ปัญหาเรื่องของแบตเตอรี่ ที่ทำให้ไอโฟนเครื่องร้อนนั้นเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็มาจากตัวของเราเอง และมาจากส่วนที่ปกติเรามองไม่เห็นครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมวิธีการแก้ไขแบบง่าย ๆ ให้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟนเครื่องร้อน, ไอโฟนเปิดไม่ติด แบตไหล แบตเสื่อม พร้อมแล้วก็ไปรับชมกันเลยครับ
ไอโฟนเครื่องร้อนมากเวลาชาร์จ
สำหรับปัญหาเรื่องไอโฟนเครื่องร้อนเนี่ย จะต้องแบ่งสาเหตุออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ปัญหาที่ฮาร์ดแวร์ กับปัญหาที่ตัวซอฟต์แวร์ครับ
Hardware หรืออุปกรณ์ภายนอก ซึ่งสาเหตุนี้มักเกิดจากที่ชาร์จ และสายชาร์จที่ไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ผ่านมาตรฐาน made for iPod iPhone iPad แม้ว่าราคาจะถูกลง แต่ก็ไม่มีมาตรฐานมารองรับว่าใช้แล้วจะปลอดภัยไหม งานนี้เกิดอะไรขึ้นก็คงหาสาเหตุได้ไม่ยากครับ ผมแนะนำว่าควรใช้อุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานนี้ ปัจจุบันอุปกรณ์ชาร์จไฟที่ผ่านมาตรฐาน made for iPod iPhone iPad ก็ไม่ได้มีราคาแพงอย่างที่คิดแล้วด้วยครับ
Software มีแอปพลิเคชันกำลังทำงานอยู่ระหว่างการชาร์จ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องร้อนครับ หากใครนึกไม่ออกให้ลองนึกถึงตอนที่เล่นเกมไปแล้วชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกันสิครับ สาเหตุอาจจะมาจากมีแอปพลิเคชันทำงานอยู่เบื่องหลังตอนปิดหน้าจอ
หรืออีกอย่างที่ผมเคยเจอคือ ระหว่างชาร์จไฟ ลืมกดปุ่มปิดหน้าจอ ทำให้ตัวเครื่องยังคงเปิดหน้าจออยู่แบบนั้น แต่ทำการลดแสงหน้าจอลงไป ซึ่งบางทีเราก็ไม่สังเกตุ ทำให้เวลาเมื่อมือเราไปโดนหน้าจอก็จะติดขึ้นมาเอง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่ทำให้เครื่องร้อนในครั้งนี้ไม่ใช่หน้าจอ แต่เป็นแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื่องหลังต่างหากละครับ อย่างที่ทราบกันว่า ถ้าทำการปิดล็อกหน้าจอเครื่อง ระบบก็จะจำกัดการทำงานของแอปพลิเคชันเบื่องหลังด้วย แต่นี่ไม่ได้ปิดล็อกหน้าจอ เลยทำให้แอปพลิเคชันพร้อมใจกันทำงาน เครื่องก็เลยร้อนครับ
iPhone แบตเตอรี่ลดเร็วมาก
เชื่อว่าหลายคนเวลาใช้งานสมาร์ทโฟนแล้วคงจะประสบกับปัญหาแบตเตอรี่ไม่พอใช้กันใช่ไหมละครับ ทำให้ต้องพกที่ชาร์จ และ Power bank ไปด้วยบ่อยๆ แต่วันนี้เราจะมานำเสนอถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วพร้อมวิธีการแก้ไขแบบง่าย ๆ ครับ
ก่อนอื่นเราต้องเริ่มหาสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วก่อนเราถึงจะแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุด และมีประสิทธิภาพ โดยให้เข้าไปที่ ตั้งค่า -> แบตเตอรี่ ในหน้านี้จะแสดงรายชื่อแอปพลิเคชันที่ใช้แบตเตอรี่มากออกมาเป็นอันดับครับ
- มีแอปพลิเคชันทำงานอยู่เบื่องหลังนั่นเองครับ ยิ่งถ้ามีหลายแอปพลิเคชันด้วยละก็ไหลเป็นน้ำเลยก็ว่าได้ครับ เพราะปกติแล้วแอปพลิเคชันจะมีทั้งส่วนที่ทำงานอยู่เบื่องหน้า และเบื่องหลัง ยิ่งมีจำนวนแอปพลิเคชันที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องมาก ก็ยิ่งจะมีแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื่องหลังมากเช่นกันครับ โดยเข้าไปที่ ตั้งค่า -> ทั่วไป -> ดึงข้อมูลใหม่ให้แอพที่อยู่เบื่องหลัง ส่วนวิธีการแก้ไขคือ การที่เลือกเฉพาะแอปพลิเคชันที่สำคัญเท่านั้น จะทำให้ลดการใช้แบตเตอรี่ไปได้ครับ
- การเปิด GPS เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ลดเร็วก็ว่าได้ครับ ปกติแล้วถ้าเปิด GPS เราจะมีการส่งข้อมูลตำแหน่งของเราออกไปเรื่อย ๆ จึงใช้พลังงานเรื่อย ๆ เช่นกัน หากมองในเรื่องของความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวแล้วควรจะปิดเอาไว้ เพราะการที่ให้ใครก็ไม่รู้ รับรู้ตำแหน่งของเรานั้นย่อมไม่เป็นเรื่องดีแน่นอน หรือถ้าจะใช้งานจริง ๆ ก็ใช้เวลาเปิดแผนที่ก็พอครับ โดยเข้าไปที่ ตั้งค่า -> ความเป็นส่วนตัว -> บริการตำแหน่งที่ตั้ง
- Bluetooth ถ้าเราเปิิด Bluetooth เอาไว้เครื่องของเราจะทำการปล่อยสัญญาณ Bluetooth ออกมาตลอดเวลาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อ ทำให้กินพลังงานไปเรื่อย ๆ ในส่วนนี้ถ้าไม่ใช้ก็ควรปิดเอาไว้จะดีกว่าครับ ในเรื่องของความปลอดภัยด้วย คงไม่ดีแน่ถ้าเราลืมปิดประตูบ้านของเรา
- ความสว่างของหน้าจอ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใช้แบตเตอรี่มาก อย่างที่ทุกคนทราบกันดียิ่งหน้าจอใหญ่ ยิ่งความละเอียดหน้าจอมาก และยิ่งปรับความสว่างมาก ก็จะทำให้ใช้แบตเตอรี่เพิ่มด้วยเช่นกัน วิธีแก้ไขให้ลองปรับความสว่างไม่เกิน 60% ดูครับผมคิดว่าคงจะเพียงพอให้ใช้งานกันได้ไม่ยากเย็นอะไร แต่สำหรับการปรับความสว่างอัตโนมัติในส่วนนี้ผมไม่การันตีละกันว่ามันจะดีไหม เพราะบางคนถนัดที่จะใช้ฟีเจอร์นี้ แต่ก็ยอมแลกมาด้วยบางเวลาก็จะมีการใช้แบตเตอรี่มากขึ้นเช่นกันครับ
- ความละเอียดของหน้าจอ ยิ่งความละเอียดมากก็จะใช้แบตเตอรี่มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เปรียบเทียบง่าย ๆ หน้าจอ 2K จะมีความละเอียดมากกว่า Full-HD 1 เท่า หรือมีหน้าจอ Full-HD อยู่สองหน้าจอนั่นเองครับ
- ความเชื่อผิด ๆ ว่าการใช้งาน 3G แทนที่จะเป็น 4G ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ขึ้น จริง ๆ แล้วจะ 3G หรือ 4G ก็ใช้แบตเตอรี่ไม่ต่างกัน แต่ 4G เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า ลองคิดง่าย ๆ ประมาณว่า 3G ความเร็ว 20 mbps แต่ 4G ความเร็ว 100 mbps เราต้องการโหลดไฟล์ 1 GB คำถามคืออะไรจะโหลดได้เสร็จก่อนกัน คำตอบคือ 4G อย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าโหลดเสร็จก่อนก็ใช้เวลาน้อยกว่า พลังงานที่ใช้ก็น้อยกว่าเช่นกันครับ วิธีการตั้งค่า ตั้งค่า -> เซลลูลาร์ -> ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์
- อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้ที่ iPhone รองรับ 5G ในช่วงแรก ๆ ที่ยังวางสัญญาณไม่ครอบคลุม ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า เปิดใช้งาน 5G จะกินแบตเตอรี่มากกว่าเปิด 4G ครับ เนื่องจากตัวเครื่องต้องสแกนหาสัญญาณ 5G บ่อยกว่าปกติ
- ปิด Siri Always On ปกติแล้วฟีเจอร์นี้จะทำให้ Siri พร้อมรับคำสั่งจากเราตลอดเวลา หรือหมายความว่าจะเป็นการเปิดการใช้งานไมโครโฟนตลอดเวลานั่นเองครับ
- เปิดโหมดประหยัดพลังงาน เป็นอีกหนึ่งทางออกง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่อยากทำวิธีด้านบน ตั้งค่า -> แบตเตอรี่ -> โหมดพลังงานต่ำ แต่การเปิดโหมดนี้ระบบจะไปตัดการทำงานหลาย ๆ ส่วนของตัวเครื่อง ทำให้บางทีการแจ้งเตือนไม่ขึ้น เล่นเกมกระตุก เป็นต้นครับ ผมจึงแนะนำว่าให้ใช้โหมดนี้เมื่อต้องการจะเก็บแบตเตอรี่ไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้นครับ เช่น แบตเตอรี่เหลือ 20% แต่ยังกลับไม่ถึงบ้านเป็นต้นครับ ส่วนวิธีด้านบนเป็นวิธีช่วยลดการใช้แบตเตอรี่ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นโดยที่ยังคงประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดเอาไว้ครับ
ปัญหา iPhone เครื่องดับเอง
- อัพเดท iOS รุ่นใหม่ เพราะ iOS รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับการแก้บัคใหม่ ๆ รวมไปถึงการปรับปรุง Software ให้ใช้งานร่วมกับตัวเครื่องดีขึ้นด้วยครับ วิธีดูว่าเครื่องเราเป็นรุ่นล่าสุดแล้วหรือยังให้เข้าไปที่ ตั้งค่า -> ทั่วไป -> รายการอัพเดทซอฟต์แวร์ (ล่าสุดตอนนี้เป็น iOS 14)
- Factory Reset เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาที่สามารถแก้ได้หลายปัญหาเลยก็ว่าได้ครับ ถ้าลองวิธีเบื่องต้นแล้วไม่หายก็ลอง Reset เครื่องใหม่ดูก็ดีเหมือนกันครับ ตั้งค่า -> ทั่วไป -> รีเซ็ต -> ลบข้อมูล และการตั้งค่าทั้งหมด ***ควรสำรองข้อมูล(Backup)ให้เรียบร้อยก่อนจะทำการรีเซ็ต
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ถ้าลองวิธีทั้งหมดทั้งมวลแล้วยังไม่หาย แสดงว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกินกว่าที่เราจะรับมือได้แล้วครับ ดังนั้นควรที่จะต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญอย่างช่างซ่อมผู้ชำนาญการครับผม
ปัญหาไอโฟนแบตเตอรี่เสื่อม
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่จะมี Life cycle หรืออายุของมันเอง (iPhone จะประมาณ 500 ครั้ง ) Life cycle คือ จำนวนครั้งที่สามารถเต็มประจุแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยนับจาก การชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% จะนับเป็นหนึ่งครั้ง ไม่ใช่จำนวนครั้งที่เราเสียบสายชาร์จ สมมุติว่าเราชาร์จจาก 60% ไป 100% จะไม่นับเป็นหนึ่งครั้ง เท่ากับว่าเราชาร์จเติมเข้าไปเพียงแค่ 40% เราจะต้องหามาเติมอีก 60% ถึงจะนับเป็นหนึ่งครั้งครับ
เมื่อใช้งานครบตามที่ผู้ผลิตเคลมไว้ แล้วก็จะมีประสิทธิภาพการเก็บประจุลดลง จนบางครั้งเกิดอาการชาร์จเต็มแล้ว พอใช้ไปสักพักแบตเตอรี่ลดเร็วมากจนน่ากลัว หรือ ตัวแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่แล้ว และกรณีแบตเตอรี่บวม จนดันหน้าจอออกจากตัวเครื่องจนดูน่ากลัว เรียกได้ว่างานหยาบเลยทีเดียวครับ
วิธีตรวจสอบว่า Life cycle ของแบตเตอรี่เหลือมากน้อยแค่ไหน วิธีง่ายที่สุดคือดูว่าอายุของสมาร์ทโฟนของเรามีอายุประมาณ 2 ปีแล้วหรือยัง เพราะโดยปกติแล้วแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเมื่อใช้งานแบบปกติไปสัก 2 ปีโดยเฉลี่ยครับ หรือถ้าใครที่อยากรู้ละเอียดให้ลองโหลดแอปพลิเคชันมาตรวจสอบเฉพาะดูก็ได้ครับ วิธีแก้ไขมีวิธีการอยู่ไม่มาก แต่วิธีที่ง่าย และแก้ปัญหาได้ดีที่สุดคือ นำตัวเครื่องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่นั่นเองครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับเทคนิคที่ไม่ยากเกินไปในวันนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะได้แนวทางที่จะไปปรับพฤติกรรมการใช้งานไม่มากก็น้อยครับ ปัญหาที่พบก็มาจากการใช้งานของผมเองด้วยส่วนหนึ่งครับ เพื่อน ๆ ละครับไปเจอกับปัญหาอะไรบ้าง หรือว่าอยากให้ทางทีมงานนำเสนอบทความอะไรอีก ลองคอมเม้นมาได้นะครับ