สรุปสเปค iPhone 15 Pro Max ได้ชิป A17 Pro กรอบไทเทเนียมพร้อมปุ่ม Action และกล้องซูมได้ 5x เริ่มต้น 48,900 บาท
เปิดตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยกับ iPhone 15 Series และ iPhone 15 Pro Series ที่มีสเปคต่างๆ เป็นไปตามคาดหลายเรื่อง และเราก็ได้สรุปข้อมูลไว้ให้แล้วด้วยสำหรับทุกรุ่นของ iPhone 15 (ดูสเปคและสรุปเปิดตัวทั้งหมดที่นี่) แต่รุ่นที่คนให้ความสนใจ และมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะที่สุดเลยก็คือ iPhone 15 Pro/ iPhone 15 Pro Max โดยเฉพาะรุ่น Pro Max ที่เปลี่ยนทั้งวัสดุตัวเครื่อง ปุ่มใหม่ เปลี่ยนดีไซน์ มีสีใหม่ พร้อมชิปตัวใหม่ตัวที่แรงกว่าเดิม กล้องที่อัพเกรดให้ซูมได้ดีขึ้น และที่สำคัญก็คือเปลี่ยนมาใช้งานพอร์ต USB-C แล้วทุกรุ่น โดยหลังจากเปิดตัวและเปิดจองในตอนนี้ก็มีหลายค่าย รวมถึงร้านค้าจำหน่ายถูกจองกันจนเครื่องหมดไปหลายที่แล้ว เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาสรุปสเปค iPhone 15 Pro Max กันว่ามีสเปคอะไรใหม่อัพเดทบ้างทั้งชิป A17 Pro ใหม่ สีใหม่ กรอบเครื่องที่เป็นไทเทเนียม พร้อมปุ่ม Action ใหม่กับกล้องที่ซูมได้ดีกว่าทุกรุ่น ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท และพร้อมวางขายจริงวันที่ 22 ก.ย. 2023 นี้
สเปค iPhone 15 Pro Max
- ดีไซน์ตัวเครื่อง
- วัสดุไทเทเนียม พร้อมสีใหม่
- ปุ่ม Action ใหม่
- หน้าจอ
- ชิปประมวลผล และการเชื่อมต่อ
- กล้องหน้าและกล้องหลัง
- แบตเตอรี่และราคาล่าสุด
ตารางเปรียบเทียบสเปค iPhone 15 Pro Max กับรุ่นโปรและรุ่นก่อนหน้า
ดีไซน์ตัวเครื่อง
เริ่มต้นสเปคของ iPhone 15 Pro Max กันที่ดีไซน์ตัวเครื่องก่อนเลย โดยดีไซน์และตัวเครื่องของรุ่นนี้ต้องบอกก่อนว่าซีรีส์ของ iPhone 15 Pro ทั้งสองรุ่นนี้จะเหมือนกัน จะต่างกันเพียงขนาดของหน้าจอ กล้องซูม และแบตเท่านั้น อย่างแรกเลยก็คือตัวเครื่องของรุ่นใหม่นี้จะมีขอบโค้งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า และมีการลบขอบมุมคมของรุ่นก่อนหน้าออกไป เพื่อให้ถือจับได้ถนัดได้มากขึ้น และยังลดขอบจอให้บางลงจนถือว่าบางที่สุดกว่าที่เคยมีมาแล้ว นอกจากนี้ตัวเครื่องก็ยังมีขนาดลดลงเล็กน้อย แต่หนาขึ้น และยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่าเดิมพอสมควรเลย โดยตัวเครื่องมีขนาด 159.9×76.7×8.25 มม. หนัก 221 กรัม ส่วนตรงโมดูลกล้องดีไซน์ออกมาให้กลมกลืนไปกับฝาหลัง ทำให้ดูสวยงามพรีเมียมมากขึ้น ไม่ได้ดูนูนโดดๆ ออกมาเหมือนรุ่นก่อนหน้า
วัสดุไทเทเนียม พร้อมสีใหม่
