สรุปข่าวสเปค iPhone 15/ iPhone 15 Pro โค้งสุดท้ายมีอะไรใหม่ ดีไซน์เดิม ปุ่มใหม่ ใช้ USB-C ก่อนเปิดตัว 13 ก.ย. 2023
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า iPhone 15 Series จะเปิดตัวในงาน Apple Event “Wonderlust” วันที่ 13 กันยายน 2023 เวลา 12.00 เที่ยงคืนตรงในบ้านเรา (ต่างประเทศ 12 กันยายน 2023 เวลา 10.00 PT.) และก็แน่นอนว่าหลังจากที่เปิดตัว สิ่งที่ต้องตามมาเป็นประจำทุกครั้งก็คือ ข่าวลือและข่าวหลุดในวงการเบื้องหลัง และการคาดเดากันว่ารุ่นถัดมาของ iPhone นั้นจะเป็นอย่างไร และมีอะไรใหม่บ้าง ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเพียงไม่ถึงเดือนก็ตาม แต่ตอนนี้ก็มีหลายแหล่งข่าวเผยข้อมูลของรุ่นใหม่ออกมาบ้างแล้ว แต่ทั้งนี้ข่าวลือหรือข่าวทั้งหลายก็ไม่ใช่ข่าวอย่างเป็นทางการของ Apple แต่อย่างใด เป็นเพียงข่าวจากนักวิเคราะห์ต่างประเทศชื่อดังทั้งหลาย ที่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นข่าวตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ซึ่งต้องรอการอัพเดทใหม่ๆ อยู่เสมอ และก็เป็นเรื่องที่หลายคนคาดว่าสิ่งที่ไม่ได้เปิดตัวออกมาจาก iPhone 14 จะไปอยู่ในรุ่นใหม่แทนด้วย วันนี้ทาง Specphone จะมารวบรวมข่าวลือของ iPhone 15 กันว่าจะมีสเปคอะไรใหม่บ้าง เบื้องต้นคาดว่าจะใช้ Dynamic Island ทุกรุ่น ดีไซน์ตัวเครื่องอาจจะยังคล้ายเดิม และขอบเครื่องที่โค้งมนขึ้น ได้ใช้พอร์ต USB-C แล้วสักที ดูสเปค iPhone15 Pro Max ที่นี่
- iPhone 15/ iPhone 15 Pro จะมีรุ่นไหนบ้าง
- เปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว
- ดีไซน์ตัวเครื่อง และฝาหลังรุ่นปกติใหม่แบบด้าน?
- สีใหม่ทั้งรุ่นปกติและรุ่นโปร (อัพเดทใหม่ล่าสุด)
- หน้าจอมี Dynamic Island ทุกรุ่น
- กล้องหลังใหม่ (อัพเดทใหม่ล่าสุด)
- ชิป A17 ใหม่ (อัพเดทใหม่ล่าสุด)
- แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น
- ราคาและวันเปิดตัว (อัพเดทใหม่ล่าสุด)
iPhone 15/ iPhone 15 Pro จะมีรุ่นไหนบ้าง
ตั้งแต่ iPhone 14 รุ่นที่เปิดตัวออกมาใหม่นั้นได้ปลดตัวเล็กอย่าง mini ออกไปและแทนที่ด้วยรุ่น iPhone 14 Plus ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่เท่ารุ่น Pro Max ถึงแม้ว่าจะขายไม่ค่อยได้ตามเป้าที่วางไว้ แต่ก็คาดว่ายังคงยังมีรุ่น Plus อยู่เหมือนเดิม รวมถึงรุ่นเริ่มต้นด้วย โดยทางรายงานของ Ming-Chi Kuo กับ Mark Gurman นักข่าวของ Bloomberg ก็ได้ออกมาเผยล่าสุดว่าทาง Apple กำลังมีการวางแผนการออกแบบ iPhone รุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่แล้วจะมีการปรับโมเดลของเครื่องใหม่อยู่เสมอทุก 2-3 ปี
ถ้าเทียบจากรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวออกมาแล้ว ทำให้รุ่นใหม่อย่าง iPhone 15 นั้นจะมีการปรับเปลี่ยนทั้งตัวเครื่องทั้งดีไซน์แบบใหม่ และพอร์ต USB C ไปด้วย ส่วนรุ่นที่จะเปิดตัวออกมาก็คือรุ่น iPhone15/ 15 Plus/ 15 Pro และ 15 Pro Max นั่นเอง ทั้งนี้ในชื่อ Ultra ที่เคยมีข่าวไปนั้นคาดว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ก็ปี 2024 นู่นเลย
การมาถึงของ USB C
เป็นเรื่องที่หลายๆ คนทั้งสาวก Apple และคนที่อยากจะมาใช้งาน iPhone ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันมาหลายต่อหลายรุ่นว่าเมื่อไหร่ทาง Apple จะใส่พอร์ต USB C เข้ามาใน iPhone สักที จากข่าวล่าสุดในช่วงกลางปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ทั้งจาก LeaksApplePro และ Ming-Chi Kuo หรือ Mark Gurman นั้นก็ได้ออกมาบอกเรื่องนี้หลังจากที่สหภาพยุโรปได้ออกมากำหนดให้อุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงสมาร์ทโฟนจะต้องใช้ USB C ภายในปี 2024 ทั้งหมด ดังนั้น iPhone 15 รุ่นใหม่นี้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ USB C แล้ว แต่สเปคของการถ่ายโอนข้อมูลจะต่างกันสำหรับรุ่นปกติ และรุ่นโปร นอกจากนี้ยังมีบางข่าวบอกว่าสาย USB-C จะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องด้วย
โดยตอนนี้ก็มีภาพหลุดทั้งคอนเซปต์ และตัวอย่างออกมาบ้างแล้วด้วย อีกอย่างก็คือพอร์ต USB C จะช่วยให้การชาร์จนั้นเร็วขึ้น และยังถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้นเหมือนกับรุ่น Mac และ iPad ที่ใช้ USB C อยู่แล้ว รวมไปถึงการสร้าง USB C ที่ได้รับการรับรองโดย Apple Made for iPhone (MFi) ที่ชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีข่าวล่าสุดจาก Majin Bu ได้เผยออกมาอีกว่าจะไม่มีการกำหนด MFi มีสายยาว 1.6 เมตร มีความหนาและทนทานมากขึ้น รวมไปถึงใช้เทคโนโลยี USB 2.0 20V3A อีกด้วย โดยรุ่นปกติจะเป็น USB 2.0 (480Mb/s) เหมือนกับ Lightning แต่ว่ารุ่นโปรขึ้นไปมีข่าวจาก ChargerLab ล่าสุดออกมาเผยว่าจะมีพอร์ตแบบ Thunderbolt/ USB 4 (40Gb/s) หรืออาจรองรับ USB 3.2 (20Gb/s) ที่ถ่ายโอนข้อมูลและชาร์จแบตได้เร็วกว่า ซึ่งอาจชาร์จเร็วได้ถึง 35W เลยทีเดียว หรือทั้งหมดอาจเป็นสาย USB 2.0 (480Mb/s) แต่ว่ารูปแบบของ Thunderbolt ต้องซื้อแยกเองต่างหากก็เป็นได้
ตัวเครื่องอาจใหญ่ขึ้น ขอบเครื่องโค้งมน ขอบจอบางลง
สำหรับขนาดของตัวเครื่องของแต่ละรุ่นนั้น ในรุ่นปกติคาดว่าจะมีขนาดเครื่องที่เท่าเดิมพอๆ กับ iPhone 14 แน่นอนว่าหลังจากนี้อาจจะได้เห็น Dynamic Island ที่มีอยู่ในทุกรุ่นด้วย ส่วนรุ่นของ iPhone 15 ที่คาดว่าจะเปิดตัวออกมานั้นก็คือ iPhone15 ขนาด 6.1 นิ้ว, iPhone15 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว, iPhone15 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว และ iPhone15 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องเลยก็คือ Touch ID ที่ตอนนี้คาดว่ายังคงไม่ได้นำมาใช้งานเร็วๆ นี้ และยังคงใช้ Face ID ต่อไป รวมไปถึง Face ID ใต้หน้าจอก็คงไม่ได้เห็นในเร็วๆ นี้ด้วย
จากข่าวเดิมก่อนหน้านี้ที่บอกว่า iPhone 15 จะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่องแบบ Solid State คล้ายๆ กับปุ่ม Home ของ iPhone 7-8 ในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เห็นในรุ่นนี้แน่นอน เพราะว่าข่าวล่าสุดที่ออกมานั้้น จะยังไม่ได้เปลี่ยนมาใช้งาน เพราะมีปัญหาด้านการผลิต ดังนั้น iPhone15 ทุกรุ่นจะยังคงมีปุ่มกดเหมือนเดิม อาจมีตำแหน่งต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย และรุ่นโปรนั้นจะมีการใช้ปุ่มใหม่สำหรับปุ่มเปิด-ปิดเสียง คือปุ่ม Action ที่สามารถตั้งค่าเองได้ ว่าจะเอาไว้แคปหน้าจอ กล้อง เปลี่ยนโหมด หรือไปยังหน้า Home ตั้งค่าได้คล้ายกับ Apple Watch Ultra ประมาณนั้น
นอกจากนี้ข่าวที่มีออกมาใหม่อีกเรื่องก็คือการออกแบบตัวเครื่อง จากรายละเอียดของไฟล์ CAD ที่เผยจากผู้ผลิตอุปกรณ์เสริม พบว่าตัวเครื่องของ iPhone 15 Pro นั้นมีความโค้งมนขึ้น ไม่ได้เหลี่ยมเหมือนรุ่น iPhone 14 รวมไปถึงขอบหน้าจอที่บางขึ้น และเป็นแบบ 2.5D ซึ่งมีข่าวว่าจะมีขอบบางเพียง 1.55 มม.เท่านั้น ทำให้ใช้งานได้เต็มที่มากกว่าเดิม รวมไปถึงความโค้งของกล้องที่อาจนูนขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ก็ได้มีการออกแบบเคส Mock Up ออกมาแล้ว และคิดว่าทั้งหมดนั้นจะใช้ร่วมกันกับ iPhone 14 ไม่ได้เพราะดีไซน์ตัวเครื่อง กับหน้าจอที่โค้ง รวมไปถึงกล้องที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วย
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือมีข่าวจาก Weibo ออกมาว่า iPhone 15 รุ่นปกติทั้งสองรุ่นนั้นจะมีการเปลี่ยนฝาหลังมาเป็นกระจกแบบด้าน จากเดิมที่เป็นแบบมันวาว หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นเหมือนกับรุ่นโปรนั่นเอง ส่วนขอบด้านข้างก็ยังคงเป็นอะลูมิเนียมเหมือนเดิม แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน เป็นเพียงข่าวลือที่ปล่อยออกมาเท่านั้น ทั้งนี้ทางด้าน Twitter ของ ShrimpApplePro ก็ได้ออกมาเผยว่า iPhone15 Pro Max นั้นอาจจะมีการใช้วัสดุตรงกรอบเป็นไทเทเนียมที่มีขอบด้านหลังแบบโค้งแทนรูปแบบเดิม ซึ่งจะมีความแข็งแรง เบากว่า และป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่าด้วย แต่ก็จะแลกมากับราคาที่ต้องแพงขึ้น
สีใหม่ทั้งรุ่นปกติ และรุ่นโปร
มาดูที่เรื่องสีตัวเครื่องของ iPhone 15 กันบ้างที่ปกติก็จะมีสีประจำรุ่นออกมาอยู่แล้ว ซึ่งในปีนี้ก็คาดว่าจะได้เห็นสีใหม่ของ iPhone15 ด้วย จากตอนแรกข่าวที่ออกมานั่นก็คือ สีฟ้า สีเหลือง สีคอรัล (สีใหม่เป็นสีชมพูกับส้ม) สีขาว และสีดำ โดยสีฟ้าหรือน้ำเงินกับสีคอรัลนั้นจะเป็นสีใหม่ แต่ก็ยังคงสีดำ สีขาว และสีเหลืองเป็นตัวหลักยืนพื้นหรือสีมาตรฐานของรุ่น แต่ตอนนี้ก็มีเครื่องดัมมี่พร้อมสีออกมาโดย Sonny Dickson ได้เผยออกมาก็คือ สีน้ำเงินอ่อน, สีชมพู, สีขาว, สีเขียวอ่อน และสีดำ (ตามรูปด้านล่าง)
ส่วนในรุ่นโปรนั้นก็มีข่าวล่าสุดจาก 9to5mac ออกมาว่าจะมีสีด้วยกันถึง 4 สี โดยมีการตัดสีทองออกไปและแทนด้วยสีใหม่แทน เนื่องจากตัวเครื่องเป็นไทเทเนียมจึงต้องทำให้สีชัดเจนเด่นขึ้นได้แก่สี Silver Space (เงิน), Black Titan (ดำ), Gray (เทา) และ Dark Blue หรือสีน้ำเงินเข้มนั่นเอง โดยสี Dark Blue กับ Titan Gray คาดว่าจะเป็นสีประจำรุ่นด้วย ส่วนใหญ่แล้วทาง Apple มักจะทำสีเข้มกับสีอ่อนควบคู่กันไปอยู่แล้ว ซึ่งในข่าวล่าสุดจาก Sonny Dickson ก็ได้เผยสีออกมาคือ สีน้ำเงินเข้ม, สีไทเทเนียม, สีเงิน และสีดำ
ดูภาพเครื่องดัมมี่ iPhone 15 / 15 Pro แบบครบทุกสีที่นี่
หน้าจอ Dynamic Island ที่มีทุกรุ่นแล้ว
หลังจากที่มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ iPhone 14 Pro นั่นก็คือรูกล้องหน้าที่เอารอยบากออกไป และเปลี่ยนมาใช้แบบเจาะรูพร้อมใช้ชื่อว่า Dynamic Island แทน ล่าสุดทาง Ross Young นักวิเคราะห์จาก Display Supply Chain Consultants ชื่อดังก็ได้ออกมาเผยว่าในปี 2023 ฟีเจอร์การใช้งานของ Dynamic Island นั้นจะขยายออกไปสำหรับรุ่นอื่นๆ ด้วย ทำให้ iPhone 15 ทุกรุ่นจะมีการใช้งาน Dynamic Island ทั้งหมดแล้วในปีนี้ แต่ว่ารุ่นธรรมดาที่ไม่ใช้รุ่นโปร จะยังไม่รองรับหน้าจอ LTPO หรือ ProMotion 120Hz และ Always-On display เนื่องจากยังคงจำกัดไว้ให้แค่รุ่น Pro และ Pro Max เท่านั้น
นอกจากนี้ iPhone15 ทุกรุ่นยังติดตั้งชิปไดรเวอร์จอแสดงผล OLED ที่ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น และ Ming-Chi Kuo ยังบอกอีกว่าจะมีการปรับปรุงดีไซน์ Proximity Sensor ที่ตัว Dynamic Island ใหม่ด้วย แต่แค่เป็นการลดต้นทุนเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งาน ที่สำคัญก็คือจากการเรนเดอร์ของ 9to5Mac นั้นได้เผยออกมาให้เห็นว่า หน้าจอของ iPhone 15 รุ่นปกติจะมีหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เป็น 6.1 นิ้ว ส่วนในรุ่น Plus นั้นจะยังคงคล้ายเดิม แต่ว่ามีการเปลี่ยนขอบจอให้บางลง ขอบหนาขึ้น รวมไปถึงกล้องหลังที่อาจจะหนาขึ้นด้วย ส่วนการสแกนใบหน้า Face ID ที่อยู่ใต้หน้าจอจะยังไม่ได้เห็นกันในปีหน้า อาจจะมีใน iPhone 16 เลย
กล้องหลัง Periscope ใหม่ในรุ่น Pro Max
จากที่ iPhone 14 Pro นั้นได้มีการอัพเกรดกล้องหลังมาเป็น 48MP และปรับปรุงการถ่ายรูปให้ดีขึ้นกว่าเดิมไปแล้ว ข่าวลือที่ออกมาอย่างต่อเนื่องว่า Apple จะมีการใช้เลนส์เทเลโฟโต้แบบ Periscope ที่สามารถซูมออปติคอลได้ 6 เท่าถึง 10 เท่าจากเดิมที่ซูมได้แค่ 3 เท่า และด้วยเลนส์แบบ Periscope จะทำให้ iPhone15 รุ่นไฮ-เอนด์ใหม่นั้นสามารถซูมได้ดีขึ้นอย่างมาก แต่ว่าอาจจะมีแค่รุ่นโปรขึ้นไป ส่วนทางด้านของ Ming-Chi Kuo ก็ได้บอกว่าทาง Apple จะใช้การซูมแบบออปติคอลได้ 6 เท่า และจะสร้างความแตกต่างระหว่างรุ่น Pro และ Pro Max ให้มากขึ้น ทำให้เลนส์แบบ Periscope จะมีอยู่แค่เพียงในรุ่น Pro Max เท่านั้น ส่วนรุ่น Pro จะเป็นเลน์ซูมแบบปกติ หลายแหล่งข่าวคาดว่าทั้งรุ่น Pro/ Pro Max จะเป็นกล้องแบบเดียวกัน หรืออาจจำกัดไว้แค่รุ่น Pro Max เท่านั้น
ส่วน iPhone15/ 15 Plus ก็มีข่าวล่าสุดเผยออกมาว่าจะได้ใช้กล้องแบบเดียวกับ iPhone 14 Pro ที่เป็นกล้องความละเอียด 48MP และมีรูรับแสง f/1.6 พร้อมเซ็นเซอร์ภาพจาก Sony แบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งการปรับปรุงใหม่นี้ก็จะดีกว่าตัว iPhone 14 Pro ด้วย กับอีกเลนส์คืออัลตร้าไวด์ 12MP ที่มีรูรับแสง f/2.4 ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไรใหม่ แต่จะเน้นไปที่ตัวหลักมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีข่าวพูดถึงว่าจะใช้เลนส์ไฮบริดจากแก้วพลาสติก ที่มีรูรับแสง f/1.7 อีกด้วย ยังมีการคาดกันว่า Apple อาจจะใช้เซ็นเซอร์ตัวใหม่ล่าสุดจาก Sony ที่เพิ่มสีสันได้มากกว่า มีการจับแสงได้ดีมากขึ้น และยังช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลและภาพอื่นๆ ได้ดีขึ้นในทุกสภาพแสงอีกด้วย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีแค่รุ่นโปร หรือว่าจะนำมาใส่ให้ทุกรุ่นกันแน่ อีกอย่างคือมีข่าวล่าสุดจาก Ice Universe ที่เผยออกมาว่ารุ่น Pro Max นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลังที่มีเซนเซอร์ IMX903 ขนาด 1/1.14″ ทำช่วยให้การถ่ายในที่แสงน้อยมีการเก็บแสงได้ดีขึ้น ส่วนในรุ่นอื่นๆ ก็จะยังคงเป็นแบบเดิม
ชิป A17 ใหม่จะมีอยู่ในรุ่นโปรเท่านั้น
สำหรับเรื่องชิปประมวลผลในตอนนี้ก็มีข่าวที่ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ว่าจะมีการใช้ชิปรุ่นใหม่คือ A17 Bionic ที่ผลิตโดย TSMC ด้วยเทคโนโลยี 3nm รุ่นแรกบน iPhone15 ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพการใช้งานดีขึ้น 10-15% และจะช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 30% เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ยังคาดกันว่าชิปตัวใหม่อย่าง A17 จะมีอยู่ในรุ่นโปรขึ้นไปเท่านั้น ส่วนรุ่นธรรมดาจะใช้ชิป A16 ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก iPhone 14 Pro เหมือนกันกับ iPhone 14 Series ที่รุ่นธรรมดาและรุ่นโปรใช้ชิปต่างกัน ทั้งนี้ความจุของรุ่น Pro นั้นจะมีความจุเริ่มต้นที่ 256GB แทนแล้ว แต่ก็มีข่าวล่าสุดจาก TrendForce ว่าจะมีความจุเริ่มต้นเหมือนเดิมที่ 128GB รวมไปถึงราคาเริ่มต้นที่ $999 เท่าเดิมด้วย
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า Apple จะทำชิปโมเด็ม 5G ออกแบบใหม่เอง แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ใช้กับ iPhone รุ่นใหม่ในปี 2023 ได้และต้องพึ่ง Qualcomm เหมือนเดิม โดยใช้โมเด็มของ Qualcomm X70 ที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 60% และยังมีข่าวจาก TrendForce ที่บอกว่ารุ่นโปรขึ้นไปจะมีแรมถึง 8GB จากเดิมที่มี 6GB เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการใช้งานที่ดีขึ้นตามไปด้วย และยังคาดว่ารุ่น Pro นั้นจะยังใช้ความจำแบบ LPDDR5 เหมือนเดิม จนกว่าจะถึง iPhone 16 ในปีหน้าถึงจะมีการเปลี่ยนมาใช้แบบ LPDDR5X ส่วนรุ่นปกติอย่าง iPhone15/ 15 Plus ก็คาดว่าจะเป็น RAM 6GB เหมือนเดิม
รวมไปถึงการเชื่อมต่อที่จะมีการอัพเกรดเป็น Wi-Fi 6E และก็จำกัดไว้ที่ iPhone 15 Pro ขึ้นไปเหมือนเดิม โดยความเร็วในการเชื่อมต่อนั้นจะทำได้ดีกว่าเดิม และยังมีความหน่วงต่ำ สามารถเชื่อมต่อได้ครอบคลุมมากกว่าแบบเดิม ส่วนในรุ่นเริ่มต้นทั่วไปก็ยังรองรับ Wi-Fi 6 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตาม นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเร็วขึ้น ตอบสนองแบนด์วิดท์สตรีมที่สูงขึ้น และคาดว่าจะรวมชิป Ultra Wideband ที่รวมกับชุด Vision Pro อีกด้วย
แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น
สำหรับแบตเตอรี่นั้นมีข่าวล่าสุดจากพนักงานของ Foxconn ที่ออกมาเผยว่าทุกรุ่นนั้นจะมีแบตเตอรี่ความจุที่เพิ่มขึ้น โดยหลักๆ แล้วจะขึ้นมาประมาณ 12-18% ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม โดยแต่ละรุ่นมีความจุแบตคือ รุ่นปกติ 3,877mAh (เดิม 3,279mAh)/ รุ่น Plus 4,912mAh (เดิม 4,325mAh)/ รุ่น Pro 3,650mAh (เดิม 3,200mAh) และรุ่น Pro Max 4,852mAh (เดิม 4,323mAh) ซึ่งตรงนี้ก็จะไปตรงกับที่ว่าขนาดของแต่ละรุ่นอาจมีความหนาขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากใส่แบตที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเอง ที่สำคัญก็คือเรื่องการชาร์จไวที่รุ่นปกติคาดว่าจะได้ชาร์จไวเท่าเดิมที่ 20W แต่รุ่นโปรนั้นถ้าเปลี่ยนมาใช้ Thunderbolt / USB 4 ก็อาจชาร์จไวได้ถึง 35W เลย
ราคาและวันเปิดตัว
