วันนี้เราจะมารีวิวมือถือเรือธงจอบิ๊กเบิ้ม 6 นิ้วของ Huawei อย่าง Huawei Ascend Mate 7 กันครับ แต่เห็นว่าเป็นมือถือจอบิ๊กเบิ้มแบบนี้ ใช่ว่าขนาดตัวจะใหญ่จนถือลำบากนะครับ เพราะการออกแบบของ Huawei Ascend Mate 7 ทำออกมาได้ดีจริงๆ เริ่มจากขอบจอบางเฉียบจนเกือบจะเป็นมือถือไร้ขอบกันเลยทีเดียว ส่วนสเปคก็ไม่ธรรมดาเพราะใช้ CPU Octa-Core ที่ทาง Huawei ผลิตเองอย่าง HiSilicon Kirin 925 ซะด้วย
สเปค Huawei Ascend Mate 7
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD
- ชิปประมวลผล Octa-Core?Huawei Hisilicon Kirin 925 ความเร็วสูงสุด 1.8 GHz
- ชิปกราฟฟิค?Mali-T628MP6
- Ram 2 GB
- หน่วยความจำภายใน 16 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์จาก Sony
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการใช้งาน 4G LTE และรองรับ 3G ทุกเครือข่าย
- มาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh
- มาพร้อม Android 4.4.2 Kitkat ครอบด้วย EMUI เวอร์ชัน 3.0
- ราคา 16,990 บาท
- สเปคเต็มๆ Huawei Ascend Mate 7
Design
การดีไซน์ของ Huawei Ascend Mate 7 ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ เพราะถ้าดูจากด้านหน้าจะเห็นว่าตัวเครื่องออกแบบมาให้มีขอบจอที่บางมาก แทบจะเป็นมือถือไร้ขอบจอกันเลยทีเดียว โดย Huawei เคลมว่าพื้นที่ประมาณ 80% ด้านหน้าของ Huawei Ascend Mate 7 เป็นหน้าจอครับ แล้วการที่มีขอบจอบางมันดีอย่างไรหล่ะ?
การที่มือถือมีขอบจอบางนั้นช่วยในเรื่องภาพรวมของตัวเครื่องครับ เพราะยิ่งทำขอบจอได้บางมากเท่าไหร่ ขนาดโดยรวมของตัวเครื่องก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น อย่าง Huawei Ascend Mate 7 ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้วอาจจะทำให้มีปัญหาในการพกพาไม่สะดวกได้ แต่ด้วยการออกแบบที่ลดพื้นที่ขอบจอได้บางเฉียบก็ทำให้ Huawei Ascend Mate 7 มีขนาดตัวเครื่องโดยรวมใหญ่กว่ามือถือหน้าจอ 5.5 นิ้วบางยี่ห้อนิดเดียว
มาถึงรายละเอียดของ Huawei Ascend Mate 7 กันบ้างครับ เริ่มจากด้านหน้าอย่างที่ได้บอกไปแล้วว่ามาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาด 6 นิ้วความละเอียด Full HD โดยพื้นที่ด้านหน้าแทบจะเป็นหน้าจอทั้งหมดของพื้นที่เลยครับ ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์, เซนเซอร์วัดแสง, กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และไฟแจ้งเตือน LED ดวงจิ๋ว ส่วนด้านล่างของหน้าจอประกอบไปด้วยโลโก้ Huawei เพียงอย่างเดียวครับ โดยปุ่ม ย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App ใช้เป็นปุ่มกดแบบ Soft Key บนหน้าจอแทน
ด้านข้างของ Huawei Ascend Mate 7 ใช้วัสดุเป็นโลหะครับ ผิวสัมผัสใกล้เคียงกับ iPhone มากๆ ส่วนรายละเอียดของด้านข้างเริ่มจากทางขวามือ (หันหน้าจอเข้าหาตัว) จะประกอบไปด้วยปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียง ด้านซ้ายมือเป็นช่องใส่ซิมการ์ดกับช่องใส่ MicroSD Card ด้านล่างเป็นช่องเสียบสาย USB กับไมค์สำหรับสนทนาโทรศัพท์ และด้านบนจะเป็นช่องเสียบหูฟังกับไมค์ตัดเสียงครับ
ในการรีวิว Huawei Ascend Mate 7 ในส่วนของการดีไซน์จะพลาดรายละเอียดด้านหลังของ Huawei Ascend Mate 7 ไปไม่ได้เลยครับ เอาเป็นว่าด้านหน้าที่มีขอบจอบางเฉียบว่าเด่นแล้ว ด้านหลังนี่เรียกว่าเด็ดไม่แพ้กันเลย เริ่มจากวัสดุที่ใช้เป็นโลหะอย่างอะลูมิเนียม ให้ความรู้สึกหรูหราสมราคามากครับ โดยรายละเอียดด้านหลังของ Huawei Ascend Mate 7 ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ด้านข้าง ตัวเซนเซอร์กล้องหลังนี่ใช้เป็นเซนเซอร์ BSI จาก Sony เลยนะครับ บอกเลยว่าให้ภาพที่ไม่ธรรมดาแน่นอน และไฮไลท์อีกอย่างของด้านหลัง Huawei Ascend Mate 7 ก็คงไม่พ้นเจ้าเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือครับ
โดยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Huawei Ascend Mate 7 ออกแบบมาให้ใช้กับนิ้วชี้ได้ทั้งสองข้าง ไม่ว่าจะเป็นมือซ้ายหรือมือขวาก็ตามแต่ สำหรับการใช้งานจะใช้งานแบบเดียวกับใน iPhone 5s, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เลยครับ คือใช้การแตะเฉยๆ เพื่อปลดล็อค ไม่ต้องทำการรูดนิ้วเหมือนอย่างมือถือ Samsung ซึ่งในจุดนี้ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานมือถือจอใหญ่อย่างแท้จริง เพราะเราสามารถใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในการเปิดเครื่องได้โดยที่ไม่ต้องง้อปุ่ม Power เพียงแค่แตะนิ้วค้างไว้ที่เซนเซอร์ประมาณ 2 วินาทีเท่านั้นเอง ส่วนความแม่นยำในการสแกนลายนิ้วมือผมให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ iPhone 5s เลยครับ แม่น และเร็วพอๆ กัน
หน้าจอของ Huawei Ascend Mate 7 เลือกใช้หน้าจอแบบ IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่แสดงผลได้สีสันที่ค่อนข้างสมจริง สีสันไม่ฉูดฉาดจนเกินไป แต่ยังคงไว้ซึ่งความคมชัด แม้จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้วก็ตาม สำหรับใครที่กังวลว่าหน้าจอ 6 นิ้วจะมีปัญหาเรื่องภาพหยาบและเห็นเม็ดพิกเซลหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าในลักษณะของการใช้งานมือถือจอใหญ่บิ๊กเบิ้ม 6 นิ้วอย่าง Huawei Ascend Mate 7 เวลาที่เราถือใช้งานจะมีพื้นที่ห่างจากตัวพอสมควร เพราะฉะนั้นหายห่วงเรื่องเม็ดพิกเซลได้ครับ แต่เอาจริงๆ ต่อให้เพ่งหน้าจอผมว่าก็มองเห็นเม็ดพิกเซลยากอยู่ดีนั่นแหละ
สำหรับภาพรวมของ Huawei Ascend Mate 7 ในส่วนของการรีวิวในเรื่องการออกแบบและงานประกอบก็ต้องบอกว่าให้สามผ่านเลยครับเรื่องความเนี๊ยบของงานประกอบ, การดีไซน์ที่เกือบจะไร้ขอบ, ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ รวมถึงวัสดุที่เลือกใช้ก็แสดงให้เห็นว่า Huawei Ascend Mate 7 เป็นมือถือเรือธงที่ไมไ่ด้พรีเมียมแค่สเปค แต่วัสดุตัวเครื่องก็ยังจัดว่าพรีเมียมด้วย สมราคา 16,990 บาท ถ้าใครอยากได้มือถืองานเนียนๆ วัสดุดี Huawei Ascend Mate 7 เป็นอีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
Software
Huawei Ascend Mate 7 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 Kitkat ครอบด้วย UI จาก Huawei ที่มีชื่อว่า EMUI หรือ Emotion UI เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งก็คือ EMUI เวอร์ชัน 3.0 เรื่องความลื่นไหลไม่ต้องห่วงครับ ด้วยสเปคระดับนี้ ใช้งานได้สบายๆ อยู่แล้ว ส่วนเรื่องการใช้งานนั้นต้องบอกว่า EMUI 3.0 บน Huawei Ascend Mate 7 ใช้งานได้ง่ายมากครับ ไม่มีหน้า App Drawer (การใช้งานใกล้เคียงกับ iOS) ทำให้ผู้ใช้มือใหม่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก หรือถ้าพึ่งย้ายมาจากฝั่ง iOS ก็ไม่ต้องปรับตัวนานนัก
ไอคอนต่างๆ บน EMUI 3.0 ออกแบบมาเรียบๆ แต่ทุกไอคอนสื่อความได้เข้าใจว่าคือไอคอนเกี่ยวกับอะไร ตรงนี้ต้องขอชม Huawei เลยครับ ในเรื่องการออกแบบไอคอน รวมถึงการจัดการหน้าต่างๆ บน Huawei Ascend Mate 7 ก็ออกแบบมาได้ดีทีเดียว เข้าใจง่าย ใช้ง่าย ส่วนใครที่ขี้เบื่อ ใน EMUI 3.0 ก็มี Theme ให้เลือกเปลี่ยนเพียบเลยครับ และยังสามารถดาวโหลด Theme เพิ่มเติมได้อีกต่างหาก จะเปลี่ยนกัน 7 วัน 7 Theme ก็สบายๆ แต่สิ่งที่ผมประทับใจในซอฟท์แวร์ของ Huawei Ascend Mate 7 คือในส่วนของทางลัดบน Notification Bar ครับ เพราะมีให้เลือกปรับเพียบเลย แทบไม่ต้องเข้าหน้า Setting เลยหล่ะ
สำหรับภาพรวมในส่วนของ Software ตัวระบบปฏิบัติการ EMUI 3.0 บน Huawei Ascend Mate 7 ถือว่าทำออกมาได้ดีมากครับ “ลื่นไหล ใช้ง่าย ไม่งอแง”
Feature
ฟีเจอร์ของ Huawei Ascend Mate 7 ก็มีมาให้ไม่แพ้เรือธงค่ายอื่นเลยครับ เผลอๆ จะเหนือกว่าด้วยซ้ำตรงที่มีระบบสแกนลายนิ้วมือ ทำให้การใช้งานมือถือหน้าจอ 6 นิ้วทำได้สะดวกยิ่งกว่าเดิมเยอะเลย และนี่คือฟีเจอร์เด่นๆ ที่มีใน Hauwei Ascend Mate 7 ครับ
ระบบสแกนลายนิ้วมือ
ระบบสแกนนิ้วของ Huawei Ascend Mate 7 ไม่ใช่ระบบสแกนลายนิ้วมือไก่กาที่ต้องรูดนิ้วนะครับ เพราะของ Huawei Ascend Mate 7 ใช้งานง่ายไม่แพ้ของ Apple เลยหล่ะ เพียงแค่แตะนิ้วไว้ด้านหลังตัวเครื่องเท่านั้นเอง โดย Huawei Ascend Mate 7 สามารถเก็บลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้วครับ และดูเหมือนจะออกแบบมาไว้สำหรับนิ้วชี้เท่านั้น เนื่องจากมีตำแหน่งอยู่ที่บริเวณหลังเครื่อง พอดีกับตำแหน่งที่วางนิ้วชี้พอดี ส่วนการเก็บลายนิ้วมือก็ไม่ยากครับ ออกจะง่ายกว่าฝั่ง iOS ด้วยซ้ำ และที่สำคัญคือมีความปลอดภัยและความแม่นยำสูงไม่แพ้ของ iPhone เลย
เซนเซอร์นับก้าวเดิน
เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ยอดฮิตของสมาร์ทโฟนเรือธงในยุคนี้ครับ เนื่องจากช่วงนี้เทรนเพื่อสุขภาพกำลังมาแรง แน่นอนว่า Huawei Ascend Mate 7 ก็มีฟีเจอร์นี้เช่นกัน แต่มาในรูปแบบของการนับก้าวเดิน ที่นับก้าวเดินได้อย่างเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่ไม่มีการต่อยอดฟีเจอร์ เช่นการบันทึกระยะทาง, การวัดแคลอรี เป็นต้น แต่ก็ถือว่ามีมาให้ดีกว่าไม่มีครับ
Gesture การควบคุมการเคลื่อนไหว
ใน Huawei Ascend Mate 7 ก็มี Gesture มาให้เลือกใช้งานกันเหมือนอย่างมือถือเรือธงรุ่นอื่นครับ เพียงแต่ที่มีใน Huawei Ascend Mate 7 จะเน้นในการใช้งานจริงมากกว่า จึงมี Gesture ไม่เยอะนัก โดยที่มีให้เลือกใช้ก็ได้แก่
- พลิก – พลิกเครื่อง Huawei Ascend Mate 7 เพื่อปิดเสียง
- ยกขึ้น – ยก Huawei Ascend Mate 7 ขึ้นเพื่อลดระดับเสียงเรียกเข้าและเสียงแจ้งเตือน
- ยกแนบหู – ยก Huawei Ascend Mate 7 ขึ้นแนบหูเพื่อรับสาย หรือใช้โทรออก
- เขย่า และเอียง – สำหรับจัดการวิดเจ็ตและไอคอน
Camera
Huawei Ascend Mate 7 ใช้เซนเซอร์กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลจาก Sony ครับ เห็นว่าใช้เป็นเซนเซอร์รุ่นใหม่ในเจนเนอเรชันที่ 4 ซะด้วย แต่สิ่งแรกที่เตะตามากใน Huawei Ascend Mate 7 ก็จะเป็นเรื่อง UI ของกล้องครับ โดย UI ของ Huawei Ascend Mate 7 ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย (คล้ายกล้องใน iOS) แต่จะเหนือกว่าตรงที่ปรับแต่งค่าของกล้องได้ค่อนข้างละเอียดครับ ไม่ว่าจะเป็น ISO, ความละเอียดภาพ, การเลือกประเภทโฟกัส เป็นต้น
การใช้งานกล้องหลักของ Huawei Ascend Mate 7 ตรงนี้ต้องชม Huawei ครับ เพราะเลือกใช้เซนเซอร์คุณภาพสูง และทำซอฟท์แวร์ออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว การจับโฟกัส (แบบออโต้โฟกัส) รวดเร็วใช้ได้ การจับภาพทำได้รวดเร็ว กดถ่ายรัวๆ ได้สบาย ส่วนใครที่ชอบถ่ายรูปอาหารหรือดอกไม้แบบ “หน้าชัดหลังเบลอ” ก็ทำได้ง่ายมากครับ เนื่องจากเซนเซอร์กล้องของ Huawei Ascend Mate 7 ค่อนข้างใหญ่ ทำให้การละลายฉากหลังทำได้ง่าย (แต่ระยะก็ต้องได้ด้วยนะ)
คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหลังของ Huawei Ascend Mate 7 ก็อยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว สมศักดิ์ศรีความเป็นเรือธงและราคาครับ สีสันค่อนข้างสมจริง แต่แสงผมว่าจะติดอันเดอร์นิดๆ (นิดเดียวจริงๆ) โดยรวมถือว่าผ่านครับ
ส่วนกล้องหน้าของ Huawei Ascend Mate 7 ให้ความละเอียดมาที่ 5 ล้านพิกเซล รองรับการเซลฟี่ด้วยปุ่มสแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ได้ขณะที่อยู่ในโหมดกล้องถ่ายรูปครับ ทำให้ไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะหน้าจอ หรือกดปุ่มเพิ่มระดับเสียง แค่ถือตัวเครื่องในมุมปกติแล้วก็ใช้นิ้วกดไปที่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็มีค่าเท่ากับการกดปุ่มชัตเตอร์แล้ว มุมมองที่ได้จากกล้องหน้าก็กว้างกว่าปกติทั่วไปครับ (ในโหมดภาพ 16:9 ความละเอียด 3.6 ล้านพิกเซล)
คุณภาพของกล้องหน้า Huawei Ascend Mate 7 หากดูจากหน้าจอโดยตรงจะรู้สึกเลยว่าภาพค่อนข้างหยาบ เนื่องจากหน้าจอของ Huawei Ascend Mate 7 มีขนาดใหญ่ แต่ถ้านำภาพมาเปิดบนคอมพิวเตอร์ หรืออัพโหลดขึ้นโซเชียล (เช่น Facebook, Instagrams) อันนี้ไม่มีปัญหาครับ ส่วนไฟล์ภาพจากกล้องหน้าของ Huawei Ascend Mate 7 บอกตามตรงว่าผมยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่นะ
และนี่คือตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Huawei Ascend Mate 7 ครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ Huawei Ascend Mate 7 ก็อยู่ในระดับของมือถือเรือธงแอนดรอยเลยครับ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ CPU เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ เช่น Qualcomm, MediaTek, Intel แต่ชิปเซ็ต HiSilicon Kirin 925 ที่ทาง Huawei พัฒนาขึ้นเองก็มีความแรงไม่แพ้กับยี่ห้ออื่นเลยครับ ด้วยชิปประมวลผลแบบ Octa-Core (8 Core) แบ่งเป็น CPU Quad Core ความเร็ว 1.8 GHz (Cortex A15) กับ Quad Core ความเร็ว 1.3 GHz (Cortex A7) ที่สลับกันทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งาน และช่วยในการประหยัดแบตเตอรี่
ส่วนความแรงของ HiSilicon Kirin 925 บน Huawei Ascend Mate 7 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S5 ที่ใช้ CPU Snapdragon 801 เพราะฉะนั้นการใช้งานนี่ลื่นปรื้ดๆ กันเลยทีเดียว เปิดได้ทุกแอพสบายๆ ครับ แต่จะมีปัญหาเล็กน้อยเวลาที่เอาไปเล่นเกมที่กินกราฟฟิคจัดๆ เช่น Asphalt 8 แล้วเปิดเป็นความละเอียดระดับสูง จะพบอาการหน่วงบ้างเล็กน้อย ทำให้อรรถรสในการเล่นเกมดรอปลงไปครับ ซึ่งปัญหาตรงนี้น่าจะมาจากชิปกราฟฟิคที่ไม่ถือว่าแรงเท่าไหร่นักอย่าง Mali-T624 ทำให้เกิดปัญหาคอขวดได้
แต่ถ้าใครไม่เน้นเล่นเกมโหดๆ แต่เล่นเกมจาก Line หรือไม่จำเป็นว่าต้องปรับสุด Huawei Ascend Mate 7 เป็นมือถือที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือแบตเตอรี่ของ Huawei Ascend Mate 7 ถือว่าอึดพอสมควรเลยครับ เพราะเล่นให้ความจุสูงถึง 4100 mAh รวมถึงระบบจัดการพลังงานของ Huawei ก็ออกแบบมาได้ดีซะด้วย
Overall
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการรีวิว Huawei Ascend Mate 7 จากทีมงาน SpecPhone ส่วนตัวผมมองว่า Huawei Ascend Mate 7 เป็นมือถือที่คุ้มค่าตัวมาก สำหรับราคาค่าตัวที่ 16,990 บาท แต่ทุกอย่างอัดแน่นมาให้เต็มที่จากภายนอกสู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ที่ผลิตจากอลูมิเนียมที่มีทั้งความแข็งแรงและความหรูหรา การดีไซน์ที่เรียกว่าเกือบจะไร้ขอบจอ ส่วนสเปคภายในก็จัดเต็มด้วยชิปตัวท็อปจากค่าย, Ram 2 GB และที่สำคัญคือแบตเตอรี่สุดอึด 4100 mAh ใช้งานกันยาวๆ จัดเป็นมือถือที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับใครที่อยากได้มือถือแรงๆ ในราคาที่ไม่ได้เวอร์จนเกินไป
ข้อดี
- วัสดุ, งานประกอบเนี๊ยบมาก
- หน้าจอ 6 นิ้ว ขอบจอบางเฉียบ ทำให้ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จนถือลำบาก
- การจัดการพลังงานทำได้ดี
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือวางตำแหน่งได้ดี สแกนได้เร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีก
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลถ่ายรูปได้ง่าย ค่ารูรับแสงให้มากว้างพอที่จะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ง่าย
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เซลฟี่ได้เป๊ะ โหมดหน้าสวยก็มีให้เลือกใช้
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย รวมถึงรองรับ 4G LTE ในประเทศไทยด้วย
ข้อสังเกต
- GPU อยู่ในระดับกลางๆ ทำให้การเล่นเกมที่กินกราฟฟิคมาก อาจปรับความละเอียดสุดไม่ไหว
- ลำโพงหลักของตัวเครื่องให้เสียงที่ดัง แต่ขาดมิติ และเสียงแหลมค่อนข้างบาด
- โหมดกล้องบางโหมดใช้งานจริงไม่เห็นความแตกต่าง (เช่น HDR)