LAVA เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ผมห่างหายจากการรีวิวยี่ห้อนี้ไปนานพอสมควร โดยก่อนหน้านี้ทุกคนจะรู้จักแบรนด์ LAVA ในนามของ AIS Super Combo LAVA หรือเป็นเครื่องที่ขายพ่วงกับแพ็กเกจของทาง AIS เป็นหลัก แต่ปัจจุบันทางลาวาเองได้เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ทำตลาดเองภายใต้แบรนด์ LAVA ที่ไม่ได้พ่วงกับโอเปอร์เรเตอร์ ไม่ได้ล็อกซิมเหมือนเมื่อก่อน
สำหรับสมาร์ตโฟน LAVA ที่ผมได้รับมารีวิว เป็นรุ่น R3 Note จัดอยู่ในกลุ่มสมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก แต่ถ้าดูจากสิ่งที่ LAVA อัดเข้าไปในโทรศัพท์เครื่องนี้ ผมว่า R3 Note ก็เล็กแค่ราคาเท่านั้นล่ะครับ เพราะในด้านสเปคก็ยังคงจุดแข็งของ LAVA เหมือนเช่นเคย คือเน้นความคุ้มค่าเป็นหลักนั่นเอง
สเปค LAVA R3 Note
- หน้าจอขนาด 6.22 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio P22 octa-core ความเร็ว 2.0 GHz
- Ram 3 GB
- ความจุ 16 GB รองรับ micro SD card
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อมแฟลช Dual LED
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.0
- ระบบปฏิบัติการ Star OS 5.1 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.1 Oreo
- รองรับ 4G ถาดซิมแบบ 3 Slot
- แบตเตอรี่ความจุ 3,260 mAh อะแดปเตอร์ 7.5W
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ + Face Unlock
- ราคา 3,990 บาท
ดูจากสเปคเมื่อเทียบกับราคาก็ไม่ธรรมดาแล้วใช่ไหมล่ะครับ ด้วยจุดเด่นเรื่องหน้าจอขนาดใหญ่ 6.22 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 มาพร้อมกับ notch screen ด้านบน ชิปประมวลผล MediaTek MT6762 octa-core 2.0 GHz และ Ram 3 GB ซึ่งมันเพียงพอต่อการใช้งาน รวมถึงการเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง ที่สำคัญคือหน้าตา การออกแบบ การดีไซน์ของ R3 Note ก็ถือว่าจัดจ้านไม่เบาเลย
Design – การออกแบบ
หน้าตาของ LAVA R3 Note หากไม่บอกว่าสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ราคา 3,990 บาท ผมว่ามันก็พอจะเนียนเป็นโทรศัพท์ราคา 7,000 – 8,000 บาทได้สบาย ๆ โดยตัวเครื่องรีวิวที่ผมได้รับมาเป็นสี Illusion Blue ฝาหลังไล่เฉดสีฟ้าออกกรมท่า สวยงามทีเดียวครับ ส่วนอีกสีจะมีชื่อว่า Champagne Gold หรือสีทองแชมเปญ
อุปกรณ์เสริมในแพ็กเกจ R3 Note ให้มาอย่างครบครันตามแบบฉบับของ LAVA ทั้งอุปกรณ์เสริมมาตรฐาน หูฟัง, สายชาร์จ อะแดปเตอร์ รวมถึงเคส TPU ขนาดพอดีตัวเครื่อง ไปจนถึงฟิล์มกันรอยหน้าจอ
สิ่งแรกที่ผมประทับใจในการออกแบบของ R3 Note คือการออกแบบให้ตัวเครื่องมีความโค้งมนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ผลก็คือตัวเครื่องมีความสมมาตร และการจับถือทำได้สะดวกทีเดียว เนื่องจากฝาหลังจะโค้งเข้ากับมือพอดี ไม่ว่าจะถือมือเดียว หรือใช้งานสองมือก็สะดวกไม่แพ้กัน
ด้านหน้า LAVA R3 Note เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 6.22 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วนหน้าจอ 19:9 พร้อม Notch screen ให้การแสดงผลที่เต็มตา กระจกเป็นกระจกโค้ง 2.5D ที่รับกับฝาหลังได้เป็นอย่างดี แล้วก็ในแพ็กเกจมีแถมฟิล์มกันรอยมาให้แปะเองด้วยครับ แต่เป็นฟิล์มแบบไม่เต็มจอ โดยหน้าจอ R3 Note คิดเป็น 88.3% ของพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าสมาร์ตโฟนเครื่องนี้มีขอบหน้าจอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเครื่อง R3 Note เริ่มจากทางด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ micro USB, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ในแพ็กเกจมีแถมหูฟังแบบ In-Ear มาให้ด้วย ส่วนตำแหน่งของลำโพงเมื่อทำการถือเครื่องแนวนอน อย่างตอนเล่นเกมก็ไม่ถูกนิ้วบังแต่อย่างใด ตรงนี้ถือว่าออกแบบได้ดี
ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 3 Slot รองรับ 2 นาโนซิมพร้อม micro SD Card ย้ำอีกครั้งว่ารุ่นนี้ไม่มีล็อกซิมครับ
ด้านหลัง LAVA R3 Note ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, Dual LED Flash, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และมีโลโก้ LAVA อยู่บริเวณด้านล่างเซ็นเซอร์สแกนนิ้ว ตัวฝาหลังที่เป็นสี Illusion Blue มีการไล่เฉดสวยงาม แต่มีข้อสังเกตตรงที่ฝาหลังเก็บรอยนิ้วมือพอสมควร ถ้าไม่ได้ใส่เคสคือใช้ไปเช็ดรอยนิ้วมือไปเลยล่ะ
Camera – กล้องถ่ายรูป
LAVA R3 Note มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.0 Dual LED Flash ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แม้จะไม่มีแฟลช LED เหมือนกล้องหลัง แต่ก็ชดเชยให้ด้วยความสามารถในการยิงแสงหน้าจอแทนแฟลชได้
โหมดหลัก ๆ ที่ใช้งานก็คงหนีไม่พ้นโหมด Auto เท่าที่ลองถ่ายด้วยกล้อง LAVA R3 Note ก็ถือว่าใช้ได้เลยครับ ส่วนหนึ่งเพราะมี HDR Auto ด้วยล่ะ
ส่วนโหมดที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ก็คงหนีไม่พ้น Portrait Lighting หรือโหมดภาพถ่ายบุคคลที่สามารถจัดแสงได้ตามต้องการ สามารถใช้งานโหมดนี้ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แต่ถ้าใช้กล้องหลังจะมีรูปแบบของการจัดแสงให้เลือกน้อยกว่ากล้องหน้า
ภาพที่ได้จากโหมด Portrait Lighting จะเป้นภาพถ่ายบุคคลที่มีการปรับแต่งใบหน้าให้สวยงาม มีการละลายฉากหลังที่ส่วนตัวผมว่าเนียนใช้ได้เลยสำหรับสมาร์ตโฟนที่มีกล้องหลังตัวเดียว ส่วนการจัดไฟอันนี้เลือกได้ตามสะดวกครับ
ข้อสังเกตของการถ่ายด้วย Portrait Lighting คือตัวเครื่องใช้เวลาประมวลผลหลังถ่ายภาพสักครู่ ถึงจะสามารถพรีวิวรูปถ่ายได้ แต่ถ้าเป็นการถ่ายภาพในโหมด Auto อันนี้ถ่ายปุ๊บ กดดูรูปได้ทันทีเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง LAVA R3 Note ก็ตามแกลอรี่ด้านล่างครับ ส่วนตัวผมว่ารุ่นนี้ทำได้ดีเมื่อเทียบกับค่าตัว 3,990 บาท การถ่ายภาพกลางคืนก็ให้ผลที่น่าประทับใจทีเดียว แม้การโฟกัสจะช้าลงไปบ้าง แต่ด้วยราคาค่าตัวเท่านี้ ถือว่ารับได้ครับ
Performance – ประสิทธิภาพ
LAVA R3 Note มาพร้อมกับชิปประมวลผล MediaTek Helio P22 octa-core ความเร็ว 2.0 GHz เป็นชิปรุ่นเล็กที่ไม่ธรรมดา ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 12 นาโนเมตร รองรับการทำงานร่วมกับ AI ในระดับพื้นฐาน และมาพร้อมกับ Ram 3 GB ทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลไม่ติดขัด
ตอนที่ใช้งานเครื่องรีวิว R3 Note ผมทดสอบเปิดแอปพลิเคชันเกือบ ๆ 20 แอป (เปิดแอปแล้วออกมาหน้า Home) พบว่าตัวเครื่องสามารถจัดการ Ram ได้เป็นอย่างดี มีแรมเหลือว่างราว ๆ 800 MB ครับ ส่วนการสลับแอปพลิเคชันก็ทำได้ไม่มีปัญหา
ในส่วนของการเล่นเกม LAVA R3 Note สามารถเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องปรับตั้งค่าในเกมให้เหมาะสมด้วย ผมลองเล่นเกม ROV (ปิด HD, พาติเคิลกลาง) ก็เล่นได้ลื่น ๆ ที่เฟรมเรท 30 fps แบบนิ่ง ๆ หรือเกมยอดนิยมอย่าง PUBG กับการตั้งค่า Low ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน
ข้อสังเกตของ R3 Note จะอยู่ที่ความจุภายในตัวเครื่อง ที่มีให้เพียง 16 GB แต่ยังดีที่สามารถเพิ่ม micro SD Card และสามารถลงแอปพลิเคชันบนการ์ดความจำได้บางส่วน ทำให้การใช้งานโดยรวมไม่ถูกจำกัดมากจนเกินไป ส่วนตัวคิดว่าใส่การ์ดความจุ 64 GB น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะการ์ด micro SD ปัจจุบันก็ราคาถูกมากแล้วด้วย
ด้านการจัดการพลังงาน กับแบตเตอรี่ความจุ 3260 mAh ไม่มากไม่น้อยสำหรับยุคนี้ และด้วยความที่สเปคของ LAVA R3 Note ที่เป็นทั้งหน้าจอ HD+ รวมถึงชิปประมวลผลรุ่นเล็กที่กินพลังงานต่ำ หากไม่ได้เล่นเกมหนัก ๆ ก็สามารถใช้งานสบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน
ผมเริ่มทดสอบแบตเตอรี่ตั้งแต่ 9.00 น. มีเล่นเกม ROV ไปประมาณ 3 เกม (ประมาณ 1 ชั่วโมง) ที่เหลือก็เล่นโซเชียลมีเดียประปราย แล้วก็เอาไปถ่ายรูปช่วงเย็น ๆ กลับถึงบ้านตอนประมาณ 22.00 น. แบตเตอรี่ยังเหลืออยู่ประมาณ 35% ครับ การเชื่อมต่อหลัก ๆ ก็เป็น Wi-Fi แต่ก็มีเชื่อมต่อ 4G ตอนระหว่างเดินทางบ้าง
Software – ระบบปฏิบัติการ
Star OS 5.1 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.1 Oreo เป็นระบบปฏิบัติการของ LAVA R3 Note โดย Star OS 5.1 นั้นมีฟีเจอร์เด่น ๆ ที่น่าสนใจดังนี้
Navigation Gesture: รูปแบบการใช้งานที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ตโฟนจอเต็มอย่าง LAVA R3 Note โดยระบบจะตัดปุ่มด้านล่างออก แล้วเปลี่ยนไปใช้การปัดซ้ายขวาแทนปุ่ม back/ recent app และการปัดหน้าจอตรงกลางล่างขึ้นแทนปุ่มโฮม
Night Light: โหมดแสดงผลหน้าจอในที่แสงน้อย หรือตอนกลางคืน ระบบจะทำการปรับแต่งสีหน้าจอให้ออกโทนสีเหลือง เพื่อเป็นการลดปริมาณการปล่อยแสงสีฟ้า สามารถตั้งเวลาในการเปิดปิดได้อัตโนมัติ
Fingerprint + Face Unlock: ระบบรักษาความปลอดภัยของ LAVA R3 Note มีให้เลือกใช้ทั้งสแกนลายนิ้วมือ ที่ปลดล็อกได้เร็วใน 0.23 วินาที และระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่สามารถปลดล็อกในที่แสงน้อยได้ (ใช้แสงหน้าจอช่วยในการระบุใบหน้า) ช่วยให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
Overall
ภาพรวมของ LAVA R3 Note ผมว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้สมาร์ตโฟนราคาไม่แพง เน้นความคุ้มค่า แต่ก็ยังต้องการสมาร์ตโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม ทั้งหมดที่ว่ามามีอยู่ใน R3 Note ที่เปิดราคามาเพียง 3,990 บาท เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนหลายรุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ผมว่า LAVA R3 Note น่าสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ล่ะครับ
จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่สเปคที่ใช้งานได้รอบด้าน จะเล่นโซเชียล, เล่นอินเทอร์เน็ต รวมถึงเล่นเกมยอดนิยมหลาย ๆ เกมได้ และกล้องหน้าหลังที่มีโหมด AI Portrait Lighting ปรับแต่งแสงภาพถ่าย พร้อมละลายฉากหลังได้เนียนทีเดียว สำหรับโทรศัพท์ที่มีกล้องหลังตัวเดียว หรือจะเป็นการถ่ายภาพกลางคืนที่ผมว่ารุ่นนี้ก็ทำได้ดีเกินราคาไปพอสมควร
ส่วนข้อติของ LAVA R3 Note ก็คงเป็นเรื่องหน่วยความจำในตัวเครื่องที่ให้มาเพียง 16 GB คือถ้าไม่ซื้อ micro SD Card มาใส่เพิ่มความจุจะใช้งานได้ไม่ยืดหยุ่นสักเท่าไหร่ เพราะลงเกมสัก 2 – 3 เกมก็แทบจะเต็มความจุแล้ว ยังดีที่ตัวระบบสามารถเลือกลงแอปพลิเคชันในการ์ดความจำได้ แม้จะเป็นบางส่วนแต่ก็พอที่จะทำให้การใช้งานยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ต้องมาคอยลบแอปเพื่ออัพเดตเหมือนใช้ความจุ 16 GB บนตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว