iPad Air 5 vs iPad mini 6 แท็บเล็ต Apple รองรับ 5G จะเลือกตัวไหนถึงจะดี เนื่องจาก Apple พึ่งจะเปิดตัว iPad Air รุ่นใหม่อย่าง iPad Air 5 ออกมา พร้อมด้วยสเปคที่ได้รับการอัพเกรดจนเกือบเหมือน iPad mini 6 เลย ต่างกันก็แค่ขนาดหน้าจอและชิปประมวลผล ในขณะที่ราคานั้นแทบไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งก็อาจจะทำให้หลายๆ คนเกิมความลังเลอยู่ว่าควรจะเลือกตัวไหนดี (ผู้เขียนที่ใช้ iPad mini 6 ก็เกิดลังเลขึ้นมานิดหน่อยเช่นกัน) ดังนั้นเราจึงได้เอา iPad Air 5 มาเทียบสเปคกับ iPad mini 6 ดูว่าทั้งสองต่างกันที่ตรงไหนและเหมาะกับการใช้งานแบบไหนถึงจะดีที่สุด
เทียบสเปค iPad Air 5 vs iPad mini 6
iPad Air 5 | iPad mini 6 | |
---|---|---|
ขนาด | 247.6 x 178.5 x 6.1 มม. | 195.4 x 134.8 x 6.3 มม. |
น้ำหนัก | 461 กรัม | 293 กรัม |
หน้าจอ | Liquid Retina (IPS-LCD) ขนาด 10.9 นิ้ว 2360 x 1640 พิกเซล ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 แสดงผลแบบ True Tone | Liquid Retina (IPS-LCD) ขนาด 8.3 นิ้ว 2360 x 1640 พิกเซล ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 แสดงผลแบบ True Tone |
ชิปประมวลผล | Apple M1 | Apple A15 Bionic |
แรม / ความจุ | 8GB / 64GB 8GB / 256GB | 4GB / 64GB 4GB / 256GB |
กล้องหลัง | 12 MP, f/1.8 (wide) | 12 MP, f/1.8, AF (wide) |
กล้องหน้า | 12 MP, f/2.4 (ultrawide) | 12 MP, f/2.4 (ultrawide) |
อุปกรณ์เสริมที่รองรับ | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) Magic Keyboard Smart Keyboard Folio | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) |
ราคา | Wi-Fi 64GB : 20,900 บาท Wi-Fi 256GB : 25,900 บาท Cellular 64GB : 25,900 บาท Cellular 256GB : 30,900 บาท | Wi-Fi 64GB : 17,900 บาท Wi-Fi 256GB : 23,400 บาท Cellular 64GB : 23,400 บาท Cellular 256GB : 28,900 บาท |
ความแตกต่างของ iPad Air 5 vs iPad mini 6
หน้าจอ
iPad Air 5 vs iPad mini 6 ในเรื่องของหน้าจอนั้นทั้งคู่เป็นหน้าจอพาแนล IPS-LCD ที่เรียกว่า Liquid Retina แบบ 60Hz เหมือนๆ กัน แต่ทว่าจะต่างกันที่ขนาดของหน้าจอโดย iPad Air 5 นั้นจะมีหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ส่วน iPad mini 6 มีขนาดหน้าจอ 8.3 นิ้ว ซึ่งในที่นี้ทั้งความคมชัดและสีสันเหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆ ชอบหน้าจอขนาดไหนมากกว่า เนื่องจากขนาดหน้าจอจะส่งผลต่อขนาดตัวเครื่อง ทำให้ iPad mini 6 ที่มีหน้าจอเล็กกว่าสามารถพกพาได้ง่ายกว่าไปด้วย อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ต้องใช้เล่นเกมและจดบันทึกนอกสถานที่บ่อยๆ ในขณะที่ iPad Air 5 ที่หน้าจอใหญ่เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึก, การตัดต่อ, การดูหนัง หรือแม้กระทั่งการเล่นเกมก็ทำได้หมด เรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานล้วนๆ เลย
ชิปประมวลผล
iPad Air 5 vs iPad mini 6 ในเรื่องของชิปประมวลผลนั้น iPad Air 5 ได้ชิปเป็น Apple M1 ส่วน iPad mini 6 นั้นได้ชิปเป็น A15 Bionic ซึ่งในเรื่องของความสามารถในการประมวลผลนั้นชิป M1 สามารถทำได้เหนือกว่า A15 Bionic เนื่องจากชิป M1 นั้นมี CPU และ GPU ถึง 8 คอร์ อีกทั้งยังมีแรมถึง 8GB ทำให้ความสามารถในการประมวลผลสูงกว่า A15 Bionic ที่มี CPU 6 คอร์ และ GPU 4 คอร์ แถมยังมีแรมเพียงแค่ 4GB เท่านั้น แต่ทว่าถ้าพูดถึงเรื่องของการประมวลผลแอปฯ ต่างๆ ที่มีในปัจจุบันนี้แล้วนั้นเรียกได้ว่ามากจนเกินพอเลยทีเดียว ที่ต่างกันหลักๆ เลยก็คือความสามารถในการจัดการพลังงานที่ Apple M1 จะสามารถทำได้ดีกว่า เรียกได้ว่าถ้าใครที่ต้องการพลังในการประมวลผลเยอะๆ แล้ว iPad Air 5 จะได้เปรียบกว่า iPad mini 6
กล้องถ่ายภาพ
iPad Air 5 vs iPad mini 6 ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่มีกล้องหน้าและกล้องหลังความละเอียด 12 MP เช่นเดียวกัน กล้องหน้าเป็นแบบ ultrawide ที่รองรับฟีเจอร์ Center Stage เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือการจับถือตอนถ่ายรูป ซึ่ง iPad mini 6 ที่ตัวเครื่องเล็กว่าจะทำให้ถือถ่ายได้ง่ายกว่า และไม่เมื่อยมือด้วยเวลาต้องถือนานๆ ในขณะที่ iPad Air 5 นั้นด้วยขนาดที่ใหญ่ แถมน้ำหนักเกือบ 500 กรัม ทำให้ค่อนข้างลำบากในการจับถือ และยิ่งถ้าถือนานๆ รับรองได้ว่าเมื่อยแน่นอน ดังนั้นในเรื่องการถ่ายภาพแล้ว iPad mini 6 จะได้เปรียบมากกว่า เพราะขนาดเล็กกว่าและเบากว่า iPad Air 5 นั่นเอง แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพของภาพถ่ายตอนนี้ยังไม่อาจจะตัดสินแบบชัดๆ ได้เนื่องจากยังไม่มีตัวเครื่องออกมาให้ลองทดสอบกัน
สรุป iPad Air 5 vs iPad mini 6 ตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน
สรุป iPad Air 5 vs iPad mini 6 ตัวไหนน่าซื้อกว่ากันนั้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเพื่อนๆ ถ้าต้องการความคล่องตัวและใช้เล่นเกมเป็นหลักแล้ว iPad mini 6 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าต้องการพลังในการประมวลผล, ความหลากหลายของการใช้งานทั้งใช้เรียน, ตัดต่อคลิป, วาดภาพ ฯลฯ iPad Air 5 จะเป็นตัวเลือกที่จบที่สุด แถมยังสามารถต่อ Keyboard เพิ่มได้ด้วย (iPad mini 6 ไม่มี Magnatic Connector เพราะขนาดตัวเครื่องเล็กไป) ถ้ายังไงให้ไปลองจับตัวเครื่องที่ร้านดูก่อนจะเป็นการดีกว่า เพราะถึงการใช้งานจะเข้ากับความต้องการแต่ถ้าไม่เข้ามือก็เท่านั้น เนื่องจากราคาตัวเครื่องเองก็ไม่ใช่น้อยๆ ดังนั้นการตัดสินใจให้จบก่อนจะซื้อจะช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าไปด้วยนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง