ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาหลังจากที่ ASUS ได้เปิดตัวมือถือตระกูล Zenfone 2 ที่ได้สร้างกระแสฮือฮาด้วยแรมที่ให้มาถึง 4 GB ประกอบกับราคาของตัวเครื่องนั้นผู้ใช้งานสามารถจับต้องได้ไม่ยากเท่าไรนัก จึงทำให้มือถือ Zenfone 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทำให้ ASUS ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนสามารถขึ้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ในประเทศไต้หวันได้เป็นผลสำเร็จ
และวันนี้ผมจะมารีวิวมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง ASUS ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราเมื่อไม่นาน นั่นก็คือ ASUS Zenfone Zoom มือถือที่มาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพแบบ Optical Zoom 3x หรือฟีเจอร์ซูม 3 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียดซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถซูมแบบ Digital Zoom เพิ่มได้อีกทำให้ ASUS Zenfone Zoom นั้นสามารถซูมได้รวมถึง 12 เท่าเลยทีเดียว ในเรื่องของราคาวางจำหน่าย ASUS Zenfone Zoom เปิดตัวในบ้านเราด้วยราคา 16,990 บาทซึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้นั้นถือว่าคุ้มค่าใช้ได้เลย และมือถือรุ่นนี้จะมีจุดเด่น หรือข้อสังเกตในการเลือกซื้อตรงไหนบ้าง ติดตามได้จากบทความรีวิวได้เลยครับ
สเปค ASUS Zenfone Zoom
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียดระดับบ Full HD
- ซีพียู Intel Atom Z3590 แบบ Quad Core ความเร็ว 2.5 GHz
- แรม 4 GB
- หน่วยความจำภายใน 64 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD สูงสุด 128 GB)
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลมาพร้อมเลนส์ HOYA โครงสร้างแบบ 10 ชิ้นเลนส์, แฟลช Dual LED แบบ Real Tone และเลเซอร์โฟกัสอัตโนมัติ
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฎิบัติการ Android 5.0 Lollipop
- รองรับการใช้งาน 3G/4G ทุกเครือข่าย , NFC , Wi-Fi , Blutooth
- แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh แบบไม่สามารถถอดออกได้
- ราคา 16,990 บาท
- สเปคของ ASUS Zenfone Zoom แบบเต็ม
กล่องของ ASUS Zenfone Zoom นั้นมาพร้อมดีไซน์ที่ไม่เหมือนกับมือถือ ASUS Zenfone รุ่นทั่วๆไป ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วดีไซน์ของกล่องนั้นคล้ายกับกล่องของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition นั่นคือจะมาในแบบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่ากล่องของ Zenfone 2 รุ่นอื่นๆโดยกล่องของ ASUS Zenfone Zoom นั้นจะมาในดีไซน์แบบฝาพับที่ให้ความรู้สึกประทับใจตั้งแต่เปิดกล่องเลย เมื่อเปิดกล่องออกมาเราจะพบกับ ASUS Zenfone Zoom ซึ่งเครื่องที่ทางทีมงานของเราได้มารีวิวนั้นจะเป็นรุ่นสีขาวดูสะอาดสะอ้าน สวยงาม และที่น่าสนใจนั่นคือ ASUS ได้แถมสายคล้องข้อมือซึ่งทำจากหนังและเป็นงานทำมือ 100% ตามที่ทาง ASUS ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้เอาไว้ ถึงจุดนี้เพื่อนๆ อาจจะงงว่าทำไมถึงต้องแถมสายคล้องข้อมือมาด้วย เพราะเนื่องจากมือถือรุ่นนี้นั้นมีจุดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ดังนั้นทาง ASUS จึงต้องการให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆนั้น เกิดความรู้สึกใกล้เคียงกับการใช้กล้องคอมแพคทั่วๆไปนั่นเอง นอกจากนี้ภายในกล่องยังมีอุปกรณ์พื้นฐานอย่างอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่,สาย Micro USB และหูฟังแบบ 3.5 มม. เรียกว่าจัดของแถมมาตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานส่วนใหญ่กันเลย และมาพูดถึงในส่วนแรกนั่นคือเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องของ Asus ZenFone Zoom กันก่อนดีกว่าครับ
จุดเด่น
– ใช้วัสดุพรีเมี่ยมในการประกอบ
– ใช้งาน 3G/4G LTE ได้ไม่มีปัญหา
– ซอฟท์แวร์ยืดหยุ่นปรับแต่งได้หลากหลาย
– ลำโพงเสียงดังใช้ได้
– รองรับการอัพเดทเป็น Android 6.0 Marshmallow
– มีฟีเจอร์ชาร์จแบตเตอรี่เร็ว
ข้อสังเกต
– ระบบซูมแบบ Optical Zoom ยังต้องปรับปรุงอีกนิดหน่อย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกดถ่ายภาพแล้วเราต้องซูมใหม่อยู่เรื่อยๆ
– ปุ่ม Navigation ไม่มีไฟ LED ใส่มาให้
– ราคาระดับนี้มีหลายรุ่นให้เลือกซื้อ
บทสรุป
BEST PERFORMANCE
Design
เริ่มกันที่เรื่องแรกนั่นคือเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องซึ่งทาง ASUS ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของ Asus ZenFone Zoom ใหม่ทั้งหมดเลย จะไม่เหมือนกับดีไซน์ที่เคยใช้มือถือ ASUS Zenfone 2 ทุกรุ่นที่ผ่านมา ด้านหน้าของตัวเครื่องนั้นจะเป็นหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD ซึ่งจุดนี้นั้นเหมือนกับที่ใช้ใน ASUS Zenfone 2 (ZE551ML) เรื่องของความคมชัดและสีสันของหน้าจอนั้นทำได้ดีเช่นเดียวกันอีกด้วย
ดังนั้นเรื่องของหน้าจอนั้นถือว่าหมดห่วงไปได้หนึ่งเรื่องอย่างแน่นอน ด้านบนของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนาโทรศัพท์ ,ไฟ LED ที่จะติดขึ้นเมื่อมีการแจ้งเตือนหรือเมื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่ และ เซนเซอร์วัดสภาพแสงเพื่อปรับความสว่างของหน้าจอโดยอัตโนมัติ และเซนเซอร์ปิดหน้าจอในขณะที่เราสนทนาโทรศัพท์
ด้านล่างของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของปุ่มควบคุมหลักนั่นคือปุ่ม Back , Home และ Recent Task ซึ่งตรงนี้ ASUS ก็ยังไม่ได้ใส่ไฟ LED มาไว้ที่ใต้ปุ่มควบคุมดังกล่าวทำให้การใช้งานในเวลากลางคืนนั้นทำได้ลำบาก หากไม่ชินกับรูปแบบการจัดวางปุมควบคุมหลักของตัวเครื่อง ซึ่งมือถือ ASUS ปุ่ม Back จะอยู่ด้านซ้าย ส่วนในมือถือรุ่นทั่วๆ ไปปุ่ม Back จะอยู่ที่ด้านขวา ซึ่งเมื่อใช้งานใหม่ๆ ก็ต้องเจอการกดปุ่มผิดเพราะความเคยชินอย่างแน่นอน
ซึ่งจุดนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองเมื่อได้ลองเล่นมือถือจาก ASUS ในช่วงแรกๆ และอย่างที่ผมได้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากเราชินกับตำแหน่งของปุ่มต่างๆ บนมือถือ ASUS แล้วล่ะก็ การใช้งานนั้นจะง่ายและสะดวกเอามากๆ เลย และอีกหนึ่งสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นคือโลโก้ของ ASUS ที่จะอยู่ด้านบนของหน้าจอหากเทียบกับมือถือ ASUS รุ่นก่อนๆ ได้ย้ายลงมาไว้ที่ด้านล่างของหน้าจอแทนในรุ่นนี้ ซึ่งก็ถือว่าแปลกตาดีไปอีกแบบ
และจะสังเกตได้ว่า Asus ZenFone Zoom ไม่มีแถบพลาสติกขัดลายที่ด้านล่างของหน้าจออีกด้วย ทำให้เราสามารถสังเกตเห็นความโค้งมนของตัวเครื่องได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เข้ากับความแข็งแรงของหน้าจอ Gorilla Galss 4 ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
ด้านบนตัวเครื่องของ Asus ZenFone Zoom จะเป็นตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม.และไมโครโฟนตัวที่สองที่จะช่วยในการตัดเสียงรบกวนภายนอกในขณะที่เรากำลังทำการสนทนาโทรศัพท์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในมือถือยุคปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ต้องมี
ด้านล่างของตัวเครื่องจะนั้นจะเห็นได้ว่า Asus Zenfone Zoom มาพร้อมกับพอร์ท Micro USB ,ไมโครโฟนที่ใช้สำหรับการสนทนาโทรศัพท์ และจะสังเกตได้ว่ามีช่องเล็กที่ใช้สำหรับแกะฝาหลังของตัวเครื่องออกเพื่อใส่ซิมการ์ดและ Micro SD ซึ่งรองรับสูงสุดถึง 128 GB
ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะไม่มีปุ่มควบคุมใดอยู่ในจุดนี้ แต่ที่มุมด้านล่างจะมีช่องสำหรับใส่สายคล้องข้อมือที่ทาง ASUS ได้แถมมาให้ สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือเราจะเห็นได้ว่าตัวเครื่องโดยรอบทั้ง 4 ด้านนั้นทำจากโลหะทั้งหมดดังนั้นในเรื่องของความแข็งแรงทนทานถือว่าดีมาก
ด้านขวาของตัวเครื่องนั้นถือว่าน่าสนใจเพราะจะเห็นได้ว่ามีปุ่มควบคุมมากมายอยู่ตรงจุดนี้ทั้งหมด ไมว่าจะเป็นปุ่มควบคุมระดับที่เสียงที่สามารถใช้งานเป็นปุ่มซูมในขณะที่เรานั้นใช้งานกล้อง ใกล้กันจะเป็นปุ่ม Power ที่ได้ย้ายตำแหน่งจากด้านบนตัวเครื่องมาไว้ที่ตรงนี้
ซึ่งเป็นตำแหน่งยอดนิยมของผู้ผลิตมือถือส่วนใหญ่ และที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างนั่นคือในส่วนนี้จะมีปุ่มชัตเตอร์และปุ่มบันทึกวีดีโอเพิ่มเข้ามาให้ ทำให้การเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพนั้นทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่มชัตเตอร์ค้างเอาไว้เท่านั้นเอง ซึ่งสามารถเปิดกล้องถ่ายภาพขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าตัวเครื่องนั้นล็อคหน้าจออยู่ ถือว่าเป็นสิ่งทำให้การใช้งานจริงนั้นทำได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการที่ต้องปลดล็อคตัวเครื่องก่อนแล้วค่อยเปิดกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพที่เราต้องการ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและเสียโอกาสในการได้ภาพดีๆ ตรงนี้ถือว่าน่าชื่นชม
และมาถึงจุดสุดท้ายที่น่าสนใจอย่างมากนั่นก็คือด้านหลังตัวเครื่องของ Asus ZenFone Zoom ที่จะเห็นได้เลยว่ามีการเปลี่ยนดีไซน์ครั้งใหญ่ในมือถือรุ่นนี้ จากที่เรานั้นเคยเห็นปุ่มควบคุมระดับเสียงแบบที่ใช้ใน ASUS Zenfone 2 หลายๆรุ่น วางตำแหน่งอยู่ในบริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นดีไซน์แบบวงกลมขนาดใหญ่ครอบทับด้วยวงแหวนสีเงิน
ซึ่งตรงนี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น เพราะภายในวงกลมที่เราเห็นนี้จะเป็นโครงสร้างของเลนส์กล้องที่มีมากถึง 10 ชิ้นเลนส์เลยทีเดียวซึ่ง ASUS ได้ใช้เลนส์คุณภาพสูงจาก HOYA มาใช้ในการถ่ายภาพบน Asus ZenFone Zoom และเมื่อลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเลนส์กล้องนั้นเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ใช่แบบวงกลมเหมือนกับมือถือทั่วๆ ไป
