สรุปงาน Apple Event March 2022 เปิดตัว iPhone SE 3, iPad Air 5 และอื่นๆ มีอะไรใหม่บ้างในงานนี้
จบกันไปแล้วนะครับ กับงาน Apple Event 2022 “Peek Performance” ที่เพิ่งมีการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ๆ จากทาง Apple ในคืนวันที่ 8 มีนาคม 2022 เวลา 01.00 น. หรือเวลาตี 1 ของเวลาบ้านเราที่ผ่านมา ก็เป็นไปตามอย่างที่หลายๆ สำนักคาดการณ์เอาไว้จริงๆ ว่าจะมีทั้ง iPhone SE 3 รุ่นใหม่ล่าสุด, iPad Air รุ่นที่ 5 และก็ยังมี หน้าจอ Studio Display ขอบจอ 27 นิ้ว พร้อมกับ Mac Studio ที่มีสเปคระดับ High-End พร้อมกับชิป M1 Ultra และการเปิดตัวอย่างอื่นอีกพอสมควร ก็เป็นไปตามชื่อของอีเวนท์นี้คือ “Peek Performance” ที่ปล่อยออกมาแต่รุ่นตัวแรงๆ กันสมชื่อ แต่ที่หลายคนให้ความสนใจกันเยอะเป็นพิเศษ ก็คงจะหนีไม่พ้น iPhone SE 3 รุ่นใหม่กับ iPad Air 5 รุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเอง ที่หลายคนเฝ้ารอคอยการเปิดตัวหลังจากที่ห่างหายกันไปนาน สำหรับคนที่พลาดชมงานเปิดตัวแบบสดๆ ไปแล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะวันนี้ทาง Specphone จะมารวบรวมข้อมูลการเปิดตัวงาน Apple Event March 2022 ว่ามีอะไรเปิดตัวใหม่บ้างในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone SE 3, iPad Air 5, iPhone 13 สีใหม่ และอื่นๆ มาดูกันเลยว่ามีอะไรใหม่บ้างในงานนี้
- iPhone 13, iPhone 13 Pro สีเขียวสองเฉดใหม่
- iPhone SE (รุ่นใหม่) หรือ iPhone SE 3
- iPad Air 5 (รุ่นใหม่)
- Mac Studio พร้อมชิปใหม่ M1 Ultra
- จอภาพ Studio Display (ใหม่)
iPhone 13, iPhone 13 Pro สีเขียวสองเฉดใหม่
เริ่มต้นกันที่การเปิดตัวแรกในงาน Apple Event March 2022 กันเลยกับ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ในสองเฉดสีใหม่ ถ้าของไทยเราก็ต้องเรียกกันว่าเขียวเหนี่ยวทรัพย์กันแน่นอน เพราะสองสีใหม่นี้เป็นสีเขียว ซึ่งในรุ่น iPhone 13 และ iPhone 13 mini นั้นจะเป็นสีเขียวแบบธรรมดา แต่ถ้าเป็นตัว iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max นั้นจะเป็นเฉดสีเขียวอัลไพน์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือสีเขียวแบบเหลือบๆ อันนี้จะดูสวยกว่าเขียวธรรมดานิดหน่อย แต่ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย โดยทั้งหมดนี้จะมีการวางขายในวันที่ 18 มี.ค. 2022 เวลา 9.00 โมงเป็นต้นไป และจำหน่ายจริงในวันที่ 25 มี.ค. 2022 กับราคาเครื่องเท่าเดิม ดูราคา iPhone 13 เครื่องเปล่าทุกรุ่นที่นี่ และเตรียมสั่งจองพร้อมกับซื้อได้ที่นี่ iPhone 13, iPhone 13 Pro
iPhone SE (รุ่นใหม่) หรือ iPhone SE 3
สิ่งที่หลายคนรอคอยในงาน Apple Event March 2022 ก็จะหนีไม่พ้นเจ้าตัวเล็กสเปคแรงอย่าง iPhone SE 3 หรือ iPhone SE (รุ่นใหม่) ที่ได้เปิดตัวกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรุ่นใหม่นี้ถ้าพูดกันตามตรงสเปคภายนอก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือการดีไซน์ รวมไปถึงสีสันของตัวเครื่อง ก็แทบจะดูไม่ออกกันเลยว่ามันคือรุ่นใหม่แล้ว โดยรุ่นใหม่นี้ได้เปิดตัวออกมาพร้อมกับรูปแบบการดีไซน์ที่ยังเหมือนเดิม คือแบบโค้งมนและมีปุ่มสแกนนิ้วอยู่ที่หน้าจอ พร้อมกับสีเดิมคือสีแดง, ขาว และสีดำ แต่ว่าด้านหลังจะใช้กระจกเหมือนกับ iPhone 13 ส่วนหน้าจอจะเป็นจอภาพ Retina HD แบบ LCD กว้าง 4.7 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone เหมือนเดิมเป๊ะ และรุ่นนี้ก็ยังสามารถกันน้ำกับฝุ่นได้ในระดับ IP67 อีกด้วย
จุดเด่นจริงๆ จะมาอยู่ที่สเปคภายในตัวเครื่องนั่นก็คือชิป Apple A15 Bionic แบบเดียวที่มีอยู่ใน iPhone 13 เลย ที่มี CPU แบบ 6-Core, GPU แบบ 4-Core และ Neural Engine แบบ 16-Core ส่งผลให้เจ้าเครื่องนี้มีความเร็วและแรงเป็นอย่างมาก จะเล่นเกมไหนก็ไหลลื่นมากกว่าเดิมเยอะเลย ทั้งนี้ทาง Apple ก็ได้บอกว่าแรงกว่า iPhone SE รุ่นก่อนหน้าถึง 1.2 เท่า แรงกว่า iPhone 8 2.2 เท่า และแรงกว่า iPhone 6s ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว นอกจากความเร็วของการใช้งานแล้ว ทางด้านการประหยัดพลังงาน iPhone SE 3 นี้ก็ประหยัดได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า ถ้าเทียบจากการเล่นวิดีโอต่อเนื่อง รวมไปถึงการชาร์จเร็วที่สามารถใช้แบบไร้สาย หรือว่าต่อเข้าอแดปเตอร์ 20W ก็จะชาร์จจาก 0 จนถึง 50% ได้ในเวลา 30 นาทีเลย ที่สำคัญคือใช้งาน 5G ได้แล้วด้วย
นอกจากนี้ชิป A15 ยังทำให้สามารถถ่ายรูปได้สนุกกว่าเดิม และสวยงามมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบ HDR อัจฉริยะ 4 ที่สามารถปรับโทนหรือผิวให้ดูดีที่สุด หรือจะถ่ายแบบ Deep Fusion ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “สไตล์ภาพถ่าย” ที่ปรับโทนได้ตามใจชอบเหมือนใน iPhone 13 อีกด้วย จะถ่ายเวลาไหนก็เก็บแสงได้สวยๆ เลย โดยรุ่นนี้จะมีกล้องหลังความละเอียด 12MP และกล้องหน้า 7MP พร้อมกับปุ่ม Touch ID ที่หลายๆ คนยังบอกว่าอยากจะใช้งานมันอยู่ รุ่นนี้จะเหมาะกับคนที่อยากใช้งานมือถือรุ่นขนาดพอดีๆ สเปคแรง และยังชอบที่มีปุ่ม Touch ID อยู่ ซึ่งราคาทั้งหมดมีดังนี้ สั่งซื้อล่วงหน้าวันที่ 18 ม.ค. และวางจำหน่าย 25 ม.ค. นี้ เตรียมสั่งซื้อที่นี่
- รุ่นความจุ 64GB ราคา 15,900 บาท
- รุ่นความจุ 128GB ราคา 17,900 บาท
- รุ่นความจุ 256GB ราคา 21,900 บาท
iPad Air 5 (รุ่นใหม่)
อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนตั้งตารอคอยในงาน Apple Event March 2022 ก็คือ iPad Air 5 รุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวกันออกมาเป็นที่เรียบร้อย และก็สร้างความตื่นตาตื่นใจกับตัวเครื่องใหม่รุ่นนี้เป็นอย่างมาก ที่ถึงแม้ว่าการดีไซน์อาจจะยังคงเหมือนเดิมอยู่บ้าง แต่ความแรงนี่สิของจริง เพราะ iPad Air 5 รุ่นใหม่นี้ได้ใช้ชิปเป็น Apple M1 กับ RAM ขนาด 8GB ที่มีอยู่ใน iPad Pro 2021 และ Mac แล้ว แน่นอนว่าความเร็วนั้นเรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 60% รวมไปถึงมีกราฟิกเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า จึงทำให้ iPad Air 5 รุ่นใหม่นี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเปิดแอพสลับไปมา หรือว่าจะสร้างสรรค์ผลงานระดับสูง ก็ไหลลื่นมากกว่าที่เคยเป็นมา รวมไปถึงการเล่นเกมที่เล่นได้ลื่นกว่าเดิมเยอะ
ส่วนหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นหน้าจอแบบ Liquid Retina กว้าง 10.9 นิ้ว มีจอภาพแบบ Full Lamination พร้อมปุ่ม Touch ID อยู่ด้านบนตัวเครื่อง ซึ่งตรงนี้จะยังคงไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ในรุ่นที่ 4 นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ 5G และ WiFi 6 กับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 และ Magic Keyboard ได้ด้วย ที่น่าสนใจกว่าก็คือรุ่นนี้สามารถใช้พอร์ต USB C ที่ชาร์จได้เร็วขึ้น 2เท่า กับกล้องหน้าที่เปลี่ยนไปแล้ว แต่กล้องหลังจะยังเป็นไวด์ความละเอียด 12MP ถ่ายวิดีโอระดับ 4K และถ่ายภาพได้แบบ HDR อัจฉริยะ ทำให้ภาพดูสวยงามมมากขึ้น กับจุดเด่นอีกอย่างก็คือกล้องหน้า ที่ได้เปลี่ยนมาเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมกับคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” เหมือนกับรุ่นโปร ที่สามารถวิดีโอคอลและจัดภาพให้เราอยู่ตรงกลางเสมอ ไม่ว่าจะมีคนในกล้องกี่คนก็จะซูมเข้าออกได้อย่างเหมาะสม แถมรุ่นนี้ก็ยังมีสีใหม่เพิ่มมาด้วยคือเทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง และฟ้า โดย iPad Air 5 รุ่นใหม่นี้ยังไม่มีกำหนดขายในไทย แต่มีราคาแต่ละรุ่นดังนี้ เตรียมสั่งจองได้ที่นี่
- iPad Air 5 รุ่น Wi-Fi
- 64GB ราคา 20,900 บาท
- 256GB ราคา 25,900 บาท
- iPad Air 5 รุ่น Wi-Fi + Cellular
- 64GB ราคา 25,900 บาท
- 256GB ราคา 30,900 บาท
Mac Studio พร้อมชิปใหม่ M1 Ultra
สิ่งที่เปิดตัวต่อมาในงาน Apple Event March 2022 ก็คือ Mac Studio พร้อมชิปใหม่ตัวแรงอย่าง M1 Ultra ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานบนความเร็วสูงโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นงานตัดต่อ งานแต่งรูป ถ่ายรูป ดีไซน์ ออกแบบ ตัดต่อหนัง เพลง เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เป็น Studio เจ้า Mac รุ่นใหม่นี้ก็ได้ครอบคลุมทุกการใช้งานไปหมดเลย รูปแบบการดีไซน์ของ Mac Studio จะเป็นเดสก์ท็อปที่ขนาดใหญ่กว่า Mac Mini ประมาณ 2 เท่า ตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นอลูมิเนียม และมีพัดลมระลายความร้อนภายในจากด้านล่าง ออกด้านหลังตัวเครื่อง มาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt 4 ช่อง, DisplayPort, 10Gb Ethernet, HDMI, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม., USB A 2 พอร์ต ส่วนด้านหน้าจะเป็น USB C 2 พอร์ต (M1 Max) หรือ Thunderbolt 4 2 พอร์ต (M1 Ultra)
โดย Mac Studio จะมีมาให้เลือกกันแบบ 2 ชิปนั่นก็คือ M1 Max และ M1 Ultra ชิปที่เป็นการรวมตัวของ M1 Max เรียกว่า Ultra Fusion ที่เร็วแรงขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก และสามารถเล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K ได้สูงสุด 18 สตรีมเยอะกว่าทุกเครื่องเลย ถ้าเทียบกับ iMac รุ่น 27 นิ้ว ก็แรงกว่าถึง 5.3 เท่าเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งตัวเครื่องของชิป M1 Ultra ได้มากถึง 128GB หรือจะปรับแต่งความจุก็ได้สูงสุดถึง 8TB เลยด้วย พูดง่ายๆ ก็คือรุ่นนี้มีความสามารถได้เร็วแรงกว่า Mac เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าจะให้สุดจริงๆ ก็ต้องใช้ร่วมกับ Studio Display ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกัน จัดหนักจัดเต็มกันเลย ส่วนราคาของ Mac Studio จะมีราคาเริ่มต้นและปรับแต่งได้สูงสุดดังนี้ ดูรายละเอียดการปรับแต่งได้ที่นี่
- Mac Studio รุ่น M1 Max เริ่มต้น 69,900 บาท, สูงสุด 174,900 บาท
- Mac Studio รุ่น M1 Ultra เริ่มต้น 139,900 บาท, สูงสุด 279,900 บาท
จอภาพ Studio Display (ใหม่)
ปิดท้ายงาน Apple Event March 2022 กันด้วยหน้าจอที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Mac Studio และก็ใช้ชื่อเดียวกันคือ Studio Display ไปเลยง่ายๆ ซึ่งจอนี้เป็นจอเสริมที่เอาไว้ใช้คู่กัน หรือจะซื้อมาใช้กับอย่างอื่นก็ได้ แต่ถ้าจะให้เทพๆ ก็คงต้องใช้กับ Mac Studio นั่นแหละ โดยจอนี้จะเป็นจอ Retina กว้าง 27 นิ้ว สามารถปรับจอได้ 30 องศา หรือจะเลือกปรับทั้งสูงและเอียงก็ได้ กับอีกแบบก็คือตัวยึด VESA หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับความละเอียดที่มากถึง 5K สว่าง 600 นิต มีสีมากถึง 1 พันล้านสี และมีกล้องหน้าเป็นอัลตร้าไวด์ละเอียด 12MP กับคุณสมบัติ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” แถมยังมีลำโพงถึง 6 ตัวกระจายเสียงได้รอบทิศ และตามตำแหน่งไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนก็ตาม และยังมีไมค์ถึง 3 ตัวเลยด้วย นอกจากนี้ยังมีชิป A13 Bionic ในตัว และมีพอร์ต USB C 3 พอร์ต, Thunderbolt 1 พอร์ต พร้อมรองรับได้กับทุก Mac เลย มีให้เลือกสองรุ่นสองราคาดังนี้ สั่งซื้อได้ที่นี่
- Studio Display กระจกมาตรฐานราคาเริ่มต้น 54,900 บาท
- Studio Display กระจก Nano-texture ราคาเริ่มต้น 65,400 บาท
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่เปิดตัวออกมาใหม่ในงาน Apple Event March 2022 ล่าสุดที่ผ่านไปเมื่อคืนที่เราได้สรุปเอามาให้ดูกันในวันนี้ ซึ่งนอกจากจะมีอุปกรณ์ใหม่ๆ แล้วในงาน Apple Event March 2022 ก็ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์ของ Apple TV+ เรื่องใหม่ๆ ที่เป็นทั้งหนังรางวัล และได้นักแสดงนำคนดังหลายคนอีกด้วย แต่สิ่งที่ดูน่าสนใจในงาน Apple Event March 2022 จริงๆ ก็คงเป็นเรื่องของ iPhone SE 3 รุ่นใหม่ และ iPad Air 5 รุ่นใหม่นั่นเอง รวมไปถึงชิปตัวใหม่ที่แรงเหนือใคร M1 Ultra มาพร้อมกับ Mac Studio และหน้าจอ Studio Display สุดเทพ ถึงแม้ว่าจะไม่มี Macbook รุ่นใหม่อย่างที่หลายคนหวังไว้ แต่ที่เปิดตัวออกมาใหม่นี้ก็สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