ในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนจัดเป็นอุปกรณ์ที่ Must have ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นของที่ทุกคนต้องมี และด้วยความสามารถที่ต้องบอกว่ามันทำอะไรได้หลากหลายขึ้น และลดขั้นตอนความยุ่งยากไปได้เยอะ เช่น การโอนเงิน, การแก้ไขงาน ที่ไม่จำกัดว่าต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์อีกต่อไป จึงไม่แปลกที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ จะเก็บข้อมูลส่วนตัว, งาน รวมถึงธุรกรรมต่าง ๆ ไว้ในสมาร์ทโฟนเครื่องที่ใช้ประจำ
แต่หนึ่งในเรื่องที่เรามักจะมองข้ามและปล่อยผ่านไปอยู่เสมอก็คือเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูล ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ บางคนที่กำลังอ่านบทความรีวิวมือถือเครื่องนี้อยู่ ยังไม่ได้ทำการล็อกหน้าจอโทรศัพท์ด้วยซ้ำ และถ้าหากว่าโทรศัพท์เราบังเอิญสูญหายไป นั่นหมายถึงข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเรา ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, คลิปวีดีโอ, ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ก็พร้อมจะโดนเข้าถึงได้ตลอดเวลา และมันก็จัดเป็นหายนะชัด ๆ
สำหรับสมาร์ทโฟนที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ เป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์น้องใหม่ในประเทศไทย นำเข้าโดยบริษัท ZecureAsia ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทสามารถ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยมือถือรุ่นดังกล่าวก็ได้แก่ blackphone 2 สมาร์ทโฟนที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อต้นปี 2017
สเปค blackphone 2
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD กระจกนิรภัย Gorilla Glass
- ระบบปฏิบัติการ Silent OS 3.0.1 บนพื้นฐาน Android 6.0.1 Marshmallow
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 octa-core ความเร็ว1.65 GHz
- GPU Adreno 405
- Ram 3 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 32 GB รองรับ microSD card สูงสุด 128 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลBSI ออโต้โฟกัสและแฟลช Dual-LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi b/g/n, Bluetooth, GPS/A-GPS
- รองรับ4G LTE
- แบตเตอรี่ความจุ 3,060 mAh รองรับ Quick Charge 2.0
- ราคา 22,900 บาท
ความพิเศษของ blackphone 2 ที่นำเข้าโดย ZecureAsia ก็คือจะมีชุดอุปกรณ์เสริมแถมมาให้เมื่อซื้อตัวเครื่อง blackphone 2 ด้วย ในชุดอุปกรณ์เสริมดังกล่าวก็จะประกอบไปด้วย เคส blackphone 2, กระจกกันรอยขนาดพอดีกับตัวเครื่อง และอะแดปเตอร์รองรับ Qualcomm Quick Charge 2.0 รุ่นขาปลั๊ก US (ขาแบบแบน) มาให้อีกหนึ่งตัว ส่วนอะแดปเตอร์ที่อยู่ในกล่องเครื่องรีวิว blackphone 2 จะเป็นอะแดปเตอร์ Quick Charge 2.0 แบบขา UK (ขากลม) ซึ่งทั้งสองแบบสามารถใช้งานกับปลั๊กไฟ, ปลั๊กสามตาในประเทศไทยได้ครับ
Software
จุดเด่นของ blackphone 2 หลัก ๆ จะอยู่ที่ระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูลเป็นพิเศษ มาพร้อมกับ Security Center ที่จะคอยแจ้งเตือนเรื่องความปลอดภัย ทำงานคล้าย ๆ กับโปรแกรม Anti-Virus บนคอมพิวเตอร์ และ Silent Phone ที่จัดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของการโทรศัพท์ รวมถึงการแชทผ่านแอปพลิเคชัน Silent Phone ที่เป็นการติดต่อกันแบบ 1 – 1 ไม่มีการแวะส่งข้อมูลไปยังที่อื่น และไม่สามารถแทรกแซงการสนทนาได้
ตัวระบบปฏิบัติการของ blackphone 2 ตอนที่รีวิวเป็น Silent OS เวอร์ชัน 3.0.1 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 6.0.1 Marshmallow มาใน Mood & Tone สีดำ เน้นความเรียบหรู และเข้ากันกับดีไซน์ตัวเครื่อง ตัว UI เองแทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงจาก Stock Android แต่ทาง Silent Circle ได้เข้าไปปรับแต่งเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย สามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดมาก โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชัน (App Permission) นั้นตั้งค่าได้ละเอียดที่สุด เท่าที่ผมเคยพบในมือถือ Android และมันตั้งค่าแบบนี้ได้กับทุกแอปพลิเคชัน!!
ด้านระบบรักษาความปลอดภัยตัวเครื่อง น่าเสียดายที่ blackphone 2 ไม่ได้ติดเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ แต่สามารถใช้การปลดล็อกด้วย PIN Code จำนวนหลายหลัก และมีการปรับแต่งให้หน้า Lock Screen มีตัวเลขขึ้นแบบสุ่ม กันผู้ไม่หวังดีจดจำระบบการปลดล็อก ส่วนการปลดล็อกในรูปแบบ Biometrics ก็มีระบบการจดจำใบหน้าให้เลือกใช้ครับ
Security Center
สำหรับฟีเจอร์ Security Center บน blackphone 2 โดยปกติจะอยู่บริเวณมุมขวาล่างของตัวเครื่องครับ มีลักษณะไอคอนเป็นรูปแม่กุญแจ หลักการทำงานก็อย่างที่ได้บอกไปแล้ว ว่าเป็นการทำงานคล้าย ๆ กับ Anti-Virus ที่จะคอยแจ้งเตือนการเชื่อมต่อ หรืออะไรก็ตามที่ดูเป็นพิษเป็นภัยต่อข้อมูลและตัวเครื่อง blackphone 2 ผ่านหัวข้อ Privacy Meter ที่แบ่งระดับความปลอดภัยเป็น 3 รูปแบบ ส่วนการแจ้งเตือนที่พบบ่อย ๆ เช่น
Smart Wi-Fi Manager – จะมีการแจ้งเตือนแทบทุกครั้งที่เราเชื่อมต่อ Wi-Fi แปลก ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลเราจะไม่โดน Hack ระหว่างที่เชื่อมต่อ รวมถึงสั่งเปิด/ ปิด Wi-Fi แบบอัจฉริยะโดยอิงกับพื้นที่ใช้งานประจำ เช่น ตั้งให้มาถึงที่ทำงาน แล้วเปิด Wi-Fi เชื่อมต่อกับที่ทำงาน พอออกจากที่ทำงาน Wi-Fi ก็จะปิดทันที แล้วก็ไปเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติเอง เมื่อเราถึงบ้าน เป็นต้น
การอัพเดต Software – จะขึ้นในระบบการแจ้งเตือนของ Privacy Meter ด้วยเช่นกันครับ อย่างที่เราทราบกันดี ว่าระบบปฏิบัติการ Android มีช่องโหว่ให้ Hacker สามารถเข้าไปล้วงข้อมูลได้ โดยการแก้ไขก็คือให้เราหมั่นอัพเดต Security Patch อยู่เป็นประจำ และแน่นอนว่า blackphone 2 ก็มีการอัพเดตในส่วนนี้แทบจะทุกเดือน
การระบุตำแหน่ง – หนึ่งในสิ่งที่เรามักจะมองข้าม ก็คือเรื่องของ Location เพราะถ้าเอาตามหลักความปลอดภัยจริง ๆ แล้ว การเปิดตำแหน่งของเรา ควรทำในเฉพาะเวลาที่ต้องการใช้งานเท่านั้น เช่น เปิดแผนที่ เป็นต้น
แอปพลิเคชันแฝง – อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยสำหรับมือถือ Android เนื่องจากการลงแอปพลิเคชันนอก Play Store นั้นง่ายพอ ๆ กับการปอกกล้วยเข้าปาก แตะ ๆ หน้าจอสองสามทีก็ลงไฟล์ .apk ได้แล้ว บางทีเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ดี ๆ ก็โหลดแอปพลิเคชันมาลงในเครื่องเฉย โดยตัว Security Center ก็จะช่วยกรองแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้
ในส่วนของการตั้งค่ามือถือผ่าน Security Center ก็จะเป็นการตั้งค่าด้านความปลอดภัย ที่แยกส่วนออกมาจากการตั้งค่าบน Android อีกที ประกอบไปด้วย การตั้ง Password แบบเข้ารหัส, การสั่งลบข้อมูลในเครื่องระยะไกล (Remote Wipe) ในกรณีที่เราทำโทรศัพท์หาย สามารถ Remote Wipe ข้อมูลให้หายภายในพริบตา โดยเข้าไปที่ https://www.zecureasia.com/ >> Remote Wipe แล้วทำการ Login เข้าไปจัดการลบข้อมูลทิ้ง ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลที่มีในเครื่องจะหลุดไปยังผู้ไม่หวังดี รวมถึงการอัพเดตด้านความปลอดภัยก็มีปล่อยออกมาเรื่อย ๆ
มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า แล้วแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากมือถือ Android ทั่วไป เพราะการสั่งลบข้อมูลนั่นก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่การ Remote Wipe บน blackphone 2 เจ๋งกว่าตรงที่มันไม่ระบุพิกัดของผู้ที่ทำการ Wipe ข้อมูลครับ ต่างจากแอนดรอยที่ระบุว่ามีการสั่งลบข้อมูลจากที่ไหน พร้อมระบุตำแหน่งเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายทีเดียว
นอกจากฟีเจอร์ที่กล่าวมาแล้ว ในส่วนของ Security Center ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ซึ่งก็คือ Spaces Management หรือการจัดการพื้นที่ใน blackphone 2 (แบ่งได้สูงสุด 4 Account) ที่สามารถจัดการได้เหมือนกับการสร้าง User บนคอมพิวเตอร์ โดยแต่ละ User ก็จะแยกจากการชัดเจน
อย่างตอนที่ผมรีวิว blackphone 2 ก็ลองตั้ง Account ไว้ 2 Account แยกกันระหว่างส่วนตัว กับการทำงาน แอปพลิเคชันก็จะแยกจากกัน เหมาะสำหรับคนทำงาน ที่อยากจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว สามารถใช้งาน Facebook ได้หลาย Account รวมถึงแอปพลิเคชัน Line ก็ล็อกอินพร้อมกันได้สูงสุดถึง 4 ไอดี ใครที่ทำงาน แล้วมีจ็อบเสริม เช่น เปิดร้านขายของออนไลน์ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไอดี Line เดียวกันให้ปวดหัว หรือไปหาซื้อมือถือเครื่องสำรองมาใช้ เพียงแค่ blackphone 2 เครื่องเดียวก็พอแล้วครับ การแจ้งเตือนก็สามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนพร้อมกันข้าม Account ได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากจะสามารถตั้ง Account ได้ถึง 4 Account แล้ว Spaces Management ยังตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดอีกด้วย อย่างผมเองเปิดไว้ 2 Account สำหรับใช้งานส่วนตัว กับใช้งานที่ทำงาน ก็ตั้งค่าให้ Account ทำงาน ไม่สามารถเข้าถึงรูปภาพ และบัญชีโซเชียลของ Account ส่วนตัวได้ รวมถึงการเข้าถึงรายชื่อ ไปจนถึงการตั้งค่าพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นMobile Network, Bluetooth, ภาพหน้าจอ และอื่น ๆ แต่ในทางกลับกัน ถ้ามีการแจ้งเตือนจาก Account ทำงาน เราสามารถให้มันแจ้งเตือนในขณะที่เราใช้ Account ส่วนตัวได้ครับ อย่างผมก็จะเปิดให้ Email กับ SMS ใน Account ทำงาน แจ้งเตือนบน Account ส่วนตัวด้วย เป็นต้น
Silent Phone
จัดว่าเป็นอีกไฮไลท์ของ blackphone 2 เลยก็ว่าได้ สำหรับ Silent Phone ที่เป็นแอปพลิเคชันในการสื่อสารที่มาพร้อมกับความปลอดภัยระดับสูง ที่เป็นการคุยแบบ 1 – 1 ไม่มีผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ไม่ว่าจะเป็นการคุยแบบเสียง หรือคุยแบบแชทก็ตาม
ทีเด็ดของการคุยผ่าน Silent Phone ด้วยแพ็กเกจ Silent World ที่ติดมาให้ในเครื่อง จะเป็นแพ็กเกจโทรระหว่างประเทศเดือนละ 100 นาที ใช้ได้นาน 12 เดือน เป็นบริการเสริมที่ช่วยให้การโทรระหว่างประเทศปลอดภัย, มีความเป็นส่วนตัว โดยสามารถโทรได้ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ทั้งหมายเลขที่เป็นเบอร์มือถือ และ เบอร์บ้านได้กว่า 150 ประเทศทั่วโลก ที่สำคัญคือไม่เสียค่าบริการโทรทางไกลระหว่างประเทศแบบโรมมิ่ง
ความน่าสนใจอยู่ที่การโทรไปต่างประเทศ จะเป็นเหมือนเราเปิดเบอร์ที่ต่างประเทศ เลือกได้ US กับ UK (เครื่องรีวิว blackphone 2 เป็นแพ็กเกจ UK) ระบบจะทำการสร้างเบอร์โทรที่เป็นเบอร์โทรตามประเทศที่เลือก ทำให้อีกฝ่ายสามารถโทรกลับมาหาเราได้ ในอัตราค่าบริการเดียวกับการโทรในประเทศปลายสายครับ
นอกจากนี้ยังมี Silent Text หรือการแชทที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันข้อความหลุดสู่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความแบบการแชท, ข้อความเสียง, ไฟล์งานส่วนตัวต่าง ๆ โดย สามารถรับส่งไฟล์ได้สูงถึง 100 MB เช่น Word, PowerPoint, PDF และสามารถทำการลบแชทได้ทั้ง 2 ฝ่าย (Burn Chat) สมมติว่าโดนเพื่อนแกล้ง เอามือถือเราไปเล่น แล้วส่งข้อความมั่ว ๆ ผ่าน Silent Text ไปยังเพื่อนอีกคน เราสามารถเข้าไป Burn Chat ทิ้งได้ทันที (มีเวลา 90 วัน) ซึ่งเป็นการลบแชททั้งสองฝ่าย คืออีกฝ่ายก็จะไม่เห็นข้อความนั้นอีกต่อไป
Design
สำหรับดีไซน์และการออกแบบของ blackphone 2 มีการเลือกใช้วัสดุที่หรูหรา สมราคา 22,900 บาทล่ะครับ โดยวัสดุหลักจะเป็นโลหะกับกระจก ให้ทั้งความสวยงามและความหรูหรา ขนาดตัวเครื่องตามไซส์มาตรฐานสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้วทั่วไป อาจจะไม่ได้เล็ก ขอบบางจัด แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เทอะทะ การพกพา การจับถือทำได้สะดวก และถ้าเป็นคนที่ใช้งานมือถือหน้าจอประมาณนี้อยู่แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ
ด้านหน้าของ blackphone 2 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD เป็นหน้าจอที่จัดว่าคมชัด ด้วยค่าความหนาแน่นหน้าจอสูงถึง 401 ppi คมชัดในระดับที่มองไม่เห็นเม็ดพิกเซล สีสันหน้าจอสดใส ใช้งานได้อย่างสบายตา ทั้งการรับชมภาพยนตร์, เล่นอินเทอร์เน็ต, ส่งอีเมลล์ รวมถึงใช้ในการทำงาน หรือต้องอ่าน Text จำนวนหลาย ๆ บรรทัดก็ไม่ใช่ปัญหา ส่วนตัวกระจกหน้าจอใช้เป็นกระจกนิรภัย Gorilla Glass ทนทานต่อรอยขีดข่วน
รายละเอียดทางด้านบนหน้าจอ blackphone 2 ประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนด้านล่างหน้าจอจะเป็น Navigation Keys ไล่จากซ้ายไปขวา ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App ที่มีไฟ LED ใต้ปุ่ม ไม่เป็นปัญหาเมื่อใช้งานในที่มืด
ขอบด้านข้าง blackphone 2 ใช้วัสดุเป็นโลหะ ให้ความคงทนแข็งแรง รายละเอียดเริ่มจากทางด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียง, ด้านบนมีพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร กับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, ด้านซ้ายมือเป็นช่องใส่ซิมการ์ด รองรับซิมการ์ดแบบ Nano Sim จำนวน 1 ซิม กับช่องใส่ Micro SD Card รองรับความจุสูงสุด 128 GB ส่วนด้านล่างจะเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ กับพอร์ต Micro USB สำหรับใช้ชาร์จไฟ และเชื่อมต่อข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
ด้านหลังของ blackphone 2 ใช้วัสดุเป็นกระจกนิรภัยเช่นเดียวกับด้านหน้า ดีไซน์เน้นความเรียบหรู รายละเอียดทางด้านหลังประกอบไปด้วย กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ BSI พร้อมแฟลช Dual LED สีเดียวกันจำนวน 2 ดวง ตรงกลางมีโลโก้ Silent Circle ส่วนทางด้านล่างจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง ให้เสียงที่ดังใช้ได้ จัดว่าเป็นลำโพงมือถือที่ฟังเพลงเพราะรุ่นหนึ่งเลยครับ
เรื่องความสวยงาม ความหรูหรา ทนทานของวัสดุ blackphone 2 ไม่ใช่อะไรที่น่าเป็นห่วงครับ รับรองว่าสมกับราคา 22,900 บาทแน่นอน จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยบริเวณตัวฝาหลัง การใช้วัสดุเป็นกระจกกับสีดำเงานั้นสวยงามก็จริง แต่ในการใช้งานก็จะพบว่ามันเก็บรอยนิ้วมือแบบสุด ๆ เหมือนกัน เรียกว่าเช็ดกันจนขี้เกียจจะเช็ด ส่วนตัวผมตอนรีวิว blackphone 2 ก็อาศัยเช็ดตอนกลับถึงบ้านทีเดียวเลย แต่ทาง ZecureAsia ผู้นำเข้า blackphone 2 ก็มีอุปกรณ์เสริมอย่างเคส แถมมาให้ด้วย เฉพาะผู้ที่ซื้อ blackphone 2 ในประเทศไทยเท่านั้นครับ ชุดอุปกรณ์เสริมดังกล่าวจะไม่มีให้ที่ต่างประเทศไทย ซึ่งเมื่อใส่เคสก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยนิ้วมือหลังเครื่องแล้ว
Camera
ถึงแม้ว่าจุดเด่นของ blackphone 2 จะเน้นที่ความปลอดภัยเป็นหลัก แต่เรื่องกล้องก็ถือว่าให้ฟีเจอร์มาแน่นเหมือนกัน เริ่มจากฮาร์ดแวร์กล้อง มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ BSI และแฟลช Dual LED ส่วนซอฟท์แวร์กล้องจัดเต็มกว่าที่คิด มีโหมดให้เลือกใช้มากมายกว่า 19 โหมด กับฟิลเตอร์อีก 12 แบบ แทบไม่ต้องไปโหลดแอปพลิเคชันแต่งภาพเพิ่มเติม โหมดที่ให้มาในกล้อง เรียกว่าเกินใช้งานด้วยซ้ำไปครับ บางโหมดนี่ก็แทบไม่ได้เปิดใช้ ส่วนภาพถ่ายจากกล้องของ blackphone 2 อยู่ในระดับพอใช้ ยังมีข้อจำกัดตอนถ่ายรูปในที่แสงน้อย กับเรื่องการโฟกัสที่ไม่ได้เร็วเท่าไหร่
สำหรับกล้องหน้า blackphone 2 มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซอฟท์แวร์และโหมดต่าง ๆ มีให้เลือกใช้เท่า ๆ กับที่กล้องหลังมี ข้อสังเกตคือเป็นกล้องหน้าแบบ Fixed-focus ในการถ่ายเซลฟี่ต้องเว้นระยะประมาณหนึ่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง blackphone 2 ก็ตาม Gallery นี้เลยครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ blackphone 2 มาพร้อมชิปเซ็ตรุ่นยอดนิยมจาก Qualcomm รุ่น Snapdragon 615 octa-core ความเร็ว 1.6 GHz แบบ 64 Bit ชิป GPU เป็น Adreno 405 กับ Ram 3 GB ในแง่ของสเปคอาจจะดูไม่โดดเด่น แต่ในแง่ของการใช้งานถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานครับ ด้วยลักษณะการใช้งานของ blackphone 2 ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก เน้นที่ระบบความปลอดภัยกับความเสถียรของตัวระบบ ซึ่งสเปคดังกล่าวก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี อาจจะมีอาการแล็คบ้างเล็กน้อยเมื่อทำการสลับ Account แต่โดยรวมก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าการใช้งานสะดุดแต่อย่างใด
พื้นที่ความจุในตัวเครื่อง blackphone 2 ให้มาที่ 32 GB เหลือพื้นที่ให้ใช้เก็บข้อมูลจริง 25.37 GB สามารถเพิ่มความจุด้วย Micro SD Card ได้สูงสุดถึง 128 GB ส่วนใครที่กังวลว่าใช้งานหลาย Account แล้วความจุไม่พอใช้งาน ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะมีแอปพลิเคชัน Spaces Sharing สำหรับใช้แชร์ข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงแอปพลิเคชันไปยัง Account อื่น ๆ ได้
ในส่วนของการจัดการพลังงาน blackphone 2 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3060 mAh ในการใช้งานจริงจัดว่าแบตเตอรี่อึดทีเดียว ด้วยสเปคที่ไม่ได้บริโภคพลังงานสูง รวมถึงตัว Silent OS ที่มีการจัดการพลังงานได้ดี ถ้าไม่ใช่คนที่เล่นมือถือแบบจัด ๆ ประเภทว่าหยิบมาเล่นทุก 5 นาที ส่วนตัวผมว่าสามารถใช้งาน blackphone 2 แบบไม่ต้องพก Powerbank ได้ครับ กลับถึงบ้านยังมีแบตเตอรี่เหลือ ๆ และยังรองรับฟีเจอร์ Quick Charge 2.0 สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าปกติด้วยครับ
Overall
ภาพรวมของ blackphone 2 กับราคา 22,900 บาท สำหรับผมมองว่ามันก็ไม่ได้แพงอะไร ถ้าคนที่ซื้อไปใช้มั่นใจว่าใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์ และซีเรียสเรื่องความปลอดภัยกับความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ เพราะถ้าเทียบแค่สเปคตัวเครื่อง พูดกันตามตรงว่าราคาแรงเกินไปมาก แต่สำหรับคนที่ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว, ความลับ หรือข้อมูลทางธุรกิจ ผมว่าราคา 22,900 บาทก็ไม่ได้แพงเลยเมื่อเทียบกับมูลค่าของข้อมูลนั้น ๆ ด้วยจุดเด่นเรื่องความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารผ่าน Silent Phone, Silent Text รวมถึง Security Center ที่เป็นเหมือนกำแพงขนาดใหญ่ คอยป้องกันการโจมตีข้อมูลจากผู้ไม่หวังดี ต่อให้มือถือถูกขโมยก็ยังสามารถสั่ง Remote Wipe ข้อมูลสำคัญให้หายไปได้อย่างหมดจด เรียกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของจริง ที่ใครก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ (ถ้าเราไม่อนุญาต)
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย blackphone 2 สามารถหาซื้อได้ที่ Open by i-mobile Shop, TG Fone, PTE สาขาที่ร่วมรายการ และสามารถสั่งซื้อออนไลน์ ผ่าน www.zecureasia.com/blackphone2
ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ที่ www.facebook.com/pg/BlackphoneTH
จุดเด่น
- ระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงด้วยตัว Silent OS
- เหมาะสำหรับคนที่ซีเรียสเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
- สามารถแบ่ง Account ได้ถึง 4 Account และจำกัดการเข้าถึงได้ตามต้องการ
- มาพร้อม Silent Phone ที่เป็นการส่งข้อมูลแบบ 1 – 1 ไม่มีการยิงข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์
- โทรฟรีทั้งในและต่างประเทศได้เดือนละ 100 นาที นาน 12 เดือน ผ่าน Silent World
- สามารถล้างข้อมูลได้ทันทีผ่าน Remote Wipe และลบได้อย่างหมดจด ไม่ทิ้งร่องรอย รวมถึงตำแหน่งที่สั่งลบข้อมูล
- มีการอัพเดต Patch ด้านความปลอดภัยอยู่เป็นประจำ
ข้อสังเกต
- มีอาการแล็คในบางครั้ง เมื่อทำการสลับ Account ไปมาบ่อย ๆ
- เป็นสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างเฉพาะทาง ถ้าไม่ใช้ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ราคาจะสูงมากทันที
- จำเป็นต้องจำ Password หลายชุด และระบบรักษาความปลอดภัยในรูปแบบ Biometrics มีเพียงการจดจำใบหน้าเท่านั้น