ตอนนี้กระแสการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับ iPhone กำลังมาแรง หลังจากที่ Apple ได้ทำการปรับลดราคาค่าบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ (iPhone 6 ขึ้นไป) จากปกติที่ 3,500 บาท เหลือเพียง 1,000 บาท รวมค่าแรง ได้แบตเตอรี่แท้ เปลี่ยนโดยศูนย์ซ่อมที่ได้มาตรฐาน Apple (AASP) เผลอ ๆ จะถูกกว่าเปลี่ยนกับร้านตู้ด้วยซ้ำไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้แบตเตอรี่ศูนย์แท้ AASP จะขาดตลาด อาจจะต้องรอคิวเปลี่ยนแบตเตอรี่นานถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว
แต่ก่อนจะแห่ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ควรเช็คให้ดีเสียก่อนว่าแบตเตอรี่ iPhone นั้นเสื่อมจริงแล้วหรือยัง เพื่อจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในย่อหน้าที่แล้ว ว่าตอนนี้ (ต้นปี 2018) แบตเตอรี่ที่ศูนย์ Apple ขาดตลาดอย่างแรง รอของอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพราะ Apple ได้ปรับลดราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั่วโลก และแน่นอนว่ามีความต้องการที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่พร้อม ๆ กัน ทำให้ไม่สามารถผลิตอะไหล่ได้เพียงพอต่อความต้องการนั่นเอง
สำหรับการตรวจสอบ iPhone ว่าแบตเตอรี่เสื่อม และควรเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วหรือยังสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มีด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่
1. ตรวจสอบด้วยแอปพลิเคชันบน iPhone/ iPad
การตรวจสอบแบตเตอรี่ iPhone เสื่อมผ่านแอปพลิเคชันบน iPhone และ iPad ทำได้ด้วยแอปพลิเคชันหลายแอปด้วยกัน ลองค้นหาด้วยคำว่า Battery Life ก็จะพบผลการค้นหามากมายหลายแอป แต่ที่ผมแนะนำจะเป็น Battery Life โดย RBT Digital LLC สามารถกดดาวน์โหลดจากปุ่มด้านล่างได้เลย เป็นแอปฟรี ไม่เสียเงินค่าโหลดด้วย
เมื่อเปิดแอปพลิเคชันมาจะพบกับหน้า Wear Level ที่จะบอกสถานะของแบตเตอรี่ iPhone หรือ iPad คร่าว ๆ ว่าเป็นอย่างไร อย่างเครื่องผมขึ้นว่า Perfect เพราะเป็นเครื่องใหม่ แบบนี้ก็ยังไม่ควรต้องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้เสียเวลา เนื่องจากยังใช้งานได้ดีอยู่
ส่วนอีกรูปที่ขึ้นว่า Average มักจะเกิดกับ iPhone ที่มีการใช้งานมาสักพัก โดยรวมยังถือว่าใช้งานได้อยู่ เพียงแต่จะมีตัวเลขบอก % ความเสื่อมของแบตเตอรี่ ที่ส่งผลต่อการใช้งาน อย่างในรูปคือ 18% หมายความว่าแบตเตอรี่เสื่อมไปแล้ว 18% ลักษณะนี้จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็ได้ หรือจะรอก่อนก็ได้เช่นกัน
ถ้าเครื่องใครเปิดหน้านี้แล้วขึ้นว่า High หรือ Bad นั่นหมายความว่าแบตเตอรี่ iPhone เสื่อมมากแล้วครับ ควรจะไปเปลี่ยนที่ศูนย์บริการเพื่อให้ตัวเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม
ข้อดีของแอปพลิเคชัน Battery Life คือมันสามารถบอกได้ด้วยว่าตอนนี้แบตเตอรี่ iPhone ของเรานั้น เหลือใช้งานได้จริงกี่มิลลิแอมป์ ในหน้า Raw Data ตรง Capacity
อย่างไรก็ตาม ถ้าอ้างอิงจาก Apple แบตเตอรี่ของ iPhone จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 400 – 500 Cycles (รอบการชาร์จ) หรือประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล แน่นอนว่าแอปพลิเคชันบน App Store ไม่สามารถตรวจสอบรอบการชาร์จไฟได้ จำเป็นต้องใช้วิธีการที่ 2 นั่นก็คือการตรวจสอบผ่านโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์
2. ตรวจสอบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Windows/ Mac)
ในการตรวจสอบผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้ทั้งฝั่ง Windows และ Mac ผ่านการเชื่อมต่อกับสายชาร์จ ถ้าเป็นฝั่ง Windows ก็จะเป็นโปรแกรม iBackupBot – โหลดฟรี แต่ทดลองใช้ได้ 7 วัน แต่ถ้าเป็นเครื่อง Mac จะมีโปรแกรมชื่อว่า Coconut Battery – โหลดฟรี และสามารถซื้อพรีเมียมได้ ส่วนตัวผมว่าโปรแกรมฝั่งทาง Mac จะทำได้ดีกว่าเล็กน้อยครับ
หน้าตาของ Coconut Battery จะเป็นตามนี้ ให้ดูตรง Cycle Count รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิ, กำลังไฟที่ชาร์จ ถ้าตัวเลขตรง Cycle Count อยู่ที่ 400 – 500 รอบนี่ก็ควรไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ได้แล้วครับ เครื่องจะได้กลับมาเร็วเหมือนเดิม
นอกจาก 2 วิธีด้านบนแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถนำเครื่องไปให้ศูนย์บริการตรวจสอบได้เช่นกันครับ อย่าง iCare, iService, iServe ก็มีบริการตรวจสอบแบตเตอรี่ให้ (อาจจะมีค่าใช้จ่าย) และถ้าแบตเตอรี่มีปัญหาก็สามารถส่งเคลมได้ทันที