อีกหนึ่งส่วนที่เปลี่ยนแบบใหม่หมดสำหรับ iPhone 15 Pro Max ก็คือตัวกรอบนั้นได้เปลี่ยนมาใช้แบบไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ จากเดิมที่ใช้สแตนเลสสตีล ตัวไทเทเนียมนี้จะมีความแข็งแรงกว่าและเบากว่า ซึ่งวัสดุตัวนี้ก็ได้ทำขึ้นมาสำหรับ Apple Watch Ultra มาก่อนแล้ว โดยกรอบตัวเครื่องที่เป็นไทเทเนียมนี้เป็นผิวปัดละเอียด มีการปัดเงาพร้อมพ่นทรายที่ทำให้ได้พื้นผิวที่สว่างและสวยงามมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเชื่อมกับเฟรมอะลูมิเนียมภายในตัวเครื่องแบบใหม่ (เป็นอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%) โดยมีการเชื่อมต่อด้วยกระบวนการทางความร้อนเชิงกล ทำให้แข็งแรงและยังมีน้ำหนักเบาลงด้วย
ด้านหน้าเป็นแบบ Ceramic Shield ด้านหลังเป็นกระจกผิวด้านแบบเดิม และกันน้ำกันฝุ่นได้ที่ระดับ IP68 ส่วนสีของตัวเครื่องก็แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ตามวัสดุของตัวเครื่องไปด้วย โดยสีใหม่ของรุ่นโปรทั้งสองรุ่นนี้จะมีอยู่ 4 สีได้แก่ ไทเทเนียมดำ, ไทเทเนียมขาว, ไทเทเนียมน้ำเงิน และไทเทเนียมธรรมชาติ ซึ่งสีตัวเครื่องที่ออกมานี้ก็เป็นไปตามข่าวลือที่ออกมาแบบเดียวกันเป๊ะ ส่วนสีอื่นจะมีตามมาอีกหรือไม่อันนี้ก็ต้องรอดูกัน เพราะอาจจะมีสีใหม่ออกมาเพิ่มเติมอีกในตอนหลัง
ปุ่ม Action ใหม่
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นไปตามข่าวลือเป๊ะเลยก็คือปุ่มด้านข้าง ที่เปลี่ยนจากสวิตช์เปิด/ปิดเสียงมาเป็นปุ่มแบบใหม่ ที่เรียกว่าปุ่ม Action ใหม่ ที่เป็นทางลัดพิเศษเข้าไปสู่คุณสมบัติการใช้งานต่างๆ ตามที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ หลังจากที่ตั้งค่าแล้วก็แค่กดปุ่ม Action ค้างไว้ก็จะใช้งานได้ทันที โดยการตั้งค่าเริ่มต้นจะตั้งไว้ให้เป็นปุ่มเปิด/ปิดเสียง และถ้าเราตั้งค่าเป็นแบบอื่น ก็ยังใช้ศูนย์ควบคุมแทนการเปิด/ปิดเสียงแทนได้ ตัวอย่างการตั้งค่าด้วยปุ่ม Action ก็จะมีทั้งโหมดปิดเสียง โหมดโฟกัส ไฟฉาย การบันทึกเสียงแบบรวดเร็ว การแปลภาษา แว่นขยาย การช่วยการเข้าถึง คำสั่งลัดเพื่อเปิดแอพหรือสั่งต่อกันเป็นชุดๆ และการเปิดกล้องเพื่อถ่ายรูป หรือว่าถ่ายเซลฟี่ได้ทันที อันนี้ก็ขึ้นกับการตั้งค่าของเรา แต่ถือว่าทำออกมาได้ดีใช้งานได้หลากหลายขึ้นด้วย
หน้าจอ
มาดูที่ส่วนของหน้าจอกันบ้าง ที่ทั้งสองรุ่นคือ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max นั้นเป็นแบบเดียวกันต่างกันแค่ความกว้าง นั่นก็คือหน้าจอ Super Retina XDR แบบ OLED ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซลที่ 460 ppi ขนาด 6.7 นิ้วสำหรับรุ่น Pro Max และก็อย่างที่บอกไปว่าขอบหน้าจอของรุ่นโปรนี้ก็จะมีความบางลง และบางกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมาด้วย หน้าจอทำความสว่างได้เท่าเดิมที่ความสว่างทั่วไป 1,000nits สว่างแบบ HDR 1,600nits และสว่างกลางแจ้งสูงสุด 2,000nits นอกจากนี้ก็ยังรองรับ HDR และการแสดงผลแบบ True Tone รวมไปถึงฟีเจอร์เด็ดๆ อย่าง Dynamic Island ที่เปลี่ยนรูปแบบตามการใช้งาน รองรับ ProMotion 120Hz เล่นได้ไหลลื่น และยังมีจอภาพแบบติดตลอดให้ใช้งานกันอยู่เหมือนเดิมด้วย
ชิปประมวลผลและการเชื่อมต่อ
สำหรับชิปประมวลผลของ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max นั้นก็ได้มีการอัพเกรดขึ้นไปเป็นชิปใหม่อย่าง Apple A17 Pro รุ่นแรกที่ใช้กระบวนการ 3nm และใช้ชื่อว่าเป็นชิประดับ Pro รุ่นแรกด้วย ซึ่งชิปรุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็น 5 และ 4nm มาพร้อมกับ CPU ที่เร็วขึ้น 10% Neural Engine ที่เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่าประมวลผลได้ดีขึ้น GPU ใหม่ระดับโปรที่เร็วขึ้น 20% ทำให้กราฟิกเกมออกมาดีที่สุดกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา และยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเรย์เทรซซิ่งเร็วขึ้นสูงสุด 4 เท่า โดยมีกใช้เทคโนโลยีเรย์เทรซซิ่งด้วยฮาร์ดแวร์เป็นครั้งแรก ทำให้ภาพจำลองของแสงเงาออกมาสมจริงกราฟิกไหลลื่น เรียกได้ว่าทำออกมาเพื่อเอาใจคอเกมโดยเฉพาะ กับการเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ที่จะนำ Resident Evil 4 Remake และภาค Village ฉบับที่พอร์ตลง iPhone 15 Pro/ iPhone 15 Pro Max สามารถรันเกมระดับ AAA ได้ และคาดว่าจะมีอีกหลายเกมที่พอร์ตลงมาหลังจากนี้อีกเพียบ
ส่วนเรื่องของสเปค RAm ในตอนนี้ยังไม่ได้มีการแกะตัวเครื่องออกมาแต่คาดว่าถ้าไม่เป็น 6GB เท่าเดิมก็จะอัพเป็น 8GB และสำหรับรุ่น iPhone 15 Pro Max จะมีความจุเริ่มต้นอยู่ที่ 256GB/ 512GB และ 1TB มีให้เลือก 3 รุ่นความจุเท่านั้น ส่วนการเชื่อมต่อจะใช้ได้ทั้ง 5G/ WiFi6E/ Bluetooth 5.3/ NFC/ เทคโนโลยีระบบเครือข่าย Thread ใหม่ กับชิปอัลตร้าไวด์แบนด์ รุ่นที่ 2 (UWB) ที่สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำ สามารถเปิดดูที่อยู่ของเพื่อนๆ หรือคนอื่นได้อย่างแม่นยำมากขึ้นใน Find My พร้อมทิศทางการค้นหาที่ง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ตรวจสอบการชนกัน และลำโพงยังมีการรองรับการเล่นเสียงตามตำแหน่งกับ Dolby Atmos พร้อมทำงานบนระบบ iOS17
กล้องหน้าและกล้องหลังใหม่ ซูมได้ดีขึ้น
จุดเด่นนอกจากเรื่องเล่นเกมและการดีไซน์ตัวเครื่องใหม่แล้ว iPhone 15 Pro Max ก็ยังมีจุดที่เปลี่ยนไปมากกว่าทุกรุ่น นั่นก็คือเรื่องของกล้องหลัง โดยมีกล้องหลังความละเอียดหลัก 48MP พร้อมเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ถ่ายรายละเอียดและในที่แสงน้อยได้ดี และยังมี Photonic Engine ใหม่ที่สามารถรวมพิเซลได้ดีขึ้นเป็น 24MP และ 48MP ทำให้ได้รายละเอียดที่ดีขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถเลือกความยาวเลนส์เริ่มต้นได้ทั้ง 24 มม., 28 มม. หรือ 35 มม. จัดองค์ประกอบภาพได้ดีขึ้น พร้อมกับการอัพเกรดการถ่ายพอร์ตเทรตด้วยฟีเจอร์ ภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไป ที่ถ่ายในภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นสองเท่า ถ่ายบุคคลเป็น Live Photo ได้แล้วและยังซูมต่อเนื่องได้แบบเนียนๆ กับอีกจุดเด็ดคือถ่ายไปแล้วค่อยมาเลือกโฟกัสได้ทีหลังในแอพ Photo จะได้ไม่ต้องเสียเวลามากดโฟกัสตอนถ่ายอีกต่อไป รวมไปถึงโหมดกางคืนที่ถ่ายได้ดีขึ้นในฉากที่มืดด้วย
ส่วนกล้องที่เหลืออีกสองตัวคืออัลตร้าไวด์ 12MP และเทเลโฟโต้ 12MP ที่ iPhone 15 Pro Max นั้นได้อัพเกรดมาใช้โครงสร้างเลนส์แบบเตตระปริซึม ที่มีการสะท้อนแสงถึง 4 ครั้งทำให้แสงเดินทางได้ไกลขึ้น ถ่ายภาพที่ไกลหรือซูมได้ดีขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง อีกทั้งยังมีกันสั่นแบบออปติคัลพร้อม AF ปรับตำแหน่งแบบ 3D ขยับไปมาได้ 3 ทิศทางรองรับกับตัวเตตระปริซึม ซึ่งถือว่าเป็นกันสั่นที่ล้ำหน้าที่สุดกว่าทุกรุ่นของ iPhone แล้ว โดยการซูมนั้นจะได้ถึงระยะ 120 มม. ซูมออปติคัลได้ 0.5x, 1x, 2x และ 5x นอกจากนี้ก็อัพเกรดการถ่ายเป็น HDR อัจฉริยะ 5 ทั้งหน้าและหลัง
การถ่ายวิดีโอถ่ายได้ถึง 4K HDR อัพเกรดการถ่าย ProRes สูงสุด 4K@60fps แล้ว พร้อมรองรับโหมดแอ็คชั่นและโหมดภาพยนตร์ 4K เหมือนเดิม และได้เพิ่มเติมเรื่องของการบันทึกวิดีโอในรูปแบบไฟล์ Log และ Academy Color Encoding System (ACES) ที่ให้สีสันระดับภาพยนตร์ โดยภายในปี 2023 จะมีการอัพเดทให้ใช้การบันทึกวิดีโอเชิงมิติพื้นที่ เพื่อรองรับการดูผ่าน Apple Vision Pro ทำให้ภาพออกมาเป็น 3D โดยใช้กล้องอัลตร้าไวด์และกล้องหลักรวมกัน ในส่วนกล้องหน้าเป็นกล้อง TrueDepth 12MP อัพเกรด HDR อัจฉริยะ 5 ทำให้การเซลฟี่หรือถ่ายโหมดกลางคืนสวยคมชัดได้มากขึ้นกว่าเดิม
แบตเตอรี่และราคาล่าสุด
ปิดท้ายกันด้วยความจุแบตเตอรี่ของ iPhone 15 Pro Max ที่ตอนนี้ยังไม่ได้มีคนแกะสเปคความจุออกมาให้เห็น แต่ด้วยชิปประมวลผลตัวใหม่อย่าง A17 Pro และการทำงานในส่วนอื่นๆ ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ก็ทำให้รุ่นนี้ใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยข่าวที่ออกมาคือมีความจุ 4,422 mAh จากเดิม 4,323 mAh ซึ่งการใช้งานตามสเปคสามารถดูวิดีโอได้สูงสุด 29 ชั่วโมง ดูวิดีโอแบบสตรีมได้สูงสุด 25 ชั่วโมง และฟังเพลงได้ต่อเนื่องยาวนานสูงสุด 95 ชั่วโมง
ที่สำคัญก็คือ iPhone 15 ทั้งหมดรวมไปถึงรุ่น Pro Max ได้เปลี่ยนพอร์ตการชาร์จมาเป็นแบบ USB-C หมดทุกรุ่นแล้ว สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาทีด้วย USB-C และอะแดปเตอร์ขนาด 20W รองรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe และ Qi โดย USB-C นี้สามารถใช้งานร่วมกันกับ iPad/ Mac และยังใช้ iPhone ชาร์จ Apple Watch หรือ AirPods ได้ด้วย ตัวพอร์ตนั้นเป็น USB-C ที่รองรับ USB 3 (สูงสุด 10Gb/s) โอนข้อมูลได้เร็วขึ้น 20 เท่า อีกทั้งยังถ่าย ProRes และส่งออกไปที่ตัวเก็บข้อมูลภายนอกได้พร้อมๆ กับการถ่ายวิดีโอไปด้วยได้เลย ไม่ต้องคอยถอดหรือหยุดการถ่ายเพื่อโอนข้อมูล
ส่วนราคาตอนนี้ได้เปิดตัวและเผยราคาทั้งหมดอย่างเป็นทางการแล้วทั้ง iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวออกมาราคาเท่าเดิมเป๊ะ แต่ว่ารุ่นเริ่มต้นของ iPhone 15 Pro Max จะเริ่มต้นที่ความจุ 256GB ส่วนรุ่นโปรหรือรุ่นธรรมดาอื่นๆ ยังเริ่มต้นที่ความจุ 128GB เท่าเดิม สามารถจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และพร้อมวางขายในวันที่ 22 กันยายน 2023 นี้ สั่งจองได้ที่ Apple Store โดยมีราคาแต่ละรุ่นดังนี้
- รวมโปรจอง iPhone 15/ iPhone 15 Pro ทุกรุ่นจาก AIS, true – dtac มีราคาพร้อมแพ็กเกจเท่าไหร่บ้าง
- อัพเดทราคา iPhone ทุกรุ่นล่าสุดจาก Apple Dtac True AIS ในเดือนกันยายน 2023
- iPhone 15
- 128GB : 32,900 บาท
- 256GB : 36,900 บาท
- 512GB : 45,900 บาท
- iPhone 15 Plus
- 128GB : 37,900 บาท
- 256GB : 41,900 บาท
- 512GB : 50,900 บาท
- iPhone 15 Pro
- 128GB : 41,900 บาท
- 256GB : 45,900 บาท
- 512GB : 54,900 บาท
- 1TB : 63,900 บาท
- iPhone 15 Pro Max
- 256GB : 48,900 บาท
- 512GB : 57,900 บาท
- 1TB : 66,900 บาท
ทั้งนี้การเปิดตัวเกินขึ้นในงาน Apple Event “Wonderlust” 2023 ล่าสุด ในวันที่ 12 กันยายน 2023 เวลา 10.00 PT. หรือว่าตรงกับวันที่ 13 กันยายน 2023 เวลา 12.00 น. หรือตอนเที่ยงคืนพอดีตามเวลาประเทศไทย ทางหน้าเว็บ Apple โดยมีการเปิดจองหรือพรีออเดอร์วันที่ 15 กันยายน 2023 และพร้อมวางขายทุกรุ่นในวันที่ 22 กันยายน 2023 นี้