และนั่นหมายความว่ากล้องถ่ายภาพของ Asus ZenFone Zoom นั้นจะต้องมีดีมากกว่ากล้องของมือถือรุ่นอื่นๆ อย่างแน่นอน ใกล้กับตัวกล้องจะเป็นแฟลช LED แบบ Dual Tone ที่จะทำให้การถ่ายภาพในเวลากลางคืนนั้นทำได้ดีมากกว่าแฟลชแบบทั่วไป เพราะสีสันของผิวคนจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ดูสมจริงไม่หลอกตา ภาพที่ถ่ายออกมานั้นจะมีคูณภาพที่ดีกว่า
และลูกเล่นอีกอย่างนั่นคือระบบถ่ายภาพแบบเลเซอร์โฟกัส ที่จะช่วยให้กล้องของ Asus ZenFone Zoom นั้นสามารถจับภาพหรือวัตถุได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการถ่ายภาพ เรียกว่าครบเครื่องเลยจริงๆ ทั้งกล้องชัด โฟกัสเร็ว สีสันดูสมจริง คนที่ชอบในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นอาจจะตกหลุกรัก Asus ZenFone Zoom อย่างแน่นอน
ด้านล่างของฝาหลังนั้นจะเป็นตำแหน่งของช่องลำโพงแบบสเตอริโอ และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าฝาหลังของ Asus ZenFone Zoom นั้นทำจากหนังแท้ ในเรื่องของการจับถือนั้น จัดว่าทำได้ดีมากเพราะด้วยความที่เป็นหนังทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่ลื่นหลุดมือของเราง่ายๆแน่นอน
Software
มาพูดถึงเรื่องของซอฟท์แวร์กันบ้าง Asus ZenFone Zoom มาพร้อมกับ Android 5.0 Lollipop เรื่องของการรองรับแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ นั่นสามารถทำได้ดีเช่นเดียวกับ Android 5.1.1 Lollipop ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า แอพพลิเคชั่นที่ติดเครื่องมากับ Asus ZenFone Zoom นั้นก็เป็นแอพพื้นฐานที่เราต้องใช้งานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแอพจาก Google อย่าง Google , Google Chrome , Gmail , Maps , YouTube , Google Drive เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้เราใช้งาน Asus ZenFone Zoom ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างเช่น Audio Wizard ที่จะช่วยปรับปรุงในเรื่องของระบบเสียงให้ดียิ่งขึ้น ASUS Mobile Manager ที่จะช่วยในเรื่องของการจัดสรรทรัพยากรต่างภายในเครื่องให้เหมาะสมตามความต้องการของเรา Power Saver ที่จะสามารุเลือกได้ว่าเราต้องการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ขนาดไหน ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นซอฟท์แวร์ที่ทาง ASUS จัดสรรมาให้ทั้งสิ้น
Feature
พูดถึงเรื่องของฟีเจอร์ของ Asus ZenFone Zoom กันบ้าง Asus ZenFone Zoom มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จะทำให้การใช้งานในทุกวันนั้นทำได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับแต่งหน้าตาของ UI ที่สามารถทำได้อย่างหลากหลาย แล้วแต่สไตล์ของใครของมันและฟีเจอร์เด่นๆ ที่ผมจะพูดถึงนั้นมีดังต่อไปนี้
Quick Trigger
เป็นการย่อหน้าจอให้เล็กลงจนสามารถใช้งานได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือสามารถปรับขนาดไๆด้ว่าเราอยากให้เล็กหรือใหญ่ขนาดไหนก็แล้วแต่ความต้องการของเราเลย เป็นฟีเจอร์ที่สาวๆ น่าจะชื่นชอบเพราะหน้าของ Asus ZenFone Zoom ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับมือผู้หญิง ส่วนการเปิดใช้งานโหมดนี้ก็เพียงแค่เข้าไปที่ การตั้งค่า→ ZenMotion → One Hand Mode และเลือกเปิดใช้งาน Quick Trigger เป็นอันเสร็จสิ้นการตั้งค่า และวิธีในการเปิดใช้งานก็เพียงแค่กดปุ่ม Home 2 ตรั้งติดกันเท่านั้นหน้าจอของ Asus ZenFone Zoom ก็จะกลายเป็นดังภาพด้านบน
Zenmotion
เป็นฟีเจอร์อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่อาจจะได้ใช้งานกันบ่อยๆ โดยหลักๆจะเน้น Touch Gesgure หรือการควบคุมด้วยการวาดนิ้วมือบนหน้าจอนั่นเองโดยสามารถสัมผัสขณะเครื่องอยู่ในโหมด Sleep ได้ และสามารถตั้งค่าได้อย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น
- แตะที่หน้าจอสองครั้งเพื่อเปิด/ปิด หน้าจอ( แทนการกดด้วยปุ่ม Power )
- วาด W เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น Browser
- วาด S เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น ข้อความ
- วาด E เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น E-mail
- วาด C เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น กล้อง
- วาด Z เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น Asus Boost
- วาด V เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น โทรศัพท์
BoostMaster
เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่ของเราทำได้รวดเร็วขึ้น โดยสามารถชาร์จถึง 60% ใช้เวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้น ทดสอบโดยการใช้งานจนแบตเตอรี่เหลือประมาณ 15% นิดๆ แล้วเสียบสายชาร์จพบว่าเวลาผ่านไปประมาณ 40 นาทีปริมาณแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นถึง 60% เลยทีเดียวจัดเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากๆเลย โดยเทคโนโลยีนี้จะสอดคล้องกับ Power Saver หรือโหมดประหยัดพลังงาน ยิ่งถ้าเราเลือกเป็นโหมด Super Saving ด้วยแล้ว Asus ZenFone Zoom ก็จะทำการปิดการรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ททำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Camera
มาพูดถึงเรื่องที่เป็นจุดเด่นของ Asus ZenFone Zoom นั่นคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพกันบ้าง Asus ZenFone Zoom มาพร้อมกับกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซลและที่น่าสนใจนั่นคือ Asus ZenFone Zoom นั้นมาพร้อมกับกล้องโครงสร้างแบบ 10 ชิ้นเลนส์ซึ่งทาง ASUS ใช้เลนส์คุณภาพสูงจาก HOYA บวกกับการดีไซน์ลงตัว ทำให้ Asus ZenFone Zoom เป็นมือถือที่มาพร้อมกล้องแบบ Optical Zoom 3X ที่บางที่สุดในโลก ณ เวลานี้อีกด้วย และนี่คือภาพตัวอย่างของโครงสร้างเลนส์กล้องใน Asus ZenFone Zoom และจะเห็นได้ว่าด้วยการจัดวางแบบแนวนอนทำให้ตัวกล้องนั้นไม่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องมากมายนัก ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบดีไซน์ที่ฉลาดใช้ได้ และผมได้นำตัวอย่างภาพถ่ายแบบ Optical Zoom 3X ของ Asus ZenFone Zoom มาให้ดูกันแล้ว แต่ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่ภาพจากต้นฉบับ โดยเป็นภาพที่ผมได้ย่อขนาดให้เหมาะสมกับเว็บไซต์เท่านั้น ซึ่งภาพจากต้นฉบับนั้นมีขนาดใหญ่และละเอียดกว่านี้มาก โดยการซูมบนกล้องของ Asus ZenFone Zoom จะใช้ฮาร์ดแวร์ในการซูมไม่ได้ใช้ซอฟท์แวร์เหมือนมือถือทั่วๆ ไป และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ Asus ZenFone Zoom เป็นมือถือที่โดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพอีกหนึ่งรุ่นเลยล่ะครับ
Optical Zoom 1X
Optical Zoom 2X
Optical Zoom 3X
นอกจากเลนส์ที่ดีแล้ว Asus ZenFone Zoom ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี PixelMaster 2.0 ที่จะช่วยให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้นไปอีก ส่วนกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซลก็ทำหน้าที่ในระดับทั่วไปได้เป็นอย่างดี จะว่าไปแล้วเรื่องกล้องของ Asus ZenFone Zoom นั้นไม่แตกต่างจาก Zenfone 2 รุ่นตัวท็อปที่ผ่านมา รวมถึงโหมดถ่ายภาพก็มีเท่ากันอีกด้วย โดยจะมีโหมดการถ่ายภาพมากถึง 19 โหมดเช่นกันแต่แน่นอนว่าฮาร์ดแวร์กล้องของ Asus ZenFone Zoom นั้นดีกว่าย่อมได้ภาพที่ออกมาดีกว่าอย่างแน่นอนครับ
และผมจะขอเสนอโหมดที่ที่คิดว่าเราจะได้ใช้งานกันบ่อยๆ นั่นก็คือ 4โหมดหลักอย่างเช่น Beautification, Low Light, Super Resolution และ Manual
- Beautification หรือเราอาจเรียกว่าโหมดบิวตี้ก็ได้ครับ โหมดนี้อาจจะถูกใจสาวๆที่ชอบถ่ายเซลฟี่ครับ เพราะสามารถปรับแต่งได้หลากหลายครับ ไม่ว่าจะเป็นผิวเนียน ปรับโทนสีผิว หน้าเรียว ตาโต ก็สามารถปรับได้ตามใจครับ
- Low Light คือการปรับแต่งเม็ดพิกเซลให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความสว่างต่อพิกเซลให้มากขึ้น พูดง่ายๆก็คือสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น แต่การเปิดใช้ฟังก์ชั่นนี้ความละเอียดของกล้องถ่ายภาพจะถูกลดลงเหลือเพียง 3 ล้านพิกเซลเท่านั้นแต่ได้รายละเอียดของภาพที่ถ่ายในที่แสงน้อยที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- Super Resolution เป็นโหมดที่ทำให้เราสามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงถึง 52 ล้านพิกเซลโดยหลักการทำงานคือระบบจะถ่ายภาพไว้ทั้งหมด 4 ครั้งแล้วจึงประมวลเข้าเป็นภาพความละเอียดสูง เหมาะสำหรับการนำภาพไปปรับแต่งต่อไป แต่ข้อเสียของการถ่ายภาพด้วยโหมดนี้นั่นก็คือไฟล์ภาพจะค่อนข้างใหญ่เพราะเกิดจากการรวมภาพ 4 ภาพเข้าด้วยกันแต่การถ่ายภาพด้วยโหมดนี้จะได้รายละเอียดของภาพมากกว่าการถ่ายแบบปกติครับ
- Manual หรือบางคนอาจจะเรียกว่าโหมดโปรครับ ซึ่งในโหมดนี้เราสามารถปรับแต่งค่าต่างๆของกล้องได้ทั้งหมด เช่น ค่า White Balance ซึ่งปรับได้ทีละ 50K ค่าความไวแสง (ISO) ที่ปรับได้ตั้งแต่ 50-3200 ค่าความเร็วชัตเตอร์ก็สามารถปรับได้นานสุดที่ 32 วินาที ค่าการชดเชยแสง และ ระยะโฟกัสก็สามารถปรับได้ตามใจชอบครับ จะหน้าชัดหลังเบลอก็สามารถทำได้ง่ายดายทีเดียว และดูเหมือนว่าทาง ASUS จะตั้งใจให้เราสามารถใช้งาน Asus ZenFone Zoom แทนกล้องคอมแพคได้จริงๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความพยายามที่ดี
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Asus ZenFone Zoom
Performance
มาถึงเรื่องสุดท้ายนั่นคือเรื่องประสิทธิภาพของ Asus ZenFone Zoom กันบ้าง Asus ZenFone Zoom มาพร้อมกับซีพียู Intel Z3590 แบบ Quad Core ความเร็ว 2.5 GHz ซึ่งเป็นความเร็วที่มากกว่าซีพียูที่ใช้ใน ASUS Zenfone 2 (ZE551ML) นิดหน่อย ประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมนั้นถือว่าทำงานได้มีมาก เรื่องของความเข้ากันได้ระหว่างซีพียูกับตัวแอพพลิเคชั่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะตั้งแต่ที่ผมได้รีวิวมือถือ ASUS รุ่นที่ใช้ซีพียู Intel มาผมก็ยังไม่เคยพบว่ามีแอพที่ชิพเซ็ตจาก Intel นั้นใช้งานไม่ได้เลย ในเรื่องของการเชื่อมต่อต่างๆ นั้นก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อได้ลองทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่นทดสอบประสิทธิภาพอย่าง AnTuTu Benchmark เวอร์ชั่น 6.0 ก็พบว่า Asus ZenFone Zoom นั้นสามารถทำคะแนนได้ที่ 64,493 คะแนนซึ่งคะแนนระดับนี้ถือว่าใช้งานทั่วๆไปได้อย่างดีแน่นอน
เมื่อทดสอบโดยการเล่นเกมให้รู้ไปเลยว่า Asus ZenFone Zoom เล่นเกมได้ดีขนาดไหนก็พบว่าเกมอย่าง Asphalt 8 นั้นสามารถเล่นได้อย่างสบายๆ ไม่มีอาการกระตุกให้พบเห็น และที่น่าสนใจนั่นคือ Asus ZenFone Zoom สามารถเล่นเกมที่กินสเปคอย่าง N.O.V.A. 3 ได้ด้วยเช่นกันเพียงแต่จะต้องปรับโหมดการทำงานของตัวเครื่องให้เป็นแบบ Performance ซึ่งเป็นข้อดีที่เรานั้นสามารถปรับแต่งการทำงานของตัวเครื่องได้ตามต้องการ ส่วนเกมทั่วๆไปอย่าง Subway Surfer นั้นสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีปัญหาภาพกระตุกแต่อย่างใน ดังนั้นในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน Asus ZenFone Zoom นั้นถือว่าสอบผ่านในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานการทำงาน แบตเตอรี่ที่ให้มากับตัวเครื่องนั้นก็ให้มาถึง 3,000 mAh เหมือนกับมือถือ Zenfone ตัวท็อปทั่วๆไปและที่น่าสนใจนั่นคือ Asus ZenFone Zoom จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ BoostMaster ที่จะทำให้ Asus ZenFone Zoom สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นโดยสามารถชาร์จตั้งแต่ 0-60% ด้วยเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้นเอง
ซึ่งเมื่อผมได้ลองใช้งานจริงก็พบว่าชาร์จเร็วจริงไม่ค่อยเสียเวลาในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่สักเท่าไหร่ จึงพูดได้ว่าปัญหาในเรื่องของความจุแบตเตอรี่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับ Asus ZenFone Zoom อย่างแน่นอนสรุปได้ว่า มือถือ Asus ZenFone Zoom นั้นเหมาะสำหรับทุกๆ คนเพราะสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้หลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น คนที่ชอบถ่ายภาพหรือคนที่ชอบเล่นเกม รับรองว่าต้องหลงรัก Asus ZenFone Zoom อย่างแน่นอน ถือว่าเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในช่วงราคาไม่เกิน 20,000 บาท เพราะนอกจากดีไซน์ของตัวเครื่องที่สร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันแล้ว เรื่องของประสิทธิภาพนั้นก็ไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกนั่นคือ Asus ZenFone Zoom จะได้รับอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น Android 6.0 Marshmallow ไตรมาสที่สองของปีนี้อีกด้วย ถ้าถามว่าคุ้มหรือไม่สำหรับราคา 16,990 บาทผมต้องบอกว่าราคานี้ยังมีมือถืออีกหลายๆ รุ่นที่สเปคไล่เลี่ยกัน แต่ถ้าอยากได้มือถือที่ใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยม ประสิทธิภาพดีๆ Asus ZenFone Zoom เป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