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องราคาของ iPhone15 ที่หลังจากการเปิดตัว iPhone 14 Series ไปแล้วก็พบว่าราคาเท่ารุ่นก่อนหน้าถ้าเทียบจากราคาที่สหรัฐฯ แต่ถ้าเทียบเป็นเงินไทยแล้วก็ถือว่าเพิ่มขึ้นมา 2,000-4,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งในตอนนี้ก็มีข่าวออกมาจากหลายๆ สำนักเลยว่า iPhone 15 Pro ขึ้นไปจะมีราคาที่สูงกว่า iPhone 14 Pro มากขึ้นไปอีก อาจเป็นเพราะวัสดุไทเทเนียมใหม่ และมีการขยับความจุเริ่มต้นมาเป็น 256GB แล้วจึงไม่แปลกที่ราคาเริ่มต้นจะสูงตามไปด้วย
หรือเราอาจได้เห็น iPhone 15 Pro มีราคาต่างจากรุ่นธรรมดา และรุ่นพลัสมากขึ้นไปอีก เพื่อกระตุ้นยอดขายรุ่นปกติมากกว่าเดิม และอาจจะได้เห็นกันว่าราคารุ่น Pro นั้นสูงกว่า $1,000 ครั้งแรก โดยมีการคาดเดาราคาของแต่ละรุ่นเอาไว้ดังนี้
- iPhone 15
- 128GB: 32,900 บาท
- 256GB: 36,900 บาท
- 512GB: 45,900 บาท
- iPhone 15 Plus
- 128GB: 37,900 บาท
- 256GB: 41,900 บาท
- 512GB: 50,900 บาท
- iPhone 15 Pro
- 128GB: 41,900 บาท (ถ้ามี)
- 256GB: 45,900 บาท
- 512GB: 54,900 บาท
- 1TB: 63,900 บาท
- iPhone 15 Pro Max
- 128GB: 44,900 บาท (ถ้ามี)
- 256GB: 48,900 บาท
- 512GB: 57,900 บาท
- 1TB: 66,900 บาท
ส่วนวันที่จะมีการเปิดตัวและวางขาย ตอนนี้ก็เหมือนจะคอนเฟิร์มได้แล้วว่าจะเปิดตัวในงาน Apple Event “Wonderlust” 2023 ในวันที่ 12 กันยายนปี 2023 เวลา 10.00 PT. ตามเวลาต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นบ้านเราจะตรงกับวันที่ 13 กันยายน 2023 เวลา 12.00 น. หรือเที่ยงคืนตรงตามเวลาประเทศไทย สามารถรับชมพร้อมกันทั่วโลกได้ที่ Apple Event เว็บไซต์ของ Apple เอง ซึ่งถ้าเปิดตัวออกมาแล้วในวันที่ 12 กันยายนนี้ก็คาดว่าจะเปิดพรีออเดอร์ในวันที่ 15 กันยายน 2023 และพร้อมวางขายทุกรุ่นในวันที่ 22 กันยายน 2023 นี้นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลข่าวลือ และข่าวที่หลุดออกมาเกี่ยวกับสเปคของ iPhone 15 ว่าในตอนนี้มีข่าวอะไรใหม่บ้าง โดยหลักๆ แล้วคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนสเปคดีไซน์ตัวเครื่องใหม่แบบโค้งมน ขอบหน้าจอแคบลง ใช้ Dynamic Island ทุกรุ่นสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ที่มีการปรับเปลี่ยนกันอยู่หลายจุด รวมไปถึงรุ่น Pro Max ที่จะมีการอัพสเปคกล้องแบบ Periscope ให้ต่างกันมากขึ้น และดูไฮเอนด์มากขึ้น กับที่หลายๆ คนต้องการมากที่สุดก็คือพอร์ต USB C ที่อาจจะมีการเปลี่ยนมาใช้งานใน iPhone รุ่นใหม่เช่นกัน ที่สำคัญคือราคาจะอัพขึ้นสูงกว่าเดิมตามไปอีกแน่นอน ส่วนสเปคอื่นๆ ก็จะมีการอัพเกรดขึ้นด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่ใช้ข่าวอย่างเป็นทางการ ต้องรออัพเดทกันอยู่เรื่อยๆ ว่าจะมีข่าวอะไรเพิ่มเติมใหม่ๆ อีกบ้าง ซึ่งเราก็จะเอามาอัพเดทกันเรื่อยๆ เลยนะครับ