ตารางเปรียบเทียบสเปค iPhone 15 Pro Max กับรุ่นโปรและรุ่นก่อนหน้า
iPhone 15 Pro Max | iPhone 15 Pro | iPhone 14 Pro Max | iPhone 14 Pro | |
หน้าจอ | Super Retina XDR OLED, กว้าง 6.7 นิ้ว ProMotion 120Hz, Dynamic Island | Super Retina XDR OLED, กว้าง 6.1 นิ้ว ProMotion 120Hz, Dynamic Island | Super Retina XDR OLED, กว้าง 6.7 นิ้ว ProMotion 120Hz, Dynamic Island | Super Retina XDR OLED, กว้าง 6.1 นิ้ว ProMotion 120Hz, Dynamic Island |
ชิป | A17 Pro | A17 Pro | A17 Bionic | A17 Bionic |
กล้องหน้า | TrueDepth 12MP | TrueDepth 12MP | TrueDepth 12MP | TrueDepth 12MP |
กล้องหลัง | หลัก: 48MP อัลตร้าไวด์: 12MP เทเลโฟโต้: 12MP | หลัก: 48MP อัลตร้าไวด์: 12MP เทเลโฟโต้: 12MP | หลัก: 48MP อัลตร้าไวด์: 12MP เทเลโฟโต้: 12MP | หลัก: 48MP อัลตร้าไวด์: 12MP เทเลโฟโต้: 12MP |
การซูม | 0.5x, 1x, 2x, 5x | 0.5x, 1x, 2x, 3x | 0.5x, 1x, 2x, 3x | 0.5x, 1x, 2x, 3x |
วิดีโอ | ProRes 4K@60fps ACES | ProRes 4K@60fps ACES | ProRes 4K@30fps | ProRes 4K@30fps |
RAM | 8GB* | 8GB* | 6GB | 6GB |
ROM | 256/512GB/1TB | 128/256/512GB/1TB | 128/256/512GB/1TB | 128/256/512GB/1TB |
ราคา | เริ่มต้น 48,900 บาท | เริ่มต้น 41,900 บาท | เริ่มต้น 39,900 บาท | เริ่มต้น 35,900 บาท |
ราคาทั้งหมดเป็นราคาล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่บทความ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปค iPhone 15 Pro Max ที่เราได้นำมาฝาก และสรุปข้อมูลทั้งหมดหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ว่ามีอะไรอัพเดทและอัพเกรดใหม่กันบ้าง หลักๆ เลยก็คือตัวเครื่องที่เปลี่ยนมาใช้แบบไทเทเนียมแข็งแรงและเบากว่า มีหน้าจอเหมือนเดิมแต่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ใช้ชิปตัวใหม่ A17 Pro (3nm) พร้อม GPU ใหม่ เล่นเกมได้ไหลลื่น กราฟิกสวยงามขั้นเทพ พร้อมการเชื่อมต่อได้เร็วแรงและแม่นยำมากขึ้น และยังได้กล้องใหม่ที่มีเตตระปริซึม สามารถซุมได้ดีขึ้นถึง 5 เท่าในความยาวโฟกัส 120 มม. และยังมีฟีเอจร์การถ่ายรูปที่อัพเกรดเพิ่มเติมเข้ามาใหม่อีกเพียบ รวมไปถึงแบตที่คาดว่ามีความจุมากขึ้น กับการเปลี่ยนมาใช้งาน USB-C ที่ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น และที่สำคัญก็คือราคายังคงเท่าเดิม แค่เปลี่ยนความจุเริ่มต้นเป็น 256GB เท่านั้น ใครสนใจก็กดจองหรือรอซื้อกันได้เลย แต่ต้องรีบหน่อยเพราะหมดไวมาก
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ iPhone 15 Pro Max จาก Apple TH