หลังจากที่ Apple ได้มีการเปิดตัว iPhone รุ่นราคาประหยัดอย่าง iPhone SE 2020 ไป ก็ทำให้ชาว Android ย้ายไปใช้ iPhone มากขึ้นด้วยจุดเด่นที่ราคาเพียง 14,900 บาท แล้วได้ฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างเหมือน iPhone 11 แต่ก็ด้วยราคาที่ลดลงมาถึง 10,000 บาททำให้มีหลาย ๆ อย่างที่ถูกตัดออกไป เราก็เลยจับ iPhone SE 2020 vs iPhone 11 มาเทียบกันให้เห็นชัด ๆ ไปเลยว่ามันต่างกันที่จุดไหนบ้าง แล้วตัวไหนเหมาะกับใคร
เทียบสเปค iPhone SE 2020 vs iPhone 11
iPhone SE 2020 | iPhone 11 | |
---|---|---|
หน้าจอ | Retina HD 4.7 นิ้ว 1334 x 750 พิกเซล True Tone | Liquid Retina HD 6.1 นิ้ว 1792 x 828 พิกเซล True Tone |
ชิปประมวลผล | A13 Bionic | A13 Bionic |
แรม | 3GB | 4GB |
หน่วยความจำ | 64GB / 128GB / 256GB | 64GB / 128GB / 256GB |
กล้องหลัง | Wide : 12MP ƒ/1.8 | Wide : 12MP ƒ/1.8 Ultrawide : 12MP ƒ/2.4 |
กล้องหน้า | FaceTime HD 7MP ƒ/2.2 | TrueDepth 12MP ƒ/2.2 |
แบตเตอรี่ | 1,821 mAh PD 2.0 18W | 3,110 mAh PD 2.0 18W |
กันน้ำ | IP67 ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที | IP68 ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที |
ราคาเริ่มต้น | 14,900 บาท | 24,900 บาท |
จากสเปคที่ว่าจะมาเห็นได้ว่า iPhone SE 2020 เหมือนเป็นส่วนผสมระหว่าง iPhone 8 และ iPhone 11 โดยรูปลักษณ์ภายนอกและหลาย ๆ ฟีเจอร์จะเป็นของที่ใช้ใน iPhone 8 และหลาย ๆ ฟีเจอร์ก็เป็นของที่อยู่ใน iPhone 11 โดยฟีเจอร์ที่ได้มาจาก iPhone 11 นั้นเป็นฟีเจอร์ที่ติดมากับชิปประมวลผล Appel A13 Bionic นั่นเอง ทีนี่เราจะมาดูกันว่าทั้งเอา iPhone SE 2020 vs iPhone 11 แล้วมีตรงไหนที่แตกต่างกันบ้างในแง่ของสเปค
หน้าจอ Retina
แน่นอนว่าทั้งคู้ใช้หน้าจอ Retina ที่เป็นเทคโนโลยี IPS ทั้งคู่ แต่ทว่าแล้วทำไมถึงใช้ชื่อแตกต่างกัน นั่นก็เพราะหน้าจอ Liquid Retina HD เป็นหน้าจอแบบไร้ขอบนั่นเอง ซึ่งตรงนี้ทำให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ใหญ่มากขึ้นและมีฟีเจอร์บางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย ส่วนหน้าจอ Retina HD ใน iPhone SE 2020 นั้นเป็นหน้าจอแบบที่ยังมีขอบหนา ๆ อยู่ ซึ่งด้วยจุดนี้ทำให้มีพื้นที่พอจะวางปุ่ม Home ได้ด้วย
ทั้งนี้หากถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน อันนี้คงต้องบอกว่ามันเกี่ยวกับความชอบส่วนตัวล้วน ๆ เพราะบางคนชอบหน้าจอเล็ก ๆ หรืออยากได้ปุ่ม Home แต่บางคนก็ชอบหน้าจอใหญ่ ๆ มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ นั่นเอง
ชิปประมวลผล Apple A13 Bionic
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ iPhone SE 2020 นั้นดูดีกว่าใครก็คือชิปประมวลผล Apple A13 Bionic นี่แหละ เพราะเป็นชิปตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 11 แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวเดียวกัน 100% เพราะคะแนน Benchmark ใน Antutu นั้นแสดงคะแนนของตัว CPU ออกมาต่างกัน โดย iPhone SE 2020 นั้นสามารถทำคะแนนในส่วนของ CPU ไปได้ 134,282 คะแนน ส่วน iPhone 11 สามารถทำคะแนนได้ 138,055 คะแนน ซึ่งโดยส่วนตัวคาดว่า Apple ทำการลด Clockspeed ลงเล็กน้อยให้เข้ากับตัวเครื่องและขนาดของแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถใช้งานได้สูงสุด
กล้องถ่ายรูป
นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันใน iPhone SE 2020 และ iPhone 11 อันเนื่องมาจาก iPhone SE 2020 มาพร้อมกล้องเดี่ยวที่มีความละเอียด 12MP ส่วน iPhone 11 มาพรอ้มกล้องคู่ที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักและกล้องมุมกว้าง ที่มีความละเอียด 12MP ทั้งคู่ แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือกล้องหลักของ iPhone 11 นั้นใช้เทคโนโลยี Dual Pixel ทำให้ภาพออกมาคมกว่าและสว่างกว่าด้วย
นอกจากนี้ iPhone 11 ยังมีโหมดกลางคืนที่ iPhone SE 2020 ไม่ได้ใส่มาให้ ทำให้ในด้านการถ่ายภาพแล้ว iPhone 11 เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด แต่ทว่าสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพลงโซเชียลแล้ว ถึงจะได้ดีมากแค่ไหนก็จะถูกลดความละเอียดภาพอยู่ดี ทำให้ด้วยกล้องเดี่ยวของ iPhone SE 2020 นั้นมากเกินพอแล้ว อีกทั้ง iPhone SE 2020 ยังสามารถบันทึกวีดีโอระดับ 4K 60fps ได้เหมือน iPhone 11 ด้วย สามารถเอาไปใช้ถ่ายวีดีโอได้สบาย ๆ
สำหรับกล้องหน้านั้นนับเป็นอีกจุดที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ด้วยกล้องหน้า FaceTime HD ความละเอียด 7MP ที่อยู่ใน iPhone SE 2020 นั้นเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 8 ทำให้ในด้านการเซลฟี่นั้นค่อนข้างลำบากเล็กน้อย เว้นแต่จะเป็นการเซลฟี่ลงโซเชียลก็สามารถทำได้สบาย แต่หากเอาไปใช้ Live แล้วคุณภาพที่ได้อาจจะขัดใจสักหน่อย (ภาพแตกนั่นเอง)
ส่วนกล้องหน้าของ iPhone 11 นั้นเป็นกล้องหน้าแบบ TrueDepth ที่มีความละเอียด 12MP ซึ่งในด้านการเซลฟี่แล้วต้องบอกว่าทำได้ดีกว่ามาก เพราะสามารถประมวลผลระยะชัดลึกได้ดีกว่า อีกทั้งยังสามารถอัพวีดีโอด้วยกล้องหน้าที่ความละเอียด 4K 60fps ได้ด้วย (iPhone SE 2020 อัดวีดีโอด้วยกล้องหน้าได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น) ทำให้สามารถเอาไปใช้ทำ Live หรือทำ VLOG ได้ง่าย
แบตเตอรี่และการชาร์จ
แบตเตอรี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ iPhone SE 2020 และ iPhone 11 มีแตกต่างกัน แต่ก็ด้วยขนาดเครื่องที่แตกต่างกันทำให้ไม่สามารถใส่แบตเตอรี่ขนาดเท่ากันได้นั่นเอง โดยใน iPhone SE 2020 นั้นจะมีแบตเตอรี่เท่ากับ iPhone 8 คือ 1,821 mAh ซึ่งถ้าใช้ดี ๆ ยังไงก็หมดวันได้แน่นอน แต่ด้วยวิธีการใช้ของคนรุ่นใหม่ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีการชาร์จระหว่างวันสักรอบแน่นอน ส่วน iPhone 11 นั้นจากที่เคยมีคนแกะมาแบตเตอรี่มีขนาด 3,110 mAh เรียกได้ว่าเยอะเป็น 2 เท่าของ iPhone SE 2020 เลย
ในด้านระยะการใช้งานนั้น แน่นอนว่า iPhone SE 2020 ย่อมต้องใช้งานได้สั้นกว่า iPhone 11 อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีเหล่า Youtuber หลาย ๆ คนเทสการใช้งานแบตเตอรี่แบบต่อเนื่องให้ดูกันอยู่แล้วด้วย โดยในการใช้งานต่อเนื่องนั้น iPhone SE 2020 ใช้งานได้น้อยกว่า iPhone 11 อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครใช้จนหมดแน่ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยข้อมูลนี้ก็ทำให้ได้รู้ว่าถ้าบริหารแบตเตอรี่ดี ๆ iPhone 11 สามารถใช้จนหมดวันได้จริง ๆ
ในเรื่องการชาร์จนั้นแน่นอนว่า Apple ต้องใส่ระบบชาร์จเร็วมาให้ด้วยอยู่แล้ว เพราะระบบชาร์จเร็วนี้ใส่มาให้ตั้งแต่ iPhone 8 แล้ว แถมยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย ซึ่งในเรื่องระบบชาร์จนี้จะเหมือนกันใน iPhone ทุกรุ่นอยู่แล้ว โดยระบบชาร์จที่ Apple ใช้คือ PD 2.0 หรือ Power Delivery เวอร์ชั่น 2.0 ที่สามารถจ่ายไฟได้ดูสุด 18W ซึ่งอีกสิ่งที่ iPhone SE 2020 และ iPhone 11 มีเหมือนกันคือการที่ Apple ไม่ใส่อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาให้ในกล่อง ต้องไปซื้อแยกต่างหากเอง ทั้งนี้ก็เพื่อลดราคาที่จะขายลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง
กันน้ำ
iPhone SE 2020 และ iPhone 11 ต่างก็รองรับมาตราฐานกันน้ำด้วยกันทั้งคู่ แต่ทว่าใน iPhone SE 2020 นั้นรองรับมาตราฐาน IP67 (เหมือนใน iPhone 8) ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลา 30 นาที แต่ใน iPhone 11 นั้นรองรับมาตราฐาน IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึก 2 เมตร ยาวนาน 30 นาที ซึ่งเอาจริง ๆ ทั้งคู้สามารถเอาไปถ่ายรูป/ถ่ายวีดีโอใต้น้ำได้ แต่ไม่แนะนำ หรือถ้าจะเอาไปถ่ายจริง ๆ ขอให้ถ่ายอยู่แค่บริเวณผิวน้ำ และถ่ายเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ไม่งั้นน้ำอาจเข้าไปในเครื่องได้ อีกทั้งควรเพิ่มความระมัดระวังหากไปใช้บริเวณทะเลด้วย เพราะความเค็มของทะเลอาจจะทำให้สูญเสียความสามารถในการกันน้ำได้
หากให้ต้องตัดสินว่าตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน (iPhone SE 2020 vs iPhone 11) คงต้องขอตอบว่าน่าซื้อทั้งคู่ แต่อยากให้แยกกลุ่มผู้ใช้สักเล็กน้อย โดย iPhone SE 2020 นั้นเหมาะกับกลุ่มที่อยากลองย้ายจาก Android มาลองเล่น iPhone ดู อันเนื่องมาจากราคาไม่ได้สูงมากนัก, กลุ่มที่ชอบเครื่องขนาดไม่ใหญ่มาก (มือถือเดี๋ยวนี้มีหน้าขอไม่น้อยกว่า 6 นิ้วหมดเลย) เพราะ iPhone SE 2020 นั้นมีขนาดเครื่องไม่ใหญ่มาก ทำให้สามารถพกพาได้ง่าย ไม่หนักกระเป๋าด้วย และกลุ่มที่อัพเกรดมาจาก iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 6, iPhone 7 และ iPhone 8 ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ได้ต่างไปจากเดิม ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เลย
สำหรับ iPhone 11 นั้นผู้ที่เหมาะคือคนที่ต้องการมือถือที่สามารถถ่ายภาพ/วีดีโอขั้นเทพได้แต่ราคาไม่แพง รวมถึงคนที่อยากได้มือถือมาเล่นเกมแบบลื่น ๆ ในราคาไม่แพงมากนัก เพราะ iPhone 11 นั้นถือเป็นเครื่องที่ครบครันมา ด้วยชิปประมวลผลสุดแรง ระบบปฏิบัติการสุดลื่น กล้องฟีเจอร์เทพ หน้าจอสัมผัสไว แถมยังมีราคาที่พอจะเอื้อมถึงได้ง่ายด้วย
สำหรับใครที่อ่าน iPhone SE 2020 vs iPhone 11 มาจนถึงตรงนี้แล้วยังไม่เก็ตสามารถไปดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ รีวิว iPhone SE 2020 และ iPhone 11