เปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Pro 11 ได้ชิป M1 เหมือนกัน แต่มีอะไรต่างกันกันบ้างและควรซื้อรุ่นไหนดี?
เพิ่งจะผ่าน Apple Event กันไปสดๆ ร้อนๆ (ดูสรุปงานที่นี่) กับการเปิดตัวรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง iPhone SE 3 และเดสก์ท็อปตั้งโต๊ะ พร้อมชิปตัวใหม่ที่แรงขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิมคือ M1 Ultra แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ iPad Air 5 รุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอย และก็ได้ความเร็วแรงสมใจผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ด้วยชิปที่เปลี่ยนมาเป็น M1 เหมือนกับรุ่น iPad Pro 2021 กับ Mac ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่หลายคนสงสัยตามมาก็คือ เมื่อได้ชิปที่แรงเท่ากันกับรุ่นโปรแล้ว จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนสำหรับ iPad Air 5 กับ iPad Pro 2021 และทั้งสองรุ่นนี้เทียบกันได้หรือไม่ รวมไปถึงการที่จะซื้อมาใช้งาน ว่าควสรรอรุ่นใหม่ออกมาวางขายแล้วซื้อ หรือว่าจะซื้อรุ่นโปรไปเลยทีเดียวจบๆ ไป ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะได้ชิปเหมือนกันก็จริงๆ แต่สเปคภายในและการดีไซน์ตัวเครื่องนั้นก็ยังมีความต่างกันอยู่พอสมควร เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบให้ว่า iPad Air 5 vs iPad Pro 11 (หน้าจอ 11 นิ้ว) ที่ได้ชิป M1 เหมือนกัน จะมีอะไรแตกต่างกันบ้าง และควรซื้อรุ่นไหนดีที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด ตามไปดูกันได้เลย
- ตารางเปรียบเทียบสเปค iPad Air 5 vs iPad Pro 11
- ดีไซน์ภายนอกตัวเครื่องของ iPad Air 5 vs iPad Pro 11
- หน้าจอของ iPad Air 5 vs iPad Pro 11
- ชิปประมวลผล
- กล้องหลังและกล้องหน้า
- ตารางเปรียบเทียบราคา iPad Air 5 vs iPad Pro 11
- สรุปเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Pro 11
ตารางเปรียบเทียบสเปค iPad Air 5 vs iPad Pro 11″
ข้อมูล\ รุ่น | iPad Air 5 (10.9 นิ้ว) | iPad Pro 11 (11 นิ้ว) |
หน้าจอ | Liquid Retina | Liquid Retina เทคโนโลยี ProMotion |
ขนาด | 247.6 x 178.5 x 6.1 มม. | 247.6 x 178.5 x 5.9 มม. |
น้ำหนัก | WiFi : 461g Cellular : 462g | WiFi : 466g Cellular : 470g |
สี | เทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง, ฟ้า | เงิน, เทาสเปซเกรย์ |
ชิปประมวลผล | M1 | M1 |
RAM | 8GB | 8GB หรือ 16GB |
ROM | 64GB/ 256GB | 128GB/ 256GB/ 512GB/ 1TB/ 2TB |
กล้องหน้า | Ultrawide 12MP | Ultrawide 12MP |
กล้องหลัง | 12MP | 12MP + 10MP |
Apple Pencil | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) |
Keyboard | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio | Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio |
แบตเตอรี่ | ดูวิดีโอสูงสุด 10 ชั่วโมง ท่องเน็ตสูงสุด 9 ชั่วโมง USB C | ดูวิดีโอสูงสุด 10 ชั่วโมง ท่องเน็ตสูงสุด 9 ชั่วโมง USB C, Thunderbolt / USB 4 |
การเชื่อมต่อ | 5G, Wi‑Fi 6 | 5G, Wi‑Fi 6 |
ดีไซน์ตัวเครื่องที่ใหญ่ไม่เท่ากัน
เริ่มต้นการเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Pro 11 ด้วยเรื่องของขนาดตัวเครื่องและการดีไซน์กันก่อนเลย ซึ่งความจริงแล้วขนาดของทั้งสองรุ่นนี้แทบจะไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นความกว้างหรือความสูง แต่จะต่างกันที่ความหนาของตัวเครื่อง และน้ำหนักของ iPad Air 5 ที่เบาบางกว่าเล็กน้อยเท่านั้น มองด้วยตาเปล่าก็อาจจะไม่รู้กันเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้เอามาวางข้างๆ กัน ส่วนการดีไซน์นั้น ถึงแม้ว่าจะมีรูปทรงที่เหลี่ยมและโค้งมนตรงขอบเหมือนกัน แต่ช่องลำโพง ช่องพอร์ต หรือปุ่มต่างๆ นั้นจะไม่เหมือนกัน อย่างลำโพง iPad Air 5 จะมีอยู่ 2 ตัว แต่ของ iPad Pro 11 จะมีทั้งหมด 4 ตัว และตรงด้านล่างก็มีช่องต่อ USB C, Thunderbolt / USB 4 ด้วย แต่ของ iPad Air 5 จะมีเพียง USB C เท่านั้น รวมไปถึงปุ่ม Touch ID ในตัว iPad Air 5 ที่ของ iPad Pro 11 จะเป็น Face ID แทน นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้จากโมดูลกล้องหลังที่รุ่นโปรจะมี 2 ตัว แต่ของ iPad Air 5 จะมีเพียงตัวเดียว ที่สำคัญที่น่าสนใจก็คือสีของตัวเครื่องที่ iPad Pro 11 จะมีเพียงสีเงิน กับเทาสเปซเกรย์ ในขณะที่รุ่นใหม่นั้นมีสีใหม่เข้ามาเพิ่มเป็นสีเทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง และฟ้า
หน้าจอที่ต่างกันในเรื่องความไหลลื่น
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน และเรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญในการเลือกซื้อของ iPad Air 5 vs iPad Pro 11 อยู่พอสมควรเลย ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะมีหน้าจอที่เป็น Liquid Retina แบบ Multi-Touch และมีแบ็คไลท์แบบ LED กับหน้าจอที่เป็น Full Lamination พร้อมขอบเขตสี P3 เหมือนกันก็ตาม แต่ว่าความสว่างหน้าจอของรุ่นโปรจะสว่างกว่า โดยมีถึง 600 นิต แต่ของรุ่น Air 5 จะมี 500 นิต รวมไปถึงขนาดความกว้างหน้าจอของ iPad Air 5 นั้นจะได้เพียง 10.9 นิ้ว ส่วนในรุ่น iPad Pro 11 จะได้จอกว้าง 11 นิ้ว ซึ่งเอาจริงๆ ก็แทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าต่างกันแค่ไหนถ้าดูจากตาเปล่า จุดเด่นๆ ที่ iPad Air 5 ไม่มีก็คือ เทคโนโลยี ProMotion ที่ทำให้หน้าจอลื่นไหลได้ถึง 120Hz ตามการใช้งานของเรา อันนี้นี่เองที่เป็นจุดเด่นของ iPad Pro 2021 ที่หลายคนให้ความสนใจกันมากกว่านั่นเอง ส่วนการรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) จะใช้ได้เหมือนกัน รวมไปถึงคีย์บอร์ด Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio ที่ใช้ได้เหมือนกันทั้งหมดด้วย
ชิปประมวลผลตัวแรงเหมือนกันเป๊ะ
มาถึงจุดที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแรงเท่ากันขนาดนี้ แล้วจะเลือกรุ่นไหนดีกว่ากันสำหรับ iPad Air 5 vs iPad Pro 11 ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นนี้มีชิปประมวลผลเหมือนกัน นั่นก็คือตัว Apple M1 พร้อม Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไปเหมือนกันเลย ดังนั้นความแรงของชิปจะเท่ากันก็จริง แต่ถ้าดูจากองค์ประกอบอย่างอื่นอย่างความจำ RAM และ ROM นั้นจะค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควร เพราะ iPad Air 5 จะมี RAM 8GB และมีความจุให้เลือก 2 ขนาดคือ 64GB/ 256GB แต่ของรุ่น iPad Pro 11 จะมี RAM ถึงสองแบบคือ 8GB กับ ROM 128GB/ 256GB/ 512GB และมีขนาด RAM 16GB ในรุ่นความจุ 1TB/ 2TB ซึ่งถ้าเทียบความจำและความจุในรุ่นสูงๆ แล้ว iPad Pro ก็ยังเร็วกว่าและมีความจุให้เลือกเยอะกว่าแน่นอน รุ่นโปรจึงเหมาะกับการใช้งานแบบหนักๆ และใช้งานกราฟิกหนักๆ ได้ดีกว่าในรุ่นตัวท็อปไปด้วย
ส่วนเรื่องของลำโพงของรุ่น iPad Pro 11 ก็จะมีมาให้ถึง 4 ตัวรอบทิศทางเลยทีเดียว แต่ของ iPad Air 5 จะมีลำโพงมาให้เพียง 2 ตัวในโหมดแนวนอนเท่านั้น รวมไปถึงไมค์ที่ iPad Air 5 จะมี 2 ตัว ในขณะที่ iPad Pro 11 นั้นจะมีไมค์ถึง 5 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของแบตจะสามารถใช้งานได้เท่ากัน แต่ของรุ่นโปรจะใช้ Thunderbolt / USB 4 ได้ด้วย ของรุ่น iPad Air 5 จะใช้ได้แค่ USB C อย่างเดียว และสามารถใช้งาน 5G หรือ WiFi 6 ได้เหมือนกันทั้งหมดด้วย แต่ตัว iPad Air 5 รุ่น WiFi + Cellular จะไม่สามารถใช้งาน GSM/EDGE ได้นะ นอกนั้นยังคงเหมือนกันหมด
กล้องหน้าและกล้องหลังที่ยังสู้ไม่ไหว ไปพักก่อน
จุดสำคัญอีกหนึ่งอย่างในการเลือกซื้อของ iPad Air 5 vs iPad Pro 11 ก็คือเรื่องของกล้องหลัง ที่ต้องบอกตามตรงว่ายังสู้รุ่นโปรไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่า iPad Air 5 รุ่นใหม่นี้จะเปลี่ยนกล้องหน้ามาเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP ที่มีคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะวิดีโอคอลกี่คน หรืออยู่ตรงไหนกล้องก็จะจัดให้อยู่ตรงกลางเสมอ เหมือนกับ iPad Pro 11 ก็ตาม แต่กล้องหน้าของรุ่นโปรนั้นจะเป็นแบบ TrueDepth ส่วนของ iPad Air 5 จะเป็นกล้องหน้าแบบ FaceTime HD แทน
จุดสำคัญที่ทำให้สู้รุ่นโปรไม่ได้ก็คือกล้องหลังที่ iPad Air 5 จะเป็นกล้องเพียงตัวเดียวที่ความละเอียด 12MP ถ่ายวิดีโอได้ 4K และก็แทบจะไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ ส่วนกล้องหลังของ iPad Pro 11 นั้นจะเป็นกล้อง 2 ตัวคือกล้องไวด์ความละเอียด 12MP และอัลตร้าไวด์ 10MP ทำให้สามารถถ่ายได้มุมกว้างได้ และยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ที่ช่วยเก็บรายละเอียดของภาพให้ดีขึ้น พร้อมกับมีการซูมเสียงและซูมภาพได้ดีกว่ารุ่น Air 5 อีกด้วย
ตารางเปรียบเทียบราคา iPad Air 5 vs iPad Pro 11
ความจุ\ รุ่น | iPad Air 5 | iPad Pro 11 |
64GB WiFi | 20,900 บาท | – |
64GB Wi-Fi + Cellular | 25,900 บาท | – |
128GB WiFi | – | 27,900 บาท |
128GB Wi-Fi + Cellular | – | 32,900 บาท |
256GB WiFi | 25,900 บาท | 31,400 บาท |
256GB Wi-Fi + Cellular | 30,900 บาท | 36,400 บาท |
512GB WiFi | – | 38,400 บาท |
512GB Wi-Fi + Cellular | – | 43,400 บาท |
1TB WiFi | – | 52,400 บาท |
1TB Wi-Fi + Cellular | – | 57,400 บาท |
2TB WiFi | – | 66,400 บาท |
2TB Wi-Fi + Cellular | – | 71,400 บาท |
สรุปเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Pro 11
จากข้อมูลการเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Pro 11 ทั้งหมดที่เราได้นำมาบอกกันในวันนี้ และใครที่ซื้อ iPad Pro ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะถึงแม้ว่า iPad Air 5 รุ่นใหม่ที่ออกมานั้นจะใช้ชิปเป็น M1 เหมือนกับรุ่นโปรก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพในด้านอื่นๆ iPad Air 5 นั้นก็ยังเทียบกับรุ่น iPad Pro 2021 ไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ไหลลื่นได้ไม่เท่ากัน ความจุที่รุ่นโปรมีมากกว่าพร้อมกับ RAM ในรุ่นสเปคสูงที่เยอะกว่าด้วย รวมไปถึงกล้องหน้าที่คล้ายกันแต่ก็ยังไม่เหมือน และกล้องหลังที่ยังคงสู้รุ่นโปรไม่ได้อย่างแน่นอน ยังไงแล้วรุ่นโปรก็ยังเหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานแบบโปรมากกว่ารุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ หรือการใช้งานที่หนักกว่ารุ่นอื่นๆ และยังต้องใช้สเปคที่สูงกว่ารุ่นอื่นด้วย
ส่วน iPad Air 5 นั้นก็จะเหมาะกับคนที่ต้องการใช้สเปคที่สูงขึ้นมากว่ารุ่นอื่นๆ อีกหนึ่งระดับในด้านความเร็วแรงเทียบรุ่นโปร และเหมาะกับการพกพาไปในที่ต่างๆ โดยไม่ต้องใช้พลังในการถือมากนัก เพราะรุ่นนี้เน้นความเบาบางมาเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้สุดท้ายแล้วก็ทำมาในจุดประสงค์ที่ต่างกันอยู่แล้วด้วย ใครที่คิดว่าเหมาะกับรุ่นไหน ก็รอซื้อหรือจับจองกันได้เลย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