสเฟสบุ๊คเก่าต้องทำยังไงบ้างในโทรศัพท์แบบง่ายๆ ปี 2025

    16 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์ฝรั่ง Netflix น่าดูในปี 2025 เนื้อเรื่องสนุกๆ หลากหลายแนวที่ไม่ควรพลาด!

    16 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    แนะนำ 10 โทรศัพท์ซัมซุงราคาไม่เกิน 5000-10000 บาทปี 2025 รุ่นไหนดี สเปคครบในงบเบาๆ

    17 พฤษภาคม 2025

    25 อนิเมะต่อสู้พระเอกเก่ง การ์ตูนต่อสู้น่าดูที่มีเนื้อหาสนุกๆ เรื่องไหนดีบน Netflix และแอพอื่นๆ ในปี 2025

    17 พฤษภาคม 2025

    วิธีเปลี่ยนรหัสเฟสบุ๊คทำยังไง ถ้าลืมรหัสเฟสบุ๊คเก่าต้องทำยังไงบ้างในโทรศัพท์แบบง่ายๆ ปี 2025

    16 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์ฝรั่ง Netflix น่าดูในปี 2025 เนื้อเรื่องสนุกๆ หลากหลายแนวที่ไม่ควรพลาด!

    16 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X