มือถือที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้จะเป็นมือถือราคากลางๆ พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมือถือรุ่นนี้เน้นไปที่ความคุ้มค่าในราคาเบาๆ เพียง 5,490 บาท ซึ่งก็คือ Huawei ALex 4G นั่นเองครับ โดย Huawei ALex 4G (ชื่อเดิมคือ Huawei Ascend G620S) เป็นมือถือที่เปิดตัวพร้อมกับรุ่นคุ้มอย่าง Huawei Ascend G7 ที่ผมได้รีวิวไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเราก็จะมาดูว่า Huawei ALex 4G จะทำได้ดีเหมือนอย่าง G7 หรือไม่ แล้วคุ้มค่าแค่ไหนกับราคา 5,490 บาท
สเปค Huawei ALex 4G (Ascend G620S)
- หน้าจอสัมผัสขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD พาแนลจอแบบ IPS
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 Quad Core ความเร็ว 1.2 GHz
- Ram 1 GB
- หน่วยความจำภายใน 8 GB รองรับ MIcroSD สูงสุด 32 GB
- กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Auto Focus และแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการใช้งาน 4G LTE และรองรับ 3G ทุกเครือข่าย
- แบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh
- สเปคเต็มๆ Huawei ALex 4G
- ราคา 5,490 บาท
จุดเด่น
– สเปคให้มาค่อนข้างสมราคา
– ใช้งาน 3G/4G LTE ได้อย่างไร้ปัญหา
– งานประกอบทำออกมาได้ดี
– แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
ข้อสังเกต
– กล้องหน้ายังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
– หน้าจอติดอมฟ้านิดๆ การสัมผัสยังไม่ถือว่าติดนิ้ว
บทสรุป
BEST PRICE
Design
หน้าตาของ Huawei ALex 4G ส่วนตัวผมรู้สึกเฉยๆ ครับ ไม่ได้เห็นแล้วรู้สึกหลงรักเหมือนอย่าง Huawei Ascend G7 ที่ใช้วัสดุเป็นโลหะ ให้ฟิลลิ่งที่หรูหรากว่า แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องราคานี่แหละครับ เพราะ Huawei ALex 4G ก็มีราคาที่ถูกกว่า G7 เกือบเท่าตัวนึงนี่หน่า แน่นอนว่าวัสดุก็ต้องลดต้นทุนและใช้เป็นพลาสติกแทนครับ โดยเครื่องรีวิว Huawei ALex 4G ที่เราได้รับมาจากทาง Huawei ประเทศไทยนั้นเป็นตัวเครื่องสีดำ หน้าตาก็เหมือนๆ สมาร์ทโฟนทั่วไปในท้องตลาด
สำหรับด้านหน้าของ Huawei ALex 4G จะประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD ด้านบนของหน้าจอจะประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนา, โลโก้ Huawei และไฟแจ้งเตือน LED ส่วนด้านล่างของหน้าจอประกอบไปด้วยปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่มเมนูที่มีลักษณะไอคอนเป็นแบบเก่าครับ แสดงว่า Huawei ALex 4G มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ Emotion UI เวอร์ชัน 2.0 แน่นอน
รายละเอียดด้านข้างของ Huawei ALex 4G เริ่มจากทางด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียง ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ด้านล่างเป็นช่องเสียบ USB กับไมค์สำหรับสนทนาโทรศัพท์ สำหรับความหนาของ Huawei ALex 4G จะอยู่ที่ 8.5 มิลลิเมตร ไม่หนาจนเกินไป ต้องบอกว่าขนาดกำลังพอดีมือครับ
ด้านหลังของ Huawei ALex 4G ยังคงใช้วัสดุเป็นพลาสติกเหมือนส่วนอื่นๆ ของตัวเครื่อง แต่มีการใส่ Texture ที่จับแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหนัง (แบบเดียวกับใน Galaxy Note) ตัวฝาหลังค่อนข้างบาง แต่ไม่ยืดหยุ่น เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปงอเล่นนะครับ วิธีการแกะฝาหลังก็ไม่ยาก ให้เริ่มแงะจากมุมขวาล่างของตัวเครื่อง ฝาหลังแกะง่าย แต่เมื่อประกอบร่างแล้วก็แน่นหนาใช้ได้
สำหรับรายละเอียดทางด้านหลังของ Huawei ALex 4G จะประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED, ไมค์สำหรับตัดเสียง, โลโก้ Huawei และลำโพงหลักของตัวเครื่อง โดยลำโพงหลักของตัวเครื่องให้เสียงที่ดัง แต่ยังขาดมิติครับ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของโทรศัพท์มือถือในช่วงราคาประมาณนี้อยู่แล้ว
เมื่อทำการแกะฝาหลังของ Huawei ALex 4G ก็จะพบกับช่องใส่ซิมการ์ดจำนวน 1 ช่อง (รองรับซิมการ์ดแบบ Micro Sim) และช่องเสียบ MicroSD Card จำนวนหนึ่งช่อง (รองรับ MicroSD Card ความจุสูงสุด 32 GB) ส่วนแบตเตอรี่นั้นไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ครับ
หน้าจอของ Huawei ALex 4G ใช้เป็นหน้าจอ IPS ความละเอียด HD เรื่องความคมชัดไม่ต้องห่วงครับ หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD นี่ถือว่าคมในระดับที่หาเม็ดพิกเซลยากอยู่แล้ว ส่วนสีสันของหน้าจอ ผมว่าหน้าจอของ Huawei ALex 4G ติดอมฟ้าไปนิดนึง ที่เหลือก็ถือว่าโอเคเลยครับ การใช้งานกลางแดดทำได้ดี กระจกหน้าจอไม่ค่อยสะท้อนเท่าไหร่ มุมมองภาพก็กว้างตามแบบฉบับของหน้าจอ IPS อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องหน้าจอไม่ใช่เรื่องน่าห่วงครับ สำหรับ Huawei ALex 4G
ภาพรวมของ Huawei ALex 4G ในส่วนของ Design และฮาร์ดแวร์ภายนอกก็ยังถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของทาง Huawei โดยช่วงหลังมานี่ผมว่า Huawei ออกแบบสินค้าได้ดีขึ้นเยอะ เอาเป็นว่ามือถือที่วางขายหลังจาก Mate 7 ลงมานี่ก็เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้ว่า Huawei ALex 4G จะเป็นมือถือราคากลางๆ แต่การออกแบบรวมถึงการเลือกใช้วัสดุก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแบรนด์อื่นๆ เลยแม้แต่น้อย จัดว่าสมราคา 5,490 บาทแน่นอน
Software
Huawei ALex 4G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Emotion UI 2.3 ที่มีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 Kitkat ซึ่งถือว่ายังไม่ตกรุ่นเท่าไหร่ ตัวระบบเองใช้งานไม่ยาก มีการตัดหน้า App Drawer ทิ้งไป ทำให้ลักษณะการใช้งาน Huawei ALex 4G จะเหมือนกับเราเล่น iPhone ที่สามารถปรับแต่งหน้าจอได้ครับ เชื่อว่าต่อให้เป็นมือใหม่ก็ทำความเข้าใจกับ EMUI 2.3 บน Huawei ALex 4G ได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ใช้งาน Huawei ALex 4G อยู่ที่หน้า Lock Screen เริ่มต้นครับ โดยค่าเริ่มต้นในการ Lock Screen ของ Huawei ALex 4G จะเลือกเป็น Balance ซึ่งผมอยากจะเรียกคนที่คิดวิธีการปลดล็อกหน้าจอแบบนี้มาตีมือซะจริงๆ เพราะส่วนตัวแล้วผมว่าการปลดล็อกหน้าจอแบบ Balance ทำได้ลำบากด้วยมือข้างเดียว แต่ยังดีที่ Huawei ALex 4G สามารถเลือกได้ว่าอยากจะปลดล็อกแบบไหน โดยเข้าไปที่ ธีม > ปรับแต่ง > เลือกสไตล์การล็อกหน้าจอ จากนั้นก็เลือกเอาตามใจชอบครับ
ส่วนพวก Gesture บน EMUI 2.3 มีให้เลือกใช้ไม่เยอะครับ ไม่เหมือนอย่าง EMUI 3.0 ที่จะมีให้เลือกเยอะกว่ามาก แต่อย่างว่าแหละครับ บางอย่างเราก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้วเนอะ
Camera
Huawei ALex 4G มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมแฟลช LED จำนวน 1 ดวง และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลแบบ Fixed Focus ครับ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสเปคกล้องตามมาตรฐานของมือถือแอนดรอยในระดับราคากลางๆ ครับ
ตัวแอปพลิเคชันกล้องถ่ายรูปของ Huawei ALex 4G จะใช้เป็นกล้องติดรอม EMUI 2.3 ที่จะมีหน้าตาคล้ายกับรอมของมือถือแอนดรอยทั่วไปนี่แหละครับ มีโหมดให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ หลักๆ ก็จะใช้กัน 2 โหมด คือปกติกับโหมดอัจฉริยะ ส่วนการถ่ายรูปด้วยกล้องหลังสำหรับผมให้คะแนนกลางๆ ครับ ข้อดีของกล้อง Huawei ALex 4G คือมันละลายฉากหลังได้ง่ายมาก แค่หาระยะการถ่ายดีๆ ฉากหลังนี่ถึงกับเบลอเลย เหมาะแก่การถ่ายดอกไม้ ถ่ายอาหาร
การถ่ายภาพตอนกลางคืนนี่ก็พอใช้งานได้ครับ คุณภาพก็ตามราคานี่แหละ แต่สิ่งที่ผมอยากจะตินั้นเกี่ยวกับตัวซอฟท์แวร์นี่แหละครับ ถ้าไม่เปิดเสียงไว้นี่แทบจะไม่รู้เลยว่ากดชัตเตอร์ไปแล้ว เพราะตัว UI เองไม่ได้มีการแสดงออกว่าถ่ายรูปไปแล้วแม้แต่น้อย (จริงๆ มันกระพริบนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ครับ) ซึ่งตรงนี้น่าจะแก้ให้มี Animation เป็นเหมือนชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปอะไรก็ว่าไป
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลของ Huawei ALex 4G มีข้อเสียอยู่อย่างตรงที่มันเป็นกล้องแบบ Fixed Focus นี่แหละครับ ทำให้การถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าต้องมีระยะห่างในระดับหนึ่ง แต่ก็ถ่ายได้ง่ายเหมือนเดิม เพราะมีกรอบรูปช่วย Selfie มาให้เหมือนกับมือถือ Huawei รุ่นอื่นๆ และยังมีโหมดการเร่งแสงหน้าจอเพื่อช่วยในการเซลฟี่ในที่มืดด้วยครับ ก็จัดว่าพอช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ
Performance
Huawei ALex 4G ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 Quad-Core ความเร็ว 1.2 GHz กับ Ram 1 GB สเปคอยู่ในระดับธรรมดาทั่วไป ซึ่งตรงนี้บางคนอาจจะบอกว่า Ram 1 GB จะพอใช้หรอ จะหน่วงไหม อันนี้บอกตามตรงว่าเท่าที่ลองเล่น Huawei ALex 4G ดูเนี่ย ผมว่าระบบการจัดการฮาร์ดแวร์ของ EMUI 2.3 เอาอยู่ครับ ไม่ค่อยพบอาการหน่วงเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้เปิดแอปพลิเคชันใหญ่ๆ หรือเล่นเกมที่กินสเปค การสลับแอปพลิเคชันของ Huawei ALex 4G ก็ถือว่าลื่นเลยหล่ะครับ
สเปคในระดับ Huawei ALex 4G สามารถใช้งานโซเชียล, เล่นอินเทอร์เน็ต, ใช้เป็น GPS หรือแม้แต่จะเล่นเกมก็ทำได้สบายๆ ครับ แต่ถ้าเป็นเกมที่มีขนาดใหญ่และกินสเปค เช่นพวก N.O.V.A. 3 หรือ Asphalt 8 อาจจะต้องเลือกปรับความละเอียดให้ลดลง จึงจะเล่นได้อย่างลื่นไหลครับ ส่วนเกม Line หรือเกมแนวๆ Puzzle นี่เล่นได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
การใช้งานแบตเตอรี่หรือการจัดการพลังงานของ Huawei ALex 4G ผมว่า EMUI 2.3 ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีแบตเตอรี่มาให้แค่ 2000 mAh เท่านั้น แต่เท่าที่ได้ใช้งานดู Huawei ALex 4G ก็สามารถใช้งานได้นานประมาณ 1 วัน (ถ้าเล่นไม่เยอะมาก) แต่ถ้าเป็นการสแตนบาย ผมว่าแบตเตอรี่ 2000 mAh ของ Huawei ALex 4G อึดเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะผมลองทิ้งตัวเครื่องไว้ประมาณ 4 วัน (เปิด 3G กับ Wifi ทิ้งไว้ตลอด) แบตเตอรี่จะเหลืออยู่ประมาณ 33% ครับ